จู่ ๆ อลิษาก็คิดค้นวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ มันเป็นวิธีที่เปลืองตัวมากและไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้
อินทัชถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อต้องเจอกับคน ๆ เดิมเป็นรอบที่สามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เธอขอซื้อสเปิร์มจากเขาเมื่อคราวก่อนยังหลอนอยู่ในหู แต่ด้วยหน้าที่ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ หมออินทัชปัดความขุ่นมัวในใจออกไป แล้วทำหน้าที่ของตนเองอย่างมืออาชีพ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าวันนี้..”
“ฉันมาตรวจภายในค่ะ!”
อลิษารีบบอกธุระเร็วรัวพร้อมหลับตาปี๋ เห็นแบบนี้เธอก็เขินนะ ทั้งชีวิตไม่เคยต้องโชว์น้องน้อยให้ใครดูมาก่อน ถ้าไม่นับตอนเด็ก ๆ น่ะนะ
แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่อลิษาคิดออก ในตอนนี้เธอยอมแม้กระทั่งต้องมีอะไรกับหมออินทัชเพื่อแลกกับสเปิร์มเพียงครั้งเดียวจากเขา และเธอค่อนข้างมั่นใจว่าร่างกายของตัวเองไม่ด้อยไปกว่าใคร ถึงยังไงหมออินทัชก็เป็นผู้ชาย..
บางที ถ้าได้เห็น.. หมออินทัชอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้...มั้ง
“ครับ”
อินทัชตอบเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทางตื่นตระหนกอะไร เขาคุ้นชินกับหน้าที่นี้ดี แค่ไม่มาขอซื้อสเปิร์มเขาแบบคราวก่อนก็พอ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอทราบประวัติคร่าว ๆ ก่อน ประจำเดือนครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่ ปริมาณมากหรือน้อย มีกี่วัน และมีอาการปวดท้องแบบไหนครับ”
“เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาค่ะ สองวันแรกจะมาก แต่วันหลัง ๆ จะลดลงเรื่อย ๆ ปกติเฉลี่ยอยู่ที่สี่ถึงห้าวัน ปวดท้องแค่วันแรกค่ะ”
“มีอาการผิดปกติ ตกขาว หรือมีกลิ่นผิดปกติบ้างไหมครับ”
“มะ ไม่มีนะคะ”
อลิษาเริ่มหน้าแดงก่ำ พูดตะกุกตะกักเมื่อโดนล้วงลึกขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากอินทัชที่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และท่าทีนิ่งสงบ
“มีเซ็กซ์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ”
“มะ ไม่..”
“จำไม่ได้เหรอครับ งั้นคร่าว ๆ ก็ได้ครับ ประมาณเดือนไหน..”
“คือฉันไม่เคยน่ะค่ะ!”
อลิษารีบพูดเร็วรัว เธออายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว ผู้หญิงอายุใกล้สามสิบแต่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาจะคิดว่าเธอเป็นแม่ชีหรือไม่มีใครเอาหรือเปล่า
อลิษายังไม่เคยมีอะไรกับใคร เธอไม่ได้เพ้อฝันว่าจะเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้สามีในวันแต่งงาน เพียงแต่เธอทำงานตั้งแต่ยังเรียนจบ ไม่มีเวลามานั่งคิดถึงเรื่องพวกนั้น แฟนสักคนก็ไม่เคยมี สุดท้ายจึงกลายเป็นสาวบริสุทธิ์วัยยี่สิบแปดปีที่ไม่เคยแม้แต่จูบกับใคร
แห้งเหี่ยวซะไม่มี ชีวิตของอลิษานั้นมีแต่งานและงาน โชคดีที่ช่วงนี้มีเรื่องลูกเข้ามาเป็นสีสันให้ชีวิตบ้าง
“อ้อ..” อินทัชขานรับสั้น ๆ
“คะ คือจริง ๆ แล้วฉันงานยุ่งม๊ากกกมากน่ะค่ะ ก็เลยไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าตายด้านหรือไม่มีใครมาสนใจนะคะ! ฉันแค่งานยุ่งจริง ๆ”
“ครับ คุณไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผล แค่บอกประวัติเพศสัมพันธ์ก็พอ”
“ค่ะ” อลิษาเม้มปากแน่น ผู้ชายอะไร เย็นชาชะมัด
“คุณยังไม่เคยตรวจภายในมาก่อนใช่ไหมครับ”
“ไม่เคยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างตรวจคุณต้องผ่อนคลายให้มาก ๆ ผมจะใช้เครื่องมือที่เล็กที่สุด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยตรวจอาจจะรู้สึกแปลก ๆ ไปบ้าง ถ้าคุณไม่เกร็งก็จะไม่เจ็บ”
อินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เนิบนาบ ส่วนคนฟังพยักหน้ารับหงึก ๆ
“เชิญคุณอลิษาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ เดี๋ยวจะมีพยาบาลพาไป”
ไม่ทันขาดคำพยาบาลก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมชุดให้อลิษาเปลี่ยน เธอแนะนำให้อลิษาเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ทำความสะอาดน้องสาวแค่ภายนอกห้ามล้วงลึกเข้าไปข้างในเด็ดขาด ไม่ต้องสวมชั้นในแล้วขึ้นไปรอบนเตียงที่มีขาหยั่ง
อลิษาที่ใจกล้ากับทุกเรื่องตัวสั่นเป็นลูกนกเมื่อเห็นเตียงที่ต้องขึ้นไปนอน มันดูน่ากลัวกว่าที่คิด ถ้าไฟมืดหน่อยคงเหมือนหนังสยองขวัญที่เธอเคยดู เธอลังเลละล้าลังจนพยาบาลต้องเข้ามาช่วยให้เธอขึ้นไปนอนบนเตียงและวางขาลงบนขาหยั่ง เอาผ้ามาปิดท่อนล่างไว้รอหมออินทัชเข้ามาตรวจ
หัวใจผู้บริหารคนสวยเต้นแรงแทบทะลุอกออกมา ตื่นเต้นยิ่งกว่าวันรับปริญญาหรือวันเปิดบริษัทไม่รู้กี่เท่า ขาอยากจะหุบเข้าหากันแต่ก็ทำไม่ได้
“เพื่อลูก เธอทำได้ลิษา ฟู่ว~”
อลิษาท่องประโยคเดิมซ้ำ ๆ หายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อระงับความตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงเพื่อทำสมาธิ
“เพื่อลูก”
เพื่อเบบี๋ตัวน้อย ๆ
“เพื่อลูก..”
แกร๊ก
เฮือก!
สมาธิที่รวบรวมได้แตกกระเจิงทันทีที่ประตูห้องตรวจเปิดออก อลิษาลืมตาขึ้นมอง เธอเห็นคุณหมออินทัชเดินเข้ามาช้า ๆ เขาสวมชุดปลอดเชื้อและถุงมือสะอาด
“เอ่อ..”
อินทัชนั่งลงประจำที่ เขาเตรียมเครื่องมือเรียบร้อย พร้อมจับผ้าบางที่ปิดท่อนล่างของอลิษาไว้แล้วทำท่าจะดึงออก
“ดะ เดี๋ยวค่ะ!”
“ครับ?”
“คือฉัน.. ตื่นเต้น ดะ เดี๋ยวก่อนนะคะ”
อลิษาพ่นลมหายใจดังฟู่ ๆ เธอตื่นเต้นจนมือเย็น จะเป็นลมอยู่แล้ว
อินทัชอดทนรออย่างใจเย็น พอเสียงลมหายใจหนัก ๆ เริ่มเบาบางลงเขาก็ขยับผ้าเตรียมดึงออกอีกครั้ง
“เดี๋ยวค่ะ!!”
“คุณอลิษา” อินทัชถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ให้ผมเปลี่ยนหมอดีไหมครับ วันนี้มีหมอผู้หญิงว่าง ผมจะให้เธอเข้ามาตรวจคุณแทน”
“ไม่เอาค่ะ!”
ถ้าเป็นหมอผู้หญิง แผนของเธอก็ล่มไม่เป็นท่าน่ะสิ
“แต่คุณกลัวจนไม่กล้าให้ผมตรวจแบบนี้มันเสียเวลานะครับ”
“ฉันไม่ได้กลัว” อลิษายืนยันเสียงสั่น “เอาเลยค่ะ ตรวจเลย ฉันไม่ห้ามแล้ว”
อินทัชถอนหายใจเบา ๆ เขาเอ่ยขออนุญาตสั้น ๆ แล้วดึงผ้าคลุมออก ครั้งนี้อลิษาไม่ได้ร้องขัดอีก เธอหลับตาปี๋ ขยำเสื้อยับยู่ยี่ รู้สึกเย็นวูบวาบตรงบริเวณนั้น
คุณหมอที่ผ่านการตรวจภายในมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคนเองก็อึ้งไปเหมือนกัน เขาตั้งสติ บอกตัวเองว่ามันก็เหมือนกับที่เขาเคยเห็นมาเป็นพัน ๆ คนนั่นแหละ ไม่มีอะไรแตกต่างกันสักนิด
“รบกวนอ้าขาออกอีกนิดครับ”
อินทัชบอกเสียงเรียบ อลิษาทำตามที่คุณหมอบอก ดวงตาทั้งสองข้างปิดแน่นเพราะไม่อยากเห็นภาพที่คุณหมอจ้องส่วนนั้นของตัวเอง แต่ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่ออวัยวะบางส่วนสูญเสียความสามารถไปชั่วขณะ อวัยวะส่วนอื่นก็พากันเก่งกาจขึ้นเพื่อทดแทนความสามารถที่เสียไป
อลิษาได้ยินเสียงขยับตัวของคุณหมอชัดเจนกว่าตอนลืมตา เสียงเสียดสีของถุงมือ เสียงลมหายใจคุณหมอ และเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง ยิ่งหลับตาอลิษายิ่งรู้สึกตื่นเต้น เพราะมองไม่เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง สมองก็เลยจินตนาการไปต่าง ๆ นานา
อินทัชมองสำรวจเครื่องเพศของอลิษาเพื่อหาความผิดปกติภายนอกอย่างเช่นความบวมแดง ตุ่มใส หรือรอยแผล แต่เขากลับไม่พบอะไรเลยนอกจากความขาวนวลสะอาดสะอ้าน
“ขอโทษครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ อลิษาได้ยินเสียงคุณหมอถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงถุงมือและมือของคุณหมอที่แตะลงมาบนน้องสาวของตัวเอง
“อุ้ย!”
“ผมต้องหาความผิดปกติ” ไม่รู้ว่าประโยคนี้อินทัชบอกอลิษาหรือว่าบอกตัวเอง “ขอดูด้านในหน่อยนะครับ”
เพราะกลีบเนื้อทั้งสองข้างมันปิดแน่นสนิท ขนาดอลิษาอ้าขากว้างแบบนี้ก็ยังไม่ยอมเปิดออก อินทัชจึงจำเป็นต้องใช้นิ้วช่วย นิ้วโป้งและนิ้วชี้ค่อย ๆ แยกเนื้ออวบอูมออกจากกัน ภาพภายในสีชมพูอ่อนไล่ลึกลงไปถึงสีแดงสดทำให้คุณหมอหนุ่มเผลอกลั้นลมหายใจ
“อะ อื้อ”
อลิษาทั้งอายทั้งรู้สึกแปลก ๆ สะโพกอวบขยับน้อย ๆ เพราะไม่คุ้นชิน
“อย่าขยับ”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือหูฟาด แต่อลิษารู้สึกว่าเสียงของคุณหมอแหบพร่ากว่าปกติ เธอนอนนิ่งตามที่อินทัชสั่ง เขาสัมผัสค้างไว้แบบนั้นหลายวินาทีจึงปล่อยมือออก
“ภายนอกปกติดีครับ ไม่มีรอยแผล ไม่มีตุ่มใส ไม่มีรอยแดง” ยกเว้นข้างในที่เป็นสีแดงฉ่ำเหมือนสตรอว์เบอร์รี แต่นั่นอินทัชไม่เรียกมันว่าความผิดปกติ “หลังจากนี้ผมจะใช้เครื่องมือสอดเข้าไปภายในเพื่อส่องกล้องหาความผิดปกติ ผ่อนคลายนะครับ”
เสียงอินทัชหยิบเครื่องมือดังแกร๊ง อลิษาอดใจไม่ไหวลืมตาขึ้นมอง และเมื่อเห็นสิ่งนั้นเธอก็รีบหุบขาเข้าหากันทันที
“คุณหมอ ไม่เอานะคะ!”
มันเป็นโลหะลักษณะเหมือนปากเป็ดยาว ๆ ขนาดไม่ใหญ่มากแต่ดูน่ากลัว แค่เห็นอลิษาก็ขนลุกไปทั้งตัว ไม่ยินยอมให้อินทัชใส่มันเข้ามาในตัวเด็ดขาด!
“มันต้องตรวจครับ”
“ฉันกลัว มันจะเจ็บ”
“ผมจะระวัง” อินทัชเอ่ยเสียงนุ่ม “เชื่อใจผมนะครับ”
คำพูดของอินทัชทำให้อลิษาอ่อนลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอยอมอ้าขาออกอีกครั้งช้า ๆ มือเรียวกำเสื้อที่สวมใส่ไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว
“ใจเย็น ๆ ครับ”
เสียงของอินทัชนั้นนุ่มทุ้มและรื่นหูที่สุด เขาเอ่ยปลอบอลิษาเหมือนปลอบเด็กตัวน้อย ๆ ระหว่างที่ค่อย ๆ สอดเครื่องมือเข้าไปภายใน
“อ๊ะ!”
“อย่าเกร็งนะครับ”
อลิษาพยายามผ่อนคลายตามที่คุณหมอบอก เครื่องมือที่สอดเข้ามามันไม่ได้เจ็บมาก แต่ที่เธอร้องออกมาเพราะมันเย็นมากต่างหาก
“อะ อื้อ คุณหมอ”
อินทัชเม้มปาก เขาอยากจะสั่งให้อลิษาหยุดครางแต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ การที่เธอปลดปล่อยอารมณ์ออกมาจนไม่เกร็งเป็นเรื่องดี แต่เสียงครางหวาน ๆ แบบนั้นมันไม่ดีกับตัวเขาเลย
“อ๊ะ คุณหมอ เบา ๆ ค่ะ”
“ใกล้เสร็จแล้วครับ”
“อื้อ เสร็จหรือยังคะ อ๊า~~”
พรึ่บ!
อินทัชลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากถอดอุปกรณ์ออกมาแล้ว คุณหมอมากประสบการณ์เหงื่อออกเต็มมือ เขาตื่นเต้นเหมือนตอนที่ได้ตรวจคนจริง ๆ ครั้งแรก รีบคลุมผ้าปิดส่วนล่างของอลิษาไว้แล้วเอ่ยขอตัวเร็วรัวจนลิ้นแทบพันกัน
"ผมขอออกไปทำธุระซักครู่ คุณอย่าเพิ่งลงนะครับเพราะยังไม่เสร็จ"
พูดจบร่างสูงก็ถอดถุงมือแล้วเดินลิ่ว ๆ ออกไปทันที อลิษามองตามด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจ เป็นอะไรของเขา
.
.
.
.
.
TBC
อินทัชไม่ได้ไปไหนไกล เขาแค่หลบออกมาหน้าห้องตรวจ ยืนสงบสติเพื่อให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนกลับมาคงที่“หมออินทัช มีอะไรหรือเปล่าคะ”เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อินทัชเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ“หมอรุ้งแพร”“ค่ะ แพรเอง หมออินทัชเป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”อินทัชส่ายหน้าเบา ๆ รุ้งแพรเหมือนจะถามต่อแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอส่งยิ้มให้อินทัช แววตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง“มื้อเย็นนี้มีนัดหรือยังคะ หมออินทัชสนใจไปหาอะไรทานด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ รุ้งแพรเป็นคุณหมอคนเก่งอีกคนในสถาบันนี้ เธออายุเท่ากับอินทัช ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจนดูเหมือนเป็นนักศึกษามากกว่าแพทย์ชำนาญการรุ้งแพรมีนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ เป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่อินทัชยอมให้ความสนิทชิดเชื้อมากกว่าหมอหรือเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เพราะเธอไม่เคยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ผม..”“หมออินทัชคะ!”เสียงแว๊ด ๆ จากในห้องตรวจทำเอาสองคุณหมอสะดุ้งโหยง อินทัชหน้าเสีย เขาลืมไปเลยว่ามีคนรอให้เขาเข้าไปตรวจอยู่ในห้องอินทัชไม่เคยเสียสมาธิขน
แกร๊ก.....แกร๊กอินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้วมันจะดีจริง ๆ ใช่ไหมก๊อก ก๊อก“เชิญครับ”อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย“อะ เอ่อ.. คุณหมอ”อลิษาโผล่มาแต่หัวพร้อมกับแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดหน้าเล็ก ๆ ไปเกือบครึ่ง อินทัชเกือบผงะถอยหลังเพราะความตกใจ โชคดีที่เขาสงวนท่าทีไว้ได้ก่อนไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อหมออินทัชผู้สุขุม แค่นี้เขาก็รักษาภาพลักษณ์ไว้แทบไม่ได้แล้ว“เข้ามานั่งก่อนสิครับคุณอลิษา”“คะ คือฉัน..”อลิษาอึกอัก เธอไม่กล้าเข้าไป เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆเธออาย อายจนต้องเอาแว่นกันแดดมาสวมปิดใบหน้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ร่ม เธอยอมให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาดดีกว่าต้องสบตากับคุณหมอตรง ๆ“เอ่อ.. คือถ้าจะพูดถึงผลตรวจคุณหมอส่งมันมาพร้อมกับผลทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวน”“ไม่ใช่แค่เรื่องผลตรวจหรอกครับ” อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องขายสเปิร์
“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ” อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สามของรอบเดือน ฉีดไปจนกว่าไข่จะเติบโตมากพอ” อินทัชส่งถุงยาให้ภรรยา อลิษารับไปถือไว้ แต่ดวงตายังจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่กระพริบเธอมีสามีแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่เป็นแค่สามีในนาม“คุณอลิษา"“คะ?”“คุณเหม่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”อินทัชถามระหว่างที่เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ทั้งเขาและอลิษาวิ่งวุ่นทั้งวัน นอกจากน้ำเปล่าแล้วแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนไปส่งอลิษาที่บ้านอินทัชก็เลยแวะเข้าร้านประจำก่อน“ฉันแค่งง ๆ ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ คือ.. ฉันโสดมายี่สิบแปดปี พอจะไม่โสดก็มีสามีเลย มันแปลก..”“งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอกครับ เพราะผมเองก็โสดมาสามสิบห้าปี วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตที่ผมไม่โสด”อลิษาได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ยี่สิบแปดปีของเธอก็ว่าเยอะแล้วนะ นี่อินทัชไปอยู่ซอกไหนของโลกมา ไม่สิ..
“หนูลิษา ทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนะลูก” ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงอิงอร แม่แท้ ๆ ของหมออินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู“มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนบอกพ่อกับแม่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พีระ เอ่ยเสริมส่วนอลิษานั้นนั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว เมื่อสองวันที่แล้วเธอลองหาประวัติครอบครัวของสามีในอินเตอร์เน็ตดู แล้วก็พบกับความจริงที่น่าตกใจว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แต่คุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ทั้งคู่ คุณหมออิงอรนั้นเป็นอาจารย์อาวุโสในมหาวิทยาลัยดัง ส่วนคุณหมอพีระเองก็ไม่ต่าง.. แต่พ่วงตำแหน่งอธิการบดีไปด้วยไม่รวมถึงครอบครัวนี้มีกิจการโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ถึงไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายแต่ก็มีหลายสาขาในหลายจังหวัด ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาและการบริการชั้นเลิศอลิษารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่มีแต่คนเก่งและเพอร์เฟกต์ ส่วนเธอนั้นเป็นแค่มดตัวน้อยที่ริอาจเหยียบเข้าบ้านราชสีห์“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกพ่อกับแม่สิ เรียกแบบพี่อินเขา เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” คุณหมอพีระเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเธอรู้ประวัติมาว่าคุณหมอพีระนั้นเลือกเรียนเฉพาะทาง
อินทัชรู้สึกได้ว่าอลิษามีท่าทีเปลี่ยนไป หลังจากที่ย้ายเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันเธอก็ไม่เย้าหยอกเขาเหมือนแต่ก่อน รวมถึงไม่พูดถึงเรื่องทำลูกแบบธรรมชาติอีก ต่างคนต่างอยู่ เจอหน้ากับเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้นสามีภรรยาในนามใช้ชีวิตไม่ต่างจากก่อนจดทะเบียนสมสรกันเท่าไหร่ ทุก ๆ เช้าทั้งคู่รวมถึงหมออิงอรและหมอพีระจะทานมื้อเช้าด้วยกันพร้อมหน้า หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อินทัชเข้าสถาบัน ส่วนอลิษาเข้าบริษัทเหมือนกับวันนี้“พี่ลิษา เรื่องย้ายออฟฟิศนี่พี่เอาจริงเหรอคะ”ผู้ช่วยอย่างมะปรางเอ่ยถามอลิษาด้วยคำถามเดิมซ้ำ ๆ วันนี้มีประกาศที่น่าตกใจจากผู้บริหารสาว ว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีการโยกย้ายออฟฟิศมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอลิษาก็ไม่ยอมย้ายออกจากที่นี่ท่าเดียว ผู้บริหารคนเก่งบอกว่ามันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ทั้งความรู้สึกผิดหวัง สมหวัง มีความสุข และทุกข์ใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นในทาวน์โฮมหลังนี้ เธอไม่ต้องการย้ายไปที่ใหม่แม้บริษัทจะโตขึ้นทุกวัน“จริงสิ” อลิษาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ “มะปรางช่วยหน่อยนะ พี่อยากได้ออฟฟิศที่กว้างพอสำหรับพวกเรารวมถึงพนักงาน
ห้องเดิมเตียงเดิมขึ้นขาหยั่งเหมือนเดิมต้องอ้าขาโชว์น้องสาวกับหมออินทัชเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนเดิม.. รวมถึงความรู้สึก“ตื่นเต้นทำไม หมอไม่ได้พิศวาสผู้หญิงซะหน่อย”อลิษาปลอบหัวใจที่ดังตุ้บ ๆ ให้เต้นเบาลง นอนรอบนเตียงได้ไม่ถึงนาทีประตูห้องก็เปิดออก อินทัชเดินเข้ามา สวมใส่ชุดปลอดเชื้อและถุงมือสีขาว“พร้อมไหมครับ”“ค่ะ” อลิษาพยักหน้ารับวันนี้แล้วที่อินทัชจะฉีดเชื้อเข้ามาในตัวเธอ หลังจากติดตามไข่มาได้สักพัก อลิษามีไข่ที่พร้อมใช้งานแค่สามฟอง และมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก อินทัชบอกว่ามันเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังพอมีหวัง พอถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็นัดอลิษามาที่สถาบันเพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปอินทัชจัดการตัวเองก่อนที่อลิษาจะมา น้ำเชื้อที่ได้ถูกนำไปคัดจนเหลือเพียงสเปิร์มตัวที่แข็งแรง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้อลิษาตั้งท้องได้“อื้อ”อินทัชลงมือทำความสะอาดเนินนุ่มเบา ๆ หัวใจคุณหมอเต้นแรงกว่าปกติ แต่เขารีบกดมันไว้เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ“จะใช้ปากเป็ดนะครับ”อลิษาพยักหน้ารับเบา ๆ เธอหลับตาปี๋ในตอนที่อุปกรณ์เย็น ๆ สอดเข้ามาเพื่อเปิดทาง มันตึงแน่นแต่ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ไหว และหลังจากนั้นอลิษาก็รู้สึกเหมือนมีแท่งพลาสต
“วันนี้แม่ให้ป้าจิตทำกุ้งทอดกระเทียมของโปรดหนูด้วย ทานเยอะ ๆ นะลูก”“ขอบคุณค่ะคุณแม่” อลิษาส่งยิ้มอ่อนแรงให้คุณหมออิงอรสามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่อลิษารู้ว่าตัวเองยังไม่ตั้งครรภ์ จากวันนั้นหญิงสาวที่เคยสดใสร่าเริงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางเซื่องซึมไม่ค่อยคุยกับใคร ถามคำตอบคำ ชวนคุยก็ตอบแค่สั้น ๆ กินน้อยลง แม้แต่ของโปรดที่เคยชอบก็ถูกมองข้ามไปอลิษากำลังแย่..อินทัชรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นอลิษาเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ทุก ๆ วันเขาจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ แต่เวลานี้มันหายไป และดูเหมือนว่ามันอาจจะไม่หวนกลับคืนมาในเร็ววันสำหรับหมออย่างอินทัชมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อลิษาจะไม่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เพราะบางคนทำ IUI ตั้งสามสี่ครั้งถึงจะติดก็มี บางคนทำมากกว่านั้นแต่ก็คว้าน้ำเหลว จนต้องหันไปพึ่งวิธีอื่น ๆ ที่ได้ผลมากกว่าก็มี มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วแต่อลิษาไม่เหมือนคนอื่น เธอตั้งความหวังไว้สูงมาก มากเกินไปจนลืมเผื่อใจว่ามันอาจจะไม่สำเร็จ“อิน”“ครับคุณแม่”อลิษานั่งเหม่อ แม้กระทั่งสองแม่ลูกพูดคุยกันเธอก็ไม่ได้ยิน ช้อนเขี่ยข้าวบ
“เห็นหนูลิษาดีขึ้นพ่อกับแม่ก็สบายใจค่ะ”คุณหมออิงอรพูดพร้อมรอยยิ้ม หลายวันมานี้ในบ้านเหมือนมีเมฆหมอกสีเทาปกคลุม แต่หลังจากที่ลูกชายเดินออกมาจากห้องภรรยาในนามพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผิดปกติ อลิษาก็ดูเหมือนจะกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนแต่ก่อนแล้วไม่รู้ว่าในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เห็นแบบนี้อิงอรก็สบายใจ“ถ้าไม่ได้คุณหมออินทัชลิษาคงแย่ค่ะ” ผู้บริหารคนสวยส่งสายตาไปให้สามี อินทัชเงยหน้าขึ้นสบตาโตเฉี่ยว ก่อนจะหลุบลงมองไข่พะโล้ตรงหน้า เพราะไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนดีสายตาของอลิษาเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนไม่ต่างจากรูปร่างหน้าตา ถ้าเผลอจ้องไปนาน ๆ อาจจะถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้นไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกผู้หญิงทำตาวิบวับใส่ แต่อลิษาคือคนเดียวที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก อาจเป็นเพราะอลิษาไม่ใช่คนอื่น เธอคือภรรยาทางนิตินัยของเขาที่อีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นภรรยาทางพฤตินัยอย่างสมบูรณ์“เรื่องลูกน่ะเชื่อมือหมออินทัชเขาเถอะหนูลิษา ตั้งแต่เปิดสถาบันมาไม่เคยมีครอบครัวไหนต้องกลับบ้านไปมือเปล่า ถึงบางคนจะไม่สำเร็จในตอนแรก แต่สุดท้ายอินก็มีวิธีที่เหมาะสมให้อยู่ดี ดังนั้นพ่อมั่นใจว่าหนูลิษาจะได้อุ้มเจ้าตัวน้อยแน่ ๆ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก