ใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เมื่อรับรู้ได้ว่าคนที่นอนกกกอดซ้อนหลังเธออยู่ขยับตัว ไออุ่นจากเรือนกายชายด้านหน้าที่แนบนาบแผ่นหลังของเธอทำให้หญิงสาวหายใจติดขัด ไหนจะแขนกำยำข้างหนึ่งที่กอดเอวบางไว้หลวม ๆ อีก แค่นี้ก็เล่นงานจนสาวน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเธอหัวใจแทบวายแล้ว และพอสัดส่วนความเป็นชายแข็งขึงดุนดันบั้นท้ายอวบอัด ไข่มุกก็แทบเป็นลม
เสียงถอนหายใจ และวงแขนที่รัดแน่นขึ้นทำให้ไข่มุกหลับตาลง มือบางสองข้างกำผ้าห่มที่คลุมถึงอกไว้แน่น เธอเปลือย เขาก็เปลือย เรือนกายไร้อาภรณ์ของชายหญิงที่มีศักดิ์เป็นว่าที่พี่เขยกับว่าที่น้องเมียแนบชิดเกินงาม ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงของคนที่มีศักดิ์เป็นคู่หมั้นและพี่สาวของพวกเขา
“กตจ๋า…” เสียงหวานหูเรียกหาพี่สาว ทั้งที่คนที่เขากกกอดอยู่คือน้องสาว
ไข่มุกไม่กล้ากระดุกกระดิก เธอแทบกลั้นหายใจในตอนที่ว่าที่พี่เขยขยับตัวกดเธอลงนอนหงาย แล้วขยับตามมาคร่อมทับเธอไว้ทั้งตัว
เมื่อคนที่นอนอยู่ใต้ร่างไม่ใช่คนที่คิด และเป็นคนที่ไม่สมควรมาอยู่บนเตียงกับเขา ตาคมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“น้องมุก !”
ภากรแทบสติแตกเมื่อคนที่เขาคิดว่าตัวเองนอนกกกอดมาทั้งคืนคือมรกต…คู่หมั้นที่จะแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้
“พี่กร…” เสียงของไข่มุกสั่นเครือ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เพราะกลัวว่าเขาจะโกรธจัดจนลงมือทำร้าย
ภากรหลุบตามองสำรวจหญิงสาวแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอเปลือยทั้งตัว เขาจึงสบถคำหยาบออกมา ส่วนตัวเขานั้นไม่ต้องมองตัวเอง เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
ภากรกำหมัดทุบลงข้างศีรษะหญิงสาวสุดแรง
ไข่มุกสะดุ้ง ตัวสั่น น้ำตาคลอ เธอตื่นกลัวท่าทีของเขา
ภากรลงไปยืนข้างเตียง มองหาเสื้อผ้าของตัวเอง พอเห็นว่ามันวางอยู่บนพื้นเขาก็รีบก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา แต่พอเขากำลังจะสวมกางเกงใน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจนสุด ตาคมเบิกกว้าง ใบหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นพ่อแม่ของตัวเอง และพ่อแม่ของคนที่ยังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียงยืนอยู่หน้าประตู เขารีบเอาเสื้อผ้าที่อยู่ในมือมาปิดตรงกลางกาย
สายตาดุและผิดหวังของผู้ใหญ่ทั้งสี่คนทำให้ภากรถอนหายใจ เขายังไม่ได้ทำอะไรไข่มุก เขารู้ตัวเองดี แต่ภาพที่ผู้ใหญ่เห็นไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย เขาจึงไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไร
มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย
แม่บุษรารีบเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนเก้าอี้ไปคลุมตัวลูกสาวคนเล็ก แล้วประคองให้ลุกขึ้นนั่ง โอบกอดลูกไว้แนบอก ท่านถอนหายใจยาว หนักอึ้งเต็มหัวใจของคนเป็นแม่
พ่อกวีเดินเข้าไปหยุดยืนข้างเตียง มองลูกสาวด้วยความหนักใจไม่แพ้ภรรยา เรื่องที่เกิดขึ้นหนักหนาสาหัสเหลือเกินสำหรับครอบครัวของท่าน
ขณะที่ภายในห้องเงียบกริบ เพราะทุกคนต่างพากันอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มรกตก็เดินตามเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวมองน้องสาวที่นั่งพิงอกแม่อยู่ด้วยความตกใจ เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะหันมองหน้าคู่หมั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ
“พี่กร…” มรกตเรียกคนรักด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอสะอื้นออกมาเบา ๆ “ทำไมพี่กรถึงใจร้ายกับกตแบบนี้คะ ฮึก ๆ ฮือ…” มรกตร้องไห้และวิ่งออกจากห้องไปแล้ว ภากรอยากจะวิ่งตามไปกอดปลอบเธอ แต่เขาต้องอยู่เคลียร์เรื่องราวบ้าบอในเช้านี้ให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนเข้าใจก่อน
“ผมไม่ได้ทำอะไรน้องมุกนะครับ เราแค่นอนบนเตียงเดียวกันเฉย ๆ” ไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ เขารู้ตัวเองดี
“กรยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหมลูก ภาพมันฟ้องขนาดนี้ ยังจะปฏิเสธความรับผิดชอบอีกเหรอ” แม่แก้วถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ผิดหวังในตัวลูกชาย
“แม่ครับ…” ภากรพยายามจะอธิบาย แต่ผู้เป็นพ่อก็พูดขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดหนักแน่นว่า
“พรุ่งนี้เปลี่ยนตัวเจ้าสาว แกต้องแต่งงานกับน้องมุก” พ่อภวัตกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด
“แต่ผมไม่ได้รักน้องมุก”
ภากรขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด เขาหันไปมองหญิงสาวที่เอาแต่นั่งนิ่งในอ้อมอกแม่ของเธอด้วยสายตาดุ เขาไม่รู้ว่าเธอมานอนบนเตียงเดียวกันกับเขาได้ยังไง ที่จริงแล้วคนที่ต้องนอนบนเตียงเดียวกับเขาควรเป็นพี่สาวของเธอ
“น้องมุก เธอรู้ใช่ไหมว่าพี่ยังไม่ได้ทำอะไรเธอ”
“ยังมีหน้าไปถามน้องแบบนั้นอีกเหรอ” แม่แก้วถามเสียงสั่น ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจที่ลูกชายปัดความรับผิดชอบอย่างหน้าไม่อาย ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย
“ก็ผมไม่ได้ทำน้องจริง ๆ นี่ครับ”
“ภากร !” แม่แก้วตวาดเสียงดังลั่นห้อง ท่านกำมือแน่น ขึงตาจ้องลูกชายด้วยความโกรธจัด “ไปสวมเสื้อผ้าในห้องน้ำ แล้วกลับบ้าน พรุ่งนี้กรต้องแต่งงานกับน้องมุก !”
1 เจ้าสาวที่ไม่ได้เลือกวันวิวาห์ควรเป็นวันที่เจ้าสาวมีความสุข เธอควรยิ้มหวานสดใส ใบหน้าควรอิ่มเอิบ แววตาควรเปล่งประกายยินดี ทว่าสำหรับไข่มุกแล้ว วันวิวาห์ในวันนี้เป็นวันที่แสนขมขื่น ใบหน้าของเธอจึงหม่นเศร้า ในใจมีแต่ความรู้สึกผิด หวาดหวั่นและขลาดกลัว เพราะเธอเป็นเจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ได้เลือก เธอเป็นเจ้าสาวที่เขาจำใจแต่งงานด้วยเพราะความผิดพลาดเพียงชั่วข้ามคืนจริง ๆ แล้ว เจ้าสาวในวันนี้ควรเป็นมรกต...พี่สาววัย 24 ปีของเธอ แต่เพราะเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นเธอ ในขณะที่เจ้าบ่าวยังคงเป็นภากร...พี่ชายข้างบ้านที่อายุมากกว่าเธอแปดปีคนเดิม แม้ไม่เต็มใจแต่ง แต่เขาก็ยอมแต่งกับเธอเพราะพ่อกับแม่ของเขาบีบบังคับให้เขารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนงานแต่งงานในวันนี้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ถึงจะเป็นงานเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นภายในบริเวณบ้านเจ้าสาว แต่ก็มีการเชิญแขกคนสำคัญและญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมด้วย รวมถึงเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว...ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาวของเธอ เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องเข้าพิธีแต่ง
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันอย่างหนักใจ“แต่งงานกันแล้ว ก็ควรจดจะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย” แม่แก้วอยากจะต่อว่าลูกชายที่พูดจาไม่ดีในวันแต่งงาน แต่เพราะเกรงใจฝ่ายเจ้าสาว ท่านจึงพยายามพูดกับลูกชายดี ๆ“จะจดทำไมครับ ยังไงผมกับมุกก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”“เจ้ากร !” พ่อภวัตเรียกลูกชายเสียงดังด้วยความโมโห ท่านจ้องหน้าลูกชายด้วยสายตาดุไม่พอใจ“ไม่จดก็ได้ค่ะ มุกไม่มีปัญหาอะไร เวลาติดต่อราชการหรือทำธุรกรรมจะได้ไม่ยุ่งยากต้องแนบเอกสารใบทะเบียนสมรสเพิ่ม”“งั้นก็ตามนี้ ไม่จดทะเบียนสมรส ทุกคนมีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมขอตัวออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ต่อนะครับ”ร่างสูงของเจ้าบ่าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง เขาไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักใจของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ส่วนเจ้าสาวนั้นพยายามฝืนยิ้มให้ทุกคน สองมือที่ประสานอยู่บนตักบีบแน่น“เอาไว้มุกเรียนจบแล้ว แม่จะบอกให้พี่เขาพาหนูไปจดทะเบียนสมรสนะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของแม่แก้ว ทำให้ไข่มุกยิ้มกว้างขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารับฟังคำบอกของท่านเมื่อทุกคนเห็นพ้องกันกับแม่แก้วว่า รอให้ไข่มุกเรียนจบ แล้วค่อยจดทะเบียนสมรสก็ได้ ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนจึงออก
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยอมให้ทั้งคู่ไม่จดทะเบียนกัน แต่ไม่มีใครยอมให้บ่าวสาวแยกห้องนอนกันในคืนเข้าหอคืนแรกค่ำคืนนี้ ไข่มุกจึงต้องย้ายที่นอนจากบ้านตัวเองมานอนบ้านเจ้าบ่าว ในห้องหอที่ไร้เงาเจ้าบ่าว เพราะเขายังนั่งดื่มกับเพื่อนที่โต๊ะหน้าบ้านของเขาข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอถูกขนมาไว้ในห้องนี้บางส่วนแล้ว รวมถึงพี่เน่า...ตุ๊กตาปลาโลมาสีชมพูขนาดสองฟุตของเธอด้วยเสียงเอะอะและเสียงโห่ร้องที่ดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้ไข่มุกอุ้มพี่เน่าไปแอบส่องดูที่หน้าต่าง หญิงสาวแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อย เมื่อมองลงไป เธอเห็นเจ้าบ่าวของเธอเดินเซอย่างคนเมา เขากำลังจะเข้ามาในบ้าน“สุขสันต์คืนเข้าหอนะไอ้กร”“ไม่สว่างไม่เลิกเอา เอ๊ย ! ไม่เลิกรานะโว้ย ! ฮิ้ววว”เสียงเพื่อน ๆ ของเขาโห่แซวไล่หลังมาอย่างสนุกสนาน แต่ไข่มุกไม่ได้ยินเสียงเจ้าบ่าวของเธอพูดอะไรสักคำไข่มุกปิดผ้าม่านไว้ตามเดิม เธอหันไปมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงอีกสิบนาทีก็จะห้าทุ่มแล้ว...เจ้าบ่าวของเธอต่อรองกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่า เขายอมเข้าหอกับเธอ ยอมให้เธอมานอนในห้องหอด้วย แต่เขาขอดื่มฉลองงานวิวาห์กับเพื่อน ๆ จนถึงห้าทุ่ม แล้วถึงจะขึ้นห
“ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงอยากได้คนที่ไม่เคยรักตัวเองเป็นผัว ถ้าอยากนัก ทำไมไม่ไปนอนแบให้หมาข้างถนนมันเอา” ตาดุวาวโรจน์ดั่งมีเปลวไฟอยู่ในนั้น และหากเป็นเช่นนั้นจริง เปลวไฟคงเผาคนที่เขาจ้องมองจนมอดไหม้ไปทั้งตัวแล้วไข่มุกสูดลมหายใจลึก กายสาวสั่นสะท้าน น้ำตายังคงรินไหลตลอดเวลา และเธอไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไห้ได้อีกต่อไปเธอเลือกที่จะทำแบบนี้เอง เลือกเข้ามาเป็นตัวแปรที่ทำให้เขาและพี่สาวของเธอจบความสัมพันธ์กันตามความต้องการของพี่สาวคนหนึ่งคือพี่สาวแท้ ๆ พี่ที่เธอรักและห่วงใยด้วยเพราะมีสายเลือดเดียวกันผูกพันผูกใจ อีกคนคือรักแรก คือผู้ชายที่เธอแอบรัก แต่เธอเก็บงำความรู้สึกไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เว้นระยะห่าง วางตัวอย่างเหมาะสม ไม่เคยก้าวล้ำเส้น แค่ได้เฝ้ามองพี่สาวกับเขามีความสุข เธอก็พลอยยิ้มพลอยมีความสุขไปกับพวกเขาแล้วรู้ว่าเขาไม่เคยรัก รู้ว่าเขาต้องโกรธ แต่ก็เลือกทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้พี่สาวดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันอาจจะเลยเถิดไปถึงการเป็นคดีความทางกฎหมาย เขาอาจจะเสียชื่อเสียง และเรื่องคงไม่จบลงง่าย ๆ“ในเมื่อเธออยากได้พี่เป็นผัวจนตัวสั่น จนต้องวางยาจัดฉากว่าเราเอากัน พี่ก็จะไ
ความไม่พร้อมของร่างกาย และความสดใหม่ของหญิงสาว ทำให้ภากรไม่อาจรุกล้ำได้อย่างใจ แต่ความอ่อนนุ่ม และเรือนกายหอมกรุ่นของเธอปลุกเร้าให้เขาอยากจนแข็งขึงแทบระเบิด พอเธอดิ้น เขาก็หงุดหงิดภากรจับใต้ข้อพับขาสองข้างแยกถ่าง แล้วกดหัวเข่าขาวลงบนที่นอน บั้นท้ายอวบอัดลอยโด่ง กลีบเนื้อสาวแยกแย้มเปิดเปลือย เขาก้มมองตาเป็นประกายภากรกดหัวเข่าลงข้างบั้นท้ายอวบ ขยับบั้นเอวเพื่อจะสอดใส่ตัวเองเข้าไปในร่องรัก แต่ก็ไม่อาจทำได้ดั่งใจ“แม่งเอ๊ย !” คนหงุดหงิดสบถอย่างหัวเสีย เธอไม่พร้อมและร่องรักก็คับแน่นเกินไปจนเขาไม่อาจผลักส่งลำกายแข็งขึงเข้าไปได้ภากรจึงเปลี่ยนท่า เขาจับขาขาวหุบเข้าหากัน ยกสองขาของเธอขึ้นแล้วกดลงไปข้างหน้าจนหัวเข่าแนบกับเต้าอวบอิ่ม กลีบเนื้อหนีบแน่นปลิ้นล้นออกมาหลังซอกขา เขาขยับเข้าประชิด เสือกไสลำกายอวบยาวกลางซอกขาที่หนีบแน่น แล้วขยับบั้นเอวเสียดสีแก่นกายบดขยี้เนื้อนวลเพียงภายนอก แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่ถูกเขากระทำหวาดกลัวจนน้ำตาไหลไม่หยุดกายสาวเขยื้อนไปตามแรงสาดส่งมหาศาล แม้ไม่สอดใส่ แต่ลำกายแข็งขึงร้อนผ่าวก็เสียดสีรุนแรงจนเธอเจ็บแสบ ไม่มีความหวามหวาน ไม่เสียวซ่านหวามไหวเหมือนที่เคยอ่านในน
"แม่แก้วมีอะไรให้มุกช่วยไหมคะ" แม่แก้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ท่านมองสะใภ้ใหม่ด้วยความแปลกใจ"ทำไมตื่นเร็วจังล่ะมุก นอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะลูก" แม้งานแต่งงานของไข่มุกกับลูกชายคนเล็กของแม่แก้วจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ท่านคิดว่า คนเป็นเจ้าสาวน่าจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย ดังนั้นเช้าแรกหลังวันแต่งงาน ลูกสะใภ้ของท่านน่าจะนอนหลับพักผ่อนให้มากหน่อย"มุกตื่นเวลานี้ประจำค่ะ พอตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ แม่แก้วให้มุกช่วยทำกับข้าวนะคะ" ไข่มุกว่าพลางเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ที่แม่แก้วกำลังเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารอยู่"แม่แก้วจะทอดปลาสลิดเหรอคะ"“ใช่จ้ะ แม่จะทำข้าวปลาแกะ กับแกงจืดฟักใส่หมูสับ”“มุกช่วยทำแกงจืดนะคะ” ไข่มุกอาสาอย่างกระตือรือร้นแม่แก้วยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้าพอได้ทำกับข้าวช่วยแม่แก้ว ไข่มุกก็รู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ถ่วงให้ใจหนักอึ้งอยู่ตอนนี้แม่แก้วและคนในครอบครัวนี้ดีกับเธอมาก...เมื่อก่อนพี่กรก็เคยดีกับเธอพอทำกับข้าวเสร็จ พ่อวัตก็ลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารซึ่งอยู่หน้าห้องครัวเป็นคนแรก ไข่มุกตักข้าวใส่จานและจัดจานข้าวโดยวางปลาสลิดทอดที่แกะก้างแล้วลงในจานข้าว ชิ้นปลาส
“กร !” แม่แก้วอยากจะเอ่ยปากต่อว่าลูกชายอีกหลายอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไม่พูดต่อ เพราะคนที่ลุกไปตักข้าวเดินกลับมาที่โต๊ะ ไข่มุกถือถาดที่มีจานข้าวจัดสวยงามกับถ้วยแกงจืดฝีมือตัวเองเข้ามายืนใกล้สามี หญิงสาววางถาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจานข้าววางลงตรงหน้าเขา “พี่ไม่กินฟักทอง” ภากรบอกเสียงแข็ง เขาเงยหน้ามองคนที่ยังจับจานไว้ด้วยสายตาดุ ไข่มุกหน้าเสีย หญิงสาวกำลังจะยกจานข้าวกลับไปจัดการเอาฟักทองออกให้เขา แต่พ่อวัตก็ขัดขึ้นก่อน “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เอาไว้ในจานแบบนั้นแหละ วางจานข้าวลงแล้วกลับไปกินข้าวต่อเถอะน้องมุก” ไข่มุกหันไปมองหน้าพ่อสามี พ่อวัตพยักหน้าและยิ้มอ่อนโยนให้เธอ “กินข้าวเถอะมุก ใครไม่กินอะไรก็จัดการตัวเองแล้วกัน อุตส่าห์ทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟถึงที่ ยังจะเรื่องมากอีก” แม่แก้วว่าแล้วมองค้อนลูกชาย พอได้รับเสียงสนับสนุนสองเสียง ไข่มุกจึงเชื
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ
“พี่กร…” ไข่มุกเรียกเสียงขาดห้วง ความใหญ่โตและร้อนผ่าวที่บดขยี้กลางกลีบเนื้อกำลังจะทำให้เธอแตกซ่าน สองกายกอดรัดกันแนบแน่น ต่างคนต่างขยับบดเบียดเข้าหากัน เร่าร้อน หวามไหว เสียดเสียว ซาบซ่าน ในตอนที่พุ่งทะยานไปถึงปลายทางซ่านเสียว ต่างคนต่างผวากอดกันเต็มอ้อมแขน แล้วปลดปล่อยสายน้ำแห่งความสุขสมออกมารินรดกันและกัน ไข่มุกนั่งอิงแอบอยู่บนตักแกร่ง เธอเงยหน้ารับจูบหวามหวานครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับคนจูบไม่รู้จักอิ่มจักพอ “พี่กรขา เรากลับบ้านกันเถอะ” ไข่มุกกลัวว่าถ้าดึกมากไป พ่อกับแม่จะเป็นห่วง แม้เธอจะโทรบอกพวกท่านแล้วว่าพี่กรพามากินข้าว และจะกลับถึงบ้านดึกสักหน่อย แต่เธอก็ไม่อยากให้ดึกมากไป ภากรหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ ตัดใจจากเรือนกายหอมกรุ่น อุ้มน้องลงจากตัก วางเธอลงบนเบาะข้างกันตามเดิม เขาเช็ดทำความสะอาดและจัดการชุดของเธอให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยที่สุด แล้วจึงหันมาจัดการตัวเอง
จริง ๆ แล้ว ไข่มุกก็แค่อยากจะจูบขอบคุณเขาอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน อยากทำอะไรที่มันหวานละมุนละไม แต่คนขาดของมานานกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ไข่มุกนั่งคร่อมตักคนตัวโต หัวเข่าสองข้างกดอยู่ข้างสะโพกแกร่ง และเพราะเธอยังสวมชุดนักศึกษาอยู่ กระโปรงทรงสอบสั้นเหนือเข่าจึงร่นขึ้นไปกองอยู่แถว ๆ บั้นท้ายอวบอัด เนื้อตัวด้านหน้าและอกอวบอิ่มทาบทับบนเรือนกายกำยำ ภากรจูบอย่างเรียกร้อง จูบอย่างโหยหา ดูดดื่มกับปากหวาน ๆ ที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมานานหลายเดือน และพอได้จูบก็หยุดไม่ได้ ยิ่งเรือนกายเย้ายวนแนบสนิทกันขนาดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปตามนิวเนื้อเนียนนุ่ม แต่พอเขาลูบตรงต้นขาขาวและกำลังจะวกไปหาต้นขาด้านใน คนที่คร่อมทับเขาอยู่ก็รีบจับข้อมือเขาไว้แน่น ไข่มุกถอนจูบ และหอบหายใจแรง เธอจ้องตาเขาในระยะประชิด “พี่กร…ไม่ได้นะคะ” “มุกจ๋า…พี่จะขาดใจตายอยู่แล้ว ถ้ายังไม่เคยได้กิน ยังไม่รู้รส พี่ก
ไข่มุกหันไปมองคนขับรถของเธอ “พี่กรจอดทำไมคะ” “อยากอยู่กับมุกนาน ๆ ถ้าพากลับบ้านตอนนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องห่างกันแล้ว” “บ้านอยู่ติดกัน ตื่นเช้ามาก็เห็นหน้ากัน ไม่ได้ห่างกันสักหน่อย” ภากรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วขยับตัวเล็กน้อยหันไปหาน้อง โน้มตัวไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วย “กวนนะเรา” ภากรว่าพลางจับมือนุ่มข้างหนึ่งมากุมไว้ ความมืดที่โอบล้อมรอบกายทำให้ทั้งคู่มองเห็นกันเพียงเลือนราง ทว่าไออุ่นจากมือใหญ่ที่เกาะกุมมือนุ่มไว้ ทำให้ไข่มุกอบอุ่นไปทั้งใจ “กวนแล้วรักไหมคะ” ไข่มุกขยับตัวหันไปหาคนที่ขยับเข้ามาใกล้เธอ “รักครับ” คำบอกรักตรง ๆ สั้น ๆ ทำให้คนฟังยิ้มหวาน “พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดน้องมุกเลย” “แค่พี่กรตามใจมุก พามุกมากินของอร่อย ๆ ไกลถึงนี่ก็ถือว่าเป็นข
ตอนเย็นจึงเป็นช่วงเวลาของเธอกับคุณแฟน…ใช่แล้วล่ะ เธอตกลงเป็นแฟนกับพี่กรแล้ว ขยับสถานะขึ้นมาอีกขั้น และดูเหมือนว่าพี่กรอยากจะเป็นมากกว่าแฟนแล้ว เพียงแต่เธอยังไม่พร้อมกลับไปใช้ชีวิตกับเขาเหมือนเดิม เธอจึงขอเวลาเขาอีกนิด “ครับผม คุณมุกอยากกินอยากได้อะไร อยากไปไหน เชิญบัญชามาได้เลยครับ” คนที่มารอรับน้องที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่บ่ายสามบอกน้ำเสียงแข็งขัน “เอ…วันนี้กินอะไรดีน้า !” ไข่มุกเอียงคอเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้เคาะข้างแก้ม ทำท่าครุ่นคิดจริงจัง ราวกับว่านี่คือปฏิบัติการที่สำคัญขั้นสุดยอด ภากรขับรถออกจากมหาวิทยาลัย เพราะเธอยังไม่บอกว่าอยากกินอะไร เขาจึงขับรถไปเรื่อย ๆ “คิดออกหรือยังครับ” “ยังเลยค่ะ แล้วพี่กรล่ะคะ อยากกินอะไร” “อะไรก็ได้ครับ น้องมุกกินอะไร พี่ก็กินได้หมด” “งั้นถ้ามุกบอกว่า มุกอยากกินซีฟู้ดริมทะเลที่มีชายหาดสวย ๆ ล่ะคะ”
ภากรสูดลมหายใจ แล้วระบายออกยืดยาว สะกดกลั้นอารมณ์เปลี่ยวที่กำลังลุกโชน เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบหมอนข้างหนัก ๆ ไปสองที “มุกจ๋า…เมื่อไรจะใจอ่อนสักที พี่จะขาดใจตายอยู่แล้วนะ” ภากรรำพึงรำพันกับหมอนข้าง คร่ำครวญโหยหวน พยายามสะกดจิตสะกดใจให้อยู่กับร่องกับรอย แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ทำในสิ่งที่น้องห้ามไม่ได้ คนห่างเมียได้แต่นึกขอโทษของโพยน้องในใจ น้องมุก…พี่ขอโทษ พี่อดใจไม่ไหวจริงๆครับ ภากรไปทำงานต่างจังหวัดหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้าน ต้องอยู่ห่างจากน้อง เขามีโอกาสได้โทรหาน้องเฉพาะช่วงหลังเลิกงาน เพราะงานมีปัญหา เขาจึงยุ่งทั้งวัน แล้วกว่าจะเลิกงานก็ดึกเต็มที บางครั้งเขาไม่ได้โทรหาเธอ เพราะเกรงว่าน้องจะนอนแล้ว กลัวว่าจะรบกวนเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาเลิกงานดึกและไม่ได้โทรหาเธอ น้องมุกจะเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง มันทำให้คนที่ไปทำงานไกล ยิ้มได้และมีกำลังใจ มีแรงสู้กับงาน ยิ่งพอน้องบอกว่าตรงที่โดนน้ำร
“ถ้าเป็นห่วงพี่ คราวหลังก็มาด้วยสิ มาให้พี่กอดนอน พี่จะได้อุ่น” ภากรที่พูดทีเล่นทีจริงแต่ถ้าได้จริงๆก็ดี ไข่มุกทำปากยื่นใส่โทรศัพท์ คนอย่างเขาน่ะหรือจะนอนอย่างเดียว มองตาก็รู้แล้วว่าเขาคิดจะทำมิดีมิร้ายเธอแน่นอน “เพิ่งตามจีบกันไม่กี่เดือน กล้าชวนไปนอนด้วยแล้วเหรอคะ มุกจะฟ้องคุณพ่อ” พอน้องบอกว่าจะฟ้องคุณพ่อ ภากรก็ยิ้มแหย “พี่พูดเล่นน่า นอนได้แล้วนะครับ แล้วก็อย่าลืมกอดหมอนพี่ด้วย เพราะพี่ก็จะกอดหมอนน้องมุกนอนเหมือนกัน” ภากรว่าพลางยื่นมือไปหยิบหมอนข้างใบโตที่มีรูปไข่มุกเต็มตัวพิมพ์อยู่บนหมอน ไหน ๆ ก็สั่งทำหมอนพิมพ์หน้าตัวเองให้น้องแล้ว เขาก็เลยถือโอกาสสั่งทำหมอนข้างพิมพ์รูปน้องแบบเต็มตัวมาด้วย เอาไว้กอดแก้หนาว กอดให้อุ่นใจ “พี่กร ! เรื่องอะไรมาเอารูปมุกไปสกรีนบนหมอนข้างแบบนั้นคะ” “ก็พี่อยากนอนกอดมุก ไม่ได้กอดตัวจริง กอดหมอนข้างก
16 ผูกพันห่วงใย “ทายาหรือยังครับ” ภากรถามทันที ที่ไข่มุกรับสายวิดีโอคอลจากเขา พอเห็นน้องสวมชุดนอนอยู่บนเตียง ภาพความนวลเนียนตรงนั้น ที่เขาจำได้ติดตาก็ผุดขึ้นมา แต่เขาก็รีบตัดมันออกจากความคิดไปก่อน เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือรอยแดงจากน้ำร้อนลวกบนตัวน้อง “ทาแล้วค่ะ” “ยังแสบอยู่หรือเปล่า” “ค่ะ แต่ทายา กินยาแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้น” “ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านพี่ดาอีกแล้วนะ” ไข่มุกหน้าเศร้า พยักหน้า “ไม่ไปแล้วค่ะ มุกนี่ซุ่มซ่ามจริง ๆ เลยนะคะ นอกจากจะทำให้ตัวเองเจ็บตัวแล้ว ยังทำให้พี่ดาถูกลูกค้าต่อว่าด้วย” “มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก แล้วลูกค้าเขาก็เข้าใจ เขาไม่ได้ต่อว่าอะไรพี่ดาหรอกน่า อย่าไปคิดมาก ดูแลตัวเองให้ดี”
“ก็ทำตัวดี ๆ เดี๋ยวน้องมุกเขาก็เห็นใจเองแหละ” “ที่ผมยังทำดีไม่พออีกหรือครับพี่” “ก็ดีแหละ แต่ช่วงที่ผ่านมา บังเอิญว่าเลวเยอะไปหน่อยไง” “พี่ดา !” ภากรงอแงกับพี่สาว ไม่ช่วยแล้วยังว่า ยังซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน “น้องมุกเขาไม่มีใครหรอก แกเทียวรับ เทียวส่ง ตามเฝ้าอยู่อย่างนี้ สักวันน้องก็เห็นใจเองแหละ อดทนนะไอ้น้องชาย” ระหว่างพี่น้องนั่งคุยกันอยู่ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายจากโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นว่า ลูกค้าโต๊ะนั้นลุกขึ้นยืน และกำลังชี้หน้าต่อว่าพนักงานเสิร์ฟซึ่งก็คือไข่มุก ภากรลุกขึ้นและพุ่งตัวไปยังโต๊ะนั้นทันที พี่ดารีบลุกตามไปติด ๆ ภากรรีบกันคนตัวเล็กมากอดไว้ข้างกาย แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “น้องมุกเกิดอะไรขึ้น” “มุกทำหม้อต้มยำหลุดมือค่ะ มันร้อน มุกขอโทษนะคะ” ไข่มุกหันไปขอโทษลูกค้าอีกครั้ง
พ่อกวีวางเสียมในมือลง ท่านยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กของลูกสาว ถอนหายใจแรง ก่อนจะระบายยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน รักสุดหัวใจ ห่วงใยสุดชีวิต แต่เพราะพ่อไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดไป และไม่อาจปกป้องลูกได้ตลอดเวลา พ่อกวีจึงไม่ตัดสินใจแทนลูก ท่านเปิดโอกาสให้ลูกเลือกทางเดินชีวิตด้วยตนเอง ระหว่างลูกสาวของท่านกับภากร เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนัก ต่างคนต่างมีข้อผิดพลาด มีข้อที่ต้องตำหนิติเตียน ทว่าเมื่อคนสองคนได้พูดคุยตกลงกันแล้ว แม้จะยังไม่ได้รับปากกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะให้โอกาสกัน แต่เท่าที่ดู เท่าที่สังเกต ไข่มุกยังคงมีความรู้สึกดี ๆ ให้ภากร พ่อกวีตัดสินใจให้โอกาสอดีตลูกเขยในตอนที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ อย่างน้อยหากการกลับไปสานสัมพันธ์กันต่อในครั้งนี้ ไม่เป็นไปด้วยดี ท่านก็ยังสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกได้ และอีกอย่าง บ้านก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ถ้าเกิดภากรทำนิสัยไม่ดีกับลูกของท่านอีก ท่านจะตามทวงคืนทันที และจะไม่หยิ