ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันอย่างหนักใจ
“แต่งงานกันแล้ว ก็ควรจดจะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย” แม่แก้วอยากจะต่อว่าลูกชายที่พูดจาไม่ดีในวันแต่งงาน แต่เพราะเกรงใจฝ่ายเจ้าสาว ท่านจึงพยายามพูดกับลูกชายดี ๆ
“จะจดทำไมครับ ยังไงผมกับมุกก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”
“เจ้ากร !” พ่อภวัตเรียกลูกชายเสียงดังด้วยความโมโห ท่านจ้องหน้าลูกชายด้วยสายตาดุไม่พอใจ
“ไม่จดก็ได้ค่ะ มุกไม่มีปัญหาอะไร เวลาติดต่อราชการหรือทำธุรกรรมจะได้ไม่ยุ่งยากต้องแนบเอกสารใบทะเบียนสมรสเพิ่ม”
“งั้นก็ตามนี้ ไม่จดทะเบียนสมรส ทุกคนมีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมขอตัวออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ต่อนะครับ”
ร่างสูงของเจ้าบ่าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง เขาไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักใจของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ส่วนเจ้าสาวนั้นพยายามฝืนยิ้มให้ทุกคน สองมือที่ประสานอยู่บนตักบีบแน่น
“เอาไว้มุกเรียนจบแล้ว แม่จะบอกให้พี่เขาพาหนูไปจดทะเบียนสมรสนะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของแม่แก้ว ทำให้ไข่มุกยิ้มกว้างขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารับฟังคำบอกของท่าน
เมื่อทุกคนเห็นพ้องกันกับแม่แก้วว่า รอให้ไข่มุกเรียนจบ แล้วค่อยจดทะเบียนสมรสก็ได้ ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนจึงออกไปจากห้อง ปล่อยให้พี่สาวและน้องสาวได้อยู่กันตามลำพัง ตามคำขอร้องของมรกตที่เธอบอกว่า มีบางอย่างอยากจะคุยกับน้อง
พอประตูห้องปิดลง ในห้องมีเพียงเธอกับน้องสาว มรกตก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เธอเดินไปนั่งลงข้างคนที่สวมชุดเจ้าสาวของเธอ
“มุก...” มรกตจับสองมือของน้องสาวมากุมไว้ในสองมือของตน เธอรอจนน้องสาวเงยหน้าขึ้นมามองสบตาแล้วจึงยิ้มให้
“พี่ขอให้มุกมีความสุขในชีวิตคู่ ขอให้พี่กรเปลี่ยนใจไปรักมุกเร็ว ๆ นะ”
ไข่มุกยอมรับความจริงที่ว่า เจ้าบ่าวของเธอรักพี่สาวของเธอ พวกเขาคบกันมาตั้งแต่พี่สาวของเธอเรียนอยู่ปีสี่ และตกลงว่าจะแต่งงานกันหลังจากพี่กตเรียนจบปริญญาโท
ทว่าพอพี่สาวของเธอเรียนจบปริญญาโท พี่กตก็บอกกับเธอว่า เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้รักพี่กร ที่ผ่านมาเป็นเพราะบ้านอยู่เคียงกัน เลยสนิทกันเท่านั้นเอง เธอคิดกับพี่กรแค่พี่ชาย แต่เพราะงานแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนเธอจะเรียนจบ มรกตจึงไม่กล้าบอกยกเลิก ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าตัวเองคบผู้ชายคนใหม่ พี่สาวของเธอปล่อยให้ทุกอย่างยืดเยื้อมาจนถึงคืนสุดท้ายก่อนเข้าพิธีแต่งงาน และเลือกที่จะจัดการให้ตัวเองพ้นจากพิธีแต่งงานด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว
ไข่มุกมองสบตาพี่สาว ถอนหายใจบางเบา เธอดึงมือตัวเองออกจากมือของพี่สาว แล้วเปลี่ยนมากุมมือของพี่สาวไว้แทน
“พี่กตจะไปจริง ๆ เหรอ”
เมื่อเช้านี้ก่อนไข่มุกเข้าพิธีแต่งงาน มรกตเพิ่งบอกกับครอบครัวว่า จะไปทำงานกับเพื่อนที่ออสเตรเลีย เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้พ่อกับแม่เห็นใจลูกสาวคนโต พวกท่านจึงไม่ขัด แต่ไข่มุกรู้ว่า พี่สาวไม่ได้จะไปทำงานกับเพื่อน เธอจะไปทำงานและอยู่กับผู้ชายอีกคนที่คบกันตอนเรียนปริญญาโท
พี่สาวของเธอคบซ้อน และสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนใหม่ เลือกอนาคตที่แตกต่างไปจากเดิม
ไข่มุกเคยเตือนพี่สาวแล้ว แต่พี่กตไม่เคยฟังเธอเลย พี่สาวของเธอเลือกทำทุกอย่างตามใจตัวเอง แต่คนที่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น และขี้สงสารอย่างไข่มุก ไม่อาจเมินเฉยกับสิ่งที่พี่สาวทำได้ และยิ่งผู้ที่ถูกกระทำเป็นพี่กร เธอก็ไม่อาจทนนิ่งดูดายได้ ไข่มุกจึงพาตัวเองเข้ามามีส่วนในการจัดการปัญหาแบบเห็นแก่ตัวของพี่สาว เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ พี่สาวของเธอมีแผนที่จะให้ผู้หญิงคนอื่นมานอนกับพี่กรแทน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้แน่นอน
“ไม่ไปแล้วจะอยู่กันยังไง พี่กรคงไม่กล้ามองหน้าพี่หรอก”
ทั้งที่ตัวเองเป็นคนจัดการวางแผนทั้งหมด เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ เธอกลับลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เธอไม่ต้องแต่งงานกับภากร และเธอจะได้ไปอยู่กับคนรักคนใหม่
คนที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้ถอนหายใจเบาบาง
“อย่างน้อยเรื่องนี้ก็มีคนที่สมหวัง ได้แต่งงานกับคนที่แอบรัก” มรกตพูดยิ้ม ๆ มองน้องสาวอย่างรู้ทัน ที่ผ่านมาในขณะที่เธอเริ่มพาตัวเองออกห่างจากภากร แต่น้องสาวของเธอก็เอาแต่บอกว่าให้เธอเห็นใจพี่กร เข้าข้างเขาทุกอย่าง จนเธอเริ่มรู้สึกว่า ไข่มุกน่าจะคิดอะไรกับพี่กรมากกว่าแค่พี่ชายข้างบ้าน และนั่นทำให้เธอมีทางออกให้ตัวเองโดยที่ตัวเองไม่ผิด แผนหนีการแต่งงานของเธอจึงเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะน้องสาวยินยอมพร้อมใจเอง
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยอมให้ทั้งคู่ไม่จดทะเบียนกัน แต่ไม่มีใครยอมให้บ่าวสาวแยกห้องนอนกันในคืนเข้าหอคืนแรกค่ำคืนนี้ ไข่มุกจึงต้องย้ายที่นอนจากบ้านตัวเองมานอนบ้านเจ้าบ่าว ในห้องหอที่ไร้เงาเจ้าบ่าว เพราะเขายังนั่งดื่มกับเพื่อนที่โต๊ะหน้าบ้านของเขาข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอถูกขนมาไว้ในห้องนี้บางส่วนแล้ว รวมถึงพี่เน่า...ตุ๊กตาปลาโลมาสีชมพูขนาดสองฟุตของเธอด้วยเสียงเอะอะและเสียงโห่ร้องที่ดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้ไข่มุกอุ้มพี่เน่าไปแอบส่องดูที่หน้าต่าง หญิงสาวแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อย เมื่อมองลงไป เธอเห็นเจ้าบ่าวของเธอเดินเซอย่างคนเมา เขากำลังจะเข้ามาในบ้าน“สุขสันต์คืนเข้าหอนะไอ้กร”“ไม่สว่างไม่เลิกเอา เอ๊ย ! ไม่เลิกรานะโว้ย ! ฮิ้ววว”เสียงเพื่อน ๆ ของเขาโห่แซวไล่หลังมาอย่างสนุกสนาน แต่ไข่มุกไม่ได้ยินเสียงเจ้าบ่าวของเธอพูดอะไรสักคำไข่มุกปิดผ้าม่านไว้ตามเดิม เธอหันไปมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงอีกสิบนาทีก็จะห้าทุ่มแล้ว...เจ้าบ่าวของเธอต่อรองกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่า เขายอมเข้าหอกับเธอ ยอมให้เธอมานอนในห้องหอด้วย แต่เขาขอดื่มฉลองงานวิวาห์กับเพื่อน ๆ จนถึงห้าทุ่ม แล้วถึงจะขึ้นห
“ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงอยากได้คนที่ไม่เคยรักตัวเองเป็นผัว ถ้าอยากนัก ทำไมไม่ไปนอนแบให้หมาข้างถนนมันเอา” ตาดุวาวโรจน์ดั่งมีเปลวไฟอยู่ในนั้น และหากเป็นเช่นนั้นจริง เปลวไฟคงเผาคนที่เขาจ้องมองจนมอดไหม้ไปทั้งตัวแล้วไข่มุกสูดลมหายใจลึก กายสาวสั่นสะท้าน น้ำตายังคงรินไหลตลอดเวลา และเธอไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไห้ได้อีกต่อไปเธอเลือกที่จะทำแบบนี้เอง เลือกเข้ามาเป็นตัวแปรที่ทำให้เขาและพี่สาวของเธอจบความสัมพันธ์กันตามความต้องการของพี่สาวคนหนึ่งคือพี่สาวแท้ ๆ พี่ที่เธอรักและห่วงใยด้วยเพราะมีสายเลือดเดียวกันผูกพันผูกใจ อีกคนคือรักแรก คือผู้ชายที่เธอแอบรัก แต่เธอเก็บงำความรู้สึกไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เว้นระยะห่าง วางตัวอย่างเหมาะสม ไม่เคยก้าวล้ำเส้น แค่ได้เฝ้ามองพี่สาวกับเขามีความสุข เธอก็พลอยยิ้มพลอยมีความสุขไปกับพวกเขาแล้วรู้ว่าเขาไม่เคยรัก รู้ว่าเขาต้องโกรธ แต่ก็เลือกทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้พี่สาวดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันอาจจะเลยเถิดไปถึงการเป็นคดีความทางกฎหมาย เขาอาจจะเสียชื่อเสียง และเรื่องคงไม่จบลงง่าย ๆ“ในเมื่อเธออยากได้พี่เป็นผัวจนตัวสั่น จนต้องวางยาจัดฉากว่าเราเอากัน พี่ก็จะไ
ความไม่พร้อมของร่างกาย และความสดใหม่ของหญิงสาว ทำให้ภากรไม่อาจรุกล้ำได้อย่างใจ แต่ความอ่อนนุ่ม และเรือนกายหอมกรุ่นของเธอปลุกเร้าให้เขาอยากจนแข็งขึงแทบระเบิด พอเธอดิ้น เขาก็หงุดหงิดภากรจับใต้ข้อพับขาสองข้างแยกถ่าง แล้วกดหัวเข่าขาวลงบนที่นอน บั้นท้ายอวบอัดลอยโด่ง กลีบเนื้อสาวแยกแย้มเปิดเปลือย เขาก้มมองตาเป็นประกายภากรกดหัวเข่าลงข้างบั้นท้ายอวบ ขยับบั้นเอวเพื่อจะสอดใส่ตัวเองเข้าไปในร่องรัก แต่ก็ไม่อาจทำได้ดั่งใจ“แม่งเอ๊ย !” คนหงุดหงิดสบถอย่างหัวเสีย เธอไม่พร้อมและร่องรักก็คับแน่นเกินไปจนเขาไม่อาจผลักส่งลำกายแข็งขึงเข้าไปได้ภากรจึงเปลี่ยนท่า เขาจับขาขาวหุบเข้าหากัน ยกสองขาของเธอขึ้นแล้วกดลงไปข้างหน้าจนหัวเข่าแนบกับเต้าอวบอิ่ม กลีบเนื้อหนีบแน่นปลิ้นล้นออกมาหลังซอกขา เขาขยับเข้าประชิด เสือกไสลำกายอวบยาวกลางซอกขาที่หนีบแน่น แล้วขยับบั้นเอวเสียดสีแก่นกายบดขยี้เนื้อนวลเพียงภายนอก แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่ถูกเขากระทำหวาดกลัวจนน้ำตาไหลไม่หยุดกายสาวเขยื้อนไปตามแรงสาดส่งมหาศาล แม้ไม่สอดใส่ แต่ลำกายแข็งขึงร้อนผ่าวก็เสียดสีรุนแรงจนเธอเจ็บแสบ ไม่มีความหวามหวาน ไม่เสียวซ่านหวามไหวเหมือนที่เคยอ่านในน
"แม่แก้วมีอะไรให้มุกช่วยไหมคะ" แม่แก้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ท่านมองสะใภ้ใหม่ด้วยความแปลกใจ"ทำไมตื่นเร็วจังล่ะมุก นอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะลูก" แม้งานแต่งงานของไข่มุกกับลูกชายคนเล็กของแม่แก้วจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ท่านคิดว่า คนเป็นเจ้าสาวน่าจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย ดังนั้นเช้าแรกหลังวันแต่งงาน ลูกสะใภ้ของท่านน่าจะนอนหลับพักผ่อนให้มากหน่อย"มุกตื่นเวลานี้ประจำค่ะ พอตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ แม่แก้วให้มุกช่วยทำกับข้าวนะคะ" ไข่มุกว่าพลางเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ที่แม่แก้วกำลังเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารอยู่"แม่แก้วจะทอดปลาสลิดเหรอคะ"“ใช่จ้ะ แม่จะทำข้าวปลาแกะ กับแกงจืดฟักใส่หมูสับ”“มุกช่วยทำแกงจืดนะคะ” ไข่มุกอาสาอย่างกระตือรือร้นแม่แก้วยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้าพอได้ทำกับข้าวช่วยแม่แก้ว ไข่มุกก็รู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ถ่วงให้ใจหนักอึ้งอยู่ตอนนี้แม่แก้วและคนในครอบครัวนี้ดีกับเธอมาก...เมื่อก่อนพี่กรก็เคยดีกับเธอพอทำกับข้าวเสร็จ พ่อวัตก็ลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารซึ่งอยู่หน้าห้องครัวเป็นคนแรก ไข่มุกตักข้าวใส่จานและจัดจานข้าวโดยวางปลาสลิดทอดที่แกะก้างแล้วลงในจานข้าว ชิ้นปลาส
“กร !” แม่แก้วอยากจะเอ่ยปากต่อว่าลูกชายอีกหลายอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไม่พูดต่อ เพราะคนที่ลุกไปตักข้าวเดินกลับมาที่โต๊ะ ไข่มุกถือถาดที่มีจานข้าวจัดสวยงามกับถ้วยแกงจืดฝีมือตัวเองเข้ามายืนใกล้สามี หญิงสาววางถาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจานข้าววางลงตรงหน้าเขา “พี่ไม่กินฟักทอง” ภากรบอกเสียงแข็ง เขาเงยหน้ามองคนที่ยังจับจานไว้ด้วยสายตาดุ ไข่มุกหน้าเสีย หญิงสาวกำลังจะยกจานข้าวกลับไปจัดการเอาฟักทองออกให้เขา แต่พ่อวัตก็ขัดขึ้นก่อน “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เอาไว้ในจานแบบนั้นแหละ วางจานข้าวลงแล้วกลับไปกินข้าวต่อเถอะน้องมุก” ไข่มุกหันไปมองหน้าพ่อสามี พ่อวัตพยักหน้าและยิ้มอ่อนโยนให้เธอ “กินข้าวเถอะมุก ใครไม่กินอะไรก็จัดการตัวเองแล้วกัน อุตส่าห์ทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟถึงที่ ยังจะเรื่องมากอีก” แม่แก้วว่าแล้วมองค้อนลูกชาย พอได้รับเสียงสนับสนุนสองเสียง ไข่มุกจึงเชื
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ
ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู
หลังจากขนของลงจากรถเสร็จแล้ว แม่แก้วก็บอกให้ทุกคนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนกันได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันแกะกล่อง และจัดของอีกทีคนอื่นก็เดินขึ้นบ้านเข้าห้องไปตามปกติ แต่คนที่ต้องเข้าไปเจอหน้าสามีที่เพิ่งเข้าหอด้วยกันครั้งแรกเมื่อคืน และเป็นคืนเข้าหอที่ไม่น่าจดจำเท่าไร ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง เธอใช้เวลาครู่ใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะเคาะประตูห้องหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว ไข่มุกก็แทบกลั้นหายใจ ขณะที่รอเขามาเปิดประตูให้พอประตูห้องเปิดออก ไข่มุกก็ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาเขา“ขอบคุณค่ะ”“ไม่มีมือเปิดเองหรือไง ทำไมต้องเคาะประตู”“เอ่อ...” ก็เธอเคาะประตูตามมารยาทที่ควรทำไง ถึงแม้ห้องนี้จะเป็นห้องหอของเธอกับเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมที่จะให้เธอเข้าไปในห้องหรือเปล่า เธอก็ต้องเคาะเพื่อขออนุญาต และรอเขามาเปิดให้“ทีหลังไม่ต้องเคาะ อยากเข้าก็เข้ามา หรือถ้าชอบเคาะ ก็เคาะไป แล้วก็เปิดประตูเอง ไม่ต้องรอให้พี่มาเปิด มันน่ารำคาญ”“ค่ะ” ไข่มุกรับคำแล้วก้มหน้าเดินตามเขาเข้าไปในห้องเพราะเดินก้มหน้า และไม่มองเขา ไข่มุกจึงไม่รู้ภากรเดินไปมุมไหนของห้อง ส่วนเธ
“ดา...ไปนั่งได้แล้ว ผมจัดการเอง” เวทิศบอกเสียงดุ เพราะคนท้องโตใกล้คลอดพยายามจะช่วยเขาเสิร์ฟน้ำ ภริดาทำปากยื่นใส่คนดุ แต่ก็ยอมไปนั่งตามที่เขาบอก เธอนั่งลงข้างแม่แก้ว พอนั่งแล้วก็ถอนหายใจแรง เพราะท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที เดินนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว “เขาบอกอะไรก็เชื่อฟังบ้าง อย่าดื้อให้มันมาก ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะเรา” “ดาก็ทำตามแล้วนี่ไงคะ ใครจะกล้าขัดใจลูกเขยขวัญใจมาดามแก้วกันล่ะคะ” ดูสิ...เจ้าเด็กบ้าของเธอในวันวานเดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกเขยขวัญใจพ่อกับแม่ไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำหรือพูดอะไร พ่อกับแม่ก็เข้าข้างเขาไปเสียหมด พ่อบอกเธอว่า เธออายุมากกว่าเขาแท้ ๆ แต่เขากลับวางตัวได้น่าเชื่อถือและดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอเสียอีก แม่แก้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ ท่านวางมือลงบนท้องกลมโตของลูกสาว แล้วบอกกับหลานในท้องของลูกสาวว่า “ตาหนูของยาย พอคลอดออกมาแล้วต้องมาดูแล
“มุก มะ...มันขึ้น...สองขีด” คนที่ถือแท่งตรวจอยู่ในมือลืมตาขึ้นทันทีที่สามีบอก พอเห็นผลการตรวจขึ้นสองขีด เธอยิ้มหวานสดใส แต่ยิ้มของเธอก็ต้องหุบฉับลงทันที เมื่ออยู่ดี ๆ สามีก็ยืนโงนเงน เธอรีบโอบกอดประคองเขาไว้ แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับเขา “พี่กร !” “มุก ! มุกล่ะครับแม่ เมียผมอยู่ไหน” แม่แก้วถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า หมั่นไส้พ่อคนถามหาเมีย ทั้งที่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด “มุกอยู่นี่ค่ะพี่กร” ไข่มุกถือกะละมังใบเล็กที่มีผ้าชุบน้ำออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปนั่งริมเตียงคนละฝั่งกับแม่แก้ว พอเมียนั่งลงข้าง ๆ ภากรก็รีบลุกขึ้นนั่ง เขาจับมือนุ่มข้างหนึ่งมากุมไว้ “มุก...เดินไปเดินมาทำไม ต่อไปนี้มุกไม่ต้องทำอะไรแล้วนะ ต้องนั่งอยู่เฉย ๆ” ไข่มุกมองหน้าแม่แก้วแล้วยิ้ม
ภากรไม่ให้เวลาเมียได้ปรับตัวรับเอาความใหญ่ที่เขาเพิ่งสอดใส่เข้าไปกายเธอ เขาขยับบั้นเอวขับเคลื่อนลำกายแกร่งกระแทกแทงใส่ความอุ่นนุ่มอย่างบ้าคลั่ง เธอคับแน่นและรัดรึง ทั้งยังนุ่มลื่นจนเขาไม่อาจอดใจถนอมออมแรงได้ แรงรักจึงถูกสาดส่งเข้าหากายสาวอย่างดุดันรุนแรง ลำกายอวบยาวขับเคลื่อนเข้าออกถี่ยิบ ทุกครั้งที่สอดประสาน แรงโถมถั่งนั้นหนักแน่น แก่นกายสอดใส่ล้ำลึกสุดทาง “พี่กร...อ๊า ๆ” ไข่มุกกอดลำคอแกร่งไว้แน่น เธอแทบไม่ต้องขยับโยกออกแรงเลย เพราะสามีขยับบั้นเอวโจนจ้วงใส่เธออย่างรุนแรง จนร่างกายสั่นกระเทือน ทุกจังหวะการสอดใส่ ทุกครั้งที่เขาเข้ามาในกายเธอจนลึกสุด ไข่มุกเสียวจนหวีดร้องเสียงหลง ยิ่งปลายทางสุขสมใกล้เข้ามา ไข่มุกก็ยิ่งเสียวจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ “พี่กรขา...จะเสร็จแล้ว อื๊อ !” ไข่มุกขยับบั้นเอวขย่มลงสวนทางกับลำกายแกร่งที่โถมถั่งกลางซอกขา สองกายขยับรับส่ง สอดประสานถี่กระชั้น “มุกจ๋า
ภากรเหลือบตามองพี่สาวและคุณพ่อผ่านกระจกหลังแล้วยิ้มอ่อนโยน ดูท่าทางไอ้เด็กคนนั้นคงจะดีใช้ได้ พี่สาวของเขาจึงยอมที่จะพามาหาคุณพ่อ ถ้ามันดีจริง ๆ เขาก็ดีใจกับพี่ แต่ถ้ามันร้าย เขาจะเป็นคนจัดการมันเอง ภากรดึงสายตากลับไปมองถนนเบื้องหน้า ก่อนจะปรายตามองคนที่นั่งเคียงข้างกัน ไข่มุกหันไปมองสบตาสามี เธอยิ้มหวานให้เขา สายตาอบอุ่นของพี่กร ทำให้ไข่มุกรู้สึกว่า ตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง ไม่ได้โชคดีที่มีสามีที่รักและเอาอกเอาใจเธอเท่านั้น แต่เธอยังโชคดีที่ได้อยู่ในครอบครัวอบอุ่นที่ทุกคนรักและเข้าใจกัน “พี่กร...เดินดี ๆ สิคะ” ไข่มุกบอกพลางประคองสามีเดินเข้าประตูห้องนอน งานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ มื้อค่ำที่ผ่านมาไม่เล็กอย่างที่คิด เพราะพอเพื่อนของพี่กรรู้ว่า พี่กรจดทะเบียนสมรสกับเธอแล้ว เพื่อนพี่กรก็ยกโขยงมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แถมยังสั่งอาหารมาเพิ่ม พร้อมกับเ
ไข่มุกมองค้อนคนหื่น แต่ก็ยอมพยักหน้ารับข้อเสนอของเขา เพราะมันน่าจะดีกว่ายอมให้เขาจูบอีกครั้ง “ก็ได้ค่ะ” พอข้อเสนอได้รับการตอบรับภากรก็รีบหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ คนถูกหอมแก้มองคนฉวยโอกาสด้วยสายตาดุ แต่คนที่ได้ชื่นใจด้วยการหอมแก้มน้องกลับยิ้มกว้าง “หอมแค่นี้เอง อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ เอางี้ ๆ เดี๋ยวพี่พาออกไปหาคนที่จะช่วยฝึกงานให้มุกนะครับ ว่าแต่มุกอยากทำแผนกไหนหรือครับ” ไข่มุกส่ายหน้า “วันนี้มุกขอนั่งอยู่ในห้องพี่กรได้ไหมคะ” คิ้วเข้มขมวดมุ่น มองเมียอย่างไม่เข้าใจ ก็เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดว่าอยากทำงานนี่นา แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ ไข่มุกมองค้อนสามี “มุกไม่กล้าออกไปเดินในออฟฟิศหรอกค่ะ มุกกลัวเจอพี่อชิกับพี่ธันวา ถ้าเจอกันในวันนี้อีกครั้ง มุกคงทำหน้าไม่ถูก เอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยทำงานได้ไหมคะ” ภากรยิ้ม
ภากรกอดเอวบางไว้หลวม ๆ เขาพยักหน้ายิ้ม ๆ “พี่กรต้องสัญญามาก่อนว่า ถ้ามุกเติมพลังให้พี่กรแล้ว พี่กรจะยอมให้มุกออกไปทำงานกับพี่ ๆ ในออฟฟิศ ไม่ใช่ให้มุกมานั่งอยู่เฉย ๆ ในห้องแบบนี้” คนอยากให้เมียอยู่ใกล้ ๆ ถอนหายใจ “ไม่เห็นต้องทำงานก็ได้ ยังไงพี่ก็ประเมินให้เมียผ่านอยู่แล้ว” “แต่มุกไม่อยากให้เป็นแบบนั้น มุกอยากเรียนรู้งานกับคนอื่นบ้าง” “เมียพี่ พี่สอนเองได้” คราวนี้ไข่มุกเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง “แล้วคนอื่นเขาก็จะมองมุกไม่ดี เขาจะหาว่ามุกใช้เส้นสาย ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นภรรยาของบอส เลยผ่านการฝึกงาน ทั้ง ๆ ที่วัน ๆ มุกไม่ได้ทำอะไรเลย” “ไม่รู้จะฝึกงานไปทำไม เรียนจบแล้ว พี่ก็ไม่ให้มุกทำงานหรอก” ไข่มุกปล่อยมือจากลำคอแกร่ง หญิงสาวประคองใบหน้าหล่อเหลาของสามีไว้ในสองมือ มองสบตาคมด้วยแววตาจริงจัง
ถามว่า ไม่กลัวเขาจะไปมีคนอื่น หรือผู้หญิงคนอื่นมาจดทะเบียนสมรสตัดหน้าเธอไปหรือ ก็ต้องตอบว่า...ไม่กลัว เพราะที่ผ่านมาหนักหนาจนเธอเข้มแข็งขึ้นมาก และมั่นใจว่า หากผู้ชายคนหนึ่งที่ปากบอกว่ารักเธอ แต่ลับหลังกลับไปมีผู้หญิงอีกคนและพาผู้หญิงคนนั้นไปจดทะเบียนสมรส ก็เป็นที่น่ายินดีที่เธอจะได้บอกเลิกเขา และใช้ชีวิตโสดให้มีความสุขอีกครั้ง “พี่จะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น และน้องมุกมั่นใจได้เลยนะว่า พี่จะรอจดทะเบียนสมรสกับน้องมุกคนเดียวเท่านั้น” ไข่มุกเงยหน้าขึ้นสบตาคม เธอยิ้มหวานสดใส “ค่ะ” ภากรถอนหายใจบางเบา “อย่าทิ้งพี่นะครับ” แววตาของพี่กรหม่นเศร้าแกมหวั่นใจ ไข่มุกรีบยกมือขึ้นกอบใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ มองสบตาเขาอย่างแน่วแน่ “ไม่ทิ้งค่ะ มุกจะซื่อสัตย์กับพี่กรตลอดไป” ไข่มุกเข้าใจพี่กร เพราะเขาผ่านการถูกหักหลังมาแล้วหนึ่งครั้ง มันจึงเป็นปมใน
ไข่มุกจิกกำบ่ากว้างไว้แน่น เธอแยกแย้มตัวเองออกจนสุดเพื่อรองรับเขา เมื่อส่วนหัวสอดใส่เข้ามาในร่องรักอุ่นอ้าว ไข่มุกห่อปากครางเสียว เธอมองสบตาคู่คมที่ชะโงกอยู่เหนือกายเธอ ไข่มุกรับรู้ถึงแก่นกายใหญ่โตที่ขับเคลื่อนสอดแทรกเข้ามาในตัวเธอช้า ๆ “พี่กรขา…” ไข่มุกบิดสายร่างกายใต้ร่างสูง เสียวซ่านทรมานต้องการให้เขาเติมเต็มเธอสุดทางเสียที “เข้ามาทั้งหมดเลยสิคะ มุกอยากได้พี่กร” พอน้องบอกอยากได้เขา ภากรก็ตอบสนองความต้องการของน้องทันที เขาเกร็งสะโพกแล้วขยับบั้นเอวสอดใส่ลำกายแกร่งสลักลึกแน่นกลางร่องรักสุดทาง “อ๊าย !” ไข่มุกหวีดร้องเสียงหลง กรีดเล็บไปบนบ่ากว้างและแผ่นหนังแน่นตึงของสามีเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ซ่านเสียว ภากรขบกรามแน่นด้วยความเสียวไม่น้อยไปกว่าเมีย เธอคับแน่น อุ่นอ้าว ทั้งนุ่มลื่น และยังตอดรัดเขาหนุบหนับไปทั้งลำกาย เมื่อต่างคนต่างต้องการกันและกัน เมื่อ
“พี่กรอาบน้ำก่อนดีไหมคะ” ไข่มุกบอกพลางถอยหลังหนีคนที่จ้องเธอเขม็ง หลังจากที่เขาปิดล็อกประตูห้องนอนแน่นหนาแล้ว “ดีครับ” ภากรบอกพลางถอดเสื้อผ้าออกจากตัว เขาสามารถทำตัวเองให้เปลือยล่อนจ้อนได้ในเวลาเพียงชั่วกะพริบตาสองที ไข่มุกกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ลงคอ หญิงสาวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พะ…พี่กรอาบก่อนเลยนะคะ มุกจะรออาบทีหลัง” เห็นความแข็งขึงพร้อมพรักของเขาแล้วเธอก็ใจสั่น นอกจะทั้งใหญ่ทั้งยาวแล้ว มันยังตั้งตรงและผงกหัวหงึก ๆ สู้สายตาเธอด้วย ภากรส่ายหน้า เขาเดินเข้าหาน้องด้วยความมุ่งมั่น ไข่มุกถอยหลังหนีไปได้สามก้าวก็ถูกคนเปลือยรวบตัวไปกอดได้เต็มวงแขน “อาบพร้อมกัน จะได้เสร็จพร้อมกัน” ภากรบอกพลางลงมือปลดเปลื้องชุดให้น้อง ครู่เดียวไข่มุกก็เปลือยเปล่าเท่าเทียมกับเขา ร่างบางถูกอุ้มขึ้นแนบอกกว้าง ภากรพาน้องเข้าไปในห้องน้ำ วางเธอลงใต้ฝักบัว แล้วเ