ปัง! มู่ยวี่เฉินใช้เท้าฟาดโดนแคร่หน้าบ้านหักเป็นสองท่อน
ชายหนุ่มไม่คิดว่าการที่เขาไว้ใจญาติผู้ใหญ่จะกลายเป็นการทำร้ายน้องๆ ทั้งสองคน “ทำไมทั้งสองคนไม่โทรบอก หรือเขียนจดหมายหาพี่”“ผมกับน้องเล็กไม่อยากเอาปัญหาไปให้พี่ใหญ่ครับ เราทั้งสองคนไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ แค่พี่ต้องรับภารกิจที่เสี่ยงอันตรายเพื่อพวกเรา
สองคนพี่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว พี่เป็นทั้งพี่ชายเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่ของผมและน้องเล็กนะ เลยไม่อยากให้พี่ต้องมาไม่สบายใจเพราะเรื่องพวกนี้”มู่หยางบอกทั้งน้ำตา เขารู้ว่าพี่ใหญ่เปรียบเสมือนพ่อของเขา เขารู้ว่าพี่ใหญ่เหนื่อยและเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เพื่อหาเงินส่งเสียมาดูแลน้องๆ พวกเขายังพอทนไหว จึงเลือกที่จะเงียบ
“อาหยาง เสี่ยวปิง ทั้งสองคนรู้ใช่ไหมว่าพี่รักเราทั้งสองคนมากแค่ไหน และรู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่จึงตัดสินใจไปเป็นทหาร หากสิ่งที่พี่ยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อหาเงินส่งมาให้ แต่เราทั้งสองคนยังต้องอดมื้อกินมื้อแบบนี้
พี่ยอมเหนื่อยและทำทั้งหมดเพื่ออะไร ในเมื่อน้องทั้งสองคนของพี่ไม่ได้ในสิ่งที่พี่ส่งกลับมา สิ่งที่พี่เสียใจที่สุดคือเราทั้งสองคนไม่ยอมบอกอะไรพี่เลย ทำเหมือนกับพี่ไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่พี่ชาย!”มู่ยวี่เฉินหลับตาข่มความโกรธไว้ในใจ ไม่ใช่เขาโกรธหรือโมโหน้องๆ แต่เขาโมโหและโกรธตัวเองมากกว่าที่ปกป้องและดูแลน้องๆ ให้สุขสบายไม่ได้
“ลุงใหญ่ ผมจะให้โอกาสอีกครั้งด้วยการคืนเงินทั้งหมดมาให้ครบแล้วหลังจากนั้นเก็บของออกจากบ้านนี้ไปซะ ถ้าไม่อย่างนั้นอย่ามาว่าผมแล้งน้ำใจ”
มู่ยวี่เฉินเขาไม่สนใจว่านี่คือญาติหรือไม่ ในเมื่อทำร้ายน้องๆ
เขาก่อน คนพวกนี้ต่อให้เป็นญาติเพียงคนเดียวเขาก็ไม่พร้อมที่จะเก็บไว้ข้างกายให้น้องๆ ลำบากอีกแล้ว“แกกล้าไล่ฉันออกจากบ้านเหรออาเฉิน ฉันเป็นลุงแกนะ ฉันดูแลน้องๆ แกมาตั้งแต่ที่แกไปเป็นทหาร แกไม่สำนึกถึงบุญคุณบ้างหรือยังไง
ไอ้หลานชั่ว”“ถ้าด่าว่าผมชั่วผมยอมรับครับ แต่ผมคงชั่วน้อยกว่าลุงใหญ่ที่เบียดเบียนหลานทั้งสองคนแน่นอน เงินที่ผมส่งมาให้น้องๆ ล่ะครับอยู่
ที่ไหน ถ้าเกิดลุงใหญ่เป็นคนดีควรจะเอาเงินก้อนนั้นออกมานะครับ”มู่ยวี่เฉินย้อนกลับ หากเป็นคนดีจริงควรจะเอาเงินทั้งหมดมาคืนสิ ไม่ใช่ยึดไว้แบบนี้ หากครั้งนี้เขาไม่กลับบ้านมาน้องๆ น้องเขาจะทำยังไง
“แก แก เจ้าหลานชั่ว” มู่เผิงพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ชี้หน้าหลานชายด้วยความโกรธ
“อาหยางนายไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาเถอะ พี่ต้องการจบปัญหานี้ ไม่อย่างนั้นวันที่พี่ต้องกลับเข้ากองทัพนายและน้องเล็กจะลำบาก”
“ครับพี่ใหญ่”
มู่หยางรีบวิ่งออกจากบ้านตรงไปที่บ้านของลุงจื่อผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความเร็ว เขาดีใจเหลือเกินที่พี่ใหญ่ตัดครอบครัวลุงใหญ่ไปเสียที ไม่นานหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาพร้อมกับคณะกรรมการของหมู่บ้านรวมทั้งพยานอีกหลายคน
“เกิดอะไรขึ้นอาเฉิน ทำไมให้เจ้าหยางไปตามลุงและคนอื่นๆ
มาล่ะ” ลุงจื่อหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม“ผมต้องการตัดขาดกับครอบครัวของลุงใหญ่ครับและต้องการให้เขาย้ายออกจากบ้านหลังนี้ รบกวนลุงจื่อจัดการให้ด้วยนะครับ” มู่ยวี่เฉินพูดความต้องการของตัวเองกับหัวหน้าหมู่บ้าน
“ได้สิ หากเป็นความต้องการของนาย แต่ความจริงแล้วมู่เผิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของนายนะ ต่อให้นายไม่ตัดขาดเขาก็ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของตระกูลมู่ เขาเป็นเพียงลูกบุญธรรมของปู่นายเท่านั้น เรื่องนี้นายไม่รู้เหรออาเฉิน”
ลุงจื่อหัวหน้าหมู่บ้านถามอย่างสงสัย ในเมื่อมู่เผิงเป็นแค่ลูกบุญธรรมของพ่อเฒ่ามู่ เขาจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทรัพย์สินของตระกูลมู่ เรื่องนี้เอกสารเขาก็มีอยู่ เพราะพ่อเฒ่ามู่ได้ทำไว้กับพ่อของเขา
ไม่ใช่เพียงมู่ยวิ่นเฉินเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่มู่เผิงเองเขาก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะมีคนเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมา
“ในเมื่อความจริงเปิดเผยแล้ว ผมรบกวนลุงใหญ่และครอบครัวย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ด้วยนะครับ เพราะไม่เช่นนั้นผมขอเรียกเจ้าหน้าที่มาจัดการเรื่องราวทั้งหมดเอง ผมให้เวลาแค่สองชั่วโมงเท่านั้น”
มู่ยวี่เฉินพูดจบเขาจึงหันหน้ามาขอบคุณลุงจื่อหัวหน้าหมู่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านรวมทั้งชาวบ้านที่ตามมาเป็นพยาน ก่อนจะพาน้องทั้งสองคนเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง อีกแค่สองชั่วโมงเท่านั้นหากไม่ยินยอมย้ายออกไปดีๆ จะมาหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้
กลับมาที่บ้านหลี่ เมื่อหลิวชิงเย่วปะทะคารมกับทุกคนจบแล้ว
เธอจึงเดินเข้าห้องนอนไม่สนใจใครอีกเลย ชีวิตเธอยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ ไม่มีเวลามามากพอที่จะคุยเรื่องไร้สาระกับบ้านสามี ในเมื่อเธอไม่ยุ่งก็อย่า มีใครมาวุ่นวายกับเธอก็แล้วกันหลี่เหว่ยเฉียงเมื่อกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง จึงทบทวนเรื่องระหว่างเขากับหลิวชิงเย่ว ทำไมวันนี้เขารู้สึกว่าภรรยาไม่เหมือนเดิม แววตาที่มองมาไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้เขาเหมือนเช่นที่ผ่านมา ครั้งนี้มีแต่ความ
เย็นชาและรังเกียจ หรือว่าที่ผ่านมานั้นเขาละเลยเธอมากจนเกินไปซวี่เซิ่งเสว่เดินตามสามีเข้ามาแต่ไม่กล้าที่จะเรียก เพราะเธอรู้สึกว่าสามีนั้นกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่พอคิดว่าพี่เฉียงของเธออาจจะคิดถึงภรรยาในนามอย่างหลิวชิงเย่ว จึงได้กำมือแน่นและเกิดความไม่ยินยอมขึ้นมา ในเมื่อพี่เฉียงเป็นสามีของเธอ ก็ไม่ควรที่จะคิดถึงคนอื่น อีกทั้งเธอและเขารักกันมาก่อน หากไม่มีหลิวชิงเย่วป่านนี้เธอคงเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขาไปแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอจะต้องหาทางกำจัดคนที่มาขวางทางรักของเธอให้ได้
หลิวชิงเย่วไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นโดนหมายหัวจากเมียน้อยของสามีเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวยังคงผลิตน้ำหอมของตัวเอง และยังทำสบู่เตรียมที่จะหาที่ขาย แม้ว่าตอนนี้ทางรัฐสามารถเปิดให้ขายของอย่างเสรี แต่เธอควรจะต้องทำโดยไม่ให้บ้านสามีอย่างบ้านหลี่รู้ตัว ก่อนที่เธอจะทำเรื่องหย่าเรียบร้อย
กลางดึกคืนนั้นมีคนมาเคาะห้องของหลิวชิงเย่ว ตอนแรกหญิงสาวไม่คิดที่จะออกมาเพราะตัวเธอเข้ามานอนในมิติแล้ว แต่กลายเป็นประตูห้องถูกเคาะไม่หยุด จนเธอต้องออกมาเผชิญหน้าพอเห็นว่าเป็นใครเธอเตรียมจะปิดประตูใส่หน้า แต่หลี่เหว่ยเฉียงนั้นเร็วกว่าแทรกตัวเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
“เข้ามาทำไมห้องนี้ เมียคุณอยู่อีกห้องหนึ่งคุณเข้าห้องมาผิดแล้ว” หลิวชิงเย่วเบะปากพูดอย่างรำคาญ
“คุณก็เมียผมไม่ใช่เหรอชิงเย่ว ตั้งแต่แต่งงานกันมาเราสองคน
ยังไม่เคยเข้าหอกันเลย คืนนี้ผมเลยตั้งใจจะนอนค้างห้องนี้”ชายหนุ่มไม่รู้เป็นอะไรวันนี้ตั้งแต่กลับมาเจออีกครั้ง ใจเขานั้นกลับนึกถึงแต่หน้าของภรรยาที่เขาไม่เคยต้องการอย่างหลิวชิงเย่วตลอด ทำให้ในที่สุดเขาต้องหน้าด้านมาเคาะห้องนี้
“ตื่นค่ะตื่น กำลังฝันอยู่เหรอมันสายไปแล้วค่ะ เวลาผ่านเลยมาจนสองปี มันจะไม่มีการเข้าหอและจะไม่มีคำว่าสามีหรือภรรยาสำหรับเรา
ฉันบอกคุณไปแล้วนี่ว่าจะหย่า คุณช่วยเซ็นใบหย่ากับฉันง่ายกว่าที่จะมาเข้าหอกับฉันอีกนะ”หลิวชิงเย่วมองอย่างรังเกียจ มโนไปหรือเปล่าจ๊ะพ่อหนุ่ม สองปีผ่านไปเพิ่งจะมีความรู้สึกคิดที่จะเข้าหอ หากเป็นเจ้าของร่างเดิมชิงเย่ว
คนนั้นอาจจะยอมและดีใจมาก แต่นี่ชิงเย่วคนใหม่แม้แต่ขาอ่อนฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก“คุณนั่นแหละเป็นบ้าอะไร ตั้งแต่ผมกลับมาครั้งนี้คุณพูดเรื่องหย่าหลายรอบแล้วนะ อยากจะหย่ามากเลยรึไง”
หลี่เหว่ยเฉียงไม่ยินยอมจึงพูดด้วยความโกรธ หากเป็นครั้งก่อนๆ ที่เขากลับมาบ้านถ้าเธอขอหย่าเขาคงจะไม่ปฏิเสธเลย แต่ครั้งนี้เขากลับ
ไม่อยากจะหย่าและไม่อยากปล่อยเธอไป อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยเจอแววตาดื้อรั้น และเย็นชาแบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มจึงอยากรู้จักและอยากใกล้ชิดกับภรรยาคนนี้ให้มากขึ้นบทที่ 8 ไม่ไปใช่ไหม ฉันไปเองหลิวชิงเย่วมองอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่รักไม่ชอบจะยื้อไปทำไม ไม่สู้ต่างคนต่างเดินในทางที่ตัวเองต้องการไม่ดีกว่าเหรอ อีกทั้งเมียอีกคนท้องเจ็ดแปดเดือนแล้วจะยื้อกันเพื่ออะไร“ฉันไม่ได้บ้าแต่ฉันอยากเป็นอิสระ ฉันเองก็มีความฝันของฉันเหมือนกัน เวลาสองปีที่ผ่านมามันสูญเปล่ามากพอแล้ว ในเมื่อไม่มีความรู้สึกต่อกันจะอยู่และยื้อไปเพื่ออะไร ไม่สู้ต่างคนต่างเดินดีกว่าเหรอ คุณเองมีทั้งภรรยาและลูกอยู่แล้ว”ส่วนฉันจะตามหาอนาคตที่สดใสของตัวเอง อีตานี่บ้าหรือเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่ห้องนี้ วันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา แล้วดูสายตานั่นคืออะไร เกิดความไม่ยินยอมเหรอ เหอะๆ ๆ คิดว่ารั้งได้ก็เอา“ผมพูดชัดเจนพอแล้วนะชิงเย่วว่าผมไม่หย่า คุณยังเป็นเมียผมอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และถ้าเกิดเราสองคนหย่ากันจริงๆ คุณจะอยู่ยังไง ญาติพี่น้องก็ไม่มีเหลือแล้ว ไม่เช่นนั้นท่านผู้พันหลิวจะฝากคุณกับผมไปทำไม อีกอย่างลูกผู้ชายพูดและรับปากแล้วไม่มีทางผิดสัญญาแน่นอน” หลี่เหว่ยเฉียงขมวดคิ้วเถียงกลับ วันนี้ภรรยาเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาจึงชวนเขาหย่าหลายครั้ง“ฉันว่าเราสองคนคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ค
บทที่ 9 เก็บปากเน่าๆ ของคุณไว้เถอะนางจ่างซื่อและสะใภ้คนโปรดได้แต่เงียบและหน้าซีดทันควัน ไม่คิดว่าหลิวชิงเย่วจะย้อนกลับมาแบบนี้ แต่ก่อนที่เรื่องจะลุกลามหลี่เหว่ยเฉียงเดินออกมาห้ามทัพเสียก่อน“ทั้งสามคนพอเถอะ ทะเลาะกันไม่อายชาวบ้านหรือยังไง ชิงเย่วเรามีเรื่องต้องคุยกัน”พูดจบชายหนุ่มเดินกลับเข้าบ้านแบบไม่มองหน้าใครอีก เขาคิดเพียงว่าจะต้องคุยกับภรรยาให้รู้เรื่อง ที่สำคัญเมื่อคืนเธอไปนอนที่ไหน ในเมื่อเขาอยู่ในห้องของภรรยาทั้งคืน“คุณหายไปไหนมาชิงเย่ว รู้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมีสามีแล้ว” เมื่อเข้ามาในห้องหลี่เหว่ยเฉียงเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ“รู้ แต่แล้วยังไงเมื่อคืนฉันบอกคุณแล้วถ้าคุณอยู่ฉันจะไป” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ในเมื่อเธอพูดแล้วเขาไม่ไปเธอไปเอง“แต่คุณเป็นภรรยาผม ไปนอนค้างคืนนอกบ้านหน้าตาผมจะเป็นยังไง หากชาวบ้านรู้เขาจะไม่เห็นว่าผมเป็นตัวตลกเหรอเหรอที่เมียตัวเองคบชู้” เพียะ! หลี่เหว่ยเฉียงยังพูดไม่ทันจบประโยคกลับเจอแรงตบของหลิวชิงเย่วจนหน้าหัน ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้งไม่คิดว่าหญิงสาวจะตบหน้าเขาสุดแรงแบบนี้“เก็บปากเน่าๆ ของคุณไว้ ฉันไม่เลวพอที่จะคบชู้ในขณะที่ตัวเ
บทที่ 10 ถูกกล่าวหาว่าคบชู้ทางด้านมู่ยวี่ฉินเมื่อกลับออกมาจากป่าด้านในเพื่อมารวมกลุ่มกับน้องทั้งสอง ด้านหลังของชายหนุ่มยังคงแบกหมู่ป่าตัวใหญ่มาด้วยอีกหนึ่งตัว ทำให้สามคนที่รออยู่ตาลุกวาว“พี่ใหญ่เก่งมากเลยค่ะ วันนี้เราจะเอาหมู่ป่าทั้งสองตัวไปไหนดี พี่ชิงเย่วก็เก่งด้วยฆ่าหมู่ป่าได้เหมือนกัน” มู่ฟ่านปิงยิ้มกว้างปรบมือชอบใจ หากเอาหมูป่าไปแล่ขายเป็นชิ้นในหมู่บ้านทั้งสองตัวคงได้เงินไม่น้อยมู่ยวี่เฉินเหล่มองด้วยความแปลกใจว่าหญิงสาวตัวเล็กอย่างสะใภ้บ้านหลี่จะฆ่าหมูป่าได้จริงๆ แต่พอมองไปทางที่น้องสาวชี้ จึงเห็นหมูป่าตัวขนาดกลางนอนตายอยู่“ให้สะใภ้หลี่เอากลับบ้านหลี่ไปก็แล้วกัน”“ไม่ต้องหรอกพี่ใหญ่มู่ ตัวนี้พี่เอากลับไปเถอะฉันเอาไปก็ไม่รู้จะทำอะไร ยกให้สองแฝดก็แล้วกันนะ” หลิวชิงเย่วไม่สนใจหมูป่าแม้แต่น้อย จะให้เธอเอากลับไปบ้านหลี่ก็ไม่ใช่เรื่อง ในเมื่อหาเรื่องคิดจะหย่าอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องทำดีด้วยล่ะ จริงไหม“แต่พี่ชิงเย่ว หมูป่าตัวนี้ถ้าแล่ขายชาวบ้านในหมู่บ้านคงได้เงินหลายร้อยหยวนเลยนะ” ฟ่านมู่ปิงพูดเสียงตกใจ เงินตั้งมากมายจะมายกให้เธอกับพี่รองได้ยังไงกัน“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเสี่ยวปิง ถ
บทที่ 11 หย่าขาดหลิวชิงเย่วมองอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนมู่ยวี่เฉินนิ่งเงียบต่อไม่ได้แล้ว ในเมื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้โยนใส่หัวเขาเต็มๆ หากเขายังนิ่งเฉยคงจะบ้าเต็มทน“อาเฉียงเรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกับสะใภ้หลี่ หากนายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ควรจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ว่าปล่อยให้แม่นายมายืนด่าภรรยาตบแต่งของนายแบบนี้แม้ว่าเราทั้งสองคนจะมีปัญหาเรื่องแก่งแย่งตำแหน่งงานกัน นายคิดว่าคนอย่างฉันจะทำชั่วถึงขั้นมีความสัมพันธ์กับภรรยาคนอื่นเหรอ นายหยามฉันได้ แต่ไม่ควรหยามเกียรติของนายทหารที่ทั้งนายและฉันใส่เครื่องแบบอยู่”หลี่เหว่ยเฉียงเมื่อโดนคนไม่ชอบหน้าตอกจนหน้าหงาย ความโกรธจากที่ลดหายไปมากแล้ว กลับมาอีกครั้ง“ใครจะไปรู้อาจจะเป็นจริงอย่างที่แม่ฉันพูดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันไม่มีทางหย่ากับหลิวชิงเย่วแน่นอน” การที่ออกหน้าแทนแบบนี้เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกให้กันเมื่อมู่ยวี่เฉินทบทวนคำพูดนี้ของหลี่เหว่ยเฉียง ชายหนุ่มจึงคิ้วขมวด ก่อนจะถามหลิวชิงเย่วอีกครั้ง“สะใภ้หลี่ ตอนแต่งงานคุณอายุเท่าไหร่”“หยุดนะ ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่ามายุ่ง” หากหลิวชิงเย่วตอบไปจะรู้ได้ทันทีว่
บทที่ 12 เป็นอิสระเสียทีหลี่เหว่ยเฉียงได้ยินเช่นนั้นความโกรธกลับมีขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าทำไมภรรยาคนนี้จึงดูเหมือนจะไว้ใจมู่ยวี่เฉินเสียเหลือเกิน แต่กับเขากลับถอยห่าง“ดูเหมือนคุณจะไว้ใจมันเหลือเกินนะ”“คุณไม่ควรเรียกลับหลังพี่ใหญ่มู่ว่ามันนะคะ เพราะหากมีใครเรียกคุณแบบนี้คุณคงไม่ชอบเหมือนกันใช่ไหม” หลิวชิงเย่วตอบกลับอย่างไม่ชอบใจ มู่ฟ่านปิงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เพราะชอบใจที่พี่ชิงเย่วของเธอปกป้องพี่ใหญ่ของเธอจากนั้นหลิวชิงเย่วไม่สนใจคนที่กำลังจะเป็นอดีตสามีอีก เธอจึงหันมาคุยกับมู่ป่านปิงด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หลี่เหว่ยเฉียงยืนมองภาพนี้คล้ายหัวใจจะเจ็บปวด ยิ่งคิดว่าจะต้องหย่าจากหญิงสาวตรงหน้าความรู้สึกไม่ยินยอมยิ่งถาโถมเข้าใส่ สุดท้ายทำได้เพียงข่มความเจ็บปวดในใจเพราะตอนนี้มันเหมือนสายไปแล้ว แต่เขาได้แต่สาบานกับตัวเอง ไม่ว่ายังไงเขาจะทำให้หลิวชิงเย่วกลับมารักเขาอีกครั้งให้ได้หลังจากนั้นไม่นานมู่ยวี่เฉินเดินมาพร้อมกับชาวบ้านที่จะมาช่วยแบกหมูป่าอีกตัวกลับไป โดยมีมู่หยางเดินตามมาด้วยเพื่อมารับน้องเล็กของพวกเขา หลิวชิงเย่วและชายหนุ่มอีกสองคนจึงกลับไปที่บ้านหลี่อีกครั้งเพื่อให้เธอเข้าไปเอาเอ
บทที่ 13 หาเงินเข้ากระเป๋ามู่ยวี่เฉินกลับมาทันเห็นเหตุการณ์พอดีที่บ้านใหญ่จะเข้ามาทำร้ายน้องๆ ชายหนุ่มจึงรีบเดินมาอยู่ด้านหน้าน้องทั้งสองคนและมองคนตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์“กล้าทำร้ายทั้งสองคนก็ลองดู แล้วลุงจะรู้ว่านรกมันเป็นยังไง”“ฉันก็แค่มาดูว่ามีเนื้อหมูป่าเหลืออีกหรือเปล่า ยังไงฉันก็มีศักดิ์เป็นลุงของพวกแก อย่างน้อยๆ ควรจะแบ่งมาให้ฉันบ้าง” มู่เผิงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงและท่าที เพราะรู้ดีว่าหลานชายคนนี้ย่อมทำจริงอย่างที่พูด“เงินที่ลุงใหญ่เอาไปจากน้องๆ ลุงยังจ่ายคืนไม่หมดหรือว่าลุงต้องการเพิ่มยอดหนี้อีก”มู่ยวี่เฉินตอบกลับ ทำให้มู่เผิงนั้นรีบเดินออกจากบ้านแทบไม่ทันเพราะเงินที่เอามานั้นแทบไม่เหลือแล้ว หากตอแยต่อรับรองเขาต้องชดใช้เงินเพิ่มแน่นอน เมื่อมู่เผิงจากไป มู่หยางจึงไปหยิบเงินที่ขายหมูป่ามาได้ยื่นให้กับพี่ชาย ชายหนุ่มจึงเรียกน้องทั้งสองคนมาพูดคุย“พี่จะพาพวกเราทั้งสองคนไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ด้วย เราทั้งสองคนยินดีจะย้ายตามพี่ไปหรือเปล่า เรื่องนี้พี่คุยกับชิงเย่วแล้ว เธอเองก็จะย้ายไปตั้งรกรากที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นถิ่นเดิมของเธอ เราทั้งสองจะได้ไม่เหงาด้วย ส่วนเรื่องเรียนพรุ่งนี้พี่จะทำเร
บทที่ 14 ระรานไม่เลิกหลิวชิงเย่วเดินมองมาตามถนน แต่แล้วกลับมีใครบางคนมาจับบ่า เธอจึงหมุนตัวเตรียมจะสวนหมัดกลับไป พอเห็นว่าเป็นใครจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก“พี่ใหญ่มู่ มาเงียบๆ ตกใจหมด” หลิวชิงเย่วบ่นหากเธอเผลอทำร้ายไปหน้าหล่อๆ กลายเป็นมีบาดแผลเธอคงทำใจยากนะเนี่ย“ไปไหนมา”มู่ยวี่เฉินเอ่ยถาม เขาตั้งใจจะไปดูเธอที่โรงแรมก่อนจะกลับเข้าหมู่บ้าน เช้านี้เขาเดินทางมาที่โรงเรียนมัธยมของน้องๆ เพื่อมาทำเรื่องลาออก พอเห็นว่าหลิวชิงเย่วกำลังเดินอยู่เขาเลยคิดจะเข้ามาทักทาย ในเมื่อเขาเดินตามมาสักพักหญิงสาวยังไม่รู้ตัวเลยตั้งใจว่าจะสะกิดเรียก แต่ใครจะไปคิดว่าเธอเล่นจะง้างหมัดจะมาต่อยเขา ไม่เสียแรงที่พ่อเคยเป็นผู้พัน ยิ่งคิดถึงความสามารถที่ค่อยๆ เผยออกมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสนใจหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้น“ไปเดินดูของในตลาดมืด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันไม่เคยเดินเล่นมาก่อนเลยอยากจะเห็น” หลิวชิงเย่วไม่ปิดบังว่าเธอไปไหนมา เพียงแค่ไม่ได้บอกว่าเธอไปทำอะไร“กินมื้อเช้าหรือยัง ไปหาอะไรกินกันเถอะหิวแล้ว” มู่ยวี่เฉินถามแต่ไม่รอคำตอบ กลับเดินนำไปที่ร้านขายอาหารที่อยู่ไม่ไกล แต่กลายเป็นหลิวชิงเย่วดึงชายเสื้อเขาไว้เพราะเธออ
บทที่ 15 ชิงชิงไม่ใช่ของเหลือเดนใคร“เข้าใจเอาผมมาเป็นโล่กำบังนะ” มู่ยวี่เฉินเอ่ยเย้า“แค่ยืมชื่อเล็กน้อยเอง พี่เฉินใจดีคงเห็นใจและสงสารลูกนกตาดำๆ พลัดถิ่นคนนี้นะ” หลิวชิงเย่วทำตาปริบๆ ใส่ท่าทางน่าสงสาร“ยืมนะได้ แต่ดอกเบี้ยแพงนะบอกไว้ก่อน”ยวี่เฉินทิ้งมาดขรึมลง นึกอยากหยอกล้อหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมา เขาไม่อยากให้เธอคิดมาก เพียงแต่พอเห็นแววตาของเธอ ชายหนุ่มได้แต่แปลกใจเพราะไม่มีร่องรอยของความเสียใจหรือถวิลหาอดีตสามีอย่างหลี่เหว่ยเฉียงอยู่ในนั้น“จริงเหรอ ไม่ว่าดอกเบี้ยแพงแค่ไหน ชิงเย่วคนนี้พร้อมจ่ายให้พี่แน่ ว่าแต่พี่จะคิดดอกเบี้ยเท่าไหร่”“ตอนนี้ยังไม่รู้ คิดออกเมื่อไหร่ค่อยบอก แต่ไม่ใช่เงินแน่นอน ไปเถอะเข้าไปพักผ่อนได้แล้ว ผมจะกลับไปดูน้องๆ ก่อน”“พี่เฉินขี้โกงและเอาเปรียบ พี่ให้ฉันเรียกว่าพี่เฉิน แต่พี่ยังแทนตัวว่าผมกับคุณอยู่เลย ดูปากนะคะ ฉันชื่อหลิวชิงเย่ว พี่จะเรียกชิงเย่วหรือเสี่ยวเย่วก็ได้ แทนตัวว่าผมและเรียกฉันว่าคุณ ทำยังกับคนไม่รู้จักกันไปได้”ในเมื่อต้องเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน และเธอก็ยังต้องอาศัยอยู่กับสองแฝด ควรจะสนิทสนมกันไว้ไม่ดีกว่าเหรอ ใครจะคิดอะไรก็ช่าง เธอตัวคนเดียว
ตอนพิเศษ 4 ซวี่เซิ่งเสว่ - เกาฮ่าวซวนหลังจากที่ตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากหลี่เหว่ยเฉียงพร้อมกับลูกน้อย ซวี่เซิ่งเสว่ไม่ได้รับความลำบากเท่าไหร่ เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของนายหญิงโรงน้ำชาในเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา มีเกาฮ่าวซวนที่คอยดูแลเธอและลูกมาตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบปักกิ่ง ตอนนี้เธอจึงมีตำแหน่งหัวหน้างานด้านห้องอาหารและดูแลในส่วนของการแสดงของโรงน้ำชาเหมยกุ้ยเสี่ยวเหยาอายุสี่ขวบ ใครเห็นก็หลงรักแม่หนูน้อยคนนี้ คำแรกที่เรียกได้คือคำว่าพ่อ ซึ่งนั้นก็คือเกาฮ่าวซวน เธอเองก็เกรงใจเพราะพี่ฮ่าวซวนยังไม่แต่งงาน และไม่ใช่มองไม่ออกว่าเขาคิดยังไงกับเธอ แต่บาดแผลที่เธอเจอมามันสาหัสนัก อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงคือรักแรก มันยากที่จะลืมจริงๆ แต่คงมีสักวันที่เธอลืมได้และขจัดภาพของหลี่เหว่ยเฉียงออกจากหัวใจ เพราะถ้าหากเธอรับรักพี่ฮ่าวซวนตอนนั้นเท่ากับเธอทำร้ายทั้งตัวเธอเองและพี่ฮ่าวซวน จนมาถึงวันนี้เธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเปิดรับเขาเข้ามาในชีวิต เป็นพ่อจริงๆ ของเสี่ยวเหยาตัวน้อยเสียทีเย็นนี้ซวี่เซิ่งเสว่จึงกลับมาทำอาหารด้วยรอยยิ้มและเต็มเปี่ยมด้วยความสุข เพราะเธอนัดให้พี่ฮ่าวซวนมากินอาหารด้วยกัน ระหว่างที่ทำ
ตอนพิเศษ 3 อาเผย - ซินอี้หลังจากส่งนายหญิงกลับบ้าน อาเผยจึงให้ลูกน้องสืบเรื่องของหมอซินอี้คนสวย หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ได้รับคำตอบว่าคุณหมอซินอี้นั้นเป็นใคร ซินอี้เป็นลูกสาวนักการทูตประจำที่ปักกิ่ง มีพี่ชายเป็นทหารซึ่งก็คือนายพลจ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมของตัวเองหรือไม่ สนใจหญิงสาวครั้งแรกดันไปรักน้องสาวท่านนายพลเสียได้ แต่พอคิดว่าฐานะนั้นต่างกันเกินไปอาเผยจึงคลายความสนใจของตัวเองและตั้งหน้าทำงานตามปกติจนวันที่นายท่านกลับมาจากการฝึกซ้อมรบจากสถานที่จริงนายท่านให้กำลังใจและบอกให้เดินหน้า หากมั่นใจเขาและภรรยาจะเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอให้เอง ใครบ้างจะกล้าปฏิเสธคนสนิทของนายท่านแห่งโรงน้ำชาเหมยกุ้ยวันเวลาผ่านมาจนถึงวันที่หมอซินอี้ตอบรับคำเชิญของหลิวชิงเย่ว แม้ว่าจะไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ก็ส่งอาเผยมาต้อนรับแทน“สวัสดีครับคุณหมอซินอี้” อาเผยเดินยิ้มร่าเข้ามาเมื่อพนักงานมาบอกว่าคุณหมอมาถึงแล้ว“สวัสดีค่ะคุณ...” ซินอี้ยิ้มให้และทักทายกลับไปแต่เธอไม่รู้จักชื่อของชายตรงหน้าจึงทำหน้าเหมือนจะถาม“ผมชื่ออาเผยครับ”“สวัสดีค่ะคุณเผย คุณไม่ต้องเรียกฉันคุณหมอหรอกนะคะ มันเป็นทางการจนเกินไปเ
ตอนพิเศษ 2 มู่ฟ่านปิง-มู่หยางอย่าคิดว่าเหวินตงจะปล่อยร่างบางไป ในเมื่อเธอคือดวงใจของเขา เขาแอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของเธอตอนเรียนมัธยมปลายแล้ว คิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ ไม่มีทางหรอก “ไม่ครับ พี่ไม่ปล่อย เสี่ยวปิงเต็มใจเป็นของพี่ พี่ก็ดีใจมากแล้วไม่จำเป็นต้องวางยาตัวเองหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่ได้นอนทั้งคืนแน่คืนนี้” เหวินตงพูดอย่างเจ้าเล่ห์ เนื้อกวางมาถึงปากแล้วคิดว่าเขาจะยอมปล่อยไปเหรอ หากเธอกล้าเดินออกไปจากห้องด้วยสภาพนี้ ใครเห็นเขาจะควักลูกตาออกมาจริงๆ มู่ฟ่านปิงตาโตมองอย่างตกใจ คนบ้านี่พูดไม่อายจริงๆ แต่ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร เธอกลับโดนคนที่กำลังจะเป็นสามีอุ้มไปที่เตียงและปลดเปลื้องปราการสองชิ้นสุดท้าย ก่อนจะทำหน้าที่สามีให้เธอด้วยความรักและเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ห้องของซือโถก็ไม่ต่างจากห้องของมู่ฟ่านปิงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทมานั่งมึนอยู่ในห้อง “นายไม่ไปนอนเหรอ งานพรุ่งนี้ฉันเตรียมให้หมดแล้ว” ซือโถเอ่ยถาม แม้จะชอบชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าคำว่าเพื่อน แต่เธอยังไม่กล้าอาจเอื้อมถึง
ตอนพิเศษ 1 พ่อแม่ลูกดก NCมู่ยวี่เฉินตั้งหน้าตั้งตาทำลูกสาวอย่างขะมักเขม้น เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปีหน้าเขาต้องมีก้อนแป้งตัวน้อยๆ น่ารักน่าชังอีกคนสองคน ทุกครั้งที่ตั้งใจทำสองแฝดมักจะก่อกวนพ่อเช่นเขาตลอด วันนี้ครอบครัวมีงานเลี้ยงอย่างน้อยเขาก็มีโอกาส หลังจากที่คุยกับน้องทั้งสองคนมู่ยวี่เฉินอุ้มภรรยารักเข้าห้องโดยไม่สนใจน้องๆ อีกเลย“ชิงชิงเราเข้ามิติกันเถอะนะ” ปากนั้นออดอ้อนขอเข้ามิติ แต่มือนั้นยุ่มย่ามถอดชุดภรรยาอย่างตั้งใจหลิวชิงเย่วนับวันสามีเธอยิ่งหน้ามึนกว่าเมื่อก่อน นี่ใช่สามีจอมเย็นชาของเธอหรือไม่ ผู้ชายที่เธอเจอตรงลำธารคนนั้นไปไหนแล้ว แม้ว่าจะแอบบ่นในใจแต่ก็ยังพาสามีสุดที่รักเข้ามิติตามคำขอเมื่อเข้ามาในมิติแล้วมู่ยวี่เฉินไม่สนใจอีก อุ้มภรรยารักนั่งที่โต๊ะกลางสนาม เขาจับขาเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะใช้ลิ้นของตัวเองไล่เลียกลีบดอกไม่งามของภรรยารัก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ไม่ว่าจะกินและสัมผัสมากี่ครั้ง ดอกไม้ดอกนี้ของภรรยายังคงหอมหวานและสดใหม่สำหรับเขาเสมอไม่เพียงใช้ลิ้นเลียกลีบทั้งสองข้าง เขายังคงใช้ลิ้นตวัดจุดเสียวของภรรยาคือเกสรของดอกไม้ จนทำให้หลิวชิงเย่วบิดตัวด้วยความเสียว แต่กลับต
บทส่งท้าย ไม่มีอะไรมาพรากจากกันสามปีผ่านไป หลิวชิงเย่วไม่คิดเลยว่าธุรกิจของเธอจะก้าวกระโดดได้ขนาดนี้ บริษัทเหมยกุ้ยขยายตัวจนติดอันดับหนึ่งของสายธุรกิจ ลูกชายที่น่ารักตอนนี้ก็อายุห้าปีแล้ว ความแสบความซนยังคงมีอยู่ ส่วนน้องทั้งสองเรียบจบเรียบร้อยแล้ว เธอจึงให้บริหารงานที่ปักกิ่งแทนเธอ พร้อมกับมอบกิจการให้ทั้งสองคนดูแลเพื่อเป็นทรัพย์สินของตัวเองอีกด้วยไม่เพียงแค่ธุรกิจของเธอเท่านั้นที่ก้าวกระโดด ตำแหน่งสามีของเธอเช่นกัน ตอนนี้ได้ติดยศเป็นผู้พันด้วยแรงสนับสนุนของพ่อบุญธรรม ท่านเกษียณตัวเองเพื่อออกมาดูแลและเลี้ยงหลานๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านอื่น ไม่ใช่เพราะฐานะของนายท่านมู่ แต่เพราะความสามารถของตัวมู่ยวี่เฉินเองด้วยหากจะไม่พูดถึงหลี่เหว่ยเฉียงอดีตสามีของเธอคงไม่ได้ หลังจากที่สอบสวนและโดนโทษของการคบชู้แล้ว เขายังติดคุกเพิ่มอีกสามปีข้อหาพยายามทำร้ายเพื่อทหารด้วยกัน ในช่วงที่ติดคุกนางจ่างซื่อหรือแม่เฒ่าหลี่ตรอมใจที่ลูกชายโดนจับ และหญิงสาวที่หมายมั่นว่าจะเป็นลูกสะใภ้เธอกลับไม่สนใจ หลังจากรับโทษเสร็จหญิงสาวรายนั้นก็มีคนรักใหม่แม้อยากจะสืบหาสวี่เซิ่งเสว่แค่ไหนก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย ทำให้นา
บทที่ 45 ความสำเร็จการใช้ชีวิตของทุกคนยังคงดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น กิจการของหลิวชิงเย่วนั้นเจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ เธอยังติดต่อส่งขายเครื่องสำอางไปยังต่างประเทศ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หากถามว่าเธอยังเอาของออกมาจากมิติไหม ตอบเลยว่ามีบ้างอย่างแต่ไม่ทั้งหมดตอนนี้เธอสร้างโรงทอผ้าเองแม้ว่าจะมีผ้าในมิติมากมายก็ตาม แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งลูกค้าถามว่าเอาผ้ามาจากไหนจะให้เธอตอบยังไง โรงงานของเธอนอกจากผลิตและตัดเย็บให้ร้านชิงเย่วบูติกแล้ว ยังผลิตให้ลูกค้ารายอื่นๆ อีกด้วย แต่แบบที่เปิดขายนั้นจะไม่ซ้ำกับร้านของเธอส่วนเนื้อผ้าขึ้นอยู่กับราคาและต้นทุนที่ลูกค้าให้งบมา ส่วนโรงน้ำชาจะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มทำจนถึงวันนี้ก็สามปีแล้ว ตอนนี้โรงน้ำชาขยายเพิ่มไปอีกหลายสาขา ส่วนโชว์รูมรถยนต์ก็มียอดสั่งซื้อเข้ามาตลอดเช่นกัน ตอนนี้พี่ใหญ่จ้านซากำลังติดต่ออีกสองยี่ห้อเพื่อเป็นตัวแทนขาย หลิวชิงเย่วจะใช้เงินต่อเงินในการทำธุรกิจ นอกจากธุรกิจที่พูดก่อนหน้านี้ยังมีที่ห้างสรรพสินค้าที่กำลังก่อสร้างและโรงแรม ยังไม่รวมอะพาร์ตเม้นต์และคอนโดที่กำลังทำ ภายในสามปีเธอสร้างได้ขนาดนี้ถือว่าธุรกิจโตพอสมควรส่วนสองแฝดก็อา
บทที่ 44 พบหน้าลูกน้อย“ไม่จำเป็นหรอกครับ แม้ว่าภรรยาผมจะท้องแต่เธอก็ปรนนิบัติผมอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง ที่สำคัญผมไม่ได้ชั่วขนาดที่ไปนอนกกกับผู้หญิงอื่นทั้งๆ ที่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากกำลังอุ้มท้องลูกน้อยด้วยความลำบากต้องขอบคุณคุณนายมากนะครับ ที่เสนอหลานสาวให้มาอุ่นเตียงให้ผม แต่ไม่จำเป็นครับนอกจากชิงชิงชิงแล้ว ผมไม่ต้องการเอาส่วนนั้นไปสัมผัสกับใคร อ้อ…เพราะผมไม่ใช่ของสาธารณะ”มู่ยวี่เฉินโอบเอวภรรยารัก ตอนนี้เธอท้องแปดเดือนแล้ว แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ในการสอดใส่ แต่ภรรยาตัวน้อยไม่เคยทำหน้าที่ตัวเองบกพร่อง เขาเองที่บอกเธอว่าแค่นอนกอดก็พอแล้วสำหรับเขาหากต้องการเพียงก็แค่ช่วยตัวเอง สุดท้ายภรรยาเป็นคนเข้ามาช่วยให้เขาเสร็จสมทุกครั้งไป กับปากและมือน้อยๆ ของเธอ ชิงชิงของเขาช่างออดออ้อนและเอาใจใส่เขาขนาดนี้ จะไม่ให้รักให้หลงยังไงไหวอินเย่วเจียวยิ่งกว่าโดนตบหน้า นี่เธอแพ้คนท้องอย่างนั้นเหรอ เธอทั้งสาวและสวย ทำไมนายท่านมู่จึงไม่มองและสนใจเธอ ตำแหน่งทางการทหารของเขานั้นเธอไม่สนใจหรอก เธอสนใจตำแหน่งนายหญิงรองของโรงน้ำชามากกว่า หากวันใดเธอกุมหัวใจของเขาได้เธอก็จะมาเป็นนายหญิงตัวจริงและกำจัดหลิวชิง
บทที่ 43 เข้าหอ NCมู่ยวี่เฉินเมื่อถูกส่งตัวเข้าหอพร้อมภรรยา วันนี้เขาเลือกที่จะไม่ดื่มกับใครเพราะอยากใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับเธอ ชายหนุ่มค่อยๆ ปลดชุดแต่งงานออกจากร่างภรรยารักอย่างอ่อนโยน แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กันจนมีเจ้าก้อนแป้งอยู่ในท้องแต่เขาก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี หลิวชิงเย่วเองก็ไม่น้อยหน้าเธอช่วยสามีถอดชุดแต่งงานเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งสองคนจะร่างกายเปล่าเปลือยหลิวชิงเย่วคุกเข่าลงก่อนจะจับส่วนกลางของสามีที่ขยายตัวด้วยอย่างไม่รังเกียจ แม้ว่าจะท้องสี่เดือนแต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ เธอนึกเพียงว่าคืนเข้าหอนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่ง แม้ว่าจะร่วมรักกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม เธอจับตรงนั้นเต็มมือก่อนจะแหงนหน้ามองสามีอย่างยั่วยวน จากนั้นเธอค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นแตะลงไปที่ส่วนหัวและไล่ชิมไปถึงปลายโคน มู่ยวี่เฉินทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้น ไม่อย่างนั้นหากมองการกระทำของภรรยาสุดรักต่อ เขาคงอดไม่ได้ที่จะขย้ำเธอและใส่เต็มแรง แต่พอคิดว่ามีลูกน้อยอยู่ในท้องจึงได้ปล่อยให้เธอทำอย่างอำเภอใจเมื่อไล่เลียจากปลายไปถึงโคน หลิวชิงแย่วจึงใช้ปากน้อยๆ กลืนกินส่วนนั้นของเขาอย่างเป็นจังหวะเข้าออก จากช้าๆ ไม่นานความเ
บทที่ 42 แต่งงานหลิวชิงเย่วรู้สึกตื่นเต้นเมื่อวันแต่งงานใกล้เข้ามาทุกที งานแต่งครั้งนี้เธอจัดที่โรงน้ำชา โดยมีป้าสะใภ้เว่ยเข้ามาช่วยเป็นแม่งานให้พร้อมกับพนักงานคนอื่นที่ช่วยกันอย่างขยันขันแข็งเพื่อให้งานแต่งครั้งนี้สมบูรณ์ที่สุด “พี่สะใภ้ตื่นเต้นไหม” มู่ฟ่านปิงเอ่ยถาม วันนี้เป็นวันหยุดจึงเข้ามาช่วยพี่สะใภ้เรื่องชุดแต่งงานพร้อมกับซือโถ “ตื่นเต้นสิ แม้ว่าจะเคยแต่งงานมาแล้ว แต่ครั้งนั้นเพราะคำสั่งเสียไม่ใช่เพราะความรัก ครั้งนี้พี่ได้แต่งงานกับชายอันเป็นที่รักหากบอกว่าไม่ดีใจหรือว่าตื่นเต้นพี่คงโกหก และงานในครั้งนี้ยังมีคนที่พี่รักและรักพี่ต่างก็มาร่วมงาน รวมทั้งเจ้าก้อนแป้งในท้องด้วยที่อยู่ในวันสำคัญของพ่อแม่” หลิวชิงเย่วลูบท้องด้วยความรัก เธอรู้แล้วว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่แค่ แม้ว่ายังไม่เห็นหน้า แต่เธอกลับมอบความรักให้หมดใจอย่างไม่มีเงื่อนไข “น่าอิจฉาจังเลยนะคะพี่สะใภ้ กว่าหนูจะถึงวันนั้นไม่รู้ว่าคู่ชีวิตจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้คงทำหน้าที่ของลูกที่ดีก่อน ตั้งใจเรียนและทำงานเพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่” ซือโถเป้าหมายของเธอมีเพียงเรียนให้จบและทำงานเพื่อ