“เมื่อก่อนผมไม่ทันคนเลยถูกหลอก แต่ถ้าไม่เกือบตายตอนนั้นคงไม่รอดกลับมารับรู้ว่าคนที่ตัวเองรักและคิดว่าเป็นนางฟ้าที่แท้ก็โสเภณีชั้นสูงดี ๆ นี่เอง ผู้หญิงที่กล้าเอาพรหมจารีย์เข้าแลกกับผลประโยชน์ถ้าไม่เรียกว่าเลว แล้วจะเรียกว่าอะไร!”“ไคลน์!...นี่คุณ!” เสียงของซาตานร้ายทำลายความอดกลั้นของหญิงสาว สำนึกสุดท้ายผลักให้เธอเงื้อมืออีกข้างหวังจะฟาดลงบนใบหน้าคร้ามเข้มแต่ไม่ทันมือของเขาที่จับไว้ได้ทันควัน“โอ๊ย!...ไม่! ปล่อยฉัน!” อิสลินร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในขณะเดียวกันก็ต้องอดกลั้นต่อความทรมานไม่อาจโวยวายเสียงดังกลัวอีวี่จะตื่นมาเห็นเธอในสภาพถูกจับมือไพล่หลังไว้ทั้งสองข้าง“ร้องออกมาดัง ๆ สิ อีฟ! ร้องออกมาอีก คุณมันงูพิษชัด ๆ ผมเผลอเมื่อไหร่ก็คิดจะทำร้ายได้เมื่อนั้น คราวนี้ผมจะทำให้คุณได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวด รู้ว่าการอยู่อย่างตายทั้งเป็นมันทุกข์ทรมานยังไง!”“ได้โปรดเถอะค่ะ ไคลน์...ได้โปรด...” หญิงสาวมิอาจพูดต่อไปได้ว่าเมื่อก่อนนี้เธอและเขารักกันมาแค่ไหน เวลานั้นคงเนิ่นนานกระทั่งความทรงจำของจอมซาตานพร่ามัวไปหมดแล้ว เขาไม่ยอมปราณีต่อคำร้องขอนั้นแม้แต่น้อยกลับยิ่งแสดงความกร้าวแข็งด้วยการดันร่างอรช
“ปล่อยฉันนะ ไคลน์! ฉันไม่ต้องการแบบนี้! อย่าทำกับฉันแบบนี้!” เสียงร้องของหญิงสาวถูกกลืนหายไปในปากของชายหนุ่ม ลิ้นหนาฉกเข้าไปในปากเล็กรุกรานภายในนั้นอย่างผู้กุมชัยชนะ อิสลินสำลักลมหายใจหลายครั้งเมื่อถูกจูบรุนแรงไม่บันยะบันยังจากริมฝีปากร้อน ตั้งแต่พบหน้ากันเซอร์เรนัล์ฟก็สาดใส่แต่ความดิบเถื่อนอย่างไร้เหตุผล นี่หรือคือตัวตนที่แท้จริงของเขา หากต้องจากกันชั่วชีวิตก็ยังจะดีเสียกว่าที่ต้องมาพบกันให้ยิ่งทุกข์ทรมานนับพันเท่า อิสลินกักเสียงสะอื้นไว้ในลำคอเมื่อใบหน้าคร้ามคมเลื่อนจากริมฝีปากบางไปยังคางเรียว เซอร์เรนัล์ฟฝังรอยขบกัดแทบจะในทุกที่บนนวลเนื้อที่เขาลากเรียวปากไปถึง ทั้งข้างแก้ม ปลายคางและซอกคอเนียนผ่อง ในเวลาเดียวกันหญิงสาวก็สะดุ้งทุกครั้งที่ชายหนุ่มแกล้งกระทำให้เธอเจ็บปวด ร่างสูงใหญ่ที่ทอดกายอยู่เหนือร่างแน่งน้อยระเบิดความเกลียดชังออกมาจนหญิงสาวไม่รู้ว่าจะหยุดเขาได้เช่นไร“หยุดเดี๋ยวนี้นะคะ ไคลน์! หยุดเดี๋ยวนี้!” คำขอร้องนั้นเหมือนยิ่งยุยั่วให้จอมซาตานหนักมือขึ้นทุกขณะ เขาปล่อยมือของอิสลินที่ถูกไพล่หลังไว้ให้เป็นอิสระแต่กลับกระชากคอเสื้อของชุดแสกบนร่างบางจนกระดุมเม็ดเล็กกระเด็นกระดอนไป
โครงสร้างอันน่าหลงใหลของความเป็นชายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นทำให้เซอร์เรนัล์ฟดูเหมือนนักกีฬามากกว่านักธุรกิจ ดวงตาของหญิงสาวยิ่งเปล่งประกายวาววามเมื่อชุดแสกถูกมือหนาทรงพลังรั้งลงไปกองที่ปลายเท้าเรียว เขากระตุ้นประสาทสัมผัสให้ยิ่งเขม็งเกลียวด้วยการนาบร่างลงมาสนิทแนบในทุกอณู“อีฟ...พูดอีกครั้งสิว่า...คุณเกลียดผม”“ฉันเกลียดคุณค่ะ ...ฉันเกลียดคุณ” อิสลินกระซิบอยู่ชิดเรียวปากหนาที่แทรกลิ้นอุ่นเข้าไปในกลีบปากของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า อาการสั่นสะท้านของร่างบอบบางในอ้อมแขนทำให้เซอร์เรนัล์ฟไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงสาวจึงทำราวกับเขาเป็นผู้ชายคนแรก“ก่อนพูดอะไรคุณต้องแน่ใจตัวเอง อีฟ...คุณต้องแน่ใจว่าเกลียดผมจริง ๆ ““ฉันเกลียดคุณค่ะ ...ปล่อยฉันไปสิคะ ปล่อยฉันไป”“คุณต่างหากที่ต้องปล่อยผม อีฟ” น้ำเสียงแตกพร่าของเซอร์เรนัล์ฟส่งสัญญาณให้เขารู้ว่าเขาไม่อาจหยุดตัวเองลงได้ เรือนร่างของอิสลินเหมือนดอกไม้อวดกลีบงามสะพรั่งและดึงดูดความแข็งแกร่งให้ยิ่งแนบชิดจนแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียว ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าทรงเสน่ห์ไปตามเนียนผิวที่มีรอยเม้มขบเป็นจ้ำแดงชัดตามซอกคอระเรื่อยไปถึงเนินอกไหวระริก ความนุ่มนวลอ
อิสลินสะดุ้งเฮือกเมื่อแกนกายถูกรุกล้ำโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้งที่ความสุขระเหิดหายไปในอากาศ ทุกส่วนระหว่างเธอและเขาประสานกันแน่นเกินกว่าจะดิ้นหนีไปไหนพ้น“ไคลน์...ทำไมคุณทำกับฉันอย่างนี้...ทำไม” ร่างเล็กร่ำร้องถามด้วยเสียงอันเบาทันทีที่เขาคลายนิ้วออกจากปลายคาง ที่สุดแล้วเธอต้องร้องไห้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง“เพราะคุณมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่า อีฟ...คงไม่มีความจำป็นที่ผมต้องให้เกียรติผู้หญิงไร้ราคาอย่างคุณ!”“ถ้าฉันไม่มีค่าอะไรคุณจะเก็บฉันไว้ทำไมคะ” / “ผมจะเก็บคุณเอาไว้ จองจำคุณเอาไว้ให้ทุกข์ทรมานจนตายเหมือนที่คุณทำกับผม!”“ทำไมคุณไม่ฟังฉันบ้างล่ะคะ ฉันแค่อยากบอกคุณว่า...”“หมดเวลาเสแสร้งมารยาแล้ว อีฟ! ชีวิตของคุณเป็นของผมและผมก็จะใช้มันให้คุ้ม เมื่อถึงวันหนึ่งที่คุณทรุดโทรมจนทำอะไรไม่ได้ ผมอาจให้อิสระกับซากชีวิตที่รอวันตายเท่านั้น!” เซอร์เรนัล์ฟไม่เปิดโอกาสให้อิสลินได้อธิบายอะไรอีก เขายัดเยียดความทรมานด้วยการผลักไสตัวเองเข้าสู่ใจกลางของความอ่อนไหว กลีบกุหลาบต้องชอกช้ำเพราะความชุ่มฉ่ำเหือดหายเหมือนน้ำเลี้ยงหัวใจที่เหือดแห้ง เขาทำให้เธอล่องลอยเกือบถึงแดนสวรรค์ก่อนก
อิสลินในชุดแสกผ้าไหมยาวกรอมเท้าออกมาด้านนอกพร้อมอีวี่ก็พบว่าบนโต๊ะหน้าระเบียงบ้านมีอาหารวางอยู่อย่างเรียบร้อยซึ่งคงไม่ใช่มื้อเช้าสำหรับเธอในเมื่อแดดส่องจนสว่างไสวไปหมด“ขอโทษทีนะคะ ป้าลิลลี่ที่ฉันนอนตื่นสายจนป่านนี้” หญิงสาวกล่าวแก้เก้อกับแม่บ้านวัยกลางคนขณะนั่งลงพร้อมลูกสาว ร่างใหญ่ใบหน้าแป้นในกรอบเรือนผมสีทองที่ถูกมวยมุ่นไว้ด้านหลังยิ้มบาง ๆ ก่อนพูด“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงป้าก็มีหน้าที่ต้องตามมาคอยดูแลคุณผู้หญิงกับคุณหนูอีวี่ตามคำสั่งเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่อยู่แล้ว คุณเซอร์เรนัล์ฟน่ะค่ะ ท่าทางเขาชอบที่นี่และใจดีมากที่ไม่ไล่คนเก่าแก่ของคฤหาสน์เพียซออกไปทั้งที่คุณเดเรกก็ไม่อยู่แล้ว ป้าคิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะค่ะ”“ป้าลิลลี่...แล้วแด๊ดดี้ล่ะคะ?” อีวี่ถามขึ้นมาก่อนหยิบคุกกี้เข้าปากซึ่งคำถามของเด็กน้อยทำให้หญิงวัยกลางคนย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความฉงน“แด๊ดดี้?” / “คุณเซอร์เรนัล์ฟน่ะค่ะป้า...คือ...เขาให้อีวี่เรียกเขาว่าแด๊ดดี้”“อ๋อ” ลิลลี่พยักหน้าเข้าใจและเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “อืม...ดูเหมือนวันนี้คุณเซอร์เรนัล์ฟจะมีแขกมาหาแต่เช้า คงยังคุยกันอยู่กระมังคะ...เอ...รู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิง
“เอ...ดิฉันมีเรื่องสงสัยอยู่อีกอย่าง หวังว่าคงไม่น่าเกลียดนะคะที่จะถาม...ที่จริงคุณอีฟก็หย่าขาดกับเดเรก เพียซแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของเซจ ทำไมคุณอีฟยังอยู่ที่นี่อีกล่ะคะ?” อิสลินออกอาการอึ้งไปเล็กน้อยขณะที่คนตั้งคำถามเริ่มสำเหนียกได้ถึงความไม่ปกติ เรเน่ต์มองอีกฝ่ายและพยายามเก็บรายละเอียด ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าแม้ต่างเชื้อชาติแต่ก็จัดได้ว่าเป็นคนสวยมากทีเดียว เธอดูอ่อนหวานออกจะเศร้า ๆ หญิงสาวกำลังค้นหาอะไรบางอย่างจากแม่หม้ายที่ปรากฏตัวในคฤหาสน์อันเป็นที่อยู่ใหม่ของเซอร์เรนัล์ฟ ผู้ชายเงียบขรึมเดาใจยากคนนั้น“คือ...ฉัน” เสียงของอิสลินขาดหายเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาสมทบ เรเน่ต์รีบหันกลับไปตามดวงตาคู่สวยซึ่งกำลังทอดมองอยู่ในทันที“เซจคะ” / “ผมนึกว่าคุณยังอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นป้าลิลลี่บอกว่าคุณมาที่นี่ก็เลยตามมาดู” เซอร์เรนัล์ฟในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายลายทางสวมกางเกงสแล็คสีเข้มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเรเน่ต์ดูตื่นเต้นขณะสอดมือเข้าไปเกาะเกี่ยวแขนของเขาไว้ ท่าทีนั้นทำให้อิสลินหันไปทางกอดอกไม้ของเธอแทนเพื่อดับความรุ่มร้อนในหัวใจ“ก็คุณมัวแต่อยู่ในห้องทำงานนี่คะ ฉันนั่งเล่น ๆ รู
“นัดหรือ?” ชายหนุ่มหันกลับมาและทำหน้าเหมือนจำไม่ได้“ใช่ค่ะ เซจ...คุณต้องไม่ลืมไปงานการกุศลตามที่ฉันบอกคุณไว้ ตอนนี้ฉันมีหน้าที่จัดแคมเปญโฆษณาใหญ่ให้กับดี ฮันเตอร์ ยิ่งคุณออกงานสังคมมากเท่าไหร่ก็จะมีคนจดจำหน้าตาของคุณได้มากเท่านั้นนะคะ”“เรเน่ต์ ผมให้คุณทำโปรเจ็คงานโฆษณาบริษัท ไม่ใช่ผม”“เซจคะ...คุณคือ ดี ฮันเตอร์ ค่ะ ตอนนี้ใคร ๆ ก็จับตามองบริษัทอากาศยานไร้คนขับยักษ์ใหญ่ที่ผงาดขึ้นมาแทนที่แอร์โรว์ไวรอนต์ ฉะนั้นแล้วคุณต้องหมั่นโปรโมทตัวเองเพราะการที่คนอเมริกันได้รู้จักคุณก็เท่ากับว่าเขาได้รู้จักบริษัทของคุณไปด้วย”“แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร” เซอร์เรนัล์ฟกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท “ผมก็เป็นแค่นักประดิษฐ์ผลงานด้านวิศวกรรมการบินที่เผอิญโชคดีประสบความสำเร็จก็เท่านั้น ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากชื่อเสียงและไม่คาดหวังจะเป็นหน้าตาของบริษัท แค่งานที่ผมคิดค้นมีคนยอมรับและทำประโยชน์ให้ประเทศได้...ก็น่าจะเพียงพอ”“แต่ เซจคะ...”“ขอโทษทีที่วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ผมไม่ว่างเพราะมีงานด่วนกะทันหัน ถ้ายังไงผมจะส่งตัวแทนไปร่วมงานก็แล้วกัน”“เซจ...” หญิงสาวพูดไม่ทันร่างสูง
“อย่านะ!” อิสลินได้แต่เค้นเสียงหนักในลำคอแต่ไม่กล้าเอ็ดอึงเมื่อลำแขนทรงพลังรวบเอวบางเข้าไปหาอกกว้าง หญิงสาวตอบโต้อะไรไม่ได้เลยทว่าก็ไม่นิ่งเฉยและพยายามขืนตัวอยู่ในอ้อมกอดนั้น“ไคลน์! คุณอย่ามารุ่มร่ามตรงนี้นะคะ ฉันไม่อยากให้อีวี่ออกมาเห็น” / “ก็ดี...ถ้าแม่หนูน้อยตื่นขึ้นมาผมจะได้ถามว่าเมื่อหัวค่ำแกร้องไห้ทำไม” เท่านั้นเองร่างเล็กก็หยุดกึก อิสลินเงียบไปโดยไม่ยอมพูดเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการจะเข้าใจเธอกับลูกอยู่แล้ว“ว่ายังไงล่ะ...อีฟ ผมได้ยินอีวี่ร้องไห้ ก็แค่อยากมาถามว่าแกสบายดีหรือเปล่า” เซอร์เรนัล์ฟคาดคั้นอย่างอ่อนโยนอยู่ชิดแก้มนวลที่เป็นสีเรื่อขึ้นเมื่อถูกลมหายใจร้อนผ่าวราดรดอยู่ใกล้ ๆ อิสลินส่ายศีรษะไปมาก่อนตอบ“อีวี่สบายดีค่ะ ปล่อยฉันซีคะในเมื่อคุณก็ได้คำตอบแล้ว”“ผมยังไม่ปล่อยเพราะคุณตอบไม่ตรงประเด็น จู่ ๆ อีวี่จะร้องไห้ทำไมตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ผมได้ยินเสียงร้องนานมาก” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นห่วงแม่หนูน้อยขึ้นมาจับจิต เสียงโยเยนั้นดังอยู่นานนับชั่วโมงตอนเขานั่งอยู่ที่วิหารเทพีอัฟโฟรไดท์“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าสนใจเลย แกก็แค่ร้องตามประสาเด็กเวลาไม่ได้อะไรอย่างใ