นางจ่างซื่อคิดตามสะใภ้คนโปรดจึงเกิดความไม่ยินยอมและไม่พอใจ เธอไม่เคยชอบสะใภ้ใหญ่ของเธอเลย เพราะว่าอยู่ดีๆ พ่อตายแต่กลับให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทั้งๆ ที่เธอเตรียมหลานสาวญาติทางฝั่งแม่เธอไว้แล้ว และที่สำคัญหลี่เหว่ยเฉียงและซวี่เซิ่งเสว่รักกันมาก่อน แต่กลายเป็นต้องมาทดแทนบุญคุณเจ้านายด้วยการแต่งงานดูแลลูกสาวเพียงคนเดียว หากหลิวชิงเย่วไม่มีสินเดิมมามาก เธอไม่มีทางยอมให้แต่งกับลูกชายเธอเด็ดขาด
แต่แล้วยังไงแต่งเข้ามาไม่ทันไรเธอก็ไปขอซวี่เซิ่งเสว่มาให้เป็นภรรยาลูกชายอีกคน ที่สำคัญหลี่เหว่ยเฉียงทำตามคำสัญญาเพียงหน้าที่เท่านั้น ยังไม่เคยเข้าหอหรือหลับนอนกับหลิวชิงเย่วเลยสักครั้งเดียว แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่เคยไว้ใจ วันดีคืนดีถ้าเกิดลูกชายเธอเกิดมีความรู้สึกให้กับหลิวชิงเย่วขึ้นมาเธอจะทำยังไง
ดังนั้นเธอจึงใช้ให้ทำงานบ้านทุกอย่าง จนแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองเห็นตะวัน เงินเธอก็เอามาบำรุงลูกสะใภ้คนโปรดและเอามาใช้จ่ายในบ้านอย่างสบาย เงินเดือนของลูกชายจะพอใช้อะไรล่ะ แค่ไม่กี่สิบหยวนต่อเดือนเท่านั้นเอง
“มันไม่กล้าหรอกหล่อนไม่ต้องใส่ใจ พออาเฉียงกลับมามันก็ต้องวิ่งแจ้นออกมาต้อนรับสามีของตัวเอง หล่อนไปเตรียมอาหารรออาเฉียงเถอะ อาเฉียงรู้ว่าหล่อนท้องเขาคงจะดีใจที่มีลูกเสียที” นางจ่างซื่อถึงแม้ว่าจะไม่พอใจหลิวชิงเย่ว แต่เพราะลูกชายจะกลับมาถึงวันนี้ เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจ
“แม่สามีในครัวไม่มีเนื้อเหลืออยู่เลย จริงๆ วันนี้ชิงเย่วจะต้องไปซื้ออาหารมาเก็บไว้เพื่อเป็นเสบียงสำหรับอาทิตย์นี้ แต่เธอเข้าห้องไปแล้วแม่สามีจะให้ฉันทำยังไงคะ ฉันไม่มีเงินสินเดิมเหมือนเธอ”
ซวี่เซิ่งเสว่บอกแม่สามีอย่างเสียไม่ได้ หน้าที่ซื้อหาอาหารนั้นเป็นของหลิวชิงเย่ว หากให้เธอทำอาหารแทนแล้วไหนวัตถุดิบล่ะ เธอไม่ได้เสกมันมาได้นะ
นางจ่างซื่อควักเงินที่เก็บไว้ในอกออกมาเสียไม่ได้ หยิบเงินครั้งนี้ยิ่งกว่ามีใครเอามีดมากรีดเนื้อเธอเสียอีก เพราะเคยยากจนมาก่อนจึงไม่อยากที่จะเสียเงินโดยใช่เหตุ
“เอาไปแค่ห้าหยวนพอจ่ายประหยัดหน่อยล่ะ ช่วงนี้นังคุณหนูนั่นคงเล่นตัว รออีกสักพักก่อนก็แล้วกัน ฉันจะให้อาเฉียงจัดการเอง” คอยดูเถอะเธอจะให้ลูกชายจัดการ มีอย่างที่ไหนไม่ยอมควักเงินออกมาจ่ายภายในบ้าน นางจ่างซื่อพูดจบจึงสะบัดหน้าออกจากบ้านไปหาเพื่อนๆ ที่ว่างงานด้วยกัน มักจะชอบนั่งจับกลุ่มนั่งแทะเมล็ดฟักทองนินทาคนนู้นคนนี้ ปล่อยให้สะใภ้คนโปรดยืนมองเงินในมือด้วยความไม่ยินยอม
“จะขี้เหนียวไปถึงไหน เงินห้าหยวนจะซื้ออะไรได้ แค่เนื้อหมูก็ชั่งละสี่หยวนไปแล้ว ของในตลาดหมู่บ้านนั้นแพงจะตาย เอาตามเงินที่ได้มาก็แล้วกัน จำไว้เลยนะนังชิงเย่ว แค้นนี้ฉันจะต้องเอาคืน รอพี่เฉียงกลับมาก่อนเถอะ” ซวี่เซิ่งเสว่พูดคนเดียวอย่างแค้นใจ ก่อนจะอุ้มท้องตัวเองเดินไปซื้ออาหารที่ตลาดของหมู่บ้านด้วยความไม่พอใจและคับแค้นใจ
หลิวชิงเย่วไม่ได้สนใจเลยว่าด้านนอกนั้นจะเป็นยังไง ตอนนี้เธอข้ามาอาบน้ำในมิติและทำอาหารกินอย่างมีความสุขในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตัวเอง
จากความทรงจำตอนนี้ภาครัฐเปิดการค้าได้หลายแล้ว ในเมื่อเธอมีเงินมีทุนสำรอง หลังจากนี้ต้องหาเวลาเข้าอำเภอสำรวจสักหน่อยว่าสามารถเปิดร้านอะไรได้บ้าง และต้องหาคนมาดูแลร้านแทน หากเธอยังไม่หย่าเธอไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าเธอนั้นเปิดร้านหรือทำการค้า ไม่อย่างนั้นชาตินี้อย่าหวังเลยว่าจะสลัดปลิงพวกนี้หลุด
“ดีนะที่ในคฤหาสน์แห่งนี้มีทุกอย่างเหมือนกับคฤหาสน์ที่เคยอยู่ พูดไปก็คิดถึงพี่รามและยายหนูลูกแก้วเหมือนกัน หวังว่าพี่และหลานตัวน้อยจะอยู่ได้นะคะ” เมื่ออยู่ในสถานที่เหมือนกับอดีต หญิงสาวอดที่จะคิดถึงครอบครัวชาติที่แล้วไม่ได้ แต่ไม่ว่าหลังจากนี้จะเจอกับอะไร เธอจะต้องเดินหน้าต่อด้วยความสามารถและกำลังที่มี
“หวังว่ายุคนี้คงจะใช้น้ำหอมกันแล้วนะ จะได้ลองทำในสิ่งที่ชอบดู เผื่อว่าจะขายได้” ปกติชาติก่อนหญิงสาวเป็นคนชอบเครื่องสำอางและน้ำหอมมาก เธอจะขอพี่ชายเรียนทางด้านนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว ไม่ว่าเธออยากจะเรียนอะไรพี่ชายของเธอนั้นไม่เคยห้าม ทำให้ชาตินี้เธอจึงมีความสามารถแทบจะทุกอย่างติดตัวมา
หลิวชิงเย่วจึงเรียกหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ที่ชอบออกมาบวกกับแอลกอฮอล์ผสมไว้มัสก์ออกมาด้วย เธอขี้เกียจเอามาหลายอย่างเอาแบบสำเร็จก็แล้วกันนะ
เมื่อได้ส่วนผสมที่ต้องการ หลิวชิงเย่วจึงนำส่วนผสมมาชั่งให้ได้ปริมาณที่ต้องการ ก่อนจะผสมให้เข้ากันจากนั้นจึงทิ้งไว้สิบสองถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง หญิงสาวทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกกลิ่น ก่อนจะนำน้ำหอมเข้าตู้เย็นเพื่อเร่งการกระจายและการเข้ากันของน้ำหอมให้ดีและเร็วยิ่งขึ้น
เมื่อทำทุกอย่างจนครบแล้วเธอจึงเงยหน้ามองนาฬิกา ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว เธอควรจะเข้าไปเดินเล่นในหมู่บ้านเสียหน่อย ปกติร่างนี้ทำแต่งานอย่าหวังว่าจะได้เข้าไปเดินเล่นเหมือนคนอื่นเลย ไม่เข้าใจในชะตาชีวิตคุณหนูคนนี้เสียจริง จะยอมอะไรขนาดนั้น ยอมจนตัวเองไม่เหลือทางเดิน
หลิวชิงเย่วเดินออกมาจากบ้านไม่สนใจใคร เธอได้ยินเสียงการทำอาหารอยู่ในครัว บ้านนี้เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ตอนที่เธอแต่งเข้ามา ‘เสวยสุขกันเสียจริงกับทรัพย์สินของคนอื่น’ เธอได้แต่ด่าในใจ
ระหว่างเดินเข้ามาในหมู่บ้านชาวบ้านแต่ละคนมองหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกสะใภ้บ้านหลี่ เธอจึงเดินเข้ามาเล่นในหมู่บ้านด้วยสภาพและหน้าตาที่ดูดีมาก ยังมองสองข้างทางเหมือนคน
ไม่เคยเดินเข้ามา จนมีบางคนอดที่จะถามขึ้นไม่ได้“สะใภ้หลี่วันนี้ไม่มีงานให้ทำเหรอ ถึงเดินมาเล่นได้ไกลขนาดนี้”
“ไม่รู้สิว่ามีหรือเปล่า เพราะไม่ได้อยากจะสนใจ ถ้าอยากรู้ลองไปถามแม่เฒ่าหลี่กับลูกสะใภ้คนโปรดดูสิ” หากถามดีๆ หลิวชิงเย่วคิดว่าเธอคงจะตอบแบบปกติ แต่นี่คำถามไม่น่าจะถาม คงไม่จำเป็นต้องดีด้วยหรอก
ทุกคนได้แต่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ สะใภ้หลี่คนนี้เกิดอะไรขึ้นจึงกล้าต่อปากต่อคำคนอื่น หญิงสาวไม่สนใจยังคงเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนเดินมาถึงลำธารในหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงเด็กสองคน
คุยกัน“พี่รอง พี่ใหญ่จะกลับมาเมื่อไหร่พี่รู้ไหม” มู่ฟ่านปิงเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝด จากที่ใบหน้าของเด็กสาวเคยสดใสแต่ตอนนี้นั้นช่างเศร้าหมองนัก
“ไม่รู้เหมือนกันน้องเล็กแต่คิดว่าคงเร็วๆ นี้แหละ ได้ข่าวว่าพี่เหว่ยเฉียงบ้านหลี่เป็นทหารที่เดียวกับพี่ใหญ่เขาจะกลับมาวันนี้ ไม่รู้พี่ใหญ่จะกลับมาด้วยหรือเปล่า” มู่หยางบอกกับน้องสาวฝาแฝด ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกับน้องสาวนัก แต่แววตาของเด็กหนุ่มคนนี้กลับเด็ดเดี่ยวมากกว่า
“หากพี่ใหญ่รู้ว่าเราทั้งสองคนหยุดเรียนแล้ว จะต้องโกรธมากๆ แน่เลย เราจะทำยังไงดีพี่รอง”
มู่ฟ่านปิงคิดมากจริงๆ พี่ใหญ่ยอมไปเป็นทหารเมื่อสามปีก่อนเพื่อจะส่งเงินมาให้เธอและพี่รองได้เรียนเหมือนคนอื่น แต่ใครจะคิดว่าเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้แทบจะไม่เคยถึงมือเธอและพี่รองเลย บ้านลุงใหญ่เก็บเอาไปทั้งหมด อีกทั้งล่าสุดยังให้เธอและพี่รองลาออกจากโรงเรียนอีกด้วย
“สาเหตุที่พี่ไม่ยอมให้เราเขียนจดหมาย หรือโทรไปหาพี่ใหญ่ที่ค่ายทหาร เพราะไม่อยากให้พี่ใหญ่ต้องคิดมาก พี่ใหญ่ยอมไปเป็นทหารที่เซี่ยงไฮ้เพื่ออนาคตของเราสองคน แต่ใครจะคิดว่าครอบครัวลุงใหญ่จะทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่รับปากพี่ใหญ่อย่างดิบดีว่าจะดูแลเราทั้งสองคน”
มู่หยางยอมรับชะตากรรม เขาไม่อยากให้พี่ใหญ่คิดมากกับเรื่องของเขาและน้องเล็ก
“พี่จะลองไปหางานในอำเภอทำดู เผื่อว่าเขาจะรับเด็กอายุสิบสี่แบบพี่ น้องเล็กจะได้เรียนต่อ ตัวพี่เองเป็นผู้ชายไม่เป็นอะไรหรอก”
“พี่รองหนูหิวจังเลย ตั้งแต่เมื่อวานเราได้กินเพียงน้ำข้าวต้มเองนะ” มู่ฟ่านปิงแม้จะมีความอดทนแต่เธอและพี่รองนอกจากน้ำข้าวต้มและแผ่นแป้งย่างแข็งๆ ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย
บทที่ 5เพื่อนต่างวัยมู่หยางส่งสารน้องเล็กของตัวเองมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปี แต่ความคิดของเขานั้นกลับเป็นผู้ใหญ่กว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับพี่ใหญ่มาตั้งแต่เล็ก เลยถูกปลูกฝังว่าเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องเข้มแข็งต้องคอยปกป้องน้องสาวแทนพี่ ตัวเขาและน้องเล็กอายุห่างจากพี่ใหญ่สิบเอ็ดปีสามคนพี่น้องอยู่กันเองพ่อแม่นั้นตายไปเพราะป่วยด้วยไข้ป่าไปเมื่อสิบปีที่แล้ว เขาและน้องเล็กจึงอยู่กับพี่ใหญ่มาตลอด แต่เมื่อสามสี่ปีก่อนครอบครัวของลุงใหญ่ขออาสาเข้ามาดูแลเขาและน้องสาว จะว่าดูแลไม่น่าจะใช่ เพราะต่อหน้าพี่ใหญ่นั้นดีแสนดี แต่พอลับหลังกลับเอาเปรียบเขาและน้องเล็กทุกอย่างยิ่งเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ของเขายอมสมัครไปเป็นทหารเพื่อส่งเขาและน้องเรียนต่อ ครอบครัวลุงใหญ่แทบจะกระโดดตัวลอยเพราะเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้นั้นไม่เคยถึงมือพวกเขาทั้งสองคนเลย ยังดีที่ได้เรียนหนังสือ แต่ตอนนี้นี่เฮ้อ....“เดี๋ยวพี่ไปจับปลามาให้เราสองคนจะได้ย่างปลากินกัน น้องเล็กรอพี่ก่อนนะ รอไหวไหม” มู่หยางกำลังจะลุกขึ้นเดินไปจับปลาในลำธาร แต่กลับได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง“หิวไหม ฉันมีซาลาเปาไส
บทที่ 1คุณหนูลีน่า“ทำไมนางร้ายนิยายเรื่องนี้ถึงได้โง่นักนะ สามีไม่รักก็หาใหม่สิ จะตามตอแยทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ” ลีน่าบ่นด่าหลิวชิงเย่วนางร้ายในนิยายที่เธอกำลังจะอ่าน“ใจเย็นค่ะคุณหนู พี่เห็นคุณหนูอ่านเรื่องนี้มาสามรอบก็ด่านางร้ายคนนี้ทั้งสามรอบแล้วนะ คุณหนูไม่เบื่อหรือยังไง” สายสร้อยหรือพี่สร้อย พี่เลี้ยงของลีน่าพูดด้วยเสียงหัวเราะ ขณะจัดอาหารให้เจ้านายสาว“ก็มันจริงนี่คะพี่สร้อย ยิ่งอ่านแล้วยิ่งโมโห ไม่เข้าใจนักเขียนเลยจริงๆ ทำไมถึงเขียนให้หลิวชิงเย่วนางร้ายของเรื่องต้องโง่และมัวเมาในความรักแบบนี้ด้วยนะ ถ้าเป็นลีน่า ลีน่าจะหย่าให้ดู บ้าหรือเปล่าในเมื่อสามีเอาเมียน้อยเข้ามาทำร้ายจิตใจตัวเองก็ยังทนอยู่ได้ เหอะๆ ๆ สำหรับลีน่านะผัวที่ดีคือผัวใหม่ค่ะพี่สร้อย”ลีน่าไม่สบอารมณ์กับนางร้ายในนิยาย พ่อของหลิวชิงเย่วก็ทิ้งเงินไว้ให้มากมาย ทำไมไม่เอาเงินมาทำธุรกิจหรือทำกิจการร้านค้าให้ผัวเสียดายเล่นแล้วสะบัดบ๊อบใส่เสียละ ในเมื่อยุคแปดศูนย์ทางรัฐก็เปิดการค้าเสรีแล้ว แต่ก็นะเพราะมันคือนิยายยังไงล่ะ ส่วนแม่ผัวนั้นก็ร้ายเห็นเมียน้อยลูกชายดีกว่าเมียหลวง และที่สำคัญนางร้ายยังเวอร์จิ้นนี่สิ ทำไมไม่หย่าใ
บทที่ 2 รับวิญญาณผิดดวงหลังจากที่ถ่ายละครเสร็จแล้วลีน่าไม่มีจิตใจจะไปชอปปิ้งที่ไหนอีกแล้ว เธอเหนื่อยจนอยากกลับบ้าน และที่สำคัญห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดนั้นเป็นของครอบครัวเธอเอง ไม่รู้จะไปเที่ยวทำไมให้ปวดขา อยากได้อะไรก็โทรบอกให้พี่ๆ เอามาให้เลือกที่บ้านแล้วจ่ายเงินก็จบแล้ว“กลับบ้านเลยหรือเปล่า” แก้วดาราหันไปถามเพื่อนสนิท“กลับเลย วันนี้เบื่อไม่อยากไปไหน คิดถึงยายลูกแก้วด้วย ตอนนี้น่าจะกลับมาถึงบ้านแล้ว”“ดีเหมือนกันฉันเองก็คิดถึงยายหนูมากไม่เจอหลายวันแล้วด้วย พี่ชายแกหวงลูกยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก” แก้วดาราอดที่จะนินทาพี่ชายจอมเย็นชาของเพื่อนรักไม่ได้“พี่รามเย็นชาก็จริง แต่ถ้ารักใครก็จะรักสุดใจนะแก ไม่ลองเปิดใจดูล่ะ”“ฉันว่าเราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะ แกคุยกับฉันมาหลายปีแล้ว ไม่เบื่อหรือยังไง” แก้วดาราไม่อยากให้เพื่อนพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เธอขอมองดูอยู่ห่างๆ แบบนี้ก็พอทันทีที่กลับมาถึงบ้านทั้งสองสาวเจอกับลูกแก้วตัวน้อยกำลังเดินเตาะแตะที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ของตะกูลอิริคเซ่“ยีน่า” แม่หนูตัวน้อยดวงใจของบ้านยิ้มหวานให้คุณอาคนสวย“ลูกแก้วอาชื่อลีน่าค่ะลูก ไม่ใช่ยีน่า เปลี่ยนชื่อใ
บทที่ 3 การเกิดใหม่ของนางร้ายหลงยุคลีน่าเมื่อได้ยินตามที่ตัวเองขอก็ยิ้มมุมปาก “ข้อแรกขอให้ฉันมีความจำที่ดีเลิศและเอาความสามารถของชาตินี้ติดตัวไปด้วยทั้งหมด”“ข้อสองฉันขอมิติ มิติที่มีทุกอย่างที่ฉันต้องการพร้อมกับคฤหาสน์หนึ่งหลังในนั้น”“ข้อสามขอให้พี่ชายฉันและแก้วดาราหรือแป๋มเพื่อนสนิทมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องมาจมกับความเศร้าที่ฉันจากไป ขอให้ทั้งสองคนโชคดีและมีความสุข ไม่มีอุปสรรคใดๆ ในชีวิต”ลีน่าขอพรทั้งสามข้อ สองข้อแรกนั้นขอให้ตัวเอง เธอไม่เชื่อหรอกว่าท่านยมจะส่งเธอไปที่ดีๆ ขนาดตอนไปเอาวิญญาณยังเอาวิญญาณเธอมาผิด แล้วจะไม่ส่งเธอไปผิดอีกเหรอ กันไว้ก่อน อย่างน้อยๆ ก็มีมิติไว้กับตัวเหมือนในนิยายที่เคยอ่านไม่ทำให้อดตายแน่นอนส่วนข้อสุดท้ายขอให้พี่ชายและเพื่อนรักโชคดีหลังจากที่ไม่มีเธอแล้ว หากเป็นไปได้อยากให้ทั้งสองเปิดใจให้กันมากกว่า อย่างน้อยๆ เพื่อนรักของเธอก็รักพี่ชายและหลานสาวของเธอด้วยใจจริง ไม่ได้รักเพราะเงินหรือฐานะเหมือนหญิงสาวคนอื่น“ขอแบบนี้ฉันเสียเปรียบเธอมากนะลีน่า แต่ที่ฉันให้ เพราะสาเหตุที่เธอต้องตายเกิดจากความผิดพลาดของฉันเอง เรื่องมิติเพียงแค่เธอนึกถึงเธอก็จะเห็นและหากเกิดอ
บทที่ 5เพื่อนต่างวัยมู่หยางส่งสารน้องเล็กของตัวเองมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปี แต่ความคิดของเขานั้นกลับเป็นผู้ใหญ่กว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับพี่ใหญ่มาตั้งแต่เล็ก เลยถูกปลูกฝังว่าเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องเข้มแข็งต้องคอยปกป้องน้องสาวแทนพี่ ตัวเขาและน้องเล็กอายุห่างจากพี่ใหญ่สิบเอ็ดปีสามคนพี่น้องอยู่กันเองพ่อแม่นั้นตายไปเพราะป่วยด้วยไข้ป่าไปเมื่อสิบปีที่แล้ว เขาและน้องเล็กจึงอยู่กับพี่ใหญ่มาตลอด แต่เมื่อสามสี่ปีก่อนครอบครัวของลุงใหญ่ขออาสาเข้ามาดูแลเขาและน้องสาว จะว่าดูแลไม่น่าจะใช่ เพราะต่อหน้าพี่ใหญ่นั้นดีแสนดี แต่พอลับหลังกลับเอาเปรียบเขาและน้องเล็กทุกอย่างยิ่งเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ของเขายอมสมัครไปเป็นทหารเพื่อส่งเขาและน้องเรียนต่อ ครอบครัวลุงใหญ่แทบจะกระโดดตัวลอยเพราะเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้นั้นไม่เคยถึงมือพวกเขาทั้งสองคนเลย ยังดีที่ได้เรียนหนังสือ แต่ตอนนี้นี่เฮ้อ....“เดี๋ยวพี่ไปจับปลามาให้เราสองคนจะได้ย่างปลากินกัน น้องเล็กรอพี่ก่อนนะ รอไหวไหม” มู่หยางกำลังจะลุกขึ้นเดินไปจับปลาในลำธาร แต่กลับได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง“หิวไหม ฉันมีซาลาเปาไส
บทที่ 4 แม่สามีผู้เห็นแก่ตัวนางจ่างซื่อคิดตามสะใภ้คนโปรดจึงเกิดความไม่ยินยอมและไม่พอใจ เธอไม่เคยชอบสะใภ้ใหญ่ของเธอเลย เพราะว่าอยู่ดีๆ พ่อตายแต่กลับให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทั้งๆ ที่เธอเตรียมหลานสาวญาติทางฝั่งแม่เธอไว้แล้ว และที่สำคัญหลี่เหว่ยเฉียงและซวี่เซิ่งเสว่รักกันมาก่อน แต่กลายเป็นต้องมาทดแทนบุญคุณเจ้านายด้วยการแต่งงานดูแลลูกสาวเพียงคนเดียว หากหลิวชิงเย่วไม่มีสินเดิมมามาก เธอไม่มีทางยอมให้แต่งกับลูกชายเธอเด็ดขาดแต่แล้วยังไงแต่งเข้ามาไม่ทันไรเธอก็ไปขอซวี่เซิ่งเสว่มาให้เป็นภรรยาลูกชายอีกคน ที่สำคัญหลี่เหว่ยเฉียงทำตามคำสัญญาเพียงหน้าที่เท่านั้น ยังไม่เคยเข้าหอหรือหลับนอนกับหลิวชิงเย่วเลยสักครั้งเดียว แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่เคยไว้ใจ วันดีคืนดีถ้าเกิดลูกชายเธอเกิดมีความรู้สึกให้กับหลิวชิงเย่วขึ้นมาเธอจะทำยังไงดังนั้นเธอจึงใช้ให้ทำงานบ้านทุกอย่าง จนแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองเห็นตะวัน เงินเธอก็เอามาบำรุงลูกสะใภ้คนโปรดและเอามาใช้จ่ายในบ้านอย่างสบาย เงินเดือนของลูกชายจะพอใช้อะไรล่ะ แค่ไม่กี่สิบหยวนต่อเดือนเท่านั้นเอง“มันไม่กล้าหรอกหล่อนไม่ต้องใส่ใจ พออาเฉียงกลับมามัน
บทที่ 3 การเกิดใหม่ของนางร้ายหลงยุคลีน่าเมื่อได้ยินตามที่ตัวเองขอก็ยิ้มมุมปาก “ข้อแรกขอให้ฉันมีความจำที่ดีเลิศและเอาความสามารถของชาตินี้ติดตัวไปด้วยทั้งหมด”“ข้อสองฉันขอมิติ มิติที่มีทุกอย่างที่ฉันต้องการพร้อมกับคฤหาสน์หนึ่งหลังในนั้น”“ข้อสามขอให้พี่ชายฉันและแก้วดาราหรือแป๋มเพื่อนสนิทมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องมาจมกับความเศร้าที่ฉันจากไป ขอให้ทั้งสองคนโชคดีและมีความสุข ไม่มีอุปสรรคใดๆ ในชีวิต”ลีน่าขอพรทั้งสามข้อ สองข้อแรกนั้นขอให้ตัวเอง เธอไม่เชื่อหรอกว่าท่านยมจะส่งเธอไปที่ดีๆ ขนาดตอนไปเอาวิญญาณยังเอาวิญญาณเธอมาผิด แล้วจะไม่ส่งเธอไปผิดอีกเหรอ กันไว้ก่อน อย่างน้อยๆ ก็มีมิติไว้กับตัวเหมือนในนิยายที่เคยอ่านไม่ทำให้อดตายแน่นอนส่วนข้อสุดท้ายขอให้พี่ชายและเพื่อนรักโชคดีหลังจากที่ไม่มีเธอแล้ว หากเป็นไปได้อยากให้ทั้งสองเปิดใจให้กันมากกว่า อย่างน้อยๆ เพื่อนรักของเธอก็รักพี่ชายและหลานสาวของเธอด้วยใจจริง ไม่ได้รักเพราะเงินหรือฐานะเหมือนหญิงสาวคนอื่น“ขอแบบนี้ฉันเสียเปรียบเธอมากนะลีน่า แต่ที่ฉันให้ เพราะสาเหตุที่เธอต้องตายเกิดจากความผิดพลาดของฉันเอง เรื่องมิติเพียงแค่เธอนึกถึงเธอก็จะเห็นและหากเกิดอ
บทที่ 2 รับวิญญาณผิดดวงหลังจากที่ถ่ายละครเสร็จแล้วลีน่าไม่มีจิตใจจะไปชอปปิ้งที่ไหนอีกแล้ว เธอเหนื่อยจนอยากกลับบ้าน และที่สำคัญห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดนั้นเป็นของครอบครัวเธอเอง ไม่รู้จะไปเที่ยวทำไมให้ปวดขา อยากได้อะไรก็โทรบอกให้พี่ๆ เอามาให้เลือกที่บ้านแล้วจ่ายเงินก็จบแล้ว“กลับบ้านเลยหรือเปล่า” แก้วดาราหันไปถามเพื่อนสนิท“กลับเลย วันนี้เบื่อไม่อยากไปไหน คิดถึงยายลูกแก้วด้วย ตอนนี้น่าจะกลับมาถึงบ้านแล้ว”“ดีเหมือนกันฉันเองก็คิดถึงยายหนูมากไม่เจอหลายวันแล้วด้วย พี่ชายแกหวงลูกยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก” แก้วดาราอดที่จะนินทาพี่ชายจอมเย็นชาของเพื่อนรักไม่ได้“พี่รามเย็นชาก็จริง แต่ถ้ารักใครก็จะรักสุดใจนะแก ไม่ลองเปิดใจดูล่ะ”“ฉันว่าเราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะ แกคุยกับฉันมาหลายปีแล้ว ไม่เบื่อหรือยังไง” แก้วดาราไม่อยากให้เพื่อนพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เธอขอมองดูอยู่ห่างๆ แบบนี้ก็พอทันทีที่กลับมาถึงบ้านทั้งสองสาวเจอกับลูกแก้วตัวน้อยกำลังเดินเตาะแตะที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ของตะกูลอิริคเซ่“ยีน่า” แม่หนูตัวน้อยดวงใจของบ้านยิ้มหวานให้คุณอาคนสวย“ลูกแก้วอาชื่อลีน่าค่ะลูก ไม่ใช่ยีน่า เปลี่ยนชื่อใ
บทที่ 1คุณหนูลีน่า“ทำไมนางร้ายนิยายเรื่องนี้ถึงได้โง่นักนะ สามีไม่รักก็หาใหม่สิ จะตามตอแยทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ” ลีน่าบ่นด่าหลิวชิงเย่วนางร้ายในนิยายที่เธอกำลังจะอ่าน“ใจเย็นค่ะคุณหนู พี่เห็นคุณหนูอ่านเรื่องนี้มาสามรอบก็ด่านางร้ายคนนี้ทั้งสามรอบแล้วนะ คุณหนูไม่เบื่อหรือยังไง” สายสร้อยหรือพี่สร้อย พี่เลี้ยงของลีน่าพูดด้วยเสียงหัวเราะ ขณะจัดอาหารให้เจ้านายสาว“ก็มันจริงนี่คะพี่สร้อย ยิ่งอ่านแล้วยิ่งโมโห ไม่เข้าใจนักเขียนเลยจริงๆ ทำไมถึงเขียนให้หลิวชิงเย่วนางร้ายของเรื่องต้องโง่และมัวเมาในความรักแบบนี้ด้วยนะ ถ้าเป็นลีน่า ลีน่าจะหย่าให้ดู บ้าหรือเปล่าในเมื่อสามีเอาเมียน้อยเข้ามาทำร้ายจิตใจตัวเองก็ยังทนอยู่ได้ เหอะๆ ๆ สำหรับลีน่านะผัวที่ดีคือผัวใหม่ค่ะพี่สร้อย”ลีน่าไม่สบอารมณ์กับนางร้ายในนิยาย พ่อของหลิวชิงเย่วก็ทิ้งเงินไว้ให้มากมาย ทำไมไม่เอาเงินมาทำธุรกิจหรือทำกิจการร้านค้าให้ผัวเสียดายเล่นแล้วสะบัดบ๊อบใส่เสียละ ในเมื่อยุคแปดศูนย์ทางรัฐก็เปิดการค้าเสรีแล้ว แต่ก็นะเพราะมันคือนิยายยังไงล่ะ ส่วนแม่ผัวนั้นก็ร้ายเห็นเมียน้อยลูกชายดีกว่าเมียหลวง และที่สำคัญนางร้ายยังเวอร์จิ้นนี่สิ ทำไมไม่หย่าใ