อลิษากลับมาที่สถาบันเดิมอีกครั้ง เธอร้อนใจเป็นบ้าเพราะหมออินทัชคิวแน่นไปถึงอีกสองเดือนข้างหน้า โชคดีของเธอที่มีคิวหนึ่งเลื่อนออกไปพอดี อลิษาเลยใช้เงินช่วยนิดหน่อยเพื่อให้ได้คิวนั้นมา
ซึ่งก็คือวันนี้
ที่นี่เป็นสถานบริการเกี่ยวกับเพศและครอบครัวแบบครบวงจร จะเรียกว่าโรงพยาบาลก็ไม่เชิง เพราะสถาบันนี้ดูแลแค่เฉพาะทาง ให้คำปรึกษาเรื่องบุตรและช่วยเหลือผู้ที่มีบุตรยากรวมถึงทำคลอด ดูแลเรื่องเพศตั้งแต่ตรวจภายในไปจนถึงปรึกษาเรื่องอวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือหลั่งไว รับปรึกษาและรักษาปัญหาทางด้านจิตใจเกี่ยวกับเพศและครอบครัวทุกเรื่องโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สถาบันนี้ก่อตั้งมาเป็นเวลาห้าปีโดยคุณหมออินทัช ผู้ที่ได้รับฉายาว่าคุณหมออัจฉริยะ เขาเป็นคุณหมอมือหนึ่งเรื่องการทำบุตรให้คู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก ไม่มีเคสไหนที่อินทัชล้มเหลว ตลอดเวลาที่เปิดสถาบันมาห้าปี มีเด็กนับร้อยที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือของหมออินทัช
สำหรับอินทัชนั้นไม่มีอะไรที่ยากเกินไป เขาเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกมีทางออก เชือกถ้าผูกได้ก็ย่อมต้องมีทางแก้ จนกระทั่งวันนี้ที่เขาแทบจะเปลี่ยนความเชื่อของตัวเองทั้งหมด
“คุณอลิษา”
“คุณหมอจำลิษาได้ด้วย”
อลิษายิ้มกว้าง มองคุณหมอผู้หล่อเหลาด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“พอดีมีชื่อเขียนไว้น่ะครับ” เขายกแฟ้มให้อลิษาดู
อินทัชเห็นรอยยิ้มกว้างหุบฉับลงทันที อันที่จริงเขาจำผู้หญิงคนนี้ได้จริง ๆ นั่นแหละ รูปร่างหน้าตาโดดเด่นขนาดนี้ แต่อินทัชคิดว่าไม่พูดออกไปคงจะดีกว่า
“ไม่ทราบว่าคุณอลิษาอยากปรึกษาส่วนตัวกับผมเรื่องอะไรครับ”
ในแฟ้มไม่มีเขียนบอก กำกับมาแค่ต้องการปรึกษาเรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับ ในทางการแพทย์ที่ต้องรักษาความลับของคนไข้ยิ่งชีพเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์เค้นถาม ยกเว้นคนที่ต้องดูแลเคสนี้อย่างอินทัช
“เรื่องมีลูก จำได้ไหมคะว่าฉันมาปรึกษาเรื่องมีลูกกับคุณหมอเมื่อสองเดือนกว่า ๆ ที่แล้ว”
“ครับ ในประวัติมันเขียนไว้”
“..ค่ะ” หญิงสาวหน้ายู่หน้า ถ้าไม่มีประวัติคุณหมอก็คงจำเธอไม่ได้สินะ
แต่สุดท้ายอลิษาก็กลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิม คุณหมอคิวแน่นขนาดนั้น สองเดือนที่ผ่านมาคงเจอคนเป็นร้อย ๆ จำไม่ได้ก็ไม่เห็นแปลกเลย
“มีคุณหมอรับทำให้ฉันแล้วนะคะ”
“ยินดีด้วยครับ ขอให้สำเร็จนะครับ”
“มันไม่สำเร็จแน่ ๆ ค่ะถ้าคุณหมอไม่ช่วย”
“คุณอลิษาครับ”
อินทัชปิดแฟ้มลง เขามองหน้าสวยจัดของอลิษาอย่างจริงจัง
“ผมบอกชัดเจนแล้วนะครับว่าทำไม่ได้ ผมไม่อยากเอาสถาบันไปข้องเกี่ยวกับเรื่องสีเทา ถ้ามีปัญหาขึ้นมาไม่ใช่แค่ผมที่จะแย่ ผมอยากให้คุณเข้าใจนะครับ”
“ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณหมอทำให้นี่คะ ฉันบอกแล้วว่ามีคุณหมอคนอื่นรับทำให้แล้ว”
“แต่คุณบอกว่าผมต้องช่วยถึงจะสำเร็จ”
“ใช่ค่ะ” อลิษาพยักหน้าแรง ๆ “แต่เรื่องฉันจะขอที่ให้ช่วย คุณหมอไม่เดือดร้อนแน่นอนค่ะ”
อินทัชถอนหายใจ ไม่เคยเจอใครที่ตื้อหนักขนาดนี้มาก่อน อลิษาคือคนแรก และอินทัชก็หวังว่าจะเป็นคนสุดท้าย..
“ลองว่ามาสิครับ”
เขาจะยอมรับฟังให้มันจบ ๆ ไป ส่วนจะช่วยหรือไม่นั้นอินทัชยังบอกไม่ได้
“ตรง ๆ เลยนะคะ ฉันอยากได้สเปิร์มของคุณหมอ”
“อะไรนะครับ!!”
“ฉันมาขอซื้อสเปิร์มคุณหมอค่ะ คุณหมอจะขายราคาเท่าไหร่คะ”
อินทัชนิ่งค้างเหมือนถูกแช่เข็ง เขาเบิกตากว้างมองผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย แต่งตัวดี พูดจาสุภาพ แต่กลับพูดออกมาว่าอยากซื้อสเปิร์มของเขาได้หน้าตาเฉย ท่าทางของเธอจริงจังไม่มีวี่แววล้อเล่น อลิษาไม่ได้ล้อเล่น.. แต่อินทัชกลับอยากให้มันเป็นแค่เรื่องตลกขบขันที่เอามาหยอกล้อกันมากกว่า
เมื่อเห็นคุณหมอเงียบไปอลิษาก็คิดไปเองว่าคุณหมออาจจะกำลังประเมินราคาสเปิร์มตัวจิ๋วอยู่ เธอก็เลยใจดีเสนอราคาให้ด้วยตัวเลขที่มากกว่าสเปิร์มจากเว็บสีเทาหลายเท่า
“สองล้าน”
“ครับ?”
“หรือว่าน้อยไปคะ ถ้าอย่างนั้นห้าล้านก็ได้ ฉันจ่ายไหวแค่นี้นะคะคุณหมอ อย่าขูดรีดผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้เลยค่ะ”
“คุณอลิษา”
“คะ?”
“ไม่ทราบว่าอะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะขายสเปิร์มกิน”
อินทัชถามเสียงเครียด เขาไม่ตลกเลย อลิษาไปเอามาจากไหนว่าเขาขายสเปิร์มตัวเองจนมาเสนอราคาให้แบบนี้
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่มี?”
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ
“แล้วทำไม..”
“ฉันแค่ถูกชะตากับคุณ และคุณสมบัติของคุณก็เป็นคุณสมบัติที่ฉันอยากได้มาเป็นพ่อพันธุ์”
“พ่อพันธุ์?”
“ค่ะ ฉันอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี ฉันก็เลยต้องการหาพ่อพันธุ์ที่ดีที่สุดเพื่อลูกที่จะเกิดมา คุณน่ะ.. เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะ ทั้งหล่อ สูง ฉลาด ไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ส่วนฉันเองก็สวย เรียนจบปริญญาโท มีธุรกิจของตัวเอง และไม่ดื่มไม่สูบเหมือนกัน คุณนึกภาพออกไหมคะว่าลูกของฉันจะออกมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพขนาดไหน”
“คุณอลิษา ลูกไม่ใช่ธุรกิจ”
“ฉันก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นธุรกิจนี่คะ ถึงมันจะฟังแล้วคิดไปได้แบบนั้นก็เถอะ แต่ฉันแค่อยากให้เขาเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันพอจะทำได้”
อินทัชฟังอลิษาพูดเจือยแจ้วด้วยความใจเย็น เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่อลิษาต้องการสื่อ อินทัชเปิดใจกว้างรับฟังในฐานะหมอคนหนึ่ง เขาพอจะดูออกคร่าว ๆ ว่าอลิษาไม่ได้มีปัญหาทางจิตแต่อย่างใด เธอแค่อยากมีลูกและค่อนข้างเป็นเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ ทุกอย่างสำหรับเธอต้องเพอร์เฟกต์และดีที่สุด รวมถึงลูกด้วย
“ผมมีข้อเสียตั้งมากมายที่คุณไม่รู้ ไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้นหรอกนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าไม่มีใครเพอร์เฟกต์ทุกอย่างอยู่แล้ว แค่อะไรที่ถ่ายทอดมาให้ลูกได้มันดีฉันก็โอเค พวกนิสัยหรืออะไรภายนอกฉันสามารถสอนเขาได้”
อลิษาพูดชัดถ้อยชัดคำ มีความมั่นอกมั่นใจตามประสาผู้บริหารไฟแรง เธอมั่นใจว่าอินทัชจะยอมขายสเปิร์มให้เธอ เพราะตลอดเวลาที่อธิบายเขาไม่มีท่าทางต่อต้านเลย แถมยังรับฟังเป็นอย่างดี
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะไม่ให้ลูกมาวุ่นวายกับคุณเด็ดขาด คุณไม่ต้องเป็นพ่อของเขา และเมื่อคุณแต่งงาน ฉันก็ขอยืนยันว่าลูกจะไม่เป็นปัญหาให้คุณและภรรยาของคุณ ฉันยินดีทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรค่ะ”
อินทัชเงียบ
“คุณหมออินทัชคะ ขายสเปิร์มของคุณให้ฉันเถอะนะคะ”
คุณหมอยังคงเงียบ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ
“คุณหมอ..”
“คุณอลิษาคงไม่รู้ ว่าการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วยมันไม่ได้ดีไปกว่าทำตามธรรมชาติเลย โอกาสติดมากกว่าแต่ก็ไม่เยอะ และคุณต้องทนฉีดยาเข้าหน้าท้องเกือบเดือน เจ็บตัวโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลไหม”
“ฉันทนได้ค่ะ”
“งั้นเหรอครับ” อินทัชเลิกคิ้วสูง “แต่ผมเสียใจที่ต้องบอกตามตรงว่า.. ผมไม่ขาย”
"ทำไมล่ะคะ"
“หนึ่ง ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน สอง ผมไม่ต้องการมีลูกที่ไม่ได้เกิดจากคู่สมรส”
“แต่ต่างประเทศเขาทำกันปกตินี่คะ บางคนช่วยให้คุณแม่ที่อยากมีลูกมีลูกได้สมใจไม่รู้ตั้งกี่คน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปทำที่ต่างประเทศสิครับ”
อินทัชพูดเรียบ ๆ แต่แปลได้ว่าเขากำลังไล่เธอให้ไปไกล ๆ อลิษาเข้าใจแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องหน้าหนาให้ถึงที่สุด
“แต่ฉันอยากได้ของคุณคนเดียวนี่คะ”
“แต่ผมไม่ขายครับ”
“แล้วต้องทำยังไงฉันถึงจะได้ล่ะคะ”
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ เพราะมันไม่มีวันนั้นแน่นอน คุณกลับไปเถอะ อย่าทำให้ทั้งผมและคุณต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย”
อลิษาอ้าปากค้าง คุณหมอที่แสนสุภาพจิกกัดเธอได้เจ็บ ๆ คัน ๆ คำพูดนุ่ม ๆ ที่เชือดได้นิ่ม ๆ บางทีอาจจะทำให้รู้สึกละอายยิ่งกว่าโดนด่าแรง ๆ ด้วยซ้ำ
ผู้บริหารสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง วางมือลงบนโต๊ะแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าจนเนินอกอิ่มในชุดเดรสล้นทะลักออกมา
อินทัชเบนสายตาไปทางอื่น เขาเห็นร่างกายผู้หญิงมานับร้อยนับพัน แต่นั่นมันตอนที่รักษา ไม่ใช่เวลาแบบนี้
“คุณรู้ไหมคะว่าฉันจะไม่ปล่อยมือจากสิ่งที่ต้องการง่าย ๆ”
“....”
“เตรียมรับมือได้เลยค่ะ ฉันไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่ ๆ”
.
.
.
.
.
TBC
จู่ ๆ อลิษาก็คิดค้นวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ มันเป็นวิธีที่เปลืองตัวมากและไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้อินทัชถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อต้องเจอกับคน ๆ เดิมเป็นรอบที่สามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เธอขอซื้อสเปิร์มจากเขาเมื่อคราวก่อนยังหลอนอยู่ในหู แต่ด้วยหน้าที่ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ หมออินทัชปัดความขุ่นมัวในใจออกไป แล้วทำหน้าที่ของตนเองอย่างมืออาชีพ“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าวันนี้..”“ฉันมาตรวจภายในค่ะ!”อลิษารีบบอกธุระเร็วรัวพร้อมหลับตาปี๋ เห็นแบบนี้เธอก็เขินนะ ทั้งชีวิตไม่เคยต้องโชว์น้องน้อยให้ใครดูมาก่อน ถ้าไม่นับตอนเด็ก ๆ น่ะนะแต่นี่เป็นวิธีเดียวที่อลิษาคิดออก ในตอนนี้เธอยอมแม้กระทั่งต้องมีอะไรกับหมออินทัชเพื่อแลกกับสเปิร์มเพียงครั้งเดียวจากเขา และเธอค่อนข้างมั่นใจว่าร่างกายของตัวเองไม่ด้อยไปกว่าใคร ถึงยังไงหมออินทัชก็เป็นผู้ชาย..บางที ถ้าได้เห็น.. หมออินทัชอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้...มั้ง“ครับ”อินทัชตอบเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทางตื่นตระหนกอะไร เขาคุ้นชินกับหน้าที่นี้ดี แค่ไม่มาขอซื้อสเปิร์มเขาแบบคราวก่อนก็พอ“ถ้าอย่างนั้นผมขอทราบประวัติคร่าว ๆ ก่อน ประจำเดือนครั้
อินทัชไม่ได้ไปไหนไกล เขาแค่หลบออกมาหน้าห้องตรวจ ยืนสงบสติเพื่อให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนกลับมาคงที่“หมออินทัช มีอะไรหรือเปล่าคะ”เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อินทัชเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ“หมอรุ้งแพร”“ค่ะ แพรเอง หมออินทัชเป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”อินทัชส่ายหน้าเบา ๆ รุ้งแพรเหมือนจะถามต่อแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอส่งยิ้มให้อินทัช แววตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง“มื้อเย็นนี้มีนัดหรือยังคะ หมออินทัชสนใจไปหาอะไรทานด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ รุ้งแพรเป็นคุณหมอคนเก่งอีกคนในสถาบันนี้ เธออายุเท่ากับอินทัช ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจนดูเหมือนเป็นนักศึกษามากกว่าแพทย์ชำนาญการรุ้งแพรมีนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นเสมอ เป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่อินทัชยอมให้ความสนิทชิดเชื้อมากกว่าหมอหรือเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เพราะเธอไม่เคยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ผม..”“หมออินทัชคะ!”เสียงแว๊ด ๆ จากในห้องตรวจทำเอาสองคุณหมอสะดุ้งโหยง อินทัชหน้าเสีย เขาลืมไปเลยว่ามีคนรอให้เขาเข้าไปตรวจอยู่ในห้องอินทัชไม่เคยเสียสมาธิขน
แกร๊ก.....แกร๊กอินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้วมันจะดีจริง ๆ ใช่ไหมก๊อก ก๊อก“เชิญครับ”อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกวางไว้อย่างเรียบร้อย“อะ เอ่อ.. คุณหมอ”อลิษาโผล่มาแต่หัวพร้อมกับแว่นตาสีดำอันใหญ่ปิดหน้าเล็ก ๆ ไปเกือบครึ่ง อินทัชเกือบผงะถอยหลังเพราะความตกใจ โชคดีที่เขาสงวนท่าทีไว้ได้ก่อนไม่อย่างนั้นคงเสียชื่อหมออินทัชผู้สุขุม แค่นี้เขาก็รักษาภาพลักษณ์ไว้แทบไม่ได้แล้ว“เข้ามานั่งก่อนสิครับคุณอลิษา”“คะ คือฉัน..”อลิษาอึกอัก เธอไม่กล้าเข้าไป เพราะเธอกลัวว่าคุณหมอจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆเธออาย อายจนต้องเอาแว่นกันแดดมาสวมปิดใบหน้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่ร่ม เธอยอมให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาดดีกว่าต้องสบตากับคุณหมอตรง ๆ“เอ่อ.. คือถ้าจะพูดถึงผลตรวจคุณหมอส่งมันมาพร้อมกับผลทั้งหมดเลยก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวน”“ไม่ใช่แค่เรื่องผลตรวจหรอกครับ” อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องขายสเปิร์
“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ” อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สามของรอบเดือน ฉีดไปจนกว่าไข่จะเติบโตมากพอ” อินทัชส่งถุงยาให้ภรรยา อลิษารับไปถือไว้ แต่ดวงตายังจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่กระพริบเธอมีสามีแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายด้วย แต่เป็นแค่สามีในนาม“คุณอลิษา"“คะ?”“คุณเหม่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”อินทัชถามระหว่างที่เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้ทั้งเขาและอลิษาวิ่งวุ่นทั้งวัน นอกจากน้ำเปล่าแล้วแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนไปส่งอลิษาที่บ้านอินทัชก็เลยแวะเข้าร้านประจำก่อน“ฉันแค่งง ๆ ตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ คือ.. ฉันโสดมายี่สิบแปดปี พอจะไม่โสดก็มีสามีเลย มันแปลก..”“งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกแปลกหรอกครับ เพราะผมเองก็โสดมาสามสิบห้าปี วันนี้เป็นวันแรกในชีวิตที่ผมไม่โสด”อลิษาได้ยินแบบนั้นก็อ้าปากค้าง ยี่สิบแปดปีของเธอก็ว่าเยอะแล้วนะ นี่อินทัชไปอยู่ซอกไหนของโลกมา ไม่สิ..
“หนูลิษา ทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนะลูก” ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงอิงอร แม่แท้ ๆ ของหมออินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู“มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนบอกพ่อกับแม่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พีระ เอ่ยเสริมส่วนอลิษานั้นนั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว เมื่อสองวันที่แล้วเธอลองหาประวัติครอบครัวของสามีในอินเตอร์เน็ตดู แล้วก็พบกับความจริงที่น่าตกใจว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แต่คุณพ่อคุณแม่ของหมออินทัชมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ทั้งคู่ คุณหมออิงอรนั้นเป็นอาจารย์อาวุโสในมหาวิทยาลัยดัง ส่วนคุณหมอพีระเองก็ไม่ต่าง.. แต่พ่วงตำแหน่งอธิการบดีไปด้วยไม่รวมถึงครอบครัวนี้มีกิจการโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ถึงไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายแต่ก็มีหลายสาขาในหลายจังหวัด ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาและการบริการชั้นเลิศอลิษารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่มีแต่คนเก่งและเพอร์เฟกต์ ส่วนเธอนั้นเป็นแค่มดตัวน้อยที่ริอาจเหยียบเข้าบ้านราชสีห์“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“เรียกพ่อกับแม่สิ เรียกแบบพี่อินเขา เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” คุณหมอพีระเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเธอรู้ประวัติมาว่าคุณหมอพีระนั้นเลือกเรียนเฉพาะทาง
อินทัชรู้สึกได้ว่าอลิษามีท่าทีเปลี่ยนไป หลังจากที่ย้ายเข้ามาร่วมชายคาเดียวกันเธอก็ไม่เย้าหยอกเขาเหมือนแต่ก่อน รวมถึงไม่พูดถึงเรื่องทำลูกแบบธรรมชาติอีก ต่างคนต่างอยู่ เจอหน้ากับเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้นสามีภรรยาในนามใช้ชีวิตไม่ต่างจากก่อนจดทะเบียนสมสรกันเท่าไหร่ ทุก ๆ เช้าทั้งคู่รวมถึงหมออิงอรและหมอพีระจะทานมื้อเช้าด้วยกันพร้อมหน้า หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อินทัชเข้าสถาบัน ส่วนอลิษาเข้าบริษัทเหมือนกับวันนี้“พี่ลิษา เรื่องย้ายออฟฟิศนี่พี่เอาจริงเหรอคะ”ผู้ช่วยอย่างมะปรางเอ่ยถามอลิษาด้วยคำถามเดิมซ้ำ ๆ วันนี้มีประกาศที่น่าตกใจจากผู้บริหารสาว ว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีการโยกย้ายออฟฟิศมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอลิษาก็ไม่ยอมย้ายออกจากที่นี่ท่าเดียว ผู้บริหารคนเก่งบอกว่ามันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ทั้งความรู้สึกผิดหวัง สมหวัง มีความสุข และทุกข์ใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นในทาวน์โฮมหลังนี้ เธอไม่ต้องการย้ายไปที่ใหม่แม้บริษัทจะโตขึ้นทุกวัน“จริงสิ” อลิษาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ “มะปรางช่วยหน่อยนะ พี่อยากได้ออฟฟิศที่กว้างพอสำหรับพวกเรารวมถึงพนักงาน
ห้องเดิมเตียงเดิมขึ้นขาหยั่งเหมือนเดิมต้องอ้าขาโชว์น้องสาวกับหมออินทัชเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนเดิม.. รวมถึงความรู้สึก“ตื่นเต้นทำไม หมอไม่ได้พิศวาสผู้หญิงซะหน่อย”อลิษาปลอบหัวใจที่ดังตุ้บ ๆ ให้เต้นเบาลง นอนรอบนเตียงได้ไม่ถึงนาทีประตูห้องก็เปิดออก อินทัชเดินเข้ามา สวมใส่ชุดปลอดเชื้อและถุงมือสีขาว“พร้อมไหมครับ”“ค่ะ” อลิษาพยักหน้ารับวันนี้แล้วที่อินทัชจะฉีดเชื้อเข้ามาในตัวเธอ หลังจากติดตามไข่มาได้สักพัก อลิษามีไข่ที่พร้อมใช้งานแค่สามฟอง และมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก อินทัชบอกว่ามันเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังพอมีหวัง พอถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็นัดอลิษามาที่สถาบันเพื่อฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปอินทัชจัดการตัวเองก่อนที่อลิษาจะมา น้ำเชื้อที่ได้ถูกนำไปคัดจนเหลือเพียงสเปิร์มตัวที่แข็งแรง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้อลิษาตั้งท้องได้“อื้อ”อินทัชลงมือทำความสะอาดเนินนุ่มเบา ๆ หัวใจคุณหมอเต้นแรงกว่าปกติ แต่เขารีบกดมันไว้เพื่อไม่ให้เสียสมาธิ“จะใช้ปากเป็ดนะครับ”อลิษาพยักหน้ารับเบา ๆ เธอหลับตาปี๋ในตอนที่อุปกรณ์เย็น ๆ สอดเข้ามาเพื่อเปิดทาง มันตึงแน่นแต่ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ไหว และหลังจากนั้นอลิษาก็รู้สึกเหมือนมีแท่งพลาสต
“วันนี้แม่ให้ป้าจิตทำกุ้งทอดกระเทียมของโปรดหนูด้วย ทานเยอะ ๆ นะลูก”“ขอบคุณค่ะคุณแม่” อลิษาส่งยิ้มอ่อนแรงให้คุณหมออิงอรสามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่อลิษารู้ว่าตัวเองยังไม่ตั้งครรภ์ จากวันนั้นหญิงสาวที่เคยสดใสร่าเริงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางเซื่องซึมไม่ค่อยคุยกับใคร ถามคำตอบคำ ชวนคุยก็ตอบแค่สั้น ๆ กินน้อยลง แม้แต่ของโปรดที่เคยชอบก็ถูกมองข้ามไปอลิษากำลังแย่..อินทัชรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นอลิษาเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ทุก ๆ วันเขาจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ แต่เวลานี้มันหายไป และดูเหมือนว่ามันอาจจะไม่หวนกลับคืนมาในเร็ววันสำหรับหมออย่างอินทัชมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อลิษาจะไม่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เพราะบางคนทำ IUI ตั้งสามสี่ครั้งถึงจะติดก็มี บางคนทำมากกว่านั้นแต่ก็คว้าน้ำเหลว จนต้องหันไปพึ่งวิธีอื่น ๆ ที่ได้ผลมากกว่าก็มี มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วแต่อลิษาไม่เหมือนคนอื่น เธอตั้งความหวังไว้สูงมาก มากเกินไปจนลืมเผื่อใจว่ามันอาจจะไม่สำเร็จ“อิน”“ครับคุณแม่”อลิษานั่งเหม่อ แม้กระทั่งสองแม่ลูกพูดคุยกันเธอก็ไม่ได้ยิน ช้อนเขี่ยข้าวบ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก