ชาร์ลีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อคิดว่าจะได้เจอคุณนายลูอิสอีกครั้งในไม่ช้าเขาไม่ได้เจอคุณนายลูอิสอีกเลย นับตั้งแต่เขาถูกดุว่าพยายามขอยืมเงินจากคุณท่านวิลสันในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่าน และหลังจากนั้นสตีเฟนก็ส่งคุณนายลูอิสไปยังอีสต์คลิฟฟ์ทันทีชาร์ลีมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับคุณนายลูอิส และเขาถือว่าเธอเป็นแม่ของเขาเองเมื่อคุณนายลูอิสล้มป่วย ชาร์ลีพยายามหาเงินอย่างเต็มที่ เขายังพยายามแอบขายเลือดเพื่อหาเงิน นอกจากนี้ เขายังรับเงินจำนวนมากจากแคลร์เป็นการส่วนตัว เพื่อพยายามที่จะรักษาคุณนายลูอิสให้มีชีวิตอยู่หากเขาไม่ได้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหาเงินมารักษาคุณนายลูอิส นางลูอิสคงไม่สามารถอยู่รอดจนมาเจอสตีเฟนได้ เธอคงจะตายไปนานแล้วอย่างไรก็ตาม ชาร์ลีรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่เขาควรทำ แม้ว่าเขาจะทำแบบนี้ แต่เขาก็สามารถตอบแทนความกรุณาของคุณนายลูอิสได้ประมาณหนึ่งในหมื่นเท่านั้นพ่อของเขาสอนเขามานับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ว่าคนเราควรแสดงความกตัญญูเสมอตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังคำกล่าวที่ว่า หยาดน้ำจะกลับคืนมาพร้อมกับผลิดอกออกผล ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าคนอื่นจะช่วยคุณเพียงเล็กน้อย
เอเลนก็รู้สึกหดหู่ทันที เมื่อได้ยินเรื่องนี้!เธอหายไปเพียงสองวัน แต่ทุกคนในครอบครัวดูเหมือนจะมีทัศนคติต่อเธอที่ต่างไปจากเดิมในตอนนี้สามีของเธอเฉยเมยต่อเธอและอารมณ์เสียใส่เธอด้วย ลูกเขยของเธอก็ไม่ใช่ลูกเขยคนเดิมที่คอยเมตตาผู้อื่นอยู่เสมอ เขายังกล้าโกรธเธอและบอกให้เธอย้ายกลับไปบ้านของตัวเองแม้แต่ลูกสาวแสนดีของเธอที่เธอสามารถพึ่งพาได้เสมอนั้นก็ไม่ได้อยู่ข้างเธออีกต่อไปในเวลานี้ เธอไม่เคยคิดฝันว่าลูกสาวของเธอจะเข้าข้างชาร์ลีเธอเป็นราชินีมาโดยตลอด เมื่อเธอเห็นว่าเธอกำลังจะสูญเสียอำนาจในบ้านหลังนี้ ดวงตาของเธอแดงก่ำและเริ่มที่จะเล่นละครเธอสำลักอย่างน่าสมเพชขณะที่เธอพูดว่า “ในบ้านหลังนี้ ฉันไม่สำคัญอีกแล้ว พ่อของแกก็ไม่สนใจฉัน สามีของแกก็ขู่จะเตะฉันออกจากบ้าน และแกเองไม่แม้แต่จะอยู่ข้างฉันอีก…”ขณะที่ปากของเอเลนพูด น้ำตาก็ไหลอาบแก้มแคลร์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดว่า “แม่คะ แม่เป็นคนผิด หนูเข้าข้างแม่ไม่ได้ตลอดเวลาหรอกนะ”แม้ว่าเธอจะรู้สึกเสียใจต่อแม่สำหรับความทุกข์ทั้งหมดที่แม่ต้องเจอ เธอรู้สึกว่านี่มันไม่มีเหตุผลเลย ที่แม่ของเธอจะตะโกนใส่ชาร์ลีหรือดูถูกคุณนายลูอิสยิ่ง
ดังนั้น แคลร์จึงบอกเอเลนว่า “แม่คะ แม่ลองไตร่ตรอง และคิดเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ หนูกับชาร์ลีจะออกไปก่อน อย่าลืมทานบะหมี่ที่ชาลีทำไว้ให้ด้วยนะคะ”หลังจากที่เธอพูดจบ แคลร์หันไปบอกกับชาร์ลีว่า “ไปกันเถอะค่ะ”ชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพาแคลร์ออกจากวิลล่าขณะมุ่งหน้าไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชาร์ลีซื้อช่อดอกไม้และกระเช้าผลไม้ระหว่างทางไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขายังเตรียมการ์ดอวยพรที่เขียนด้วยลายมือเพื่อมอบให้คุณนายลูอิสอีกด้วยหลังจากมาถึงสถานสงเคราะห์ โอลรัส ฮิลล์ ชาร์ลีก็จอดรถไว้ที่บริเวณที่จอดรถริมถนน ชาร์ลีอยู่ในความงุนงงขณะที่เขาจ้องไปที่ประตูที่ล้าสมัยเล็กน้อยในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเขายืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าเขากำลังพยายามนึกถึงฉากบางฉากในความทรงจำของเขา ฉากที่ย้อนกลับไปในความทรงจำของเขาเป็นความทรงจำที่นุ่มนวล มีความสุขที่สุด และมีค่าที่สุดที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขาเขายังคงจำฉากนั้นได้เมื่อมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในครั้งแรกเมื่ออายุได้แปดขวบ เขาสูญเสียพ่อแม่ไป เขาถูกทิ้งให้อยู่ตามท้องถนนเพียงลำพัง ย้อนกลับไปในตอนนั้น คุณนายลูอิสเป็นเ
สีหน้าของสเตฟานีเต็มไปด้วยความสุขและแปลกใจเมื่อเห็นชาร์ลีเธอวิ่งไปหาชาร์ลีทันทีขณะที่เธอจับแขนชาร์ลีด้วยมือทั้งสองของเธอก่อนจะถามขึ้นว่า “พี่ชาร์ลี ทำไมพี่ไม่กลับมาเยี่ยมเราที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้างเลยคะ?”ชาร์ลีไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้เธอจะคว้าแขนด้วยมือของเธอ ตรงกันข้าม เขาเป็นเหมือนพี่ชายของเธอและเขาพูดอย่างสนิทสนมว่า “ฉันออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย ฉันเลยรู้สึกอายเล็กน้อยที่จะกลับมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อมาเยี่ยมพวกเธอทุกคน”ทันทีที่สเตฟานีได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของเธอก็แดงและสำลักขณะที่เธอสะอื้นไห้พลางพูดว่า “คุณนายลูอิสบอกเราว่าพี่ไปทำงานในสถานที่ก่อสร้างหลังจากที่พี่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอยังบอกเราด้วยว่าพี่จะส่งเงินที่หามาอย่างยากลำบากทั้งหมดให้เธอเสมอ เพื่อที่เธอจะได้ซื้อหนังสือ เสื้อผ้า และอาหารให้เราได้ ทำไมพี่ไม่กลับมาหาฉันบ้างเลย? ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ฉันไม่ได้เจอพี่เลย…”สเตฟานีร้องไห้ขณะที่เธอพูดต่อว่า “เมื่อตอนที่คุณนายลูอิสล้มป่วย ฉันได้ยินว่าเธอบอกว่าพี่จะมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลเสมอ แต่พี่มักจะไปเยี่ยมเธอเสมอหลังจากที่เรากลับไป ดูเหมือ
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ดูแย่ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเธอด้อยกว่าเมื่อเทียบกับแคลร์นอกจากนี้เธอยังเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อหรือแม่ เธอไม่มีใครสนับสนุนเธอในชีวิต ตอนนี้เธอทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอยังคงทำงานและพึ่งพาองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือตัวเอง เธอไม่ได้รับเงินเป็นจำนวนมากสำหรับตัวเองด้วยซ้ำแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำเงินมากมาย แต่เธอก็มีทัศนคติแบบเดียวกับชาร์ลี เธอจะบริจาคเงินทั้งหมดของเธอให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ดังนั้น ในท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นเพียงเด็กยากจนที่ไม่มีอะไรเลยในแง่นี้ เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถเทียบกับผู้หญิงอย่างแคลร์ได้เลยเธอรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย และพูดกับแคลร์อย่างประหม่าว่า “สวัสดีค่ะ พี่สะใภ้ ฉันชื่อสเตฟานี ลูอิส วันนี้เราเจอกันครั้งแรกสินะคะ”แคลร์พยักหน้าก่อนที่เธอยิ้ม และพูดว่า “สวัสดีจ่ะ สเตฟานี ฉันชื่อแคลร์ วิลสัน”สเตฟานีมองที่แคลร์ก่อนที่เธออุทานว่า “พี่สะใภ้ ฉันอิจฉาคุณจริง ๆ !”ขณะที่เธอพูด สเตฟานีมองดูชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ฉันอิจฉาคุณจริง ๆ เพราะคุณได้พบกับผู้ชายที่ดีอย่างชาร์ลีพี่ชายของฉัน!”ตอนนี้ชาร์ลีรู้สึกเขินอายอย่างมากตอนแรกเข
ชาร์ลีอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มาสิบปี ตั้งแต่เขาอายุได้แปดขวบจนถึงอายุสิบแปดปี ดังนั้นเขาจึงมีความรักต่อสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ เขาไม่มีหน้ากลับมาเพราะยังยากจนอยู่ตอนนี้เขามีเงินอยู่บ้างแล้ว เขารู้สึกว่าเป็นการดีที่จะเข้าไปดูว่ามีอะไรอีกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต้องการ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหานี้ได้เมื่อถึงเวลาชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เราเข้าไปข้างในและดูรอบ ๆ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากันเถอะ”สเตฟานีมีความสุขเหลือเกิน เธอรีบคว้าแขนของชาร์ลีก่อนจะลากเขาเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชาร์ลีทำได้เพียงปล่อยให้เธอลากเขาไปรอบ ๆ ในขณะที่เขาจับมือแคลร์ภรรยาของเขาแคลร์รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่เธออนุญาตให้ชาร์ลีจับมือเธอต่อไปในขณะที่เขาพาเธอเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสถานสงเคราะห์โอลรัส ฮิลล์ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ผ่านมาและมีประวัติอันยาวนาน อาคารที่นี่ทั้งหมดเป็นอาคารก่ออิฐที่ค่อนข้างเตี้ยและอาคารแต่ละหลังมีอายุกว่าหลายสิบปีแล้วชาร์ลีตระหนักได้ว่าสถานที่นี้ยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่เขายังคงอาศัยอยู่ที่นี
สเตฟานีพาชาร์ลีไปที่หอพักของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ชาร์ลีสามารถมองเห็นหอพักที่เขาเคยอาศัยอยู่ได้ในพริบตาหลังจากมองออกไปนอกหน้าต่าง ชาร์ลีเห็นเด็กหลายสิบคนขึ้นไปซึ่งมีอายุประมาณหนึ่งถึงสองปีเล่นภายใต้การนำของป้าคนหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเขาอดไม่ได้ที่จะถาม “สเตฟานี่ ทำไมตอนนี้มีเด็กมากมายที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ?”สเตฟานีตอบว่า “มีพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบหลายคนที่ส่งลูกมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยตรงหลังจากให้กำเนิดพวกเขา เด็กเหล่านี้บางคนถูกทอดทิ้งเพราะความพิการแต่กำเนิดหรือโรคภัยไข้เจ็บ บางคนมีชะตากรรมเดียวกับฉัน และพวกเขาถูกทอดทิ้งเพราะเป็นผู้หญิง”สเตฟานีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้หลังจากนั้นเธอพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ถูกลักพาตัวโดยผู้ค้ามนุษย์ แต่ได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจในเวลาต่อมา เด็กบางคนยังเด็กเกินไปและเป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะค้นหาว่าใครคือพ่อแม่ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงให้อยู่ภายใต้การดูแลอุปถัมภ์ของเราในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หลังจากเจอพ่อแม่แล้ว พวกเขาจะถูกส่งกลับไปยังครอบครัวของพวกเขา”เมื่อชาร์ลีเห็นว่าเด็กเหล่านี้บางคนมีควา
เมื่อทั้งสามก้าวออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและกำลังจะมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร เสียงที่น่าประหลาดใจก็ดังขึ้น “ชาร์ลี สเตฟานี!”ทั้งสองหันกลับมา และเห็นคนหลายคนกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขาคนเหล่านี้เป็นเพื่อนที่โตมากับเขาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีหลายคนในกลุ่มนี้ที่ชาร์ลีไม่ได้เจอหน้าอีกเลยนับตั้งแต่เขาออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนเดียวที่เขาติดต่อด้วยหลังจากออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคือฮาร์วีย์เพื่อนสนิทของเขาในช่วงปีแรก ๆ ของชาร์ลีในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาปิดกั้นตัวเองเป็นอย่างมากเพราะพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาจึงเก็บตัวและเขาจะไม่พูดอะไรกับคนอื่นแม้แต่คำเดียวในตลอดทั้งวันเขามักถูกเด็กคนอื่น ๆ ทิ้งให้โดดเดี่ยวเพราะบุคลิกของเขาชาร์ลียังคงจำได้ว่าฮาร์วีย์ซึ่งโตกว่าเขาเล็กน้อย จะยืนหยัดเพื่อเขา และเล่นกับเขาทุกครั้งที่เขาถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองได้เติบโตขึ้นมากฮาร์วีย์กับชาร์ลีอายุเท่ากัน แต่ฮาร์วีย์แก่กว่าชาร์ลีเพียงไม่กี่เดือนหลังจากออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ทั้งสองก็เลือกที่จะไปที่ไซต์ก่อสร้าง และทำงานร่วมกัน ผ
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล