อินทัชไม่ได้ไปไหนไกล เขาแค่หลบออกมาหน้าห้องตรวจ ยืนสงบสติเพื่อให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนกลับมาคงที่
“หมออินทัช มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อินทัชเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ
“หมอรุ้งแพร”
“ค่ะ แพรเอง หมออินทัชเป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
อินทัชส่ายหน้าเบา ๆ รุ้งแพรเหมือนจะถามต่อแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอส่งยิ้มให้อินทัช แววตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง
“มื้อเย็นนี้มีนัดหรือยังคะ หมออินทัชสนใจไปหาอะไรทานด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ รุ้งแพรเป็นคุณหมอคนเก่งอีกคนในสถาบันนี้ เธออายุเท่ากับอินทัช ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจนดูเหมือนเป็นนักศึกษามากกว่าแพทย์ชำนาญการ
รุ้งแพรมีนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ เป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่อินทัชยอมให้ความสนิทชิดเชื้อมากกว่าหมอหรือเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เพราะเธอไม่เคยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ผม..”
“หมออินทัชคะ!”
เสียงแว๊ด ๆ จากในห้องตรวจทำเอาสองคุณหมอสะดุ้งโหยง อินทัชหน้าเสีย เขาลืมไปเลยว่ามีคนรอให้เขาเข้าไปตรวจอยู่ในห้อง
อินทัชไม่เคยเสียสมาธิขนาดนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่าวันนี้สติมันหายไปไหนหมด มือทั้งสองยกขึ้นลูบใบหน้าแรง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับรุ้งแพร
“ผมขอเข้าไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
“คะ? อ๋อ ค่ะ”
อินทัชรีบกลับเข้าไปในห้องตรวจ เขาสวมถุงมือยางคู่ใหม่ แล้วนั่งประจำการที่เดิม ตำแหน่งเดิม
ตรงระหว่างขาของอลิษา
“คุณหมอปล่อยให้ฉันอ้าขาจนเมื่อย” อลิษาบ่นอุบ
“ขอโทษครับ ผมผิดเอง”
เมื่อคุณหมอแสดงออกถึงความรู้สึกผิดอลิษาก็ไม่ติดใจอะไรอีก เธอตื่นเต้นอีกครั้งเพราะผ้าคลุมถูกเปิดออกช้า ๆ ความรู้สึกเย็บวาบเข้ามาทักทายเป็นรอบที่สอง
“ครั้งนี้..”
อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดแน่นจนหัวคิ้วแทบพันกัน
“ผมต้องใช้ เอ่อ...นิ้ว”
“คะ?”
“เป็นการตรวจขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับ ผมต้องใช้นิ้วสอดเข้าไปเพื่อตรวจหาความผิดปกติภายใน”
“นะ นิ้วของคุณหมอเหรอคะ”
“ครับ”
อลิษาหัวใจจะวาย เธอไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าจะต้องถูกนิ้วคุณหมอสอดเข้ามา นิ้วจริง ๆ ที่ไม่ใช่เครื่องมือเย็น ๆ พวกนั้น เธอทั้งเขินทั้งกลัวแต่อีกใจก็อยากลอง
“มันจะเจ็บไหมคะ”
“ผมจะเบามือ”
อลิษารู้สึกร้อนไปทั้งหน้า คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่าจะเบามือกับเธอ แค่นี้เธอก็เขินจนตัวแดงเป็นกุ้งต้มแล้ว
“งั้น ทะ ทำตามหน้าที่ของคุณหมอเถอะค่ะ”
“ขออนุญาตนะครับ”
อินทัชวางมือซ้ายลงบนท้องน้อย ในขณะที่มือขวาหุบเหลือเพียงนิ้วชี้และนิ้วกลาง จ่อเข้ากับปากทางที่ปิดแน่นสนิท แค่สัมผัสเบา ๆ อลิษาก็เกร็งตัวด้วยความตื่นเต้น
“อย่าเกร็งนะครับ”
“คะ คุณหมอ ฉัน..”
"นิดเดียวครับ ไม่นานก็เสร็จแล้ว"
อินทัชเอ่ยปลอบอย่างใจเย็น อลิษาไม่ใช่คนแรกที่เขาต้องปลอบโยนแบบนี้ มีผู้หญิงมากมายที่กลัวการตรวจภายในเพราะกลัวเจ็บ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนแบบอลิษา
“ฉันตื่นเต้น”
‘ผมก็ตื่นเต้น’
อินทัชเคยปลอบผู้หญิงมามากมายก็จริง แต่ทุกครั้งเขาทำโดยไม่รู้สึกอะไร ต่างจากครั้งนี้ที่หัวใจของเขาเต้นถี่รัว คุณหมอหนุ่มเก็บความตื่นเต้นไว้ใต้หน้ากากอนามัย เขารอเวลาให้อลิษาลดความเกร็งลง ไม่เร่งรัดเพราะเข้าใจความรู้สึกของเธอดี อีกอย่าง.. เขาเองก็ต้องการเวลาให้ความตื่นเต้นของตัวเองลดลงเช่นกัน
“คะ คุณหมอ ทำเลยก็ได้ค่ะ”
อลิษาเอ่ยอนุญาต เธอหลับตาปี๋ในตอนที่นิ้วของคุณหมอเริ่มดุนดันเข้ามา ความเจ็บและความอึดอัดมากมายเข้ามาพร้อมกับนิ้วสองนิ้วนั้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างเกิดขึ้นด้วย
“อะ อ๊ะ!”
มันเสียว
คุณหมอมากประสบการณ์เหงื่อตก เขาหยุดมือหลังจากสอดใส่เข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว ในระยะห่างเพียงน้อยนิดเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน ภาพที่ความสาวดูดกลืนนิ้วของเขา พร้อมกับขับน้ำหล่อลื่นออกมาเคลือบ
อลิษามีอารมณ์ระหว่างตรวจ
นับว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากสำหรับอินทัช ปกติคนที่มาตรวจไม่ค่อยมีใครเกิดอารมณ์ระหว่างตรวจเพราะมัวแต่ตื่นเต้น แต่อลิษา.. พอผ่านความตื่นเต้นมาได้เธอก็เริ่มตอบรับการรุกรานของอินทัชด้วยอารมณ์วาบหวาม
“อาาา คุณหมอขา”
อินทัชอยากจะบ้าตาย เขาอยากจะหยุดทุกอย่างลงแล้วให้คนอื่นเข้ามาทำแทน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมมือข้างนั้นถึงไม่ยอมขยับออกตามที่ใจคิด มันกลับดันเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดทาง
“อ๊า! คุณหมอ มัน อะ มัน”
อลิษาครวญคราง สะโพกเริ่มบิดไปมาอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก อินทัชรีบยึดสะโพกมนไว้ไม่ให้ขยับไปมากกว่านี้ เพราะทุกครั้งที่เธอขยับ นิ้วของเขาก็จะถูกตอดรัดจนชาหนึบ
“คุณหมอ มันแปลก ๆ”
“ใจเย็น ๆ ครับ” อินทัชบอกทั้งอลิษาและตัวเขาเอง "นิ่ง ๆ ก่อน ผมขอตรวจ..”
“มะ มัน อะ อื้อ”
อินทัชรีบทำหน้าที่ก่อนสถานการณ์จะแย่ไปมากกว่านี้ เขาแช่นิ้วทั้งสองไว้พร้อมกับใช้อีกมืออีกข้างกดหน้าท้องเพื่อคลำหาความผิดปกติภายใน เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติหรือก้อนเนื้อแปลกปลอมเขาก็ทำท่าจะดึงนิ้วยาวออก
“ดะ เดี๋ยวค่ะ!” อลิษาเอื้อมมือมาจับยึดมือคุณหมอไว้ “อย่าเพิ่งเอาออกค่ะ มัน.. อื้อ”
“คุณอลิษา ตอนนี้คุณกำลังขาดสติ ให้ผมเอาออกก่อนครับ”
“ไม่ค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกดี”
“คุณ!”
“นิ้วของคุณหมอมันทำให้ฉันรู้สึกดี อ๊า~”
เธอตอกย้ำความรู้สึกดีด้วยการขมิบเนื้อนุ่มบีบรัดนิ้วยาว อินทัชกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาแดงแจ๋ไปหมด
“คุณหมอ ทำไมมันรู้สึกดีแบบนี้คะ อ๊าา”
“คุณอลิษา เบาเสียงหน่อย ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียง”
อินทัชเตือนเสียงต่ำ ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียงได้ดีเท่าไหร่ ดูได้จากเมื่อครู่ที่อลิษาตะโกนออกไปได้ถึงข้างนอก แล้วถ้าเสียงครางหวาน ๆ นี้ดังออกไปจนคนอื่นได้ยินเข้าล่ะ
เขาคงกลายเป็นหมอที่ถูกครหา เป็นผู้บริหารที่ไม่มีใครอยากนับถืออีกต่อไป
“มันรู้สึกดีนี่คะ อื้ม”
อลิษาหลับตาพริ้ม หมุนส่ายสะโพกวนไปมา เนื้อนุ่มบีบรัดก้านนิ้วยาวไม่ยอมปล่อย เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่เหมือนช่องท้องมีบางอย่างวิ่งวนไปมา เหมือนมีผีเสื้อนับล้านตัวกระพือปีกอยู่ข้างใน แบบนี้น่ะเหรอความรู้สึกของนางเอกนิยายที่เธอเคยอ่าน
รู้สึกดีจัง ดีจนไม่อยากให้อินทัชเอามือออกไปเลย
อินทัชไม่ได้ขยับมือ แต่นั่นไม่เป็นปัญหาเพราะอลิษาขยับสะโพกเองได้ เธอค้นพบความลับว่าถ้ายิ่งขยับก็จะยิ่งรู้สึกดี อลิษาจึงทำแบบนั้นซ้ำ ๆ พร้อมกับส่งเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ
คุณหมอหนุ่มหันหน้าไปทางอื่น ถึงไม่อยากยอมรับ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าอลิษากำลังสำเร็จความใคร่กับนิ้วของเขา ขนาดเขาไม่ยอมขยับนิ้วเธอยังดิ้นรนหาทางด้วยตัวเองจนได้ ช่องทางที่ดูดกลืนนิ้วของเขาทั้งคับแน่นและเปียกแฉะ ถุงมือของอินทัชมันวาวเพราะเต็มไปด้วยคราบความใคร่ของเธอ
“ฮ้าา คุณหมอขา”
อินทัชทำเป็นไม่สนใจเสียงหวาน ๆ นั้น เขาปล่อยให้อลิษากระทำกับนิ้วตัวเองเหมือนเป็นแค่เซ็กซ์ทอย และได้แต่ภาวนากับพระเจ้าให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเสียที
“อะ ทำไมมัน อะ อื้อ!”
เหมือนพระเจ้ารับฟังคำร้องขอของอินทัช อลิษาเริ่มส่งเสียงครางกระเส่า เนื้อนุ่มตอดรัดนิ้วยาวถี่รัว น้ำหวานไหลซึมหยดแหมะ
ดีที่มีผ้ารอง ไม่อย่างนั้น..
“อ๊า! คุณหมอ อ๊ะ”
ผีเสื้อในท้องพากันกระพือปีกเต็มแรง อลิษากัดปากตัวเองจนห้อเลือด ความรู้สึกสุดท้ายมันหมือนเธอถูกมือที่มองไม่เห็นจับโยนขึ้นที่สูง ก่อนจะตกลงมาบนปุยนุ่นนุ่ม ขาเรียวหลุดออกจากขาหยั่งแล้วหนีบเข้าหากัน รวมถึงหนีบมือของคุณหมอไปด้วย สะโพกอวบเกร็งกระตุกถี่ ๆ นานเกือบนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะสงบลง
“แฮ่ก!”
“ปล่อยได้แล้วครับ”
อลิษายอมอ้าขาออกแต่โดยดี เธอกระตุกเฮือกเมื่อก้านนิ้วยาวถอดถอนออกไป สติที่หายไปทยอยพากันกลับเข้ามาพร้อมกับอินทัชที่ขยับออกห่าง
เมื่อกี้ เธอ..
พออารมณ์วาบหวามจางหายไปความอับอายก็เข้ามาแทนที่ อลิษายกมือทั้งสองขึ้นปิดหน้าเมื่อสำเนียกได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป มันน่าอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สุดท้ายก็ทำได้แค่แก้ปัญหาโง่ ๆ ด้วยการยกมือขึ้นปิดหน้าไว้ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์และไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกไปนะครับ”
เสียงเก้าอี้เลื่อนออก เสียงขยับตัว และเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวห่างออกไป เมื่อมั่นใจว่าอยู่คนเดียวแล้วอลิษาก็ยกมือที่ปิดหน้าออก เธอรีบลงจากเตียงตรวจ จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วรีบไปเปลี่ยนเป็นชุดของตัวเองในห้องน้ำ
“โอ้ย!! เธอทำอะไรลงไปลิษา!”
อลิษาอับอายจนไม่คิดจะไปเจอหน้าหมออินทัชอีก เมื่อกี้เธอทำอะไรลงไป ตัวอะไรเข้าสิงถึงได้ทำแบบนั้น คุณหมอจะมองเธอแบบไหน เรื่องซื้อขายสเปิร์มคงยากขึ้นไปอีกเพราะเธอไม่กล้าเจอเขาแล้ว
“พัง! พังหมดแล้ว ฮือ!”
ก๊อก ก๊อก
“คุณอลิษาคะ” เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของพยาบาลคนเดิม “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเชิญที่ห้องหมออินทัชนะคะ”
“คะ? ฉันยังกลับไม่ได้เหรอคะ?” อลิษาถามผ่านประตูห้องน้ำ ไม่นาน พยาบาลด้านนอกก็ตอบกลับมา
“ยังค่ะ ต้องไปฟังผลตรวจคร่าว ๆ ก่อนนะคะ”
“ส่งมันมาพร้อมกับผลตรวจทั้งหมดเลยได้ไหมคะ”
“ปกติก็ได้นะคะ แต่พอดีว่าคุณหมออินทัชต้องการเชิญคุณอลิษาไปพบด้วยน่ะค่ะ”
“อะ อะไรนะคะ!?”
“คุณหมออยากพบคุณอลิษาค่ะ”
หมออินทัชอยากเจอเธอทำไม?
หรือว่า.. จะพูดเรื่องเมื่อกี้
อลิษาอยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เธอไม่พร้อมเจอหน้าหมออินทัชตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่หลังจากที่เธอทำแบบนั้นต่อหน้าเขา!
.
.
.
.
.
TBC
แกร๊ก.....แกร๊กอินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้วมันจะดีจริง ๆ ใช่ไหมก๊อก ก๊อก“เชิญครับ”อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย“อะ เอ่อ.. คุณหมอ”อลิษาโผล่มาแต่หัวพร้อมกับแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดหน้าเล็ก ๆ ไปเกือบครึ่ง อินทัชเกือบผงะถอยหลังเพราะความตกใจ โชคดีที่เขาสงวนท่าทีไว้ได้ก่อนไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อหมออินทัชผู้สุขุม แค่นี้เขาก็รักษาภาพลักษณ์ไว้แทบไม่ได้แล้ว“เข้ามานั่งก่อนสิครับคุณอลิษา”“คะ คือฉัน..”อลิษาอึกอัก เธอไม่กล้าเข้าไป เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆเธออาย อายจนต้องเอาแว่นกันแดดมาสวมปิดใบหน้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ร่ม เธอยอมให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาดดีกว่าต้องสบตากับคุณหมอตรง ๆ“เอ่อ.. คือถ้าจะพูดถึงผลตรวจคุณหมอส่งมันมาพร้อมกับผลทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวน”“ไม่ใช่แค่เรื่องผลตรวจหรอกครับ” อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องขายสเปิร์
“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ” อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สามของรอบเดือน ฉีดไปจนกว่าไข่จะเติบโตมากพอ” อินทัชส่งถุงยาให้ภรรยา อลิษารับไปถือไว้ แต่ดวงตายังจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่กระพริบเธอมีสามีแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่เป็นแค่สามีในนาม“คุณอลิษา"“คะ?”“คุณเหม่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”อินทัชถามระหว่างที่เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ทั้งเขาและอลิษาวิ่งวุ่นทั้งวัน นอกจากน้ำเปล่าแล้วแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนไปส่งอลิษาที่บ้านอินทัชก็เลยแวะเข้าร้านประจำก่อน“ฉันแค่งง ๆ ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ คือ.. ฉันโสดมายี่สิบแปดปี พอจะไม่โสดก็มีสามีเลย มันแปลก..”“งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอกครับ เพราะผมเองก็โสดมาสามสิบห้าปี วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตที่ผมไม่โสด”อลิษาได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ยี่สิบแปดปีของเธอก็ว่าเยอะแล้วนะ นี่อินทัชไปอยู่ซอกไหนของโลกมา ไม่สิ..
“หนูลิษา ทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนะลูก” ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงอิงอร แม่แท้ ๆ ของหมออินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู“มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนบอกพ่อกับแม่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พีระ เอ่ยเสริมส่วนอลิษานั้นนั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว เมื่อสองวันที่แล้วเธอลองหาประวัติครอบครัวของสามีในอินเตอร์เน็ตดู แล้วก็พบกับความจริงที่น่าตกใจว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แต่คุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ทั้งคู่ คุณหมออิงอรนั้นเป็นอาจารย์อาวุโสในมหาวิทยาลัยดัง ส่วนคุณหมอพีระเองก็ไม่ต่าง.. แต่พ่วงตำแหน่งอธิการบดีไปด้วยไม่รวมถึงครอบครัวนี้มีกิจการโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ถึงไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายแต่ก็มีหลายสาขาในหลายจังหวัด ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาและการบริการชั้นเลิศอลิษารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่มีแต่คนเก่งและเพอร์เฟกต์ ส่วนเธอนั้นเป็นแค่มดตัวน้อยที่ริอาจเหยียบเข้าบ้านราชสีห์“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกพ่อกับแม่สิ เรียกแบบพี่อินเขา เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” คุณหมอพีระเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเธอรู้ประวัติมาว่าคุณหมอพีระนั้นเลือกเรียนเฉพาะทาง
อินทัชรู้สึกได้ว่าอลิษามีท่าทีเปลี่ยนไป หลังจากที่ย้ายเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันเธอก็ไม่เย้าหยอกเขาเหมือนแต่ก่อน รวมถึงไม่พูดถึงเรื่องทำลูกแบบธรรมชาติอีก ต่างคนต่างอยู่ เจอหน้ากับเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้นสามีภรรยาในนามใช้ชีวิตไม่ต่างจากก่อนจดทะเบียนสมสรกันเท่าไหร่ ทุก ๆ เช้าทั้งคู่รวมถึงหมออิงอรและหมอพีระจะทานมื้อเช้าด้วยกันพร้อมหน้า หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อินทัชเข้าสถาบัน ส่วนอลิษาเข้าบริษัทเหมือนกับวันนี้“พี่ลิษา เรื่องย้ายออฟฟิศนี่พี่เอาจริงเหรอคะ”ผู้ช่วยอย่างมะปรางเอ่ยถามอลิษาด้วยคำถามเดิมซ้ำ ๆ วันนี้มีประกาศที่น่าตกใจจากผู้บริหารสาว ว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีการโยกย้ายออฟฟิศมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอลิษาก็ไม่ยอมย้ายออกจากที่นี่ท่าเดียว ผู้บริหารคนเก่งบอกว่ามันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ทั้งความรู้สึกผิดหวัง สมหวัง มีความสุข และทุกข์ใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นในทาวน์โฮมหลังนี้ เธอไม่ต้องการย้ายไปที่ใหม่แม้บริษัทจะโตขึ้นทุกวัน“จริงสิ” อลิษาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ “มะปรางช่วยหน่อยนะ พี่อยากได้ออฟฟิศที่กว้างพอสำหรับพวกเรารวมถึงพนักงาน
ห้องเดิมเตียงเดิมขึ้นขาหยั่งเหมือนเดิมต้องอ้าขาโชว์น้องสาวกับหมออินทัชเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนเดิม.. รวมถึงความรู้สึก“ตื่นเต้นทำไม หมอไม่ได้พิศวาสผู้หญิงซะหน่อย”อลิษาปลอบหัวใจที่ดังตุ้บ ๆ ให้เต้นเบาลง นอนรอบนเตียงได้ไม่ถึงนาทีประตูห้องก็เปิดออก อินทัชเดินเข้ามา สวมใส่ชุดปลอดเชื้อและถุงมือสีขาว“พร้อมไหมครับ”“ค่ะ” อลิษาพยักหน้ารับวันนี้แล้วที่อินทัชจะฉีดเชื้อเข้ามาในตัวเธอ หลังจากติดตามไข่มาได้สักพัก อลิษามีไข่ที่พร้อมใช้งานแค่สามฟอง และมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก อินทัชบอกว่ามันเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังพอมีหวัง พอถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็นัดอลิษามาที่สถาบันเพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปอินทัชจัดการตัวเองก่อนที่อลิษาจะมา น้ำเชื้อที่ได้ถูกนำไปคัดจนเหลือเพียงสเปิร์มตัวที่แข็งแรง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้อลิษาตั้งท้องได้“อื้อ”อินทัชลงมือทำความสะอาดเนินนุ่มเบา ๆ หัวใจคุณหมอเต้นแรงกว่าปกติ แต่เขารีบกดมันไว้เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ“จะใช้ปากเป็ดนะครับ”อลิษาพยักหน้ารับเบา ๆ เธอหลับตาปี๋ในตอนที่อุปกรณ์เย็น ๆ สอดเข้ามาเพื่อเปิดทาง มันตึงแน่นแต่ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ไหว และหลังจากนั้นอลิษาก็รู้สึกเหมือนมีแท่งพลาสต
“วันนี้แม่ให้ป้าจิตทำกุ้งทอดกระเทียมของโปรดหนูด้วย ทานเยอะ ๆ นะลูก”“ขอบคุณค่ะคุณแม่” อลิษาส่งยิ้มอ่อนแรงให้คุณหมออิงอรสามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่อลิษารู้ว่าตัวเองยังไม่ตั้งครรภ์ จากวันนั้นหญิงสาวที่เคยสดใสร่าเริงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางเซื่องซึมไม่ค่อยคุยกับใคร ถามคำตอบคำ ชวนคุยก็ตอบแค่สั้น ๆ กินน้อยลง แม้แต่ของโปรดที่เคยชอบก็ถูกมองข้ามไปอลิษากำลังแย่..อินทัชรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นอลิษาเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ทุก ๆ วันเขาจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ แต่เวลานี้มันหายไป และดูเหมือนว่ามันอาจจะไม่หวนกลับคืนมาในเร็ววันสำหรับหมออย่างอินทัชมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อลิษาจะไม่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เพราะบางคนทำ IUI ตั้งสามสี่ครั้งถึงจะติดก็มี บางคนทำมากกว่านั้นแต่ก็คว้าน้ำเหลว จนต้องหันไปพึ่งวิธีอื่น ๆ ที่ได้ผลมากกว่าก็มี มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วแต่อลิษาไม่เหมือนคนอื่น เธอตั้งความหวังไว้สูงมาก มากเกินไปจนลืมเผื่อใจว่ามันอาจจะไม่สำเร็จ“อิน”“ครับคุณแม่”อลิษานั่งเหม่อ แม้กระทั่งสองแม่ลูกพูดคุยกันเธอก็ไม่ได้ยิน ช้อนเขี่ยข้าวบ
“เห็นหนูลิษาดีขึ้นพ่อกับแม่ก็สบายใจค่ะ”คุณหมออิงอรพูดพร้อมรอยยิ้ม หลายวันมานี้ในบ้านเหมือนมีเมฆหมอกสีเทาปกคลุม แต่หลังจากที่ลูกชายเดินออกมาจากห้องภรรยาในนามพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผิดปกติ อลิษาก็ดูเหมือนจะกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนแต่ก่อนแล้วไม่รู้ว่าในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เห็นแบบนี้อิงอรก็สบายใจ“ถ้าไม่ได้คุณหมออินทัชลิษาคงแย่ค่ะ” ผู้บริหารคนสวยส่งสายตาไปให้สามี อินทัชเงยหน้าขึ้นสบตาโตเฉี่ยว ก่อนจะหลุบลงมองไข่พะโล้ตรงหน้า เพราะไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนดีสายตาของอลิษาเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนไม่ต่างจากรูปร่างหน้าตา ถ้าเผลอจ้องไปนาน ๆ อาจจะถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดจนถอนตัวไม่ขึ้นไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกผู้หญิงทำตาวิบวับใส่ แต่อลิษาคือคนเดียวที่ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก อาจเป็นเพราะอลิษาไม่ใช่คนอื่น เธอคือภรรยาทางนิตินัยของเขาที่อีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นภรรยาทางพฤตินัยอย่างสมบูรณ์“เรื่องลูกน่ะเชื่อมือหมออินทัชเขาเถอะหนูลิษา ตั้งแต่เปิดสถาบันมาไม่เคยมีครอบครัวไหนต้องกลับบ้านไปมือเปล่า ถึงบางคนจะไม่สำเร็จในตอนแรก แต่สุดท้ายอินก็มีวิธีที่เหมาะสมให้อยู่ดี ดังนั้นพ่อมั่นใจว่าหนูลิษาจะได้อุ้มเจ้าตัวน้อยแน่ ๆ
ทาวน์โฮมสามชั้นในวันนี้คึกคักกว่าทุกวัน พนักงานทั้งเก่าและใหม่กว่าสิบชีวิตต่างหอบหิ้วของสำคัญไว้ในอก พวกของชิ้นใหญ่บริษัทรับขนย้ายมาขนไปที่ออฟฟิศใหม่แล้ว เหลือเพียงของสำคัญที่จะถูกย้ายเข้าในวันนี้เวลาเก้าโมงเก้านาทีฤกษ์ยามงามดี อลิษามาที่อดีตออฟฟิศเก่าแต่เช้า เก็บของลงกล่อง ดวงตาโตเฉี่ยวกวาดมองห้องทำงานตลอดหกปีที่ผ่านมาด้วยความอาลัยมีพบ ก็ต้องมีจาก เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ อลิษาพยักหน้าให้ผู้ช่วยเข้ามา มะปรางที่วันนี้แต่งตัวสวยผิดปกติยิ้มร่าอย่างมีความสุข“พี่ลิษา มะปรางสวยยังคะ”“สวยจ้า จะว่าไปมะปรางใส่เดรสแบบนี้ก็เข้านะ ทำไมไม่แต่งแบบนี้เวลาทำงานล่ะ”“โหย ไม่ไหวหรอกค่ะ ใส่กางเกงมันสะดวกกว่า ขยับตัวง่าย ทำอะไรก็ง่ายด้วยค่ะ”“แล้ววันนี้นึกครึ้มยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้ มีนัดกับหนุ่มที่ไหนหืม”“ก็..” มะปรางบิดตัวไปมาด้วยความขวยเขิน “วันนี้คุณหมออินทัชจะมาไม่ใช่เหรอคะ”“อ่า จริงสิ”อลิษาเกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้สามีจะมาช่วยขนของ เธอออกมาก่อนเพราะต้องเก็บของจิปาถะ ส่วนอินทัชจะตามมาหลังจากทานมื้อเช้ากับคุณหมออิงอรและคุณหมอพีระเรียบร้อยแล้ว“มะปรางตื่นเต้นมากค่ะพี่ลิ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก