แกร๊ก
.....
แกร๊ก
อินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้ว
มันจะดีจริง ๆ ใช่ไหม
ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย
“อะ เอ่อ.. คุณหมอ”
อลิษาโผล่มาแต่หัวพร้อมกับแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดหน้าเล็ก ๆ ไปเกือบครึ่ง อินทัชเกือบผงะถอยหลังเพราะความตกใจ โชคดีที่เขาสงวนท่าทีไว้ได้ก่อน
ไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อหมออินทัชผู้สุขุม แค่นี้เขาก็รักษาภาพลักษณ์ไว้แทบไม่ได้แล้ว
“เข้ามานั่งก่อนสิครับคุณอลิษา”
“คะ คือฉัน..”
อลิษาอึกอัก เธอไม่กล้าเข้าไป เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ
เธออาย อายจนต้องเอาแว่นกันแดดมาสวมปิดใบหน้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ร่ม เธอยอมให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาดดีกว่าต้องสบตากับคุณหมอตรง ๆ
“เอ่อ.. คือถ้าจะพูดถึงผลตรวจคุณหมอส่งมันมาพร้อมกับผลทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวน”
“ไม่ใช่แค่เรื่องผลตรวจหรอกครับ” อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องขายสเปิร์มด้วย”
“อะไรนะคะ!?”
อลิษากระชากแว่นออกทันที ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ก่อนที่ร่างเพรียวจะรีบรุดเข้าหาอินทัชโดยไม่ต้องให้เขาเอ่ยเชิญเป็นรอบที่สอง
“คุณหมอจะขายให้ฉันเหรอคะ! จริง ๆ เหรอคะ!”
“นั่งก่อนเถอะครับ รบกวนปิดประตูห้องด้วย คุณกำลังทำให้คนอื่นมองมาอยู่นะ”
อลิษารีบแจ้นไปปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว แถมกดล็อกให้เสร็จสรรพ ก่อนจะรีบกลับมาหาหมออินทัช เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองหน้าหล่อ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย
อายเอยอะไรไม่มีอีกแล้ว นาทีอลิษาอยากรู้แค่หมออินทัชจะยอมขายสเปิร์มให้เธอจริง ๆ ใช่ไหม
“ก่อนอื่น ผมขอพูดถึงผลตรวจคร่าว ๆ ก่อนนะครับ”
อินทัชเริ่มต้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง เขาพยายามมองข้ามดวงตาเป็นประกายวิบวับของอลิษาไป
“โดยรวมร่างกายคุณปกติดีครับ ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ มดลูกไม่ได้โตผิดปกติ ไม่มีก้อนเนื้อแปลกปลอม ไม่มีตุ่มใส รอยแดง หรือตกขาวที่ผิดปกติครับ”
“ค่ะ แล้ว?”
“เพราะผลตรวจคุณดีมาก มากจนผมต้องกลับมาคิดเรื่องที่คุณเสนอมาใหม่”
“ยังไงคะ”
“ผมจะขายสเปิร์มให้คุณ”
อลิษารู้สึกเหมือนในห้องตรวจมีพลุจุดดังปุ้ง ๆ เธอแทบจะลุกขึ้นยืน ชูมือขึ้นสูงแล้วตะโกนว่า YES!! ดัง ๆ แต่สิ่งที่เธอทำมีแค่มองหน้าอินทัชไม่กระพริบตา และหลังจากนั้นดวงตาคู่สวยก็มีหยาดน้ำสีใสเอ่อคลอ
“คุณหมอ พะ พูดจริงใช่ไหมคะ”
“ครับ.. คุณอลิษาอย่าร้องไห้”
“ฮึก ฉันดีใจ” อลิษารับกระดาษทิชชู่มาจากคุณหมอ ซับน้ำตาเบา ๆ ไม่ให้มาสคาร่าเลอะเทอะ “ฉันอยากมีลูกมาก ฉันคิดว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว”
อินทัชเห็นแบบนั้นก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าอลิษาจะจริงจังขนาดนี้ ดูเหมือนว่าลูกจะเป็นอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าทุกอย่างของเธอ
คุณหมออินทัชรอบคอบเสมอ หลังจากที่อลิษามายื่นข้อเสนอแปลก ๆ ให้ อินทัชก็เริ่มศึกษาประวัติของผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจัง แล้วเขาก็พบว่าอลิษาเป็นคนเก่งสมกับที่อวดอ้าง ผลการเรียนระดับท็อป เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในประเทศ ปัจจุบันอายุยี่สิบแปดปี เป็นเจ้าของบริษัทหาคู่ชื่อดังอันดับต้น ๆ สวยมาก และไม่เคยมีประวัติเสียหาย
อินทัชรู้สึกว่าเธอน่าสนใจ
“หะ ให้ฉันจ่ายมัดจำตอนนี้เลยไหมคะ”
อินทัชถูกเสียงสั่นเครือดึงกลับมาเจอกับความเป็นจริง อลิษายังร้องไห้และสะอื้นน้อย ๆ แต่มือบางยกสมุดเช็คกับปากกาออกมาเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“ทำไมคะ อย่าบอกว่าคุณเปลี่ยนใจนะ ทำให้คนดีใจเก้อมันบาปนะรู้ไหม คุณอย่าใจร้ายกับฉันสิคะ”
“ไม่ใช่ครับ” อินทัชรีบอธิบาย ก่อนที่จะโดนตัดพ้อไปมากกว่านี้ “ที่ผมยอมขายสเปิร์มให้คุณไม่ใช่เพราะเงิน”
“อ้าว”
“ข้อแลกเปลี่ยนของผมเหมือนกับของคุณ”
“ยังไงคะ หรือว่า..”
อลิษาเป็นคนฉลาดจริง ๆ เธอไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากอินทัชด้วยซ้ำ แค่มองตาเธอก็เข้าใจแล้วว่าอินทัชต้องการอะไร
“ผมอยากได้ลูกจากคุณ”
อินทัชเป็นลูกคนเดียว ปีนี้เขาอายุสามสิบห้าปี ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยออกเดท ไม่เคยหลับนอนกับใคร ไม่เคยมีความรักใคร่ชอบพอกับทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ชีวิตคู่คือสิ่งที่อินทัชไม่เคยคิดถึง แต่อินทัชเป็นคนที่ย้อนแย้งพอสมควร เพราะถึงจะไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับใคร แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ผู้บริหารสาวและคุณหมอคนเก่งมีบางอย่างที่เหมือนกัน พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกเกิดมาบกพร่อง พวกเขาอยากให้ลูกมีต้นทุนที่ดีตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อน แต่การหาผู้หญิงที่ถูกใจสักคนมาอุ้มท้องให้มันไม่ง่าย ไม่ต่างจากอลิษาที่หาพ่อพันธุ์ดี ๆ ไม่ได้เสียที
“คุณกับผมเราเหมือนกัน”
“ยังไงคะ”
“ไม่ต้องการแต่งงาน แต่อยากมีลูก"
อลิษาพยักหน้าน้อย ๆ ใช่.. เราเหมือนกันมากจริง ๆ
“อันที่จริงผมไม่ได้จริงจังอะไร ทางบ้านของผมก็ไม่ได้เร่งรัด แต่พ่อกับแม่ผมท่านแก่ตัวลงทุกวัน ผมอยากมีหลานให้ท่านได้อุ้มชูก่อนจะไม่มีโอกาส”
“ฉันเข้าใจค่ะ ถึงฉันจะไม่มีครอบครัวก็เถอะ”
“ครับ พอคุณเสนอเรื่องนั้นมาผมก็เริ่มสนใจ ผลตรวจของคุณวันนี้ก็ดีมาก ผมคิดว่าคุณจะให้กำเนิดบุตรที่ดีและแข็งแรงได้อย่างแน่นอน”
อลิษาคิดตาม เธอเข้าใจทุกคำที่อินทัชพูดทุกคำ เข้าใจ.. แต่หัวใจมันกลับวูบโหวงแปลก ๆ เธอจะกล้ายกลูกที่อุ้มท้องมาให้กับอินทัชได้จริง ๆ เหรอ
อินทัชเหมือนอ่านความคิดออก อาจจะเพราะเราเหมือนกันเกินไปเขาจึงรู้ว่าอลิษารู้สึกยังไง เพราะแม้แต่เขาเองก็ไม่อยากเสียเลือดเนื้อเขื้อไขของตัวเองให้ใครเหมือนกัน
“ถึงลูกจะอยู่กับผม แต่ผมจะบอกเขาว่าคุณคือแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณจะเป็นแม่ของเขาในทางกฎหมาย มีสิทธิ์เลี้ยงดูและพบเจอเขาจนกว่าคุณจะไม่ต้องการ”
“หมายความว่า.. เราจะเหมือนคู่แต่งงานที่หย่าร้างและแยกกันอยู่หลังจากมีลูก ๆ แล้วเหรอคะ”
“ครับ ประมาณนั้น”
อลิษาเงียบไปอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าสิ่งที่คุณหมอเสนอมามันแฟร์กับทั้งตัวเธอและอินทัชเอง แต่ลูกล่ะ ลูก ๆ จะรู้สึกยังไงถ้าหากพ่อกับแม่ของพวกเขาแยกทางกัน
แต่ถ้าต้องทนเห็นพ่อแม่อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันทุกวัน บางที...การแยกกันอยู่ก็อาจจะดีกว่า
อลิษามีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ไม่ดี พวกเขาอาจจะไม่รักเธอด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้นพอหย่ากันคงไม่ทิ้งเธอไว้แบบนี้
แต่เธอไม่ใช่ เธอรักและไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน เพราะแค่คิดว่าอินทัชจะมาเอาลูกคนหนึ่งไป อลิษายังรู้สึกแย่ขนาดนี้
มันต่าง เธอเอาตัวเองไปเทียบกับพ่อและแม่ไม่ได้ เธอเชื่อว่าตัวเองสามารถเลี้ยงลูกได้แม้ว่าลูกจะไม่มีพ่อ สามารถเป็นทั้งพ่อ แม่ เพื่อน และพี่สาวให้ลูกได้ มีเด็กหลายคนที่โตมาอย่างดีแม้ครอบครัวจะไม่สมบูรณ์ มันคงดีกว่าให้เด็กโตมากับภาพที่พ่อแม่ทะเลาะกันหรือไม่มีความรักให้กัน
“ตกลงค่ะ”
อลิษาพยักหน้ารับ เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะมีลูกให้ตัวเองและหมออินทัช
“ลูกคนแรกจะอยู่กับฉัน คนที่สองจะอยู่กับคุณ ไม่ว่าเพศอะไรหรือมีลูกความผิดปกติอะไรฉันก็จะไม่เปลี่ยน”
“ผมก็ไม่เปลี่ยน”
อินทัชเองก็รับคำหนักแน่น พวกเขามีความคิดไปทางเดียวกัน ไม่ว่าลูกจะเกิดมาสมบูรณ์ดีหรือขาดอะไรไป พวกเขาก็จะรักและดูแลพวกเขาเหมือนเดิม
“ตกลงตามนี้ค่ะ ข้อแลกเปลี่ยนของเรา คุณให้สเปิร์มกับฉัน ฉันให้ลูกกับคุณ”
“ครับ แต่ผมอยากให้เราเหมือนคู่แต่งงานกันจริง ๆ เราต้องจดทะเบียนแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
“เพื่ออะไรคะ”
“เพื่อให้มันเป็นไปตามกฎหมาย ลูกทั้งสองจะมีพ่อชื่ออินทัชและแม่ชื่ออลิษาตามกฎหมายทุกอย่าง และที่สำคัญ..”
อินทัชเงียบไปอึดใจ
“ผมอยากดูแลคุณตอนที่คุณอุ้มท้อง ลูกของเรา”
อลิษารู้สึกเหมือนโดนจู่โจม เธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก แก้มใสค่อย ๆ ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ
ลูกของเรา...ลูกของเรา
ทำไมคุณหมอต้องพูดประโยคนั้นพร้อมสายตาอ่อนโยนแบบนี้ด้วย อลิษาหวั่นไหวนะคะ!
ในขณะที่อลิษากำลังเขินกับคำพูดสั้น ๆ ของคุณหมอ อินทัชก็หันไปหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น เขาเขียนอะไรยุกยิกลงไปแล้วยื่นมาให้เธออ่านดู
“เราจะเริ่มทันทีหลังจากจดทะเบียนสมรสรวมถึงทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว วิธีที่ใช้คือ IUI กระตุ้นไข่ด้วยวิธีฉีดจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าทานยา คุณต้องฉีดยาที่ผมสั่งวันที่สามของรอบเดือนเพื่อกระตุ้นไข่ให้มีการเจริญเติบโต เมื่อไหร่ที่ฟองไข่มีขนาดพอเหมาะผมจะฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก หลังจากนั้นผมก็จะฉีดเชื้ออสุจิของผมเข้าโพรงมดลูกคุณ”
“ดูไม่ยากเลยนะคะ”
“ไม่ยาก แต่โอกาสก็ไม่ได้มากครับ อย่างมากก็แค่ 10-30% เท่านั้น ปกติแล้ววิธีนี้เป็นวีธีแรกที่แพทย์แนะนำสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ยาก แต่ถ้าหาก IUI ยังไม่ได้ผล เราต้องใช้วิธี IVF หรือ ICSI ซึ่งโอกาสสำเร็จสูงมากกว่าหลายเท่า”
“แล้วสำหรับฉันล่ะคะ”
“ถ้าร่างกายคุณและคู่ของคุณสมบูรณ์แข็งแรงดี วิธีธรรมชาติคือวิธีที่แพทย์จะแนะนำครับ หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันสองถึงสามปีแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ แพทย์ถึงจะแนะนำให้ใช้ IUI หรือ IVF/ICSI ครับ”
“แล้วทำไมเราไม่ใช้วิธีธรรมชาติล่ะคะ”
อลิษาโพล่งขึ้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ได้รู้ว่าวิธีไหนจะทำให้มีลูกได้เธอก็สนใจแล้ว
“วิธีธรรมชาติที่เห็นผลที่สุด คือเราสองคนต้องมีอะไรกันในช่วงที่ไข่คุณตก”
“ค่ะ”
“เราต้องมีอะไรกันนะครับ?” อินทัชย้ำ เผื่อว่าอลิษาจะได้ยินไม่ชัด
“ค่ะ ก็แค่มีอะไรกัน”
“ก็แค่”
“เพื่อลูก ฉันทำได้ทุกอย่าง มีอะไรกับคุณหมอก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไม่ใช่เหรอคะ”
อินทัชกุมขมับ เวลานี้เขาไม่รักษาภาพลักษณ์อะไรแล้ว อลิษาคือคนที่รับมือยากที่สุดในโลก หมดปัญหาหนึ่งก็มีอีกปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น
“คุณหมอ เราใช้วิธีธรรมชาติกันนะคะ.. นะคะ ลูกได้จะได้มาไว ๆ ฉันไม่อยากฉีดยาด้วยอะค่ะ”
“ไม่มีทาง!” อินทัชปฏิเสธเสียงเสียงเข้ม “ผมจะสั่งยากระตุ้นไข่ให้คุณ เตรียมตัวฉีดได้เลย”
คุณหมอใจร้าย...
.
. . . . TBC“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ” อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สามของรอบเดือน ฉีดไปจนกว่าไข่จะเติบโตมากพอ” อินทัชส่งถุงยาให้ภรรยา อลิษารับไปถือไว้ แต่ดวงตายังจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่กระพริบเธอมีสามีแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่เป็นแค่สามีในนาม“คุณอลิษา"“คะ?”“คุณเหม่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”อินทัชถามระหว่างที่เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ทั้งเขาและอลิษาวิ่งวุ่นทั้งวัน นอกจากน้ำเปล่าแล้วแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนไปส่งอลิษาที่บ้านอินทัชก็เลยแวะเข้าร้านประจำก่อน“ฉันแค่งง ๆ ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ คือ.. ฉันโสดมายี่สิบแปดปี พอจะไม่โสดก็มีสามีเลย มันแปลก..”“งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอกครับ เพราะผมเองก็โสดมาสามสิบห้าปี วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตที่ผมไม่โสด”อลิษาได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ยี่สิบแปดปีของเธอก็ว่าเยอะแล้วนะ นี่อินทัชไปอยู่ซอกไหนของโลกมา ไม่สิ..
“หนูลิษา ทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนะลูก” ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงอิงอร แม่แท้ ๆ ของหมออินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู“มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนบอกพ่อกับแม่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พีระ เอ่ยเสริมส่วนอลิษานั้นนั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว เมื่อสองวันที่แล้วเธอลองหาประวัติครอบครัวของสามีในอินเตอร์เน็ตดู แล้วก็พบกับความจริงที่น่าตกใจว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แต่คุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ทั้งคู่ คุณหมออิงอรนั้นเป็นอาจารย์อาวุโสในมหาวิทยาลัยดัง ส่วนคุณหมอพีระเองก็ไม่ต่าง.. แต่พ่วงตำแหน่งอธิการบดีไปด้วยไม่รวมถึงครอบครัวนี้มีกิจการโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ถึงไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายแต่ก็มีหลายสาขาในหลายจังหวัด ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาและการบริการชั้นเลิศอลิษารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่มีแต่คนเก่งและเพอร์เฟกต์ ส่วนเธอนั้นเป็นแค่มดตัวน้อยที่ริอาจเหยียบเข้าบ้านราชสีห์“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกพ่อกับแม่สิ เรียกแบบพี่อินเขา เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” คุณหมอพีระเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเธอรู้ประวัติมาว่าคุณหมอพีระนั้นเลือกเรียนเฉพาะทาง
อินทัชรู้สึกได้ว่าอลิษามีท่าทีเปลี่ยนไป หลังจากที่ย้ายเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันเธอก็ไม่เย้าหยอกเขาเหมือนแต่ก่อน รวมถึงไม่พูดถึงเรื่องทำลูกแบบธรรมชาติอีก ต่างคนต่างอยู่ เจอหน้ากับเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้นสามีภรรยาในนามใช้ชีวิตไม่ต่างจากก่อนจดทะเบียนสมสรกันเท่าไหร่ ทุก ๆ เช้าทั้งคู่รวมถึงหมออิงอรและหมอพีระจะทานมื้อเช้าด้วยกันพร้อมหน้า หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อินทัชเข้าสถาบัน ส่วนอลิษาเข้าบริษัทเหมือนกับวันนี้“พี่ลิษา เรื่องย้ายออฟฟิศนี่พี่เอาจริงเหรอคะ”ผู้ช่วยอย่างมะปรางเอ่ยถามอลิษาด้วยคำถามเดิมซ้ำ ๆ วันนี้มีประกาศที่น่าตกใจจากผู้บริหารสาว ว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีการโยกย้ายออฟฟิศมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอลิษาก็ไม่ยอมย้ายออกจากที่นี่ท่าเดียว ผู้บริหารคนเก่งบอกว่ามันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ทั้งความรู้สึกผิดหวัง สมหวัง มีความสุข และทุกข์ใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นในทาวน์โฮมหลังนี้ เธอไม่ต้องการย้ายไปที่ใหม่แม้บริษัทจะโตขึ้นทุกวัน“จริงสิ” อลิษาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ “มะปรางช่วยหน่อยนะ พี่อยากได้ออฟฟิศที่กว้างพอสำหรับพวกเรารวมถึงพนักงาน
ห้องเดิมเตียงเดิมขึ้นขาหยั่งเหมือนเดิมต้องอ้าขาโชว์น้องสาวกับหมออินทัชเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนเดิม.. รวมถึงความรู้สึก“ตื่นเต้นทำไม หมอไม่ได้พิศวาสผู้หญิงซะหน่อย”อลิษาปลอบหัวใจที่ดังตุ้บ ๆ ให้เต้นเบาลง นอนรอบนเตียงได้ไม่ถึงนาทีประตูห้องก็เปิดออก อินทัชเดินเข้ามา สวมใส่ชุดปลอดเชื้อและถุงมือสีขาว“พร้อมไหมครับ”“ค่ะ” อลิษาพยักหน้ารับวันนี้แล้วที่อินทัชจะฉีดเชื้อเข้ามาในตัวเธอ หลังจากติดตามไข่มาได้สักพัก อลิษามีไข่ที่พร้อมใช้งานแค่สามฟอง และมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก อินทัชบอกว่ามันเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังพอมีหวัง พอถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็นัดอลิษามาที่สถาบันเพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปอินทัชจัดการตัวเองก่อนที่อลิษาจะมา น้ำเชื้อที่ได้ถูกนำไปคัดจนเหลือเพียงสเปิร์มตัวที่แข็งแรง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้อลิษาตั้งท้องได้“อื้อ”อินทัชลงมือทำความสะอาดเนินนุ่มเบา ๆ หัวใจคุณหมอเต้นแรงกว่าปกติ แต่เขารีบกดมันไว้เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ“จะใช้ปากเป็ดนะครับ”อลิษาพยักหน้ารับเบา ๆ เธอหลับตาปี๋ในตอนที่อุปกรณ์เย็น ๆ สอดเข้ามาเพื่อเปิดทาง มันตึงแน่นแต่ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ไหว และหลังจากนั้นอลิษาก็รู้สึกเหมือนมีแท่งพลาสต
“วันนี้แม่ให้ป้าจิตทำกุ้งทอดกระเทียมของโปรดหนูด้วย ทานเยอะ ๆ นะลูก”“ขอบคุณค่ะคุณแม่” อลิษาส่งยิ้มอ่อนแรงให้คุณหมออิงอรสามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่อลิษารู้ว่าตัวเองยังไม่ตั้งครรภ์ จากวันนั้นหญิงสาวที่เคยสดใสร่าเริงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางเซื่องซึมไม่ค่อยคุยกับใคร ถามคำตอบคำ ชวนคุยก็ตอบแค่สั้น ๆ กินน้อยลง แม้แต่ของโปรดที่เคยชอบก็ถูกมองข้ามไปอลิษากำลังแย่..อินทัชรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นอลิษาเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ทุก ๆ วันเขาจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ แต่เวลานี้มันหายไป และดูเหมือนว่ามันอาจจะไม่หวนกลับคืนมาในเร็ววันสำหรับหมออย่างอินทัชมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อลิษาจะไม่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เพราะบางคนทำ IUI ตั้งสามสี่ครั้งถึงจะติดก็มี บางคนทำมากกว่านั้นแต่ก็คว้าน้ำเหลว จนต้องหันไปพึ่งวิธีอื่น ๆ ที่ได้ผลมากกว่าก็มี มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วแต่อลิษาไม่เหมือนคนอื่น เธอตั้งความหวังไว้สูงมาก มากเกินไปจนลืมเผื่อใจว่ามันอาจจะไม่สำเร็จ“อิน”“ครับคุณแม่”อลิษานั่งเหม่อ แม้กระทั่งสองแม่ลูกพูดคุยกันเธอก็ไม่ได้ยิน ช้อนเขี่ยข้าวบ
“เห็นหนูลิษาดีขึ้นพ่อกับแม่ก็สบายใจค่ะ”คุณหมออิงอรพูดพร้อมรอยยิ้ม หลายวันมานี้ในบ้านเหมือนมีเมฆหมอกสีเทาปกคลุม แต่หลังจากที่ลูกชายเดินออกมาจากห้องภรรยาในนามพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผิดปกติ อลิษาก็ดูเหมือนจะกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนแต่ก่อนแล้วไม่รู้ว่าในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เห็นแบบนี้อิงอรก็สบายใจ“ถ้าไม่ได้คุณหมออินทัชลิษาคงแย่ค่ะ” ผู้บริหารคนสวยส่งสายตาไปให้สามี อินทัชเงยหน้าขึ้นสบตาโตเฉี่ยว ก่อนจะหลุบลงมองไข่พะโล้ตรงหน้า เพราะไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนดีสายตาของอลิษาเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนไม่ต่างจากรูปร่างหน้าตา ถ้าเผลอจ้องไปนาน ๆ อาจจะถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้นไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกผู้หญิงทำตาวิบวับใส่ แต่อลิษาคือคนเดียวที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก อาจเป็นเพราะอลิษาไม่ใช่คนอื่น เธอคือภรรยาทางนิตินัยของเขาที่อีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นภรรยาทางพฤตินัยอย่างสมบูรณ์“เรื่องลูกน่ะเชื่อมือหมออินทัชเขาเถอะหนูลิษา ตั้งแต่เปิดสถาบันมาไม่เคยมีครอบครัวไหนต้องกลับบ้านไปมือเปล่า ถึงบางคนจะไม่สำเร็จในตอนแรก แต่สุดท้ายอินก็มีวิธีที่เหมาะสมให้อยู่ดี ดังนั้นพ่อมั่นใจว่าหนูลิษาจะได้อุ้มเจ้าตัวน้อยแน่ ๆ
ทาวน์โฮมสามชั้นในวันนี้คึกคักกว่าทุกวัน พนักงานทั้งเก่าและใหม่กว่าสิบชีวิตต่างหอบหิ้วของสำคัญไว้ในอก พวกของชิ้นใหญ่บริษัทรับขนย้ายมาขนไปที่ออฟฟิศใหม่แล้ว เหลือเพียงของสำคัญที่จะถูกย้ายเข้าในวันนี้เวลาเก้าโมงเก้านาทีฤกษ์ยามงามดี อลิษามาที่อดีตออฟฟิศเก่าแต่เช้า เก็บของลงกล่อง ดวงตาโตเฉี่ยวกวาดมองห้องทำงานตลอดหกปีที่ผ่านมาด้วยความอาลัยมีพบ ก็ต้องมีจาก เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ อลิษาพยักหน้าให้ผู้ช่วยเข้ามา มะปรางที่วันนี้แต่งตัวสวยผิดปกติยิ้มร่าอย่างมีความสุข“พี่ลิษา มะปรางสวยยังคะ”“สวยจ้า จะว่าไปมะปรางใส่เดรสแบบนี้ก็เข้านะ ทำไมไม่แต่งแบบนี้เวลาทำงานล่ะ”“โหย ไม่ไหวหรอกค่ะ ใส่กางเกงมันสะดวกกว่า ขยับตัวง่าย ทำอะไรก็ง่ายด้วยค่ะ”“แล้ววันนี้นึกครึ้มยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้ มีนัดกับหนุ่มที่ไหนหืม”“ก็..” มะปรางบิดตัวไปมาด้วยความขวยเขิน “วันนี้คุณหมออินทัชจะมาไม่ใช่เหรอคะ”“อ่า จริงสิ”อลิษาเกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้สามีจะมาช่วยขนของ เธอออกมาก่อนเพราะต้องเก็บของจิปาถะ ส่วนอินทัชจะตามมาหลังจากทานมื้อเช้ากับคุณหมออิงอรและคุณหมอพีระเรียบร้อยแล้ว“มะปรางตื่นเต้นมากค่ะพี่ลิ
“ฮึ้บ! ตัวหนักจัง”อลิษาใช้แรงทั้งหมดดันคุณหมอขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง แต่กว่าร่างกายใหญ่ ๆ ของอินทัชจะขึ้นเตียงได้สำเร็จก็ทำเอาคนตัวบางปาดเหงื่อไปหลายต่อหลายครั้ง“อื้มม”“คุณหมอ ถึงห้องแล้วนะคะ”“อืม.. ครับ”อลิษาถอดรองเท้าและถุงเท้าให้คนเมา เธอตั้งใจว่าจะเช็ดตัวให้ คุณหมอจะได้สบายตัว แต่พอนึกถึงซิกแพคที่เคยเห็นก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้ถ้าขืนดื้อจะเช็ดตัวให้อินทัช อลิษาคนนี้ต้องจับคุณหมอกินทั้งที่เมาแอ๋แบบนี้แน่ ๆ“คุณหมอ ฉันกลับห้องก่อนนะคะ อ๊ะ?” อลิษาหลุบตามองข้อมือที่ถูกคว้าเอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่า.. ว๊ายย!”ร่างกายอรชรถูกดึงรั้งลงบนเตียงกว้าง อลิษาที่ไม่ทันตั้งตัวล้มทับอินทัชเต็มแรง เธอรีบสำรวจร่างกายของคุณหมอว่าบุบสบายตรงไหนไหม โดยไม่ทันได้รู้ตัวว่าเสือตัวใหญ่กำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา“คุณหมอ ทำไมเมาแล้วซนจังคะ เดี๋ยวก็เจ็บตัว”“ลิษา”“ว่าไงคะ อ๊ะ!”คนเมาไม่ได้พูดอะไรอีก เขาพลิกร่างอรชรลงบนเตียงแล้วตามไปคร่อมทับ ดวงตาที่ถูกแต่งแต้มจนสวยงามเบิกโพลง อลิษาเหมือนเป็นอัมพาตทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะอินทัชจ้องมองอลิษาด้วยสายตาที่ไม่เคยใช้กับใครมาก่อน เป็นสายตาที่ทำให้ผู้บริหารสาวรู้สึกหนาว ๆ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก