มู่หยางส่งสารน้องเล็กของตัวเองมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปี แต่ความคิดของเขานั้นกลับเป็นผู้ใหญ่กว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับพี่ใหญ่มาตั้งแต่เล็ก เลยถูกปลูกฝังว่าเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องเข้มแข็งต้องคอยปกป้องน้องสาวแทนพี่ ตัวเขาและน้องเล็กอายุห่างจากพี่ใหญ่สิบเอ็ดปี
สามคนพี่น้องอยู่กันเองพ่อแม่นั้นตายไปเพราะป่วยด้วยไข้ป่าไปเมื่อสิบปีที่แล้ว เขาและน้องเล็กจึงอยู่กับพี่ใหญ่มาตลอด แต่เมื่อสามสี่ปีก่อนครอบครัวของลุงใหญ่ขออาสาเข้ามาดูแลเขาและน้องสาว จะว่าดูแลไม่น่าจะใช่ เพราะต่อหน้าพี่ใหญ่นั้นดีแสนดี แต่พอลับหลังกลับเอาเปรียบเขาและน้องเล็กทุกอย่าง
ยิ่งเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ของเขายอมสมัครไปเป็นทหารเพื่อส่งเขาและน้องเรียนต่อ ครอบครัวลุงใหญ่แทบจะกระโดดตัวลอยเพราะเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้นั้นไม่เคยถึงมือพวกเขาทั้งสองคนเลย ยังดีที่ได้เรียนหนังสือ แต่ตอนนี้นี่เฮ้อ....
“เดี๋ยวพี่ไปจับปลามาให้เราสองคนจะได้ย่างปลากินกัน น้องเล็กรอพี่ก่อนนะ รอไหวไหม” มู่หยางกำลังจะลุกขึ้นเดินไปจับปลาในลำธาร แต่กลับได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง
“หิวไหม ฉันมีซาลาเปาไส้เนื้อหลายลูกมากินด้วยกันสิ”
หลิวชิงเย่วสงสารทั้งสองคนมากหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน เธอไม่ได้คิดที่จะแอบฟังแต่เผอิญดันเดินผ่านมาทางนี้พอดี หญิงสาวจึงเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าใส่ซาลาเปามาเต็ม ดีนะแถวนี้เป็นทางขึ้นเขาไม่อย่างนั้นคงจะหาที่แอบเอาซาลาเปาออกมาไม่ได้
“เอ๋...พี่สาวชิงเย่วภรรยาพี่เฉียงนี่” มู่หยางจำพี่สาวตรงหน้านี้ได้ เขาเคยเดินสวนกับเธอหลายครั้งแล้วในหมู่บ้าน
“ใช่ พี่สาวชิงเย่วจริงๆ ด้วย” มู่ฟ่านปิงจำได้เหมือนกัน พี่สาวคนนี้น่าสงสารเธอมักจะโดนแม่สามีด่าไม่ไว้หน้า อีกทั้งพี่เหว่ยเฉียงยังพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้านทั้งๆ ที่แต่งงานได้ไม่ถึงเดือน
“พวกเธอทั้งสองคนรู้จักฉันด้วยเหรอ” หลิวชิงเย่วขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าร่างนี้แทบจะไม่รู้จักใครเลย สองพี่น้องบ้านมู่พยักหน้ารับ จะไม่ให้รู้จักได้ยังไงเรื่องของพี่สาวชิงเย่วใครบ้างในหมู่บ้านนี้ไม่รู้
“ทั้งสองคนคงจะรู้จักชื่อเสียของฉันสินะ ช่างเถอะเรามากินซาลาเปากันก่อน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” หลิวชิงเย่วไม่สนใจว่าจะรู้จักเธอในแง่ไหน แต่ตอนนี้ทั้งสองคนคงจะหิวแล้ว มากินให้อิ่มท้องก่อนดีกว่า
“ไม่เป็นไรพี่สาวชิงเย่ว ไม่ใช่สิผมต้องเรียกว่าพี่สะใภ้หลี่เพราะพี่แต่งงานแล้ว” มู่หยางเปลี่ยนคำเรียก ถ้าเกิดพี่สาวตรงหน้ายังไม่แต่งงานนั้นเรียกพี่สาวได้ แต่ส่วนมากคนในหมู่บ้านหากแต่งงานแล้วจะไม่เรียกพี่สาวกัน
“เราสองพี่น้องพอจะรู้เรื่องของพี่สะใภ้หลี่มาบ้าง แต่มันต้องเป็นชื่อเสียงไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเป็นชื่อเสียล่ะ” มู่ฟ่านปิงไม่เข้าใจจึงเอียงคอถาม ทำไมพี่สาวชิงเย่วจึงบอกว่าชื่อเสียแทนจะเป็นชื่อเสียง
“แล้วเรื่องของฉันที่ทั้งสองคนได้ยินมามีเรื่องดีบ้างไหมล่ะ ถ้าให้เดาคงจะไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างใช่ไหม นั่นแหละฉันจึงบอกว่าชื่อเสียยังไง อีกอย่างทั้งสองคนเรียกฉันว่าพี่ชิงเย่วดีกว่า เรียกพี่สะใภ้หลี่แล้วขนลุกชอบกล เดี๋ยวจะพาลกินอาหารไม่ได้เปล่าๆ
มานั่งด้วยกันเถอะ ทั้งสองคนชื่ออะไรกันบ้างบอกฉันหน่อย เธอทั้งสองคนรู้ว่าฉันเป็นใครแต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนชื่ออะไรกันบ้าง” หลิวชิงเย่วคิดจะตีสนิทกับสองพี่น้องไว้ อย่างน้อยๆ มาเกิดใหม่ครั้งนี้เธอจะได้มีเพื่อนแม้ว่าจะเป็นเพื่อนต่างวัยก็เถอะ
“ผมไม่รบกวนพี่ชิงเย่วดีกว่า ผมจะลงไปจับปลาในลำธารมาย่างให้น้องเล็กกิน อ้อ...ผมชื่อมู่หยาง พี่ชิงเย่วเรียกผมว่าอาหยางก็ได้ ส่วนน้องเล็กชื่อมู่ฟ่านปิง พี่จะเรียกเสี่ยวปิงหรือฟ่านปิงก็ได้เหมือนกัน” มู่หยางเกรงใจ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าซาลาเปาไส้ผักลูกละหลายเหมา ยิ่งไส้เนื้อบางร้านก็เกือบสองหยวน เขาไม่กล้ากินหรอกมันแพง
“มานั่งนี่ นายพูดยากนะอาหยาง ฉันบอกให้มานั่งก็มาเถอะ กว่านายจะลงไปจับปลากว่าจะจับได้ ไหนจะต้องก่อไฟกว่าจะย่างเสร็จ พอดีฟ้ามืดเสียก่อน มาเถอะตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว ดังนั้นเราทั้งสามคนจึงมาเป็นเพื่อนต่างวัยกันดีกว่า
นายและเสี่ยวปิงรู้ไม่ใช่เหรอว่าตั้งแต่ฉันแต่งงานมาที่นี่ ฉันไม่รู้จักใครเลยนอกจากบ้านหลี่ แต่ถ้าทั้งสองคนรังเกียจที่ฉันเป็นหญิงแต่งงานแล้วที่แม้แต่บ้านสามีรังเกียจฉันก็ไม่ห้าม ฉันไปก็ได้แต่ซาลาเปานั้นทั้งสองคนเก็บไว้กินเถอะนะ ฉันให้”
หลิวชิงเย่วเตรียมจะลุกขึ้นเดินจากไป เพราะคิดว่าสองพี่น้องคงจะไม่กล้ามาเป็นเพื่อนกับเธอ แต่กลับโดนมือของมู่ฟ่านปิงจับไว้
“พี่ชิงเย่วพวกเราไม่ได้รังเกียจพี่ แต่พี่รองกับฉันรู้ว่าซาลาเปาไส้เนื้อนั้นมันแพง พวกเราเลยไม่กล้ากิน อีกอย่างพี่เอามาให้พวกเราแบบนี้บ้านสามีพี่จะไม่ดุด่าพี่อีกเหรอ ใครๆ ก็รู้ว่าแม่เฒ่าหลี่นั้นเป็นยังไง”
มู่ฟ่านปิงกลัวว่าพี่สาวตรงหน้ากลับไปแล้วจะโดนแม่สามีเล่นงานเอา
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก มานั่งกินกันดีกว่า” หลิวชิงเย่วเมื่อได้รู้ความคิดของทั้งสองคนจึงกลับลงมานั่งที่เดิม ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้คนละสองลูก “ถ้าไม่อิ่มก็หยิบกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“อันนี้เป็นของฉันเองไม่เกี่ยวกับบ้านสามี พวกเธออยู่ในหมู่บ้านมานานเรื่องที่ฉันแต่งเข้าบ้านหลี่นั้นก็คงจะพอรู้กันใช่ไหม” หลิวชิงเย่วกินไปด้วยเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองไปด้วย ทั้งสองคนได้รู้ความจริงต่างก็เห็นใจ เพราะมันคนละอย่างกับที่แม่เฒ่าหลี่เที่ยวมาพูดกับคนในหมู่บ้าน
“ไม่ใช่ว่าพี่ชิงเย่วหลงรักพี่เหว่ยเฉียงหรอกเหรอ ก่อนที่พ่อพี่ชิงเย่วตาย พ่อพี่ชิงเย่วเลยบังคับให้พี่เฉียงแต่งงานด้วยทั้งๆ ที่พี่เหว่ยเฉียงมีคนรักอยู่แล้ว” มู่ฟ่านปิงเป็นเด็กช่างพูดหากรู้สึกคุ้นเคย ในเมื่อสงสัยจึงเลือกที่จะถามออกมาตรงๆ แม้แต่มู่หยางยังพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว
“มันก็มีส่วน พ่อพี่ตายเพราะปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่พ่อพี่ช่วยชีวิตไว้ เลยขอร้องให้เขาช่วยดูแลพี่ก่อนท่านจะหมดลมหายใจ ตอนนั้นพี่เองก็อายุแค่สิบหกสิบเจ็ดปีพอพ่อตายแล้วก็เหมือนขอนไม้ลอยในทะเล หาหลักยึดไม่ถูกทำได้เพียงแต่งเข้าบ้านหลี่
แต่ใครจะคิดล่ะว่าบ้านหลี่นั้นเป็นปลิงดูดเลือดดีๆ นี่เอง หากพี่รู้ก่อนสักนิดว่าหลี่เหว่ยเฉียงมีคนรักอยู่แล้ว พี่จะแต่งเข้ามาทำไม ทั้งสองคนว่าจริงไหม” หลิวชิงเย่วเริ่มที่จะคุ้นเคยกับทั้งสองคนจึงแทนตัวเองว่าพี่
“คุยแต่เรื่องของพี่ คุยเรื่องของเราทั้งสองคนดีกว่า พี่ได้ยินว่าอาหยางกับเสี่ยวปิงหยุดเรียนแล้ว ทำไมจึงหยุดล่ะเท่าที่ดูจากอายุน่าจะเรียนชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งไหม”
“เราทั้งสองคนกำลังจะขึ้นเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง แต่เพราะลุงใหญ่บอกว่าเงินไม่พอที่จะให้เรียน เลยมีเพียงลูกๆ ของลุงใหญ่ที่ได้เรียน กลัวแต่พอพี่ใหญ่ของพวกเรากลับมา แล้วรู้ว่าผมและน้องเล็กหยุดเรียนพี่ใหญ่จะโกรธเอานะสิครับ”
จากนั้นมู่หยางจึงเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้พี่สาวตรงหน้าฟัง หลิวชิงเย่วฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่านอกจากบ้านหลี่ที่เธอเจอยังมีบ้านมู่ที่เห็นแก่ตัวยิ่งกว่า ทั้งๆ ที่อาหยางและเสี่ยวปิงเป็นหลานแซ่เดียวกันแท้ๆ ยังโกงกันได้
ทั้งๆ เป็นเงินที่พี่ชายของทั้งสองคนส่งมาให้ ไม่ว่ายุคสมัยไหนพวกเห็นแก่ตัวก็มีเยอะจริงๆ ทั้งสามคนยังนั่งคุยกันพักใหญ่ เมื่อคิดว่าได้เวลาที่ควรจะกลับแล้ว หลิวชิงเย่วจึงยัดซาลาเปาที่เหลืออีกห้าลูกให้กับพี่น้องบ้านมู่ไว้กินเย็นนี้
“เอากลับไปกินที่บ้านอย่าให้ใครเห็นล่ะ หากพรุ่งนี้ไม่ไปไหนก็มาเจอพี่ที่นี่เวลาเดิม พี่จะเอาของอร่อยมาให้กินไม่ต้องปฏิเสธนะ เพราะเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันแล้ว และห้ามบอกให้ใครรู้เรื่องที่เรานัดเจอกัน ตัวพี่นะไม่เท่าไหร่ หากคนอื่นรู้อาหยางกับเสี่ยวปิงรู้ใช่ไหมว่าแม่เฒ่าหลี่ปากเธอร้ายแค่ไหน”
หลิวชิงเย่วบอกทั้งสองคน สองพี่น้องบ้านมู่พยักหน้าเข้าใจ เพราะพี่สาวชิงเย่วแต่งงานแล้วจะมาคลุกคลีกับพวกเขาคงจะไม่งาม เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งสามคนจึงต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง
บทที่ 6 พบหน้าสามีเจ้าของร่างทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน หลิวชิงเย่วต้องเจอกับเสียงที่ไม่อยากได้ยินของแม่สามีลอยเข้ามา เธออยากมีคาถาที่ทำให้หญิงแก่ตรงหน้าหายไปจริงๆ“เป็นลูกสะใภ้บ้านหลี่นี่ดีจริงๆ วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากเดินเข้าไปอวดโฉมในหมู่บ้าน สงสัยคงจะลืมไปว่าตัวหล่อนนั้นแต่งงานแล้ว”“ใช่เหรอแม่สามี หากการที่เดินเข้าไปในหมู่บ้านเป็นการอวดโฉม แล้วก่อนหน้านี้แม่สามีและสะใภ้คนโปรดมักจะเดินไปทุกวี่ทุกวัน แบบนั้นเขาเรียกว่าอะไร คนหนึ่งเป็นหม้ายสามีตายคนหนึ่งท้องและสามีไปเป็นทหารนานๆ กลับมาครั้ง เป็นแบบเดียวกับที่แม่สามีกำลังพูดถึงอยู่หรือเปล่า”หลิวชิงเย่วคนนี้ไม่ใช่ว่าจะยอมให้ใครด่าว่าฟรีๆ หรอกนะจะบอกให้ ด่ามาด่ากลับสิคะกลัวที่ไหน แค่แม่สามีไม่ใช่แม่เจ้าของร่างนี้เสียหน่อยกลัวทำไม ถ้าแม่สามีดีก็ว่าไปอย่าง“นังชิงเย่วแกกล้าด่าฉันเหรอ นังสะใภ้เลว” นางจ่างซื่อโกรธจนตัวสั่นชี้หน้าด่าหลิวชิงเย่วอย่างโมโห“ฉันไม่ได้ด่าซะหน่อย ก็เห็นแม่สามีพูดแบบนี้กับฉัน ฉันก็เลยพูดตาม ฉันผิดตรงไหน อ้อ...ถ้าหากฉันเป็นสะใภ้เลว แม่สามีควรจะบอกให้ลูกชายหย่ากับฉันซะ ในเมื่อภรรยาตัวจริงท้องแล้วจะเก็บภรรยาในนา
บทที่ 7 มาหาเพื่อเข้าหอปัง! มู่ยวี่เฉินใช้เท้าฟาดโดนแคร่หน้าบ้านหักเป็นสองท่อน ชายหนุ่มไม่คิดว่าการที่เขาไว้ใจญาติผู้ใหญ่จะกลายเป็นการทำร้ายน้องๆ ทั้งสองคน “ทำไมทั้งสองคนไม่โทรบอก หรือเขียนจดหมายหาพี่”“ผมกับน้องเล็กไม่อยากเอาปัญหาไปให้พี่ใหญ่ครับ เราทั้งสองคนไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ แค่พี่ต้องรับภารกิจที่เสี่ยงอันตรายเพื่อพวกเราสองคนพี่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว พี่เป็นทั้งพี่ชายเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่ของผมและน้องเล็กนะ เลยไม่อยากให้พี่ต้องมาไม่สบายใจเพราะเรื่องพวกนี้”มู่หยางบอกทั้งน้ำตา เขารู้ว่าพี่ใหญ่เปรียบเสมือนพ่อของเขา เขารู้ว่าพี่ใหญ่เหนื่อยและเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เพื่อหาเงินส่งเสียมาดูแลน้องๆ พวกเขายังพอทนไหว จึงเลือกที่จะเงียบ“อาหยาง เสี่ยวปิง ทั้งสองคนรู้ใช่ไหมว่าพี่รักเราทั้งสองคนมากแค่ไหน และรู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่จึงตัดสินใจไปเป็นทหาร หากสิ่งที่พี่ยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อหาเงินส่งมาให้ แต่เราทั้งสองคนยังต้องอดมื้อกินมื้อแบบนี้ พี่ยอมเหนื่อยและทำทั้งหมดเพื่ออะไร ในเมื่อน้องทั้งสองคนของพี่ไม่ได้ในสิ่งที่พี่ส่งกลับมา สิ่งที่พี่เสียใจที่สุดคือเราทั้งสองคนไม่ยอมบอกอะไรพี่เลย ทำเหมือนกับพี
บทที่ 8 ไม่ไปใช่ไหม ฉันไปเองหลิวชิงเย่วมองอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่รักไม่ชอบจะยื้อไปทำไม ไม่สู้ต่างคนต่างเดินในทางที่ตัวเองต้องการไม่ดีกว่าเหรอ อีกทั้งเมียอีกคนท้องเจ็ดแปดเดือนแล้วจะยื้อกันเพื่ออะไร“ฉันไม่ได้บ้าแต่ฉันอยากเป็นอิสระ ฉันเองก็มีความฝันของฉันเหมือนกัน เวลาสองปีที่ผ่านมามันสูญเปล่ามากพอแล้ว ในเมื่อไม่มีความรู้สึกต่อกันจะอยู่และยื้อไปเพื่ออะไร ไม่สู้ต่างคนต่างเดินดีกว่าเหรอ คุณเองมีทั้งภรรยาและลูกอยู่แล้ว”ส่วนฉันจะตามหาอนาคตที่สดใสของตัวเอง อีตานี่บ้าหรือเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่ห้องนี้ วันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา แล้วดูสายตานั่นคืออะไร เกิดความไม่ยินยอมเหรอ เหอะๆ ๆ คิดว่ารั้งได้ก็เอา“ผมพูดชัดเจนพอแล้วนะชิงเย่วว่าผมไม่หย่า คุณยังเป็นเมียผมอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และถ้าเกิดเราสองคนหย่ากันจริงๆ คุณจะอยู่ยังไง ญาติพี่น้องก็ไม่มีเหลือแล้ว ไม่เช่นนั้นท่านผู้พันหลิวจะฝากคุณกับผมไปทำไม อีกอย่างลูกผู้ชายพูดและรับปากแล้วไม่มีทางผิดสัญญาแน่นอน” หลี่เหว่ยเฉียงขมวดคิ้วเถียงกลับ วันนี้ภรรยาเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาจึงชวนเขาหย่าหลายครั้ง“ฉันว่าเราสองคนคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ค
บทที่ 9 เก็บปากเน่าๆ ของคุณไว้เถอะนางจ่างซื่อและสะใภ้คนโปรดได้แต่เงียบและหน้าซีดทันควัน ไม่คิดว่าหลิวชิงเย่วจะย้อนกลับมาแบบนี้ แต่ก่อนที่เรื่องจะลุกลามหลี่เหว่ยเฉียงเดินออกมาห้ามทัพเสียก่อน“ทั้งสามคนพอเถอะ ทะเลาะกันไม่อายชาวบ้านหรือยังไง ชิงเย่วเรามีเรื่องต้องคุยกัน”พูดจบชายหนุ่มเดินกลับเข้าบ้านแบบไม่มองหน้าใครอีก เขาคิดเพียงว่าจะต้องคุยกับภรรยาให้รู้เรื่อง ที่สำคัญเมื่อคืนเธอไปนอนที่ไหน ในเมื่อเขาอยู่ในห้องของภรรยาทั้งคืน“คุณหายไปไหนมาชิงเย่ว รู้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมีสามีแล้ว” เมื่อเข้ามาในห้องหลี่เหว่ยเฉียงเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ“รู้ แต่แล้วยังไงเมื่อคืนฉันบอกคุณแล้วถ้าคุณอยู่ฉันจะไป” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ในเมื่อเธอพูดแล้วเขาไม่ไปเธอไปเอง“แต่คุณเป็นภรรยาผม ไปนอนค้างคืนนอกบ้านหน้าตาผมจะเป็นยังไง หากชาวบ้านรู้เขาจะไม่เห็นว่าผมเป็นตัวตลกเหรอเหรอที่เมียตัวเองคบชู้” เพียะ! หลี่เหว่ยเฉียงยังพูดไม่ทันจบประโยคกลับเจอแรงตบของหลิวชิงเย่วจนหน้าหัน ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้งไม่คิดว่าหญิงสาวจะตบหน้าเขาสุดแรงแบบนี้“เก็บปากเน่าๆ ของคุณไว้ ฉันไม่เลวพอที่จะคบชู้ในขณะที่ตัวเ
บทที่ 10 ถูกกล่าวหาว่าคบชู้ทางด้านมู่ยวี่ฉินเมื่อกลับออกมาจากป่าด้านในเพื่อมารวมกลุ่มกับน้องทั้งสอง ด้านหลังของชายหนุ่มยังคงแบกหมู่ป่าตัวใหญ่มาด้วยอีกหนึ่งตัว ทำให้สามคนที่รออยู่ตาลุกวาว“พี่ใหญ่เก่งมากเลยค่ะ วันนี้เราจะเอาหมู่ป่าทั้งสองตัวไปไหนดี พี่ชิงเย่วก็เก่งด้วยฆ่าหมู่ป่าได้เหมือนกัน” มู่ฟ่านปิงยิ้มกว้างปรบมือชอบใจ หากเอาหมูป่าไปแล่ขายเป็นชิ้นในหมู่บ้านทั้งสองตัวคงได้เงินไม่น้อยมู่ยวี่เฉินเหล่มองด้วยความแปลกใจว่าหญิงสาวตัวเล็กอย่างสะใภ้บ้านหลี่จะฆ่าหมูป่าได้จริงๆ แต่พอมองไปทางที่น้องสาวชี้ จึงเห็นหมูป่าตัวขนาดกลางนอนตายอยู่“ให้สะใภ้หลี่เอากลับบ้านหลี่ไปก็แล้วกัน”“ไม่ต้องหรอกพี่ใหญ่มู่ ตัวนี้พี่เอากลับไปเถอะฉันเอาไปก็ไม่รู้จะทำอะไร ยกให้สองแฝดก็แล้วกันนะ” หลิวชิงเย่วไม่สนใจหมูป่าแม้แต่น้อย จะให้เธอเอากลับไปบ้านหลี่ก็ไม่ใช่เรื่อง ในเมื่อหาเรื่องคิดจะหย่าอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องทำดีด้วยล่ะ จริงไหม“แต่พี่ชิงเย่ว หมูป่าตัวนี้ถ้าแล่ขายชาวบ้านในหมู่บ้านคงได้เงินหลายร้อยหยวนเลยนะ” ฟ่านมู่ปิงพูดเสียงตกใจ เงินตั้งมากมายจะมายกให้เธอกับพี่รองได้ยังไงกัน“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเสี่ยวปิง ถ
บทที่ 11 หย่าขาดหลิวชิงเย่วมองอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนมู่ยวี่เฉินนิ่งเงียบต่อไม่ได้แล้ว ในเมื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้โยนใส่หัวเขาเต็มๆ หากเขายังนิ่งเฉยคงจะบ้าเต็มทน“อาเฉียงเรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกับสะใภ้หลี่ หากนายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ควรจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ว่าปล่อยให้แม่นายมายืนด่าภรรยาตบแต่งของนายแบบนี้แม้ว่าเราทั้งสองคนจะมีปัญหาเรื่องแก่งแย่งตำแหน่งงานกัน นายคิดว่าคนอย่างฉันจะทำชั่วถึงขั้นมีความสัมพันธ์กับภรรยาคนอื่นเหรอ นายหยามฉันได้ แต่ไม่ควรหยามเกียรติของนายทหารที่ทั้งนายและฉันใส่เครื่องแบบอยู่”หลี่เหว่ยเฉียงเมื่อโดนคนไม่ชอบหน้าตอกจนหน้าหงาย ความโกรธจากที่ลดหายไปมากแล้ว กลับมาอีกครั้ง“ใครจะไปรู้อาจจะเป็นจริงอย่างที่แม่ฉันพูดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันไม่มีทางหย่ากับหลิวชิงเย่วแน่นอน” การที่ออกหน้าแทนแบบนี้เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกให้กันเมื่อมู่ยวี่เฉินทบทวนคำพูดนี้ของหลี่เหว่ยเฉียง ชายหนุ่มจึงคิ้วขมวด ก่อนจะถามหลิวชิงเย่วอีกครั้ง“สะใภ้หลี่ ตอนแต่งงานคุณอายุเท่าไหร่”“หยุดนะ ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่ามายุ่ง” หากหลิวชิงเย่วตอบไปจะรู้ได้ทันทีว่
บทที่ 12 เป็นอิสระเสียทีหลี่เหว่ยเฉียงได้ยินเช่นนั้นความโกรธกลับมีขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าทำไมภรรยาคนนี้จึงดูเหมือนจะไว้ใจมู่ยวี่เฉินเสียเหลือเกิน แต่กับเขากลับถอยห่าง“ดูเหมือนคุณจะไว้ใจมันเหลือเกินนะ”“คุณไม่ควรเรียกลับหลังพี่ใหญ่มู่ว่ามันนะคะ เพราะหากมีใครเรียกคุณแบบนี้คุณคงไม่ชอบเหมือนกันใช่ไหม” หลิวชิงเย่วตอบกลับอย่างไม่ชอบใจ มู่ฟ่านปิงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เพราะชอบใจที่พี่ชิงเย่วของเธอปกป้องพี่ใหญ่ของเธอจากนั้นหลิวชิงเย่วไม่สนใจคนที่กำลังจะเป็นอดีตสามีอีก เธอจึงหันมาคุยกับมู่ป่านปิงด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หลี่เหว่ยเฉียงยืนมองภาพนี้คล้ายหัวใจจะเจ็บปวด ยิ่งคิดว่าจะต้องหย่าจากหญิงสาวตรงหน้าความรู้สึกไม่ยินยอมยิ่งถาโถมเข้าใส่ สุดท้ายทำได้เพียงข่มความเจ็บปวดในใจเพราะตอนนี้มันเหมือนสายไปแล้ว แต่เขาได้แต่สาบานกับตัวเอง ไม่ว่ายังไงเขาจะทำให้หลิวชิงเย่วกลับมารักเขาอีกครั้งให้ได้หลังจากนั้นไม่นานมู่ยวี่เฉินเดินมาพร้อมกับชาวบ้านที่จะมาช่วยแบกหมูป่าอีกตัวกลับไป โดยมีมู่หยางเดินตามมาด้วยเพื่อมารับน้องเล็กของพวกเขา หลิวชิงเย่วและชายหนุ่มอีกสองคนจึงกลับไปที่บ้านหลี่อีกครั้งเพื่อให้เธอเข้าไปเอาเอ
บทที่ 13 หาเงินเข้ากระเป๋ามู่ยวี่เฉินกลับมาทันเห็นเหตุการณ์พอดีที่บ้านใหญ่จะเข้ามาทำร้ายน้องๆ ชายหนุ่มจึงรีบเดินมาอยู่ด้านหน้าน้องทั้งสองคนและมองคนตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์“กล้าทำร้ายทั้งสองคนก็ลองดู แล้วลุงจะรู้ว่านรกมันเป็นยังไง”“ฉันก็แค่มาดูว่ามีเนื้อหมูป่าเหลืออีกหรือเปล่า ยังไงฉันก็มีศักดิ์เป็นลุงของพวกแก อย่างน้อยๆ ควรจะแบ่งมาให้ฉันบ้าง” มู่เผิงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงและท่าที เพราะรู้ดีว่าหลานชายคนนี้ย่อมทำจริงอย่างที่พูด“เงินที่ลุงใหญ่เอาไปจากน้องๆ ลุงยังจ่ายคืนไม่หมดหรือว่าลุงต้องการเพิ่มยอดหนี้อีก”มู่ยวี่เฉินตอบกลับ ทำให้มู่เผิงนั้นรีบเดินออกจากบ้านแทบไม่ทันเพราะเงินที่เอามานั้นแทบไม่เหลือแล้ว หากตอแยต่อรับรองเขาต้องชดใช้เงินเพิ่มแน่นอน เมื่อมู่เผิงจากไป มู่หยางจึงไปหยิบเงินที่ขายหมูป่ามาได้ยื่นให้กับพี่ชาย ชายหนุ่มจึงเรียกน้องทั้งสองคนมาพูดคุย“พี่จะพาพวกเราทั้งสองคนไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ด้วย เราทั้งสองคนยินดีจะย้ายตามพี่ไปหรือเปล่า เรื่องนี้พี่คุยกับชิงเย่วแล้ว เธอเองก็จะย้ายไปตั้งรกรากที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นถิ่นเดิมของเธอ เราทั้งสองจะได้ไม่เหงาด้วย ส่วนเรื่องเรียนพรุ่งนี้พี่จะทำเร
ตอนพิเศษ 4 ซวี่เซิ่งเสว่ - เกาฮ่าวซวนหลังจากที่ตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากหลี่เหว่ยเฉียงพร้อมกับลูกน้อย ซวี่เซิ่งเสว่ไม่ได้รับความลำบากเท่าไหร่ เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของนายหญิงโรงน้ำชาในเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา มีเกาฮ่าวซวนที่คอยดูแลเธอและลูกมาตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบปักกิ่ง ตอนนี้เธอจึงมีตำแหน่งหัวหน้างานด้านห้องอาหารและดูแลในส่วนของการแสดงของโรงน้ำชาเหมยกุ้ยเสี่ยวเหยาอายุสี่ขวบ ใครเห็นก็หลงรักแม่หนูน้อยคนนี้ คำแรกที่เรียกได้คือคำว่าพ่อ ซึ่งนั้นก็คือเกาฮ่าวซวน เธอเองก็เกรงใจเพราะพี่ฮ่าวซวนยังไม่แต่งงาน และไม่ใช่มองไม่ออกว่าเขาคิดยังไงกับเธอ แต่บาดแผลที่เธอเจอมามันสาหัสนัก อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงคือรักแรก มันยากที่จะลืมจริงๆ แต่คงมีสักวันที่เธอลืมได้และขจัดภาพของหลี่เหว่ยเฉียงออกจากหัวใจ เพราะถ้าหากเธอรับรักพี่ฮ่าวซวนตอนนั้นเท่ากับเธอทำร้ายทั้งตัวเธอเองและพี่ฮ่าวซวน จนมาถึงวันนี้เธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเปิดรับเขาเข้ามาในชีวิต เป็นพ่อจริงๆ ของเสี่ยวเหยาตัวน้อยเสียทีเย็นนี้ซวี่เซิ่งเสว่จึงกลับมาทำอาหารด้วยรอยยิ้มและเต็มเปี่ยมด้วยความสุข เพราะเธอนัดให้พี่ฮ่าวซวนมากินอาหารด้วยกัน ระหว่างที่ทำ
ตอนพิเศษ 3 อาเผย - ซินอี้หลังจากส่งนายหญิงกลับบ้าน อาเผยจึงให้ลูกน้องสืบเรื่องของหมอซินอี้คนสวย หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ได้รับคำตอบว่าคุณหมอซินอี้นั้นเป็นใคร ซินอี้เป็นลูกสาวนักการทูตประจำที่ปักกิ่ง มีพี่ชายเป็นทหารซึ่งก็คือนายพลจ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมของตัวเองหรือไม่ สนใจหญิงสาวครั้งแรกดันไปรักน้องสาวท่านนายพลเสียได้ แต่พอคิดว่าฐานะนั้นต่างกันเกินไปอาเผยจึงคลายความสนใจของตัวเองและตั้งหน้าทำงานตามปกติจนวันที่นายท่านกลับมาจากการฝึกซ้อมรบจากสถานที่จริงนายท่านให้กำลังใจและบอกให้เดินหน้า หากมั่นใจเขาและภรรยาจะเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอให้เอง ใครบ้างจะกล้าปฏิเสธคนสนิทของนายท่านแห่งโรงน้ำชาเหมยกุ้ยวันเวลาผ่านมาจนถึงวันที่หมอซินอี้ตอบรับคำเชิญของหลิวชิงเย่ว แม้ว่าจะไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ก็ส่งอาเผยมาต้อนรับแทน“สวัสดีครับคุณหมอซินอี้” อาเผยเดินยิ้มร่าเข้ามาเมื่อพนักงานมาบอกว่าคุณหมอมาถึงแล้ว“สวัสดีค่ะคุณ...” ซินอี้ยิ้มให้และทักทายกลับไปแต่เธอไม่รู้จักชื่อของชายตรงหน้าจึงทำหน้าเหมือนจะถาม“ผมชื่ออาเผยครับ”“สวัสดีค่ะคุณเผย คุณไม่ต้องเรียกฉันคุณหมอหรอกนะคะ มันเป็นทางการจนเกินไปเ
ตอนพิเศษ 2 มู่ฟ่านปิง-มู่หยางอย่าคิดว่าเหวินตงจะปล่อยร่างบางไป ในเมื่อเธอคือดวงใจของเขา เขาแอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของเธอตอนเรียนมัธยมปลายแล้ว คิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ ไม่มีทางหรอก “ไม่ครับ พี่ไม่ปล่อย เสี่ยวปิงเต็มใจเป็นของพี่ พี่ก็ดีใจมากแล้วไม่จำเป็นต้องวางยาตัวเองหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่ได้นอนทั้งคืนแน่คืนนี้” เหวินตงพูดอย่างเจ้าเล่ห์ เนื้อกวางมาถึงปากแล้วคิดว่าเขาจะยอมปล่อยไปเหรอ หากเธอกล้าเดินออกไปจากห้องด้วยสภาพนี้ ใครเห็นเขาจะควักลูกตาออกมาจริงๆ มู่ฟ่านปิงตาโตมองอย่างตกใจ คนบ้านี่พูดไม่อายจริงๆ แต่ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร เธอกลับโดนคนที่กำลังจะเป็นสามีอุ้มไปที่เตียงและปลดเปลื้องปราการสองชิ้นสุดท้าย ก่อนจะทำหน้าที่สามีให้เธอด้วยความรักและเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ห้องของซือโถก็ไม่ต่างจากห้องของมู่ฟ่านปิงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทมานั่งมึนอยู่ในห้อง “นายไม่ไปนอนเหรอ งานพรุ่งนี้ฉันเตรียมให้หมดแล้ว” ซือโถเอ่ยถาม แม้จะชอบชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าคำว่าเพื่อน แต่เธอยังไม่กล้าอาจเอื้อมถึง
ตอนพิเศษ 1 พ่อแม่ลูกดก NCมู่ยวี่เฉินตั้งหน้าตั้งตาทำลูกสาวอย่างขะมักเขม้น เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปีหน้าเขาต้องมีก้อนแป้งตัวน้อยๆ น่ารักน่าชังอีกคนสองคน ทุกครั้งที่ตั้งใจทำสองแฝดมักจะก่อกวนพ่อเช่นเขาตลอด วันนี้ครอบครัวมีงานเลี้ยงอย่างน้อยเขาก็มีโอกาส หลังจากที่คุยกับน้องทั้งสองคนมู่ยวี่เฉินอุ้มภรรยารักเข้าห้องโดยไม่สนใจน้องๆ อีกเลย“ชิงชิงเราเข้ามิติกันเถอะนะ” ปากนั้นออดอ้อนขอเข้ามิติ แต่มือนั้นยุ่มย่ามถอดชุดภรรยาอย่างตั้งใจหลิวชิงเย่วนับวันสามีเธอยิ่งหน้ามึนกว่าเมื่อก่อน นี่ใช่สามีจอมเย็นชาของเธอหรือไม่ ผู้ชายที่เธอเจอตรงลำธารคนนั้นไปไหนแล้ว แม้ว่าจะแอบบ่นในใจแต่ก็ยังพาสามีสุดที่รักเข้ามิติตามคำขอเมื่อเข้ามาในมิติแล้วมู่ยวี่เฉินไม่สนใจอีก อุ้มภรรยารักนั่งที่โต๊ะกลางสนาม เขาจับขาเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะใช้ลิ้นของตัวเองไล่เลียกลีบดอกไม่งามของภรรยารัก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ไม่ว่าจะกินและสัมผัสมากี่ครั้ง ดอกไม้ดอกนี้ของภรรยายังคงหอมหวานและสดใหม่สำหรับเขาเสมอไม่เพียงใช้ลิ้นเลียกลีบทั้งสองข้าง เขายังคงใช้ลิ้นตวัดจุดเสียวของภรรยาคือเกสรของดอกไม้ จนทำให้หลิวชิงเย่วบิดตัวด้วยความเสียว แต่กลับต
บทส่งท้าย ไม่มีอะไรมาพรากจากกันสามปีผ่านไป หลิวชิงเย่วไม่คิดเลยว่าธุรกิจของเธอจะก้าวกระโดดได้ขนาดนี้ บริษัทเหมยกุ้ยขยายตัวจนติดอันดับหนึ่งของสายธุรกิจ ลูกชายที่น่ารักตอนนี้ก็อายุห้าปีแล้ว ความแสบความซนยังคงมีอยู่ ส่วนน้องทั้งสองเรียบจบเรียบร้อยแล้ว เธอจึงให้บริหารงานที่ปักกิ่งแทนเธอ พร้อมกับมอบกิจการให้ทั้งสองคนดูแลเพื่อเป็นทรัพย์สินของตัวเองอีกด้วยไม่เพียงแค่ธุรกิจของเธอเท่านั้นที่ก้าวกระโดด ตำแหน่งสามีของเธอเช่นกัน ตอนนี้ได้ติดยศเป็นผู้พันด้วยแรงสนับสนุนของพ่อบุญธรรม ท่านเกษียณตัวเองเพื่อออกมาดูแลและเลี้ยงหลานๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านอื่น ไม่ใช่เพราะฐานะของนายท่านมู่ แต่เพราะความสามารถของตัวมู่ยวี่เฉินเองด้วยหากจะไม่พูดถึงหลี่เหว่ยเฉียงอดีตสามีของเธอคงไม่ได้ หลังจากที่สอบสวนและโดนโทษของการคบชู้แล้ว เขายังติดคุกเพิ่มอีกสามปีข้อหาพยายามทำร้ายเพื่อทหารด้วยกัน ในช่วงที่ติดคุกนางจ่างซื่อหรือแม่เฒ่าหลี่ตรอมใจที่ลูกชายโดนจับ และหญิงสาวที่หมายมั่นว่าจะเป็นลูกสะใภ้เธอกลับไม่สนใจ หลังจากรับโทษเสร็จหญิงสาวรายนั้นก็มีคนรักใหม่แม้อยากจะสืบหาสวี่เซิ่งเสว่แค่ไหนก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย ทำให้นา
บทที่ 45 ความสำเร็จการใช้ชีวิตของทุกคนยังคงดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น กิจการของหลิวชิงเย่วนั้นเจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ เธอยังติดต่อส่งขายเครื่องสำอางไปยังต่างประเทศ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หากถามว่าเธอยังเอาของออกมาจากมิติไหม ตอบเลยว่ามีบ้างอย่างแต่ไม่ทั้งหมดตอนนี้เธอสร้างโรงทอผ้าเองแม้ว่าจะมีผ้าในมิติมากมายก็ตาม แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งลูกค้าถามว่าเอาผ้ามาจากไหนจะให้เธอตอบยังไง โรงงานของเธอนอกจากผลิตและตัดเย็บให้ร้านชิงเย่วบูติกแล้ว ยังผลิตให้ลูกค้ารายอื่นๆ อีกด้วย แต่แบบที่เปิดขายนั้นจะไม่ซ้ำกับร้านของเธอส่วนเนื้อผ้าขึ้นอยู่กับราคาและต้นทุนที่ลูกค้าให้งบมา ส่วนโรงน้ำชาจะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มทำจนถึงวันนี้ก็สามปีแล้ว ตอนนี้โรงน้ำชาขยายเพิ่มไปอีกหลายสาขา ส่วนโชว์รูมรถยนต์ก็มียอดสั่งซื้อเข้ามาตลอดเช่นกัน ตอนนี้พี่ใหญ่จ้านซากำลังติดต่ออีกสองยี่ห้อเพื่อเป็นตัวแทนขาย หลิวชิงเย่วจะใช้เงินต่อเงินในการทำธุรกิจ นอกจากธุรกิจที่พูดก่อนหน้านี้ยังมีที่ห้างสรรพสินค้าที่กำลังก่อสร้างและโรงแรม ยังไม่รวมอะพาร์ตเม้นต์และคอนโดที่กำลังทำ ภายในสามปีเธอสร้างได้ขนาดนี้ถือว่าธุรกิจโตพอสมควรส่วนสองแฝดก็อา
บทที่ 44 พบหน้าลูกน้อย“ไม่จำเป็นหรอกครับ แม้ว่าภรรยาผมจะท้องแต่เธอก็ปรนนิบัติผมอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง ที่สำคัญผมไม่ได้ชั่วขนาดที่ไปนอนกกกับผู้หญิงอื่นทั้งๆ ที่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากกำลังอุ้มท้องลูกน้อยด้วยความลำบากต้องขอบคุณคุณนายมากนะครับ ที่เสนอหลานสาวให้มาอุ่นเตียงให้ผม แต่ไม่จำเป็นครับนอกจากชิงชิงชิงแล้ว ผมไม่ต้องการเอาส่วนนั้นไปสัมผัสกับใคร อ้อ…เพราะผมไม่ใช่ของสาธารณะ”มู่ยวี่เฉินโอบเอวภรรยารัก ตอนนี้เธอท้องแปดเดือนแล้ว แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ในการสอดใส่ แต่ภรรยาตัวน้อยไม่เคยทำหน้าที่ตัวเองบกพร่อง เขาเองที่บอกเธอว่าแค่นอนกอดก็พอแล้วสำหรับเขาหากต้องการเพียงก็แค่ช่วยตัวเอง สุดท้ายภรรยาเป็นคนเข้ามาช่วยให้เขาเสร็จสมทุกครั้งไป กับปากและมือน้อยๆ ของเธอ ชิงชิงของเขาช่างออดออ้อนและเอาใจใส่เขาขนาดนี้ จะไม่ให้รักให้หลงยังไงไหวอินเย่วเจียวยิ่งกว่าโดนตบหน้า นี่เธอแพ้คนท้องอย่างนั้นเหรอ เธอทั้งสาวและสวย ทำไมนายท่านมู่จึงไม่มองและสนใจเธอ ตำแหน่งทางการทหารของเขานั้นเธอไม่สนใจหรอก เธอสนใจตำแหน่งนายหญิงรองของโรงน้ำชามากกว่า หากวันใดเธอกุมหัวใจของเขาได้เธอก็จะมาเป็นนายหญิงตัวจริงและกำจัดหลิวชิง
บทที่ 43 เข้าหอ NCมู่ยวี่เฉินเมื่อถูกส่งตัวเข้าหอพร้อมภรรยา วันนี้เขาเลือกที่จะไม่ดื่มกับใครเพราะอยากใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับเธอ ชายหนุ่มค่อยๆ ปลดชุดแต่งงานออกจากร่างภรรยารักอย่างอ่อนโยน แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กันจนมีเจ้าก้อนแป้งอยู่ในท้องแต่เขาก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี หลิวชิงเย่วเองก็ไม่น้อยหน้าเธอช่วยสามีถอดชุดแต่งงานเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งสองคนจะร่างกายเปล่าเปลือยหลิวชิงเย่วคุกเข่าลงก่อนจะจับส่วนกลางของสามีที่ขยายตัวด้วยอย่างไม่รังเกียจ แม้ว่าจะท้องสี่เดือนแต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ เธอนึกเพียงว่าคืนเข้าหอนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่ง แม้ว่าจะร่วมรักกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม เธอจับตรงนั้นเต็มมือก่อนจะแหงนหน้ามองสามีอย่างยั่วยวน จากนั้นเธอค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นแตะลงไปที่ส่วนหัวและไล่ชิมไปถึงปลายโคน มู่ยวี่เฉินทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้น ไม่อย่างนั้นหากมองการกระทำของภรรยาสุดรักต่อ เขาคงอดไม่ได้ที่จะขย้ำเธอและใส่เต็มแรง แต่พอคิดว่ามีลูกน้อยอยู่ในท้องจึงได้ปล่อยให้เธอทำอย่างอำเภอใจเมื่อไล่เลียจากปลายไปถึงโคน หลิวชิงแย่วจึงใช้ปากน้อยๆ กลืนกินส่วนนั้นของเขาอย่างเป็นจังหวะเข้าออก จากช้าๆ ไม่นานความเ
บทที่ 42 แต่งงานหลิวชิงเย่วรู้สึกตื่นเต้นเมื่อวันแต่งงานใกล้เข้ามาทุกที งานแต่งครั้งนี้เธอจัดที่โรงน้ำชา โดยมีป้าสะใภ้เว่ยเข้ามาช่วยเป็นแม่งานให้พร้อมกับพนักงานคนอื่นที่ช่วยกันอย่างขยันขันแข็งเพื่อให้งานแต่งครั้งนี้สมบูรณ์ที่สุด “พี่สะใภ้ตื่นเต้นไหม” มู่ฟ่านปิงเอ่ยถาม วันนี้เป็นวันหยุดจึงเข้ามาช่วยพี่สะใภ้เรื่องชุดแต่งงานพร้อมกับซือโถ “ตื่นเต้นสิ แม้ว่าจะเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ครั้งนั้นเพราะคำสั่งเสียไม่ใช่เพราะความรัก ครั้งนี้พี่ได้แต่งงานกับชายอันเป็นที่รักหากบอกว่าไม่ดีใจหรือว่าตื่นเต้นพี่คงโกหก และงานในครั้งนี้ยังมีคนที่พี่รักและรักพี่ต่างก็มาร่วมงาน รวมทั้งเจ้าก้อนแป้งในท้องด้วยที่อยู่ในวันสำคัญของพ่อแม่” หลิวชิงเย่วลูบท้องด้วยความรัก เธอรู้แล้วว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่แค่ แม้ว่ายังไม่เห็นหน้า แต่เธอกลับมอบความรักให้หมดใจอย่างไม่มีเงื่อนไข “น่าอิจฉาจังเลยนะคะพี่สะใภ้ กว่าหนูจะถึงวันนั้นไม่รู้ว่าคู่ชีวิตจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้คงทำหน้าที่ของลูกที่ดีก่อน ตั้งใจเรียนและทำงานเพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่” ซือโถเป้าหมายของเธอมีเพียงเรียนให้จบและทำงานเพื่อ