ทม ผู้หญิงแกร่งผู้ทำหน้าที่ดูแลทุกซอกทุกมุมของไร่กุหลาบที่ครอบคลุมภูเขาหลายลูก สายตาคมกริบของเธอจ้องตรงไปยังเอื้อง สาวใช้ประจำเรือนใหญ่ที่กำลังยกถาดชาอยู่ เธอขยับเข้าไปใกล้ในจังหวะที่สาวใช้อ่อนวัยกำลังพยายามหลบสายตา
“ใครอยู่ในกระท่อมนั่นน่ะ เอื้อง?” เสียงเข้มของทมที่ไม่ยอมรับคำตอบครึ่งๆ กลางๆดังขึ้นในความเงียบ ทำให้เอื้องสะดุ้ง เธอก้มหน้าหลบอย่างเห็นได้ชัด มือที่กำถาดชาอยู่สั่นเล็กน้อย “ขะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคุณทม แค่คนที่คุณนาวินพามา...” เอื้องตอบเสียงแผ่ว เบือนสายตาไม่กล้ามองหน้า ทมยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเย็นชาแฝงด้วยความสงสัยจับจ้องใบหน้าเอื้องราวกับจะเจาะลึกไปในใจ “คนที่เขาพามา? แล้วทำไมถึงต้องพาไปไว้ที่กระท่อมปลายนั่น?” เอื้องเงียบไป ดวงตาล่อกแล่กอย่างชัดเจน ทมย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าหา “ฉันไม่ชอบคำตอบครึ่งๆ กลางๆ เอื้อง บอกมาดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น...” เอื้องรีบก้มหน้าพูดอย่างลนลาน “คุณนาวินพาผู้หญิงคนหนึ่งมาเจ้าค่ะ ดูเหมือน...เธอไม่เต็มใจ คุณนาวินให้คนไปจัดกระท่อมไว้ให้ แต่ดิฉัน...ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง”ที่กระท่อมชายไร่กุหลาบ
มินตรายืนมองวิวทิวเขาผ่านหน้าต่างเล็กๆ มือของเธอพยายามจับลูกบิดประตูครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็พบว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก เธอหายใจแรงด้วยความไม่พอใจและหวาดกลัว เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออก นาวินยืนอยู่ที่หน้าประตู ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตพับแขนเผยให้เห็นมัดกล้ามอย่างชัดเจน สายตาของเขาดูเคร่งขรึม ทว่ามีแววเยาะเย้ยในนั้น “คุณคิดจะหนีไปไหนหรือ มินตรา?” เสียงของเขาเย็นชาแต่ทรงพลัง “คุณมันบ้า นาวิน! คุณไม่มีสิทธิ์พาฉันมาที่นี่!” มินตราแหวใส่ แต่เขากลับหัวเราะในลำคอ ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้จนเธอต้องถอยหลัง “สิทธิ์? ผมมีสิทธิ์ทุกอย่าง คุณเองต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์หนีจากผม” เขากระชากแขนเธออย่างแรง ร่างบางถูกดึงเข้าหาอกกว้างอย่างไม่ทันตั้งตัว “ปล่อยฉัน!” มินตราดิ้นรน แต่แรงของเขามากเกินกว่าจะต้านไหว “ปล่อย? คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคุณเป็นหนี้ผมมากแค่ไหน” นาวินพูดด้วยน้ำเสียงเยาะ “ผมอุตส่าห์ลงทุนพาคุณมาที่นี่ คุณควรจะตอบแทนผมให้คุ้มค่า” “ฉันไม่ได้เป็นหนี้คุณ!” มินตราตอบเสียงสั่น แต่เขายิ้มเยาะ พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่ใช่เหรอ? งั้นคุณจะต้องจำบทเรียนนี้ไปอีกนาน” เขากระซิบชิดข้างหู ก่อนจะกดตัวเธอลงกับกำแพงไม้ หญิงสาวพยายามผลักเขาออก แต่เขาจับข้อมือของเธอไว้แน่น “ที่นี่...คุณไม่มีทางหนีผมไปได้หรอก จำไว้” นาวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดุดัน ร่างของเขายืนคร่อมเธอไว้ รอยยิ้มมุมปากของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและครอบครอง เสียงลมหายใจของทั้งสองดังก้องในกระท่อมเล็กๆ ท่ามกลางไร่กุหลาบที่เงียบสงบ แต่นั่นกลับเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน นาวินบีบคางมินตราแน่นจนเธอรู้สึกถึงแรงกดของนิ้วมือหยาบกร้านที่ตรึงให้เธอต้องมองสบตากับเขา ดวงตาคมของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและแววโกรธที่คุกรุ่น ริมฝีปากหยักเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหยามเหยียดและการครอบครอง “เธอต้องอยู่ที่นี่ อยู่เป็นนางบำเรอ เป็นของเล่นของฉัน...จนกว่าฉันจะพอใจ” น้ำเสียงของเขากดต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจที่เธอไม่อาจปฏิเสธ มินตราสะอึก หายใจไม่ออกจากทั้งความตกใจและความกลัว “คุณมันบ้า... ฉันไม่ใช่ของคุณ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!” แต่คำพูดของเธอกลับยิ่งทำให้รอยยิ้มเย็นเย้ยของเขากว้างขึ้น เขาก้มหน้าลงจนจมูกของเขาแทบแตะหน้าผากของเธอ “ไม่มีสิทธิ์เหรอ? งั้นเธอคิดว่าใครมีสิทธิ์ในตัวเธอ ถ้าไม่ใช่ฉัน?” เขาดันตัวเธอให้ชิดกำแพงไม้หยาบกร้าน ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้จนเธอแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจร้อนของเขา “เธอเป็นของฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันตัดสินใจพาเธอมาที่นี่ จำไว้” มินตราดิ้นรนพยายามผลักเขาออก แต่เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว “อย่าดิ้น...มันไม่มีประโยชน์” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำสั่ง เธอหายใจแรง น้ำตาคลอในดวงตา แต่เขาไม่สนใจ “เธอจะต้องอยู่ที่นี่ อยู่เพื่อเป็นของฉัน...ไม่ใช่ใครอื่น” เขากระซิบเสียงเข้ม ก่อนจะก้มลงจูบเธออย่างดุดัน บังคับให้เธอตอบสนองต่อเขา มินตรารู้สึกถึงความเย็นชาในน้ำเสียงและการกระทำของเขา แต่สิ่งที่เธอรู้สึกยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกถึงการถูกกักขัง ไม่มีทางหนีไปจากเขาได้...ไม่มีเลย มินตราตวาดเสียงดังลั่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวดที่ก่อตัวมานาน “ไอ้บ้า! ไอ้คนเลว! แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว นายมาเจ็บแค้นอะไรฉันนักหนา!” คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่สาดลงในกองไฟ นาวินที่พยายามระงับความโกรธอยู่แล้วกลับระเบิดออกมาทันที เขาก้าวเข้าไปหามินตราด้วยสายตาวาวโรจน์ มือใหญ่คว้าเข้าที่ไหล่ของเธอแน่นจนเธอร้องด้วยความเจ็บ “เรื่องเดียวเหรอ? เธอกล้าพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง มินตรา!” เสียงทุ้มต่ำของเขากดดันราวกับฟ้าคำราม เขาไม่รอให้เธอได้พูดอะไรต่อ มือหนาของเขากระชากเสื้อผ้าของเธออย่างแรงจนขาดลุ่ยในพริบตา ร่างเปลือยเปล่าของมินตราปรากฏต่อสายตาของเขา เธอตัวสั่นด้วยความตกใจและความอับอาย มือรีบกอดตัวเองไว้ แต่เขากลับคว้ามือเธอออก “อย่ามาปิดบังฉัน... เธอไม่มีสิทธิ์อีกต่อไป!” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ แต่เต็มไปด้วยแรงครอบงำ “นาวิน! หยุดนะ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉัน!” มินตราตะโกนดิ้นรนสุดแรง แต่เขากลับยิ่งกดตัวเธอไว้แน่น “ไม่มีสิทธิ์? เธอคิดผิดแล้ว... ฉันมีทุกสิทธิ์ในตัวเธอ จำเอาไว้!” เขากระซิบใกล้หูเธอ น้ำเสียงเยาะเย้ยของเขาทำให้เธอขนลุก มินตราน้ำตาคลอ ดวงตาสั่นไหวด้วยความกลัว แต่เขากลับไม่สนใจ ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้ เธอพยายามหลบสายตา แต่เขาใช้มือจับปลายคางของเธอให้หันกลับมา “มองฉันสิ มินตรา... จำไว้ ว่าฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไป” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแรงปรารถนาและความคั่งแค้นที่แฝงอยู่ลึกๆ เขากดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงและเร่าร้อน จนเธอไม่สามารถต้านทานได้อีก................................
มินตรานอนหันหลังให้เขา น้ำตารินไหลเงียบๆ ลงบนหมอน ร่างกายยังสะท้านเล็กน้อยจากความรุนแรงที่เขาละเลงรักลงมาอย่างดุดันและไม่ปรานี เธอพยายามข่มเสียงสะอื้น แต่แรงสะอื้นเล็กๆ ก็ยังหลุดออกมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่เกาะกินหัวใจ นาวินที่นอนอยู่ด้านหลังลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าเอวบางของเธอไว้แล้วดึงเข้ามาแนบชิด ร่างกายสูงใหญ่ของเขากดทับความเย็นชาจากบรรยากาศภายในห้อง “จะร้องไห้อะไรนักหนา?” เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบชิดหลังใบหู ร่างสั่นเทิ้มของมินตรายิ่งทำให้เขารัดเธอแน่นขึ้น “น้ำตาพวกนี้มันไม่มีประโยชน์... เพราะเธอไม่มีวันหนีไปจากฉันได้อยู่ดี” “ไอ้คนเลว... ปล่อยฉัน” เธอกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่เขากลับหัวเราะเยาะในลำคอ “เลวเหรอ? ใช่... ฉันเลว แต่เธอก็ยังเป็นของคนเลวคนนี้อยู่ดี” เขากระซิบเสียงเยาะเย้ย มือหนาลูบไล้ลงมาที่หน้าท้องของเธออย่างถือสิทธิ์ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มินตราสะบัดตัวดิ้นหนี แต่เขากลับพลิกร่างเธอให้หันมาประจันหน้า ดวงตาคมจ้องมองเธออย่างดุดัน “ฟังให้ชัดนะมินตรา เธอไม่มีสิทธิ์หันหลังให้ฉัน... ไม่มีสิทธิ์หนี ไม่มีสิทธิ์ร้องไห้” น้ำเสียงของเขาทั้งเยือกเย็นและกร้าวกระด้าง “จำไว้... ตั้งแต่วินาทีนี้ไป เธอคือของฉัน ทั้งตัวและหัวใจ เข้าใจไหม?” มินตราเม้มปากแน่น น้ำตายังไหลอาบแก้ม เธอหันหน้าหนีจากสายตาอันเย็นชา แต่เขากลับบีบปลายคางของเธอให้หันกลับมามองเขาอีกครั้ง “มองฉัน มินตรา อย่าคิดหนีอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะเจออะไรที่หนักกว่านี้” เขาก้มลงมากระซิบชิดริมฝีปากของเธอ ก่อนจะกดจูบลงมาอย่างรุนแรงและบีบบังคับ เธอพยายามดิ้น แต่แรงของเขามากเกินไป เธอไม่มีทางหนี ไม่มีทางสู้ ร่างกายของเธอถูกกักขังไว้ทั้งที่ใจยังคงต่อต้าน...ทมยืนพิงเสาไม้ที่เรือนใหญ่ พลางถามเอื้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัยและไม่วางใจ “คุณนาวินไม่อยู่อีกแล้วเหรอเอื้อง? ช่วงนี้ฉันแทบไม่เห็นเขาที่เรือนใหญ่เลย หรือว่ามีอะไรที่ฉันยังไม่รู้?”เอื้องที่กำลังยกถาดน้ำชาให้สาวใช้คนอื่นหยุดชะงัก เธอก้มหน้าต่ำเหมือนพยายามหลบสายตาของทม ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ “เอ่อ...คุณทม... ฉัน...”ทมเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงของเธอแหลมขึ้นเล็กน้อย “อะไรเอื้อง? มีอะไรก็บอกมาให้หมด ฉันสังเกตเห็นว่าช่วงนี้คุณวินทำตัวแปลกๆ แถมยังหายไปบ่อยๆ อีก มีอะไรเกิดขึ้นที่ฉันควรรู้หรือเปล่า?”เอื้องลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็แค่...งานยุ่งน่ะค่ะคุณทม คุณวิน...เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”แต่คำตอบนั้นกลับไม่ทำให้ทมหายสงสัย ดวงตาแหลมคมของเธอจ้องมองเอื้องอย่างพิจารณา “สำคัญถึงขั้นต้องไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นหรือไง?” เธอถามตรงไปตรงมา เสียงกดต่ำเอื้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่จับถาดชาเริ่มสั่น เธอกัดริมฝีปากแน่นเหมือนลังเลว่าจะพูดหรือไม่“คุณวินพาใครไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นใช่ไหมเอื้อง?” ทมถามซ้ำ ดวงตาของเธอแหลมคมและเอาจริงเอื้องอึกอัก สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว “ฉัน
นาวินก้าวเข้าหากระท่อมไม้ที่เงียบสนิท แสงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่รอบด้านทำให้บรรยากาศดูเงียบงันและเย็นยะเยือก เขาสังเกตเห็นกองฟืนและข้าวของที่เขาสั่งให้เอื้องจัดเตรียมไว้ถูกทิ้งกระจัดกระจายหน้ากระท่อม รอยขมวดบนหน้าผากของเขาลึกขึ้น"เอื้อง!" เขากระซิบดุดันในลำคอ แม้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นให้ตอบ แต่ความโมโหที่คุกรุ่นทำให้เขากัดฟันแน่นเขาคว้ากุญแจในกระเป๋า ไขประตูเข้าไปในความมืดมิดของกระท่อม บรรยากาศภายในชวนอึดอัดจนเขาใจหายวูบ ร่างสูงกวาดตามองหาคนที่ควรอยู่ในนี้ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดและความเงียบ"มินตรา?" เสียงทุ้มต่ำของเขาเรียกหาเธอในความมืด น้ำเสียงแฝงความห่วงและร้อนรนอย่างปิดไม่มิดไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงลมเย็นพัดผ่านกระท่อมและความเงียบงันที่ทำให้เขาแทบกระวนกระวาย มือของเขากำแน่นขณะที่ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว... ถ้าเธอหายไป?ใจของเขาเหมือนถูกบีบจนแน่นเมื่อคิดเช่นนั้น แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากมุมห้อง เสียงที่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เขาเดินไปตามเสียง ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไปในความมืดจนเห็นเธอ—มินตรา ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆ ร่างเล็กสั่นสะท้านจากความหนา
มินตราหอบหายใจเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเธอถูกกดด้วยแรงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความคั่งแค้น ร่างบางที่คิดว่าตัวเองจะได้รับคำให้อภัยจากนาวิน บัดนี้กลับติดอยู่ในวงแขนแกร่งที่กอดรัดเธอแน่นจนไม่อาจดิ้นหลุด“อื้อ... นาวิน...” เสียงของเธอขาดห้วงเมื่อเขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดต่อ ริมฝีปากร้อนของเขาบดเบียดเข้าหาอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกซึมเข้ามาโดยไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธแว่นตาหนาๆ ที่เขาสวมไว้ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ถูกดึงออกโยนทิ้งอย่างไม่แยแส ก่อนที่เขาจะเสยผมขึ้น เผยใบหน้าคมคายและดวงตาคมที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา“คิดว่าผมจะให้อภัยคุณง่ายๆ เหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอหลังจากผละจากจูบ ริมฝีปากของเขายังแตะเบาๆ บนผิวแก้มนุ่มของเธอมินตรามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและตกใจ “นาวิน... คุณ...”เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาที่เคยดูอ่อนโยนกลับเยือกเย็น “คุณหลงกลผมเอง... คนอย่างคุณควรได้รับบทเรียน”เขาดันเธอให้เอนตัวไปกับเบาะรถหรู นิ้วเรียวไล้ผ่านกรอบหน้าของเธอก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาแตะที่ริมฝีปาก เขายิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะกดจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เร่าร้อนและดุดันยิ่งขึ้นมินตราครางแผ่วในลำคอ มือของ
นาวินก้าวเข้าหากระท่อมไม้ที่เงียบสนิท แสงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่รอบด้านทำให้บรรยากาศดูเงียบงันและเย็นยะเยือก เขาสังเกตเห็นกองฟืนและข้าวของที่เขาสั่งให้เอื้องจัดเตรียมไว้ถูกทิ้งกระจัดกระจายหน้ากระท่อม รอยขมวดบนหน้าผากของเขาลึกขึ้น"เอื้อง!" เขากระซิบดุดันในลำคอ แม้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นให้ตอบ แต่ความโมโหที่คุกรุ่นทำให้เขากัดฟันแน่นเขาคว้ากุญแจในกระเป๋า ไขประตูเข้าไปในความมืดมิดของกระท่อม บรรยากาศภายในชวนอึดอัดจนเขาใจหายวูบ ร่างสูงกวาดตามองหาคนที่ควรอยู่ในนี้ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดและความเงียบ"มินตรา?" เสียงทุ้มต่ำของเขาเรียกหาเธอในความมืด น้ำเสียงแฝงความห่วงและร้อนรนอย่างปิดไม่มิดไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงลมเย็นพัดผ่านกระท่อมและความเงียบงันที่ทำให้เขาแทบกระวนกระวาย มือของเขากำแน่นขณะที่ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว... ถ้าเธอหายไป?ใจของเขาเหมือนถูกบีบจนแน่นเมื่อคิดเช่นนั้น แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากมุมห้อง เสียงที่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เขาเดินไปตามเสียง ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไปในความมืดจนเห็นเธอ—มินตรา ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเก่าๆ ร่างเล็กสั่นสะท้านจากความหนา
ทมยืนพิงเสาไม้ที่เรือนใหญ่ พลางถามเอื้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสงสัยและไม่วางใจ “คุณนาวินไม่อยู่อีกแล้วเหรอเอื้อง? ช่วงนี้ฉันแทบไม่เห็นเขาที่เรือนใหญ่เลย หรือว่ามีอะไรที่ฉันยังไม่รู้?”เอื้องที่กำลังยกถาดน้ำชาให้สาวใช้คนอื่นหยุดชะงัก เธอก้มหน้าต่ำเหมือนพยายามหลบสายตาของทม ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความลำบากใจ “เอ่อ...คุณทม... ฉัน...”ทมเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงของเธอแหลมขึ้นเล็กน้อย “อะไรเอื้อง? มีอะไรก็บอกมาให้หมด ฉันสังเกตเห็นว่าช่วงนี้คุณวินทำตัวแปลกๆ แถมยังหายไปบ่อยๆ อีก มีอะไรเกิดขึ้นที่ฉันควรรู้หรือเปล่า?”เอื้องลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็แค่...งานยุ่งน่ะค่ะคุณทม คุณวิน...เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”แต่คำตอบนั้นกลับไม่ทำให้ทมหายสงสัย ดวงตาแหลมคมของเธอจ้องมองเอื้องอย่างพิจารณา “สำคัญถึงขั้นต้องไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นหรือไง?” เธอถามตรงไปตรงมา เสียงกดต่ำเอื้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่จับถาดชาเริ่มสั่น เธอกัดริมฝีปากแน่นเหมือนลังเลว่าจะพูดหรือไม่“คุณวินพาใครไปอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นใช่ไหมเอื้อง?” ทมถามซ้ำ ดวงตาของเธอแหลมคมและเอาจริงเอื้องอึกอัก สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว “ฉัน
ทม ผู้หญิงแกร่งผู้ทำหน้าที่ดูแลทุกซอกทุกมุมของไร่กุหลาบที่ครอบคลุมภูเขาหลายลูก สายตาคมกริบของเธอจ้องตรงไปยังเอื้อง สาวใช้ประจำเรือนใหญ่ที่กำลังยกถาดชาอยู่ เธอขยับเข้าไปใกล้ในจังหวะที่สาวใช้อ่อนวัยกำลังพยายามหลบสายตา“ใครอยู่ในกระท่อมนั่นน่ะ เอื้อง?” เสียงเข้มของทมที่ไม่ยอมรับคำตอบครึ่งๆ กลางๆดังขึ้นในความเงียบ ทำให้เอื้องสะดุ้ง เธอก้มหน้าหลบอย่างเห็นได้ชัด มือที่กำถาดชาอยู่สั่นเล็กน้อย“ขะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคุณทม แค่คนที่คุณนาวินพามา...” เอื้องตอบเสียงแผ่ว เบือนสายตาไม่กล้ามองหน้าทมยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเย็นชาแฝงด้วยความสงสัยจับจ้องใบหน้าเอื้องราวกับจะเจาะลึกไปในใจ “คนที่เขาพามา? แล้วทำไมถึงต้องพาไปไว้ที่กระท่อมปลายนั่น?”เอื้องเงียบไป ดวงตาล่อกแล่กอย่างชัดเจน ทมย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าหา “ฉันไม่ชอบคำตอบครึ่งๆ กลางๆ เอื้อง บอกมาดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น...”เอื้องรีบก้มหน้าพูดอย่างลนลาน “คุณนาวินพาผู้หญิงคนหนึ่งมาเจ้าค่ะ ดูเหมือน...เธอไม่เต็มใจ คุณนาวินให้คนไปจัดกระท่อมไว้ให้ แต่ดิฉัน...ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง”ที่กระท่อมชายไร่กุหลาบมินตรายืนมองวิวทิวเขาผ่านหน้าต่างเล็กๆ
มินตราหอบหายใจเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเธอถูกกดด้วยแรงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความคั่งแค้น ร่างบางที่คิดว่าตัวเองจะได้รับคำให้อภัยจากนาวิน บัดนี้กลับติดอยู่ในวงแขนแกร่งที่กอดรัดเธอแน่นจนไม่อาจดิ้นหลุด“อื้อ... นาวิน...” เสียงของเธอขาดห้วงเมื่อเขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดต่อ ริมฝีปากร้อนของเขาบดเบียดเข้าหาอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกซึมเข้ามาโดยไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธแว่นตาหนาๆ ที่เขาสวมไว้ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ถูกดึงออกโยนทิ้งอย่างไม่แยแส ก่อนที่เขาจะเสยผมขึ้น เผยใบหน้าคมคายและดวงตาคมที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา“คิดว่าผมจะให้อภัยคุณง่ายๆ เหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอหลังจากผละจากจูบ ริมฝีปากของเขายังแตะเบาๆ บนผิวแก้มนุ่มของเธอมินตรามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและตกใจ “นาวิน... คุณ...”เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาที่เคยดูอ่อนโยนกลับเยือกเย็น “คุณหลงกลผมเอง... คนอย่างคุณควรได้รับบทเรียน”เขาดันเธอให้เอนตัวไปกับเบาะรถหรู นิ้วเรียวไล้ผ่านกรอบหน้าของเธอก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาแตะที่ริมฝีปาก เขายิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะกดจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เร่าร้อนและดุดันยิ่งขึ้นมินตราครางแผ่วในลำคอ มือของ