ตอนเที่ยงของวันต่อมาชาร์ลีและแคลร์ขับรถเดินทางไปที่โรงแรมเมเปิลโรงแรมเมเปิลไม่ได้แพงที่สุดในโอลรัสฮิลล์แต่เป็นหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมือง นี่บ่งบอกถึงความจริงใจของดักลาสในการปฏิบัติต่อพวกเขาในความเป็นจริง เขาใช้เวลากับอาหารมื้อนี้อย่างฟุ่มเฟือย เพราะเขาได้จองห้องรับประทานอาหารระดับพรีเมียมไว้ในโรงแรมที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราและกว้างขวางพอที่จะรองรับคนได้ยี่สิบคนโดยมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำเจ็ดถึงแปดหมื่นบาทหลายคนได้มาถึงห้องสวีทเรียบร้อยแล้ว เมื่อชาร์ลีและแคลร์มาถึง นอกจากดักลาสและลอรีนแล้วยังมีเพื่อนร่วมวิทยาลัยอีกสองสามคนด้วยช่วงนี้ลอรีนไม่ค่อยได้มีเวลาพิเศษสักเท่าไหร่เธอย้ายมาอยู่ที่โอลรัสฮิลล์จากอีสต์คลิฟฟ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว เพื่อจุดประสงค์หลักในการทำความรู้จักกับประธานเอ็มแกรนด์กรุ๊ป อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นชายคนนี้ด้วยซ้ำหลังจากทำงานในบริษัทมานานยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอเคยต้องอยู่ในสำนักงานเมื่อเธอดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร แต่หลังจากที่เธอถูกย้ายไปฝ่ายขายแล้วเธอก็มีเวลาน้อยลงในสำนักงาน นั่นช่วยลดโอกาสในการพบกับประธานมากยิ่งขึ้นอ
“โจแอนน์ นี่เธอพูดอะไรออกมาเนี่ย? ดักลาสเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือเขาจะช่วยเราอย่างไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว”ผู้ชายหน้าเหลี่ยมพูดขึ้น เขาหยิบแก้วขึ้นมาแล้วกระดกหมดในครั้งเดียวชาร์ลีเหลือบมองพวกเขาสั้น ๆ เขาจำได้ว่าคนพวกนั้นเป็นเพื่อนร่วมวิทยาลัยกับเขา ผู้หญิงคนนี้ชื่อ โจแอนน์ แฮมป์ตันและชายคนนี้ชื่อ เจอร์รี่ แม็คลีนดักลาสตอบอย่างขี้อายว่า “โอ้ ไม่หรอก ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพราะฉัน เฮ้อ เรื่องมันยาวน่ะ ช่างมันเถอะ!”จากนั้นเขาก็มองไปที่ชาร์ลีด้วยความรู้สึกซาบซึ้งมันเป็นช่วงเวลาแห่งความโชคร้ายที่ต้องอยู่ร่วมกับคนหลอกลวงและพวกเขาทำให้เขาเกือบจะสูญเสียทุกอย่างให้กับเธอ แม้กระทั่งถูกทำร้ายร่างกายด้วยเช่นกันโชคดีที่ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของชาร์ลี เพราะเขาสามารถเรียกร้องสิทธิการเป็นเจ้าของร้านอาหารคืนมาได้และได้รับค่าตอบแทนกลับมายี่สิบล้าน ดังนั้นทุกสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของตอนนี้จึงเป็นเพราะชาร์ลี เขาจึงไม่สามารถให้เครดิตกับตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่องและเริ่มพูดว่า “ยังไงก็แล้วแต่นะเจอร์รี่ ตอนนี้นายมั่งคั่งแล้วใช่ไหม? ฉ
ชาร์ลีจ้องมองไปที่พวกเขา แต่เพื่อประโยชน์ของดักลาสเขาจึงไม่อยากที่จะใส่ใจกับคนโง่สองคนนี้แม้ชาร์ลีจะเงียบ แต่โจแอนน์และเจอร์รี่ก็ยิ่งเกลียดเขามากยิ่งขึ้นที่ไม่ปกป้องตัวเองหลังจากถูกเยาะเย้ยและดูถูก! เขามันช่างขี้แพ้อะไรอย่างนี้!เจอร์รี่ยังคงสบประมาทต่อไป “นี่ จากความคิดของฉันนะ แคลร์เธอช่างตาบอดจริง ๆ มีเหล่าสุภาพบุรุษที่ดีมากมายในชั้นเรียนของเราแต่ชาร์ลีไอ้ขี้แพ้ดันเป็นตัวเลือกสุดท้ายของเธองั้นเหรอ? แย่จัง!”ทันใดนั้นประตูห้องสวีทก็เปิดออกปังชายร่างท้วมในชุดดำหลายคนพุ่งเข้ามาในห้องและหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มที่มีผมทรงครูว์คัตและมีบุหรี่อยู่ในมือกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ออกไปจากที่นี่ซะ ฉันต้องการห้องนี้”เจอร์รี่ขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ “นี่คุณคิดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่? ไม่เห็นเหรอว่าเรากำลังทานอาหารเย็นกันอยู่น่ะ”จากนั้นเขาก็กระแทกโต๊ะอย่างแรงและคำรามขึ้นว่า “ที่นี่โรงแรมเมเปิล คนที่มาก่อน จะได้สิทธิก่อน! คุณไม่รู้กฎเหรอไง?”"มาก่อน ได้ก่อน?"ชายหนุ่มหน้าตาดุร้ายเข้ามาหาเจอร์รี่และตบหน้าเขาโดยไม่มีการเตือนใด ๆ เจอร์รี่ล้มลงกับพื้นใบหน้าของเขาบวมและอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด“นายคิดว่
“พอได้แล้วแรมโบ้ เรากำลังทานอาหารเย็นกันอยู่นะ นายออกไปได้แล้ว!”ชาร์ลีไม่อยากจะสนใจคนอย่างแรมโบ้ เขาจึงโบกมืออย่างขี้เกียจและขอให้ออกไปแรมโบ้โค้งคำนับอย่างเคารพและกล่าวว่า “ได้ครับคุณเวด ผมจะออกไปแล้วนะครับ!”จากนั้นเขาก็รีบถอยออกจากห้องเหมือนหมาตัวหนึ่งเจอร์รี่และโจแอนน์รู้สึกร้อนรนและรำคาญอย่างมาก ชาร์ลีที่พวกเขาล้อเลียนและเยาะเย้ยในทุกวิถีทางกลับกลายเป็นคุณเวด! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!ต้องมีความเข้าใจผิดอะไรที่นี่แน่ ๆ ชาร์ลีเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่น่ารังเกียจ! ทำไมแรมโบ้ถึงเรียกเขาว่าคุณเวดล่ะ?! เขาไม่ควรค่ากับชื่อนี้ด้วยซ้ำ!ดักลาสหันไปหาพวกเขาและพูดอย่างเข้มงวดว่า “พวกนายสองคนดูปากของตัวเองสิ ช่วยเจียมตัวและถ่อมตัวด้วย นายฉลาดพอที่จะรู้ว่านายพูดอะไรได้หรือพูดอะไรไม่ได้ โชคดีที่วันนี้ชาร์ลีมาที่นี่ ไม่งั้นพวกนายต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่ ๆ !”เจอร์รี่และโจแอนน์นิ่งเงียบเหมือนหนูหลังจากถูกแรมโบ้ทุบตีจากนั้นดักลาสก็หันไปหาชาร์ลีและพูดอย่างซาบซึ้งว่า “ชาร์ลี ขอบใจมากนะ! ฉันขอดื่มอวยพรให้นายแทนทุกคน ขอบคุณ!”ชาร์ลียิ้ม “ด้วยความเต็มใจ”***วันรุ่งขึ้นแคลร์ได้รับคำเชิญสัมภาษณ์จากสไป
ซีคกล่าวอย่างรวดเร็ว “คุณเวดนี่เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเวลาแบบนี้ยากที่สุดที่จะเรียกแท็กซี่นะครับ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ให้ผมไปส่งดีไหมครับ?”แคลร์ทั้งอยากรู้และสงสัยเกี่ยวกับความบังเอิญนี้ แต่เธอก็หมดหวังเกินกว่าที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ “ขอบคุณมากสำหรับการช่วยเหลือนะคะ คุณไวท์”“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ” ซีครีบลงจากรถและเปิดประตูให้พวกเขาอย่างมีความสุขชาร์ลีเพียงแค่ลูบจมูกของเขาอย่างแหย ๆ โดยไม่พูดอะไร เขารู้ดีว่าซีคได้ฉวยโอกาสที่ดีที่สุดในการประจบประแจงเขาและบังเอิญเขาต้องการความช่วยเหลืออยู่พอดี เขาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอครั้งนี้คนขับขับต่อไป ขณะที่ซีคไปนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับและเริ่มการสนทนาแบบสบาย ๆ กับชาร์ลีระหว่างทางแคลร์ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาในขณะที่ความรู้สึกงงงวยเกิดขึ้นภายในตัวเธอซีค ไวท์เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในโอลรัสฮิลล์ซึ่งได้รับเกียรติยศและชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับคุณท่านวิลสัน บุคคลนี้มักจะมีอารมณ์ที่มั่นคงและเข้มงวด แต่ในรถแคลร์ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าซีคดูเหมือนจะพยายามเอาใจชาร์ลีเป็นอย่างมากจากนั้นเธอก็มองไปที่ชาร์ลีและพบว่าเขายั
ในสำนักงานจอร์จนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขาโดยวางขาบนโต๊ะอย่างสบาย ๆ ขณะที่เขากำลังจีบผู้หญิงหลายคนในแอปหาคู่ในตอนนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นและมีข้อความโผล่ขึ้นมาจอร์จเม้มริมฝีปากด้วยความรำคาญ ในขณะที่เขาเปิดข้อความอย่างไม่เต็มใจนัก เขาก็เห็นว่านั่นคือตารางการสัมภาษณ์งานจากแผนกทรัพยากรบุคคลเขาขมวดคิ้วทันทีที่เห็นสิ่งตรงหน้าด้วยความตกใจ จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยถากถางพลางเขย่าโทรศัพท์ใส่คนที่นั่งข้างๆ “เฮ้ เดามาสิว่าใครมาที่สไปค์เวิร์ธ”เจอร์รี่และโจแอนน์นั่งอยู่บนโซฟา พวกเขามาที่นี่เพื่อพบกับจอร์จโดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเขาความเย้ายวนใจที่แผ่ออกมาจากร่างกายของโจแอนน์ขณะที่เธอนั่งไขว่ห้างในชุดกระโปรงทรงเอและผมยาวหยักศกของเธอพาดลงมาที่ไหล่ เธอตรวจดูเล็บของเธออย่างหยิ่งผยองและถามว่า “ใคร?”“ชาร์ลี เวดและแคลร์ วิลสัน!” จอร์จเดาะลิ้นอย่างดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ย “แคลร์มาสมัครงานที่นี่ มันแปลกมาก”เจอร์รี่ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "พวกเขาถึงมาที่นี่ทำไม?”โจแอนน์ตอบว่า “เมื่อคืนฉันได้ยินแคลร์พูดว่าเธอกับชาร์ลีถูกไล่ออกจากตระกูลวิลสัน เธอต้องหางานใหม่เพราะเธอไม่สามารถอยู่ที่
แคลร์ไม่ได้รู้ว่าจอร์จมาที่นี่เพื่อทำอะไร เธอจึงรีบพูดตอบจากความสุภาพของเขาว่า “จอร์จ นายต้อนรับกันเกินไปแล้ว”จอร์จวางรอยยิ้มที่ดูน่าเกรงขาม เขาหยิบเรซูเม่ของแคลร์มาจากโต๊ะและพลิกดูอย่างสบาย ๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า “แคลร์ ฉันต้องขอโทษด้วยนะ แต่จากสิ่งที่ฉะนเห็นในเรซูเม่ของเธอ คุณสมบัติของเธอไม่ตรงตามข้อกำหนดของเรา ไม่ว่าจะทักษะหรือประสบการณ์ก็ตาม เธอไม่เหมาะกับความต้องการของเราเลย”จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูดต่อว่า “ฉันขอโทษด้วยนะแคลร์ เธอไม่ผ่านการสัมภาษณ์ ฉันขอแนะนำให้เธอลองไปสมัครบริษัทอื่นจะดีกว่า โชคดีนะ!"แคลร์รู้สึกตกใจกับการปฏิเสธอย่างรุนแรงของเขาและรีบพูดว่า “แต่ฉันทำงานที่ฝ่ายบริหารของวิลสันกรุ๊ปมาหลายปีแล้วนะ! ฉันมั่นใจว่าความเป็นมืออาชีพของฉันตรงตามเกณฑ์ที่บริษัทของนายระบุไว้”จอร์จส่ายหัวและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ไม่นะ สิ่งที่เธอเรียกมันว่าคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอเป็นเพียงเพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลวิลสันเท่านั้น แถมตอนนี้เธอยังถูกไล่ออกจากตระกูลแล้วด้วยซ้ำ โดยพื้นฐานแล้วเธอก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ก็ได้ เอาอย่างที่นายว่าก็ได้” แคลร์มองลงไปอย่างหดหู
จอร์จหัวเราะอย่างมีชัย "รอก่อนแล้วคอยดูได้เลย ถ้าฉันได้เข้าร่วมคณะกรรมการแล้วล่ะก็ ไอ้พวกนี้คงจะตกใจอ้าปากค้างแล้วต้องมาเทิดทูนฉันแน่ ๆ !”เจอร์รี่ถามด้วยความประหลาดใจ “จอร์จ นี่นายจะไปเป็นหนึ่งในกรรมการงั้นเหรอ?”“ใกล้แล้วล่ะ” จอร์จพูดด้วยรอยยิ้มที่พอใจ “เผอิญว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ถ้าทุกอย่างราบรื่นฉันก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือน!”“โอ้โห เจ๋งว่ะเพื่อน!” เจอร์รี่ยกนิ้วให้เขาและอุทานว่า “จอร์จ อย่าลืมเพื่อนของนายถ้านายได้เป็นกรรมการนะ!”จอร์จพยักหน้า "แน่นอน! ไม่ต้องกังวล เพราะฉันจะคอยดูแลนายเอง”ในระหว่างการสนทนา มีเสียงดังโครมและประตูห้องทำงานของจอร์จถูกเตะจนเปิดออกอย่างรุนแรง“ไอ้เวรที่ไหนกันที่กล้าเตะประตูห้องฉัน…”จอร์จตกใจกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขากำลังจะร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสมาชิกคณะกรรมการทุกคนยืนอยู่ที่ประตูของเขาและก้มหัวให้ชายวัยกลางคนในชุดสูทด้วยความเคารพ เขาจ้องมองพวกเขาด้วยความงุนงงราวกับว่าโดนต้องคำสาปซีคจ้องมองจอร์จอย่างน่ากลัวและถามว่า “แกคือจอร์จ แฮร์ริสใช่ไหม?”ในความมึนงงจอร์จพยักหน้าช้า ๆ “ใช่ครับ ผมเอง”โดยไม่มีการเต