“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าคุณอลิษาอยากทำหมอก็จะทำให้”
อลิษายิ้มเต็มใบหน้า หลังจากค้นหาข้อมูลมาหลายที่ในที่สุดก็มีคุณหมอยอมทำลูกให้เธอเสียที แต่อะไร ๆ มันดันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะตอนนี้อลิษาไม่มีสิ่งที่สำคัญที่สุด..
สเปิร์มของพ่อพันธุ์เกรดพรีเมี่ยม
“คนนี้สูบบุหรี่ ตัดทิ้ง”
“คนนี้สูงแค่ร้อยหกสิบเก้าเอง ไม่เอา”
“คนนี้ใช้ได้ แต่บุคลิกไม่ดีเลย”
“โห คนนี้ชอบเที่ยวกลางคืน ลาเถอะค่ะ..” โพรไฟล์ของผู้ชายคนสุดท้ายถูกปิดลง “ทำไมมันยากขนาดนี้นะ”
การจะหาพ่อพันธุ์ดี ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อลิษาไม่ต้องการสเปิร์มจากธนาคารสเปิร์ม นั่นเพราะธนาคารจะไม่เปิดเผยหน้าตาตอนโตของผู้บริจาค รู้แค่ประวัติคร่าว ๆ กับรูปตอนเด็กซึ่งมันไม่พอ เธอต้องการพูดคุยกับพ่อของลูกเพื่อดูนิสัยใจคอด้วย ไหนจะเรื่องของกฎหมายต่าง ๆ ที่บังคับให้เธอต้องมีทะเบียนสมรสอีก
เธอไม่ได้อยากมีสามี ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้วิธีลัดแบบนี้ จะให้จ้างผู้ชายมาจดทะเบียนสมรสด้วยก็ไม่ใช่ว่าจะทำกับใครก็ได้ เพราะเธอมีธุรกิจ มีทรัพย์สิน จะมั่นใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่จ้างมาจะไม่โกง หรือเล่นตุกติกเพื่อแบล็กเมล์เธอทีหลัง
สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อสเปิร์มจากเว็บไซต์สีเทา ที่มีการซื้อขายสเปิร์มกันอย่างลับ ๆ แทน ราคาแพงแต่ได้ของดีและสดใหม่แน่นอน รวมถึงได้รู้ประวัติของผู้ขายละเอียดยิบตั้งแต่เด็กจนโต
แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เพราะพอได้อ่านประวัติทั้งหมดของแต่ละคนแล้วอลิษาก็เจอข้อเสียที่ไม่ปลื้มจนต้องปัดตกไป สิบคนที่เลือกมาไม่เข้ารอบแม้แต่คนเดียว
“เฮ้ออ”
ผู้บริหารสาวสวยยกมือขึ้นนวดขมับ ปวดหัวตุ้บ ๆ ไปหมด เครียดยิ่งกว่าประชุมงานไม่รู้กี่เท่า
การจะมีลูกหนึ่งคนสำหรับอลิษามันไม่ใช่แค่มีส่ง ๆ ไป เธอต้องการให้เด็กคนนี้เกิดมาอย่างสมบูรณ์แบบ ร่างกายครบสามสิบสอง มีสมองที่ชาญฉลาด และสุขภาพแข็งแรง
ดังนั้นนอกจากร่างกายเธอต้องพร้อมแล้ว เจ้าของสเปิร์มเองก็ต้องพร้อมมากเหมือนกัน ประเภทที่สูบบุหรี่หรือกินเหล้าอลิษาไม่ต้องการ ถ้าจะต้องเสียเงินตั้งมากมายเธอก็ต้องได้สเปิร์มที่ดีที่สุด
แต่เพราะมันหาได้ไม่ง่ายนี่แหละ อลิษาถึงได้เครียดขนาดนี้ สองเดือนแล้วที่เธอจมจ่อกับการหาพ่อพันธุ์มาทำลูก แต่ก็คว้าน้ำเหลวซ้ำ ๆ ผิดหวังแล้วก็เริ่มต้นใหม่วนไปวนมา
“พี่ลิษา ช่วงนี้ดูอ่อนเพลียนะคะ”
ผู้ช่วยอย่างมะปรางทนเห็นอลิษาในสภาพย่ำแย่ไม่ไหว พี่สาวในคราบเจ้านายคนนี้รักสวยรักงามยิ่งกว่าอะไร ขนาดตอนงานหนักยังไม่โทรมขนาดนี้ นี่ถึงขนาดปล่อยให้ใต้ตาคล้ำนิด ๆ แบบนี้คงเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
“เหรอ”
“ตาคล้ำแล้วนะคะ”
“อืม..”
พูดขนาดนี้อลิษายังไม่มีท่าทีตกใจ อาการหนักจนมะปรางปล่อยผ่านไปไม่ได้
“มีอะไรระบายให้มะปรางฟังได้นะคะ”
“เรื่องทำลูกน่ะสิ” มือเรียวเสยผมดัดลอนของตัวเองขึ้นด้วยท่าทางเคร่งเครียด “พี่หาพ่อของลูกไม่ได้”
“ไม่ใช่ว่าพี่ลิษาจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหรอคะ”
“ใช่ แต่พี่ท้องเองไม่ได้ไงมะปราง พี่ต้องหาสเปิร์มมาผสมกับไข่ของพี่แล้วฉีดเข้ามาในมดลูก หลังจากนั้นถึงจะมีเจ้าตัวน้อยน่ารัก ๆ ออกมา”
“อ่า.. ค่ะ”
มะปรางได้แต่หัวเราะแห้ง อลิษาพูดตรงเกินไป ตรงจนผู้ช่วยอย่างเธออายแทน
“แล้วพี่ลิษามีสเปกในใจแบบไหนคะ”
“พี่ไม่ขออะไรมากหรอก แค่หน้าตาใช้ได้ สูง ต้องสูงนะเพราะพี่อยากให้ลูกสูง จมูกโด่งด้วยเผื่อได้ลูกชายจะได้หล่อ ๆ ไม่สูบบุหรี่ไม่กินเหล้าในช่วงห้าปีนี้ ไม่เที่ยวกลางคืนบ่อย ไม่นอนกับคนอื่นไปทั่ว ที่สำคัญต้องฉลาด พี่อยากได้คนที่จบขั้นต่ำปริญญาโทเหมือนพี่ แค่นี้เอง ทำไมมันหายากจัง”
มะปรางหัวเราะแห้งกว่าเดิม คุณสมบัติพ่อของลูกพี่ลิษาเหมือนเจ้าชายในละครที่ไม่มีอยู่จริง แต่พอมองกลับมาที่อลิษามะปรางก็พยักหน้ารับ ที่จริง.. อาจจะมีคนเพอร์เฟกต์ขนาดนั้นอยู่บนโลกนี้ก็ได้
เพราะตัวอลิษาเองก็มีคุณสมบัติตรงตามที่อยากได้เป๊ะ ๆ ทั้งหน้าตาดี หุ่นดี เก่ง ฉลาด ไม่ดื่มไม่สูบ เที่ยวกลางคืนบ้างแต่ส่วนมากแค่ตามไปเฝ้าและรอเก็บซากน้อง ๆ ที่เมาแอ๋เท่านั้น
เพราะความเพอร์เฟกต์ที่มีทำให้อลิษาโสดมาทั้งชีวิต คนที่รู้จักแค่ผิวเผินจะรู้สึกว่าอลิษาสูงส่งเอื้อมไม่ถึง อยู่ใกล้ก็ทำให้ผู้ชายธรรมดาดูต่ำต้อยด้อยค่า แต่คนสนิทอย่างมะปรางน่ะรู้ดีว่าภายใต้ความสวยสง่านั้น อลิษาก็แค่ผู้หญิงโก๊ะ ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ทำได้ทุกอย่างเหมือนที่คนภายนอกมองเข้ามา
“หรือพี่จะไม่มีบุญได้มีลูกเป็นของตัวเองนะมะปราง”
“พี่ลิษาอย่าเพิ่งท้อเลยค่ะ ลองปรึกษาคุณหมออีกครั้งไหมคะ เผื่อว่าคุณหมอจะมีคอนเนคชั่นดี ๆ คุณหมออินทัชน่ะดังและมีคนรู้จักเยอะมาก เขาน่าจะมีผู้ชายดี ๆ สักคนแนะนำให้พี่ลิษาได้”
“มะปรางก็รู้จักหมออินทัชด้วยเหรอ”
“เอ๊ะ? มีคนไม่รู้จักหมออินทัชด้วยเหรอคะ?” พอเห็นรอยยิ้มแห้ง ๆ ของอลิษามะปรางก็หุบปากฉับ “คือ.. หมออินทัชเขาค่อนข้างดังน่ะค่ะ”
อลิษาเท้าคางตั้งใจฟังตาแป๋ว ไม่เหลือมาดนางพญา มีเพียงอลิษาผู้หญิงธรรมดาแสนน่ารัก เป็นอีกมุมของอลิษาที่มีแค่คนสนิทเท่านั้นที่จะได้เห็น
“เขาเป็นอัจฉริยะของประเทศเลยค่ะ เรียนจบหมอตั้งแต่อายุยี่สิบเห็นว่าสอบหมอได้ตั้งแต่อายุสิบสี่ พอเรียบจบก็เรียนต่อเฉพาะทาง พร้อมกับเรียนปริญญาตรีบริหารอีกใบ หลังจากนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่อังกฤษ พอกลับมาที่ไทยก็เปิดสถาบันเกี่ยวกับเพศและครอบครัว อายุแค่สามสิบห้าแต่ประสบความสำเร็จกว่าคนที่อายุมากกว่าบางคนอีกค่ะ”
“เดี๋ยวนะ เขาอายุสามสิบห้าแล้วเหรอ”
“ค่ะ หมออินทัชอายุสามสิบห้าแล้วค่ะ แต่หน้าเด็กมากกก”
อลิษาพยักหน้ารับ เพราะตอนนั้นเธอเองก็เข้าใจว่าเขาอายุไม่เกินสามสิบปีเหมือนกัน ดีที่ไม่เผลอเรียกน้องหมอไป ไม่อย่างนั้นคงถูกด่าในใจไปแล้ว
“มันมีคนที่เก่งขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ”
“เยอะแยะไปค่ะ อย่างคุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชนี่ก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน พอแต่งงานมีลูกก็เลยได้คนเก่ง ๆ แบบหมออินทัชมา เรื่องความฉลาดมันส่งต่อผ่านพันธุกรรมจริง ๆ แหละค่ะ”
“พ่อแม่หมออินทัชหน้าตาดีไหมมะปราง”
“ดีสุด ๆ เลยค่ะ คุณหมอเอาส่วนดีของพ่อกับแม่คนละหน่อยยังหล่อจนสาว ๆ เพ้อ พี่ลิษาไปเจอตัวจริงแล้วคิดว่ายังไงคะ หล่อไหม”
อลิษานึกถึงผู้ชายที่เจอเมื่อสองเดือนก่อน ชีวิตของอลิษาเจอคนหน้าตาดี ๆ มาเยอะ ตั้งแต่ระดับพระเอก นายแบบ ทั้งไทยทั้งต่างประเทศ แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่เพอร์เฟกต์ได้ขนาดนั้นมาก่อน
“อืม หล่อ”
“ใช่ไหมล่ะคะ!” มะปรางปรบมือถูกใจ “นี่ขนาดมะปรางเคยเห็นแค่ไกล ๆ นะคะ พูดแล้วก็อิจฉาพี่ลิษาที่ได้เจอแบบสองต่อสอง”
“เป็นแฟนคลับเขาหรือไงเรา”
มะปรางยิ้มเขิน แก้มสองข้างแดงขึ้นน้อย ๆ แล้วพยักหน้ารับ
“เป็นแฟนคลับมาหลายปีแล้วค่ะ"
"แล้วเขาแต่งงานหรือยัง”
“คะ?”
“หมออินทัชน่ะ แต่งงานหรือยัง หรือเขามีแฟนไหม ตอนนี้น่ะ”
“เท่าที่รู้.. ไม่มีนะคะ”
ปัง!
อลิษาตบโต๊ะเสียงดังจนมะปรางสะดุ้งตกใจ เธอลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มหวานออกมา ผู้ช่วยตัวน้อยรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว อลิษายิ้มแบบนี้ทีไรต้องมีเรื่องทุกที อย่างครั้งล่าสุดก็ที่บอกทุกคนว่าจะมีลูกนั่นไง
“ขอบใจนะมะปรางน้องรัก”
อลิษาเดินเข้าไปกอดผู้ช่วยคนเก่ง ถ้าไม่เกรงใจคงจับหอมแก้มไปแล้ว
“มะปรางคือผู้ช่วยที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าปัญหามันจะยุ่งเหยิงแค่ไหนก็แก้ได้ทุกครั้ง พี่โชคดีที่สุดเลยที่มีมะปราง”
มะปรางงุนงงที่จู่ ๆ ก็ถูกชื่นชมยาวเหยียด แต่ยังไม่ทันได้ถามอลิษาก็เฉลยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ตัดสินใจแล้ว คนนี้นี่แหละคือพ่อของลูกพี่!”
“คะ? ใครคะ?”
“หมออินทัชไงจ๊ะ” อลิษาตบไหล่ผู้ช่วยเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง “พี่จะขอซื้อสเปิร์มหมออินทัชมาทำลูก ถ้าสำเร็จปีนี้พี่จะให้โบนัสมะปรางเพิ่ม”
“พี่ลิษา คิดดีแล้วเหรอคะ”
“แน่นอนจ้ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกที่เหมาะจะเป็นพ่อของลูกพี่เท่าหมออินทัชอีกแล้ว.. เอ๊ะ? หรือว่ามะปรางหึง ขอโทษนะ พี่ลืมคิดไปเลย มะปรางชอบเขามากนี่นา”
“ไม่ใช่เลยค่ะ มะปรางชอบเขาเหมือนชอบดาราเฉย ๆ ค่ะ”
มะปรางรีบตอบเสียงซื่อ อลิษาเห็นแบบนั้นก็อมยิ้มเอ็นดู
“โถ..เด็กน้อย ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ได้เป็นแค่แฟนคลับหมออินทัช แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่ท้องจากเสปิร์มของเขา มะปรางจะได้เป็นคุณน้าของอินทัชจูเนียร์เลยน้าา”
“ค่ะ..”
มะปรางได้แต่ปลงตก ดูเหมือนว่าอลิษาจะมั่นใจมากว่าจะทำได้สำเร็จ แต่ทำไมในความรู้สึกของมะปรางมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น
.
.
.
.
.
TBC
เธอมองไม่เห็นเหตุผลที่คนอย่างหมออินทัชจะหมดสิ้นหนทาง จนต้องขายสเปิร์มตัวเองเลย..
อลิษากลับมาที่สถาบันเดิมอีกครั้ง เธอร้อนใจเป็นบ้าเพราะหมออินทัชคิวแน่นไปถึงอีกสองเดือนข้างหน้า โชคดีของเธอที่มีคิวหนึ่งเลื่อนออกไปพอดี อลิษาเลยใช้เงินช่วยนิดหน่อยเพื่อให้ได้คิวนั้นมาซึ่งก็คือวันนี้ที่นี่เป็นสถานบริการเกี่ยวกับเพศและครอบครัวแบบครบวงจร จะเรียกว่าโรงพยาบาลก็ไม่เชิง เพราะสถาบันนี้ดูแลแค่เฉพาะทาง ให้คำปรึกษาเรื่องบุตรและช่วยเหลือผู้ที่มีบุตรยากรวมถึงทำคลอด ดูแลเรื่องเพศตั้งแต่ตรวจภายในไปจนถึงปรึกษาเรื่องอวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือหลั่งไว รับปรึกษาและรักษาปัญหาทางด้านจิตใจเกี่ยวกับเพศและครอบครัวทุกเรื่องโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสถาบันนี้ก่อตั้งมาเป็นเวลาห้าปีโดยคุณหมออินทัช ผู้ที่ได้รับฉายาว่าคุณหมออัจฉริยะ เขาเป็นคุณหมอมือหนึ่งเรื่องการทำบุตรให้คู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก ไม่มีเคสไหนที่อินทัชล้มเหลว ตลอดเวลาที่เปิดสถาบันมาห้าปี มีเด็กนับร้อยที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือของหมออินทัชสำหรับอินทัชนั้นไม่มีอะไรที่ยากเกินไป เขาเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกมีทางออก เชือกถ้าผูกได้ก็ย่อมต้องมีทางแก้ จนกระทั่งวันนี้ที่เขาแทบจะเปลี่ยนความเชื่อของตัวเองทั้งหมด“คุณอลิษา”“คุณหมอจำลิษาได้ด้วย”อลิษายิ้มกว้
จู่ ๆ อลิษาก็คิดค้นวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ มันเป็นวิธีที่เปลืองตัวมากและไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้อินทัชถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อต้องเจอกับคน ๆ เดิมเป็นรอบที่สามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เธอขอซื้อสเปิร์มจากเขาเมื่อคราวก่อนยังหลอนอยู่ในหู แต่ด้วยหน้าที่ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ หมออินทัชปัดความขุ่นมัวในใจออกไป แล้วทำหน้าที่ของตนเองอย่างมืออาชีพ“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าวันนี้..”“ฉันมาตรวจภายในค่ะ!”อลิษารีบบอกธุระเร็วรัวพร้อมหลับตาปี๋ เห็นแบบนี้เธอก็เขินนะ ทั้งชีวิตไม่เคยต้องโชว์น้องน้อยให้ใครดูมาก่อน ถ้าไม่นับตอนเด็ก ๆ น่ะนะแต่นี่เป็นวิธีเดียวที่อลิษาคิดออก ในตอนนี้เธอยอมแม้กระทั่งต้องมีอะไรกับหมออินทัชเพื่อแลกกับสเปิร์มเพียงครั้งเดียวจากเขา และเธอค่อนข้างมั่นใจว่าร่างกายของตัวเองไม่ด้อยไปกว่าใคร ถึงยังไงหมออินทัชก็เป็นผู้ชาย..บางที ถ้าได้เห็น.. หมออินทัชอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้...มั้ง“ครับ”อินทัชตอบเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทางตื่นตระหนกอะไร เขาคุ้นชินกับหน้าที่นี้ดี แค่ไม่มาขอซื้อสเปิร์มเขาแบบคราวก่อนก็พอ“ถ้าอย่างนั้นผมขอทราบประวัติคร่าว ๆ ก่อน ประจำเดือนครั้
อินทัชไม่ได้ไปไหนไกล เขาแค่หลบออกมาหน้าห้องตรวจ ยืนสงบสติเพื่อให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนกลับมาคงที่“หมออินทัช มีอะไรหรือเปล่าคะ”เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อินทัชเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ“หมอรุ้งแพร”“ค่ะ แพรเอง หมออินทัชเป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”อินทัชส่ายหน้าเบา ๆ รุ้งแพรเหมือนจะถามต่อแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอส่งยิ้มให้อินทัช แววตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง“มื้อเย็นนี้มีนัดหรือยังคะ หมออินทัชสนใจไปหาอะไรทานด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ รุ้งแพรเป็นคุณหมอคนเก่งอีกคนในสถาบันนี้ เธออายุเท่ากับอินทัช ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจนดูเหมือนเป็นนักศึกษามากกว่าแพทย์ชำนาญการรุ้งแพรมีนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ เป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่อินทัชยอมให้ความสนิทชิดเชื้อมากกว่าหมอหรือเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เพราะเธอไม่เคยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ผม..”“หมออินทัชคะ!”เสียงแว๊ด ๆ จากในห้องตรวจทำเอาสองคุณหมอสะดุ้งโหยง อินทัชหน้าเสีย เขาลืมไปเลยว่ามีคนรอให้เขาเข้าไปตรวจอยู่ในห้องอินทัชไม่เคยเสียสมาธิขน
แกร๊ก.....แกร๊กอินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้วมันจะดีจริง ๆ ใช่ไหมก๊อก ก๊อก“เชิญครับ”อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย“อะ เอ่อ.. คุณหมอ”อลิษาโผล่มาแต่หัวพร้อมกับแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดหน้าเล็ก ๆ ไปเกือบครึ่ง อินทัชเกือบผงะถอยหลังเพราะความตกใจ โชคดีที่เขาสงวนท่าทีไว้ได้ก่อนไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อหมออินทัชผู้สุขุม แค่นี้เขาก็รักษาภาพลักษณ์ไว้แทบไม่ได้แล้ว“เข้ามานั่งก่อนสิครับคุณอลิษา”“คะ คือฉัน..”อลิษาอึกอัก เธอไม่กล้าเข้าไป เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆเธออาย อายจนต้องเอาแว่นกันแดดมาสวมปิดใบหน้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ร่ม เธอยอมให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาดดีกว่าต้องสบตากับคุณหมอตรง ๆ“เอ่อ.. คือถ้าจะพูดถึงผลตรวจคุณหมอส่งมันมาพร้อมกับผลทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวน”“ไม่ใช่แค่เรื่องผลตรวจหรอกครับ” อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องขายสเปิร์
“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ” อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สามของรอบเดือน ฉีดไปจนกว่าไข่จะเติบโตมากพอ” อินทัชส่งถุงยาให้ภรรยา อลิษารับไปถือไว้ แต่ดวงตายังจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่กระพริบเธอมีสามีแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่เป็นแค่สามีในนาม“คุณอลิษา"“คะ?”“คุณเหม่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”อินทัชถามระหว่างที่เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ทั้งเขาและอลิษาวิ่งวุ่นทั้งวัน นอกจากน้ำเปล่าแล้วแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนไปส่งอลิษาที่บ้านอินทัชก็เลยแวะเข้าร้านประจำก่อน“ฉันแค่งง ๆ ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ คือ.. ฉันโสดมายี่สิบแปดปี พอจะไม่โสดก็มีสามีเลย มันแปลก..”“งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอกครับ เพราะผมเองก็โสดมาสามสิบห้าปี วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตที่ผมไม่โสด”อลิษาได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ยี่สิบแปดปีของเธอก็ว่าเยอะแล้วนะ นี่อินทัชไปอยู่ซอกไหนของโลกมา ไม่สิ..
“หนูลิษา ทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนะลูก” ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงอิงอร แม่แท้ ๆ ของหมออินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู“มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนบอกพ่อกับแม่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พีระ เอ่ยเสริมส่วนอลิษานั้นนั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว เมื่อสองวันที่แล้วเธอลองหาประวัติครอบครัวของสามีในอินเตอร์เน็ตดู แล้วก็พบกับความจริงที่น่าตกใจว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แต่คุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ทั้งคู่ คุณหมออิงอรนั้นเป็นอาจารย์อาวุโสในมหาวิทยาลัยดัง ส่วนคุณหมอพีระเองก็ไม่ต่าง.. แต่พ่วงตำแหน่งอธิการบดีไปด้วยไม่รวมถึงครอบครัวนี้มีกิจการโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ถึงไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายแต่ก็มีหลายสาขาในหลายจังหวัด ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาและการบริการชั้นเลิศอลิษารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่มีแต่คนเก่งและเพอร์เฟกต์ ส่วนเธอนั้นเป็นแค่มดตัวน้อยที่ริอาจเหยียบเข้าบ้านราชสีห์“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกพ่อกับแม่สิ เรียกแบบพี่อินเขา เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” คุณหมอพีระเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเธอรู้ประวัติมาว่าคุณหมอพีระนั้นเลือกเรียนเฉพาะทาง
อินทัชรู้สึกได้ว่าอลิษามีท่าทีเปลี่ยนไป หลังจากที่ย้ายเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันเธอก็ไม่เย้าหยอกเขาเหมือนแต่ก่อน รวมถึงไม่พูดถึงเรื่องทำลูกแบบธรรมชาติอีก ต่างคนต่างอยู่ เจอหน้ากับเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้นสามีภรรยาในนามใช้ชีวิตไม่ต่างจากก่อนจดทะเบียนสมสรกันเท่าไหร่ ทุก ๆ เช้าทั้งคู่รวมถึงหมออิงอรและหมอพีระจะทานมื้อเช้าด้วยกันพร้อมหน้า หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อินทัชเข้าสถาบัน ส่วนอลิษาเข้าบริษัทเหมือนกับวันนี้“พี่ลิษา เรื่องย้ายออฟฟิศนี่พี่เอาจริงเหรอคะ”ผู้ช่วยอย่างมะปรางเอ่ยถามอลิษาด้วยคำถามเดิมซ้ำ ๆ วันนี้มีประกาศที่น่าตกใจจากผู้บริหารสาว ว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีการโยกย้ายออฟฟิศมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอลิษาก็ไม่ยอมย้ายออกจากที่นี่ท่าเดียว ผู้บริหารคนเก่งบอกว่ามันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ทั้งความรู้สึกผิดหวัง สมหวัง มีความสุข และทุกข์ใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นในทาวน์โฮมหลังนี้ เธอไม่ต้องการย้ายไปที่ใหม่แม้บริษัทจะโตขึ้นทุกวัน“จริงสิ” อลิษาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ “มะปรางช่วยหน่อยนะ พี่อยากได้ออฟฟิศที่กว้างพอสำหรับพวกเรารวมถึงพนักงาน
ห้องเดิมเตียงเดิมขึ้นขาหยั่งเหมือนเดิมต้องอ้าขาโชว์น้องสาวกับหมออินทัชเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนเดิม.. รวมถึงความรู้สึก“ตื่นเต้นทำไม หมอไม่ได้พิศวาสผู้หญิงซะหน่อย”อลิษาปลอบหัวใจที่ดังตุ้บ ๆ ให้เต้นเบาลง นอนรอบนเตียงได้ไม่ถึงนาทีประตูห้องก็เปิดออก อินทัชเดินเข้ามา สวมใส่ชุดปลอดเชื้อและถุงมือสีขาว“พร้อมไหมครับ”“ค่ะ” อลิษาพยักหน้ารับวันนี้แล้วที่อินทัชจะฉีดเชื้อเข้ามาในตัวเธอ หลังจากติดตามไข่มาได้สักพัก อลิษามีไข่ที่พร้อมใช้งานแค่สามฟอง และมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก อินทัชบอกว่ามันเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังพอมีหวัง พอถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็นัดอลิษามาที่สถาบันเพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปอินทัชจัดการตัวเองก่อนที่อลิษาจะมา น้ำเชื้อที่ได้ถูกนำไปคัดจนเหลือเพียงสเปิร์มตัวที่แข็งแรง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้อลิษาตั้งท้องได้“อื้อ”อินทัชลงมือทำความสะอาดเนินนุ่มเบา ๆ หัวใจคุณหมอเต้นแรงกว่าปกติ แต่เขารีบกดมันไว้เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ“จะใช้ปากเป็ดนะครับ”อลิษาพยักหน้ารับเบา ๆ เธอหลับตาปี๋ในตอนที่อุปกรณ์เย็น ๆ สอดเข้ามาเพื่อเปิดทาง มันตึงแน่นแต่ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ไหว และหลังจากนั้นอลิษาก็รู้สึกเหมือนมีแท่งพลาสต
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก