ทมยืนพิงเสาไม้ที่เรือนใหญ่ พลางถามเอื้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัยและไม่วางใจ “คุณนาวินไม่อยู่อีกแล้วเหรอเอื้อง? ช่วงนี้ฉันแทบไม่เห็นเขาที่เรือนใหญ่เลย หรือว่ามีอะไรที่ฉันยังไม่รู้?”
เอื้องที่กำลังยกถาดน้ำชาให้สาวใช้คนอื่นหยุดชะงัก เธอก้มหน้าต่ำเหมือนพยายามหลบสายตาของทม ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ “เอ่อ...คุณทม... ฉัน...”
ทมเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงของเธอแหลมขึ้นเล็กน้อย “อะไรเอื้อง? มีอะไรก็บอกมาให้หมด ฉันสังเกตเห็นว่าช่วงนี้คุณวินทำตัวแปลกๆ แถมยังหายไปบ่อยๆ อีก มีอะไรเกิดขึ้นที่ฉันควรรู้หรือเปล่า?”
เอื้องลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็แค่...งานยุ่งน่ะค่ะคุณทม คุณวิน...เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”
แต่คำตอบนั้นกลับไม่ทำให้ทมหายสงสัย ดวงตาแหลมคมของเธอจ้องมองเอื้องอย่างพิจารณา “สำคัญถึงขั้นต้องไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นหรือไง?” เธอถามตรงไปตรงมา เสียงกดต่ำ
เอื้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่จับถาดชาเริ่มสั่น เธอกัดริมฝีปากแน่นเหมือนลังเลว่าจะพูดหรือไม่
“คุณวินพาใครไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นใช่ไหมเอื้อง?” ทมถามซ้ำ ดวงตาของเธอแหลมคมและเอาจริง
เอื้องอึกอัก สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว “ฉัน... ฉันพูดไม่ได้ค่ะ คุณวินสั่งไว้...ห้ามยุ่ง ห้ามพูดเรื่องกระท่อมหลังนั้นเด็ดขาด!”
ทมหรี่ตา เสียงหัวเราะเย็นๆ หลุดออกจากริมฝีปาก “ห้ามยุ่ง? ห้ามพูด? แปลว่าต้องมีอะไรไม่ธรรมดาอยู่ที่นั่นแน่ๆ”
เอื้องเม้มปากแน่น เธอรีบถอยไปอย่างรวดเร็ว “คุณทม...ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ ขอร้องอย่าถามฉันอีกนะคะ”
แต่คำพูดของเอื้องยิ่งทำให้ทมสงสัยมากขึ้น ดวงตาเธอหรี่ลงอย่างครุ่นคิด “ถ้าคุณวินมีคำสั่งขนาดนี้ ฉันยิ่งต้องไปดูให้เห็นกับตา”
เอื้องรีบยกมือขึ้นห้าม “คุณทม...อย่าทำแบบนั้นเลยค่ะ! ถ้าคุณวินรู้...”
“ถ้าฉันไม่ทำ แล้วใครจะทำ?” ทมพูดแทรก น้ำเสียงดุดัน เธอหันหลังกลับก่อนจะเดินตรงไปยังทางที่ทอดยาวไปยังกระท่อมหลังนั้น โดยไม่สนคำห้ามปรามของเอื้องแม้แต่น้อย
"จะไปดูอะไรเหรอ...ทม?"
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากด้านหลังดั่งฟ้าฟาด ทำให้ทมหยุดชะงัก เท้าของเธอที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดนิ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวใจเต้นแรง เธอหันกลับไปช้าๆ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างสูงสง่าของนาวินยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขานิ่งสนิท แต่แฝงไปด้วยอำนาจและความเย็นชา
"คะ...คุณวิน" ทมพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะส่งยิ้มที่ดูเหมือนไม่จริงใจไปให้เขา "ทมแค่จะไปดู เผื่อว่าคุณวินพาใครมาแล้ว...ไม่สะดวก จะได้ช่วยดูแลน่ะค่ะ"
ดวงตาคมของนาวินหรี่ลงเล็กน้อย เขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าวอย่างมั่นคง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ทมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
"ไม่สะดวก?" นาวินเอ่ยคำถาม เสียงของเขาเย็นเยียบ "แล้วเธอคิดว่าฉัน...ต้องการให้ใครมายุ่งเรื่องนี้ไหม?"
ทมกลืนน้ำลายลงคอ ฝืนส่งยิ้มอีกครั้ง "คุณวิน...ทมก็แค่ห่วง เผื่อว่าคุณจะพาใครมาแล้วเขาอาจต้องการความช่วยเหลือ ทมก็แค่..."
"ห่วง?" นาวินแทรกคำพูดของเธอทันที เสียงของเขาตัดราวกับมีด เขาก้าวเข้ามาใกล้จนใบหน้าของทั้งสองคนแทบจะอยู่ในระยะลมหายใจเดียวกัน "หรือจริงๆ แล้วเธอแค่...อยากรู้ว่าใครกันที่อยู่ในนั้น?"
ทมชะงัก ดวงตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่เธอรีบปรับท่าทางให้ดูมั่นคง "คุณวินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ ทมไม่ใช่คนแบบนั้น ทมแค่..."
"พอแล้ว" นาวินยกมือขึ้นห้าม น้ำเสียงของเขายิ่งเย็นชา "ฉันไม่ต้องการคำแก้ตัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เธอไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องกระท่อมหลังนั้น"
ดวงตาของทมแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เธอเม้มปากแน่น จนสุดท้ายก็ปล่อยคำพูดออกมา "คุณวินไม่ไว้ใจทมหรือคะ? ทมอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน ทมดูแลทุกอย่างแทบจะเรียกได้ว่าทั้งชีวิตของทมอยู่ที่นี่...แต่คุณกลับปิดบังทมอย่างนี้?"
นาวินไม่ตอบ เขาแค่จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึก เหมือนจะบอกเธอชัดเจนว่า ความภักดีทั้งหมดที่เธอแสดงออกมาไม่มีผลอะไรกับเขา
"ทม..." เสียงของเขาต่ำและดุดัน "เธอควรกลับไปทำหน้าที่ของเธอ อย่ามายุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเธอ ถ้าฉันพบว่าเธอฝ่าฝืนอีก..." เขาหยุดประโยคให้เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูด ก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาเธอ "เธอรู้ดีว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง"
ทมสะอึก ใบหน้าที่พยายามเก็บอารมณ์แสดงรอยร้าวออกมาเล็กน้อย เธอกัดฟันแน่น สูดลมหายใจเข้าแล้วตอบเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความขัดใจ "ค่ะ คุณวิน..."
นาวินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งเธอไว้กับความรู้สึกอับอาย เจ็บใจ และหวงแหนที่เก็บกดอยู่ในอก
ทมมองตามร่างสูงใหญ่ของนาวินที่ค่อยๆ หายลับไปในเงามืดของค่ำคืน ทิศทางที่เขามุ่งหน้าไปชัดเจนว่าเป็นกระท่อมลึกลับที่เธอไม่มีวันล่วงรู้ได้ ทมกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บเล็กน้อยนั้นไม่อาจเทียบได้กับแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในอก
"คุณนาวิน..." เธอพึมพำเบาๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความคับแค้นใจและแรงปรารถนา
ดวงตาของเธอวาวโรจน์ด้วยความหึงหวง ความคิดของเธอเต็มไปด้วยภาพของเขาและใครบางคนที่อยู่ในกระท่อมนั้น เธอเคยคิดว่าตัวเองคือคนเดียวที่ใกล้ชิดเขามากที่สุด เธอเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขา คอยดูแลทุกอย่างในชีวิตของเขา ทำไมเขาถึงเลือกปิดบังอะไรจากเธอ?
"ฉันจะไม่ให้ใครเข้าใกล้คุณมากกว่าฉันค่ะ...คุณนาวิน"
เธอกระซิบกับตัวเอง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและความอิจฉาที่ท่วมท้น เธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามที่อยู่ในกระท่อมนั้นคือภัยคุกคาม และเธอจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นของเธอ
เธอหมุนตัวกลับไปยังเรือนใหญ่ แต่ในใจกลับวางแผนบางอย่าง เธอจะค้นหาให้ได้ว่าใครคือคนที่นาวินพามาซ่อน และเธอจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองในชีวิตของเขา แม้ต้องใช้วิธีสกปรกที่สุด เธอก็พร้อม
นาวินก้าวเข้าหากระท่อมไม้ที่เงียบสนิท แสงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่รอบด้านทำให้บรรยากาศดูเงียบงันและเย็นยะเยือก เขาสังเกตเห็นกองฟืนและข้าวของที่เขาสั่งให้เอื้องจัดเตรียมไว้ถูกทิ้งกระจัดกระจายหน้ากระท่อม รอยขมวดบนหน้าผากของเขาลึกขึ้น"เอื้อง!" เขากระซิบดุดันในลำคอ แม้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นให้ตอบ แต่ความโมโหที่คุกรุ่นทำให้เขากัดฟันแน่นเขาคว้ากุญแจในกระเป๋า ไขประตูเข้าไปในความมืดมิดของกระท่อม บรรยากาศภายในชวนอึดอัดจนเขาใจหายวูบ ร่างสูงกวาดตามองหาคนที่ควรอยู่ในนี้ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดและความเงียบ"มินตรา?" เสียงทุ้มต่ำของเขาเรียกหาเธอในความมืด น้ำเสียงแฝงความห่วงและร้อนรนอย่างปิดไม่มิดไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงลมเย็นพัดผ่านกระท่อมและความเงียบงันที่ทำให้เขาแทบกระวนกระวาย มือของเขากำแน่นขณะที่ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว... ถ้าเธอหายไป?ใจของเขาเหมือนถูกบีบจนแน่นเมื่อคิดเช่นนั้น แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากมุมห้อง เสียงที่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เขาเดินไปตามเสียง ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไปในความมืดจนเห็นเธอ—มินตรา ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆ ร่างเล็กสั่นสะท้านจากความหนา
มินตราหอบหายใจเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเธอถูกกดด้วยแรงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความคั่งแค้น ร่างบางที่คิดว่าตัวเองจะได้รับคำให้อภัยจากนาวิน บัดนี้กลับติดอยู่ในวงแขนแกร่งที่กอดรัดเธอแน่นจนไม่อาจดิ้นหลุด“อื้อ... นาวิน...” เสียงของเธอขาดห้วงเมื่อเขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดต่อ ริมฝีปากร้อนของเขาบดเบียดเข้าหาอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกซึมเข้ามาโดยไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธแว่นตาหนาๆ ที่เขาสวมไว้ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ถูกดึงออกโยนทิ้งอย่างไม่แยแส ก่อนที่เขาจะเสยผมขึ้น เผยใบหน้าคมคายและดวงตาคมที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา“คิดว่าผมจะให้อภัยคุณง่ายๆ เหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอหลังจากผละจากจูบ ริมฝีปากของเขายังแตะเบาๆ บนผิวแก้มนุ่มของเธอมินตรามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและตกใจ “นาวิน... คุณ...”เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาที่เคยดูอ่อนโยนกลับเยือกเย็น “คุณหลงกลผมเอง... คนอย่างคุณควรได้รับบทเรียน”เขาดันเธอให้เอนตัวไปกับเบาะรถหรู นิ้วเรียวไล้ผ่านกรอบหน้าของเธอก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาแตะที่ริมฝีปาก เขายิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะกดจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เร่าร้อนและดุดันยิ่งขึ้นมินตราครางแผ่วในลำคอ มือของ
ทม ผู้หญิงแกร่งผู้ทำหน้าที่ดูแลทุกซอกทุกมุมของไร่กุหลาบที่ครอบคลุมภูเขาหลายลูก สายตาคมกริบของเธอจ้องตรงไปยังเอื้อง สาวใช้ประจำเรือนใหญ่ที่กำลังยกถาดชาอยู่ เธอขยับเข้าไปใกล้ในจังหวะที่สาวใช้อ่อนวัยกำลังพยายามหลบสายตา“ใครอยู่ในกระท่อมนั่นน่ะ เอื้อง?” เสียงเข้มของทมที่ไม่ยอมรับคำตอบครึ่งๆ กลางๆดังขึ้นในความเงียบ ทำให้เอื้องสะดุ้ง เธอก้มหน้าหลบอย่างเห็นได้ชัด มือที่กำถาดชาอยู่สั่นเล็กน้อย“ขะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคุณทม แค่คนที่คุณนาวินพามา...” เอื้องตอบเสียงแผ่ว เบือนสายตาไม่กล้ามองหน้าทมยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเย็นชาแฝงด้วยความสงสัยจับจ้องใบหน้าเอื้องราวกับจะเจาะลึกไปในใจ “คนที่เขาพามา? แล้วทำไมถึงต้องพาไปไว้ที่กระท่อมปลายนั่น?”เอื้องเงียบไป ดวงตาล่อกแล่กอย่างชัดเจน ทมย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าหา “ฉันไม่ชอบคำตอบครึ่งๆ กลางๆ เอื้อง บอกมาดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น...”เอื้องรีบก้มหน้าพูดอย่างลนลาน “คุณนาวินพาผู้หญิงคนหนึ่งมาเจ้าค่ะ ดูเหมือน...เธอไม่เต็มใจ คุณนาวินให้คนไปจัดกระท่อมไว้ให้ แต่ดิฉัน...ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง”ที่กระท่อมชายไร่กุหลาบมินตรายืนมองวิวทิวเขาผ่านหน้าต่างเล็กๆ
นาวินก้าวเข้าหากระท่อมไม้ที่เงียบสนิท แสงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่รอบด้านทำให้บรรยากาศดูเงียบงันและเย็นยะเยือก เขาสังเกตเห็นกองฟืนและข้าวของที่เขาสั่งให้เอื้องจัดเตรียมไว้ถูกทิ้งกระจัดกระจายหน้ากระท่อม รอยขมวดบนหน้าผากของเขาลึกขึ้น"เอื้อง!" เขากระซิบดุดันในลำคอ แม้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นให้ตอบ แต่ความโมโหที่คุกรุ่นทำให้เขากัดฟันแน่นเขาคว้ากุญแจในกระเป๋า ไขประตูเข้าไปในความมืดมิดของกระท่อม บรรยากาศภายในชวนอึดอัดจนเขาใจหายวูบ ร่างสูงกวาดตามองหาคนที่ควรอยู่ในนี้ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดและความเงียบ"มินตรา?" เสียงทุ้มต่ำของเขาเรียกหาเธอในความมืด น้ำเสียงแฝงความห่วงและร้อนรนอย่างปิดไม่มิดไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงลมเย็นพัดผ่านกระท่อมและความเงียบงันที่ทำให้เขาแทบกระวนกระวาย มือของเขากำแน่นขณะที่ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว... ถ้าเธอหายไป?ใจของเขาเหมือนถูกบีบจนแน่นเมื่อคิดเช่นนั้น แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากมุมห้อง เสียงที่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เขาเดินไปตามเสียง ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไปในความมืดจนเห็นเธอ—มินตรา ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆ ร่างเล็กสั่นสะท้านจากความหนา
ทมยืนพิงเสาไม้ที่เรือนใหญ่ พลางถามเอื้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัยและไม่วางใจ “คุณนาวินไม่อยู่อีกแล้วเหรอเอื้อง? ช่วงนี้ฉันแทบไม่เห็นเขาที่เรือนใหญ่เลย หรือว่ามีอะไรที่ฉันยังไม่รู้?”เอื้องที่กำลังยกถาดน้ำชาให้สาวใช้คนอื่นหยุดชะงัก เธอก้มหน้าต่ำเหมือนพยายามหลบสายตาของทม ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ “เอ่อ...คุณทม... ฉัน...”ทมเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงของเธอแหลมขึ้นเล็กน้อย “อะไรเอื้อง? มีอะไรก็บอกมาให้หมด ฉันสังเกตเห็นว่าช่วงนี้คุณวินทำตัวแปลกๆ แถมยังหายไปบ่อยๆ อีก มีอะไรเกิดขึ้นที่ฉันควรรู้หรือเปล่า?”เอื้องลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็แค่...งานยุ่งน่ะค่ะคุณทม คุณวิน...เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”แต่คำตอบนั้นกลับไม่ทำให้ทมหายสงสัย ดวงตาแหลมคมของเธอจ้องมองเอื้องอย่างพิจารณา “สำคัญถึงขั้นต้องไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นหรือไง?” เธอถามตรงไปตรงมา เสียงกดต่ำเอื้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่จับถาดชาเริ่มสั่น เธอกัดริมฝีปากแน่นเหมือนลังเลว่าจะพูดหรือไม่“คุณวินพาใครไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นใช่ไหมเอื้อง?” ทมถามซ้ำ ดวงตาของเธอแหลมคมและเอาจริงเอื้องอึกอัก สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว “ฉัน
ทม ผู้หญิงแกร่งผู้ทำหน้าที่ดูแลทุกซอกทุกมุมของไร่กุหลาบที่ครอบคลุมภูเขาหลายลูก สายตาคมกริบของเธอจ้องตรงไปยังเอื้อง สาวใช้ประจำเรือนใหญ่ที่กำลังยกถาดชาอยู่ เธอขยับเข้าไปใกล้ในจังหวะที่สาวใช้อ่อนวัยกำลังพยายามหลบสายตา“ใครอยู่ในกระท่อมนั่นน่ะ เอื้อง?” เสียงเข้มของทมที่ไม่ยอมรับคำตอบครึ่งๆ กลางๆดังขึ้นในความเงียบ ทำให้เอื้องสะดุ้ง เธอก้มหน้าหลบอย่างเห็นได้ชัด มือที่กำถาดชาอยู่สั่นเล็กน้อย“ขะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคุณทม แค่คนที่คุณนาวินพามา...” เอื้องตอบเสียงแผ่ว เบือนสายตาไม่กล้ามองหน้าทมยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเย็นชาแฝงด้วยความสงสัยจับจ้องใบหน้าเอื้องราวกับจะเจาะลึกไปในใจ “คนที่เขาพามา? แล้วทำไมถึงต้องพาไปไว้ที่กระท่อมปลายนั่น?”เอื้องเงียบไป ดวงตาล่อกแล่กอย่างชัดเจน ทมย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าหา “ฉันไม่ชอบคำตอบครึ่งๆ กลางๆ เอื้อง บอกมาดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น...”เอื้องรีบก้มหน้าพูดอย่างลนลาน “คุณนาวินพาผู้หญิงคนหนึ่งมาเจ้าค่ะ ดูเหมือน...เธอไม่เต็มใจ คุณนาวินให้คนไปจัดกระท่อมไว้ให้ แต่ดิฉัน...ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง”ที่กระท่อมชายไร่กุหลาบมินตรายืนมองวิวทิวเขาผ่านหน้าต่างเล็กๆ
มินตราหอบหายใจเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเธอถูกกดด้วยแรงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความคั่งแค้น ร่างบางที่คิดว่าตัวเองจะได้รับคำให้อภัยจากนาวิน บัดนี้กลับติดอยู่ในวงแขนแกร่งที่กอดรัดเธอแน่นจนไม่อาจดิ้นหลุด“อื้อ... นาวิน...” เสียงของเธอขาดห้วงเมื่อเขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดต่อ ริมฝีปากร้อนของเขาบดเบียดเข้าหาอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกซึมเข้ามาโดยไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธแว่นตาหนาๆ ที่เขาสวมไว้ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ถูกดึงออกโยนทิ้งอย่างไม่แยแส ก่อนที่เขาจะเสยผมขึ้น เผยใบหน้าคมคายและดวงตาคมที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา“คิดว่าผมจะให้อภัยคุณง่ายๆ เหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอหลังจากผละจากจูบ ริมฝีปากของเขายังแตะเบาๆ บนผิวแก้มนุ่มของเธอมินตรามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและตกใจ “นาวิน... คุณ...”เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาที่เคยดูอ่อนโยนกลับเยือกเย็น “คุณหลงกลผมเอง... คนอย่างคุณควรได้รับบทเรียน”เขาดันเธอให้เอนตัวไปกับเบาะรถหรู นิ้วเรียวไล้ผ่านกรอบหน้าของเธอก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาแตะที่ริมฝีปาก เขายิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะกดจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เร่าร้อนและดุดันยิ่งขึ้นมินตราครางแผ่วในลำคอ มือของ