ลี่เหยียนมองไปยังกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางเตียงหลังจากที่เธอกลับจากทำงาน เธอสงสัยว่าข้างในเป็นอะไร และใครเป็นคนส่งมาให้เธอ นี่ไม่ใช่วันเกิดเธอ และเธอก็ไม่ได้ซื้อของออนไลน์มาเป็นชาติแล้ว ลี่เหยียนยิ้มให้กับความกระหายใคร่รู้ของตัวเอง เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอกลับจากบ้านพ่อแม่และรับรู้ความจริงเรื่องพี่สาวตัวเอง มันเป็นสองอาทิตย์ที่เธอกลับมาใช้ชีวิตราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีใครโทรมาหาหรือสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่เธอกับจื่อหานจู่ ๆ ก็หายกันไปเลย
ลี่เหยียนยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะถามถึงเธอเลยว่าทำไมถึงกลับก่อน แต่เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าที่กู้หยุนเฟิงขาดการติดต่อเธอไปเลย เธอแอบคาดหวังว่าเย็นวันนั้นเขาจะมาหาเธอ แต่ก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าเขารู้รึยังว่าพี่เมิ่งฉีไม่ได้ท้องจริง แต่เธอมั่นใจว่าพี่เมิ่งฉีไม่มีทางบอกเขาหรอกเพราะคนอย่างพี่เมิ่งฉีเห็นแก่ตัวและไร้จิตสำนึกขนาดนั้น
ลี่เหยียนนั่งลงบนเตียงและเปิดกล่องปริศนาออกดูอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีลิ้นปลอมอยู่ชิ้นหนึ่งพร้อมกับโน้ตแปะอยู่ เธอจึงรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา
โทรหาผมนะลี่เหยียน ผมอยากคุ
“ใช่” เธอได้ยินเสียงหัวเราะรอดมาตามสาย“กู้หยุนเฟิง!” ลี่เหยียนเหลืออดกับความพิเรนทร์ของเขา “คุณ…”“ผมทำไม ผมแค่คิดว่าตอนที่คุณไม่มีลิ้นผมคุณจะได้มีตัวแทน”“อ้อ ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนประชด“ผมดีใจที่คุณโทรหาผม”“ฉันรู้เรื่องคุณกับพี่เมิ่งฉีแล้ว”“ครับ ผมยกเลิกเรื่องหมั้นกับการแต่งงาน”“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องต่าง ๆ และเรื่องที่พี่เมิ่งฉีโกหกคุณด้วย”“ผมยุติทั้งหมดก่อนที่ผมจะรู้ความจริงว่าเมิ่งฉีไม่ได้ท้อง อันที่จริงมันตั้งแต่คุณพาผู้ชายสองคนนั้นมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนแล้ว”“นั่นมันตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่คะ” ลี่เหยียนรู้สึกเสียใจที่เขาไม่โทรหาเธอเลย“ผมยอมรับว่าผมโกรธคุณ อาทิตย์นั้นผมต้องการคุยกับคุณ แต่คุณออกไปกับจื่อหานแล้วไม่กลับเข้ามาอีก”“ตอนนั้นฉันเสียใจนี่คะ แล้วก็อิจฉาพี่เมิ่งฉีด้วย”“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณถึงเสียใจและผิดหวังในตัวผม ผมทำตัวงี
สามเดือนถัดมาฉันรู้ว่าทุกคนสงสัยว่าตกลงฉันท้องรึเปล่า ฉันอยากบอกว่าฉันดีใจที่ฉันไม่ได้ท้อง แน่นอนว่าฉันอยากมีลูก แต่ฉันอยากให้พวกเขามาในเวลาที่ฉันพร้อม คือจนกว่าที่ฉันกับหยุนเฟิงจะแต่งงานกัน จนกว่าพวกเราจะรู้จักกันมากกว่านี้ ฉันยอมรับว่าเราสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอและมีอีกเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้ฟังคือทั้งหยุนเฟิงและฉันต่างโกหกด้วยกันทั้งคู่ฉันบอกเขาว่าลิ้นปลอมสู้ลิ้นเขาไม่ได้อย่างเทียบกันไม่ติด แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง มันให้ความรู้สึกแทบจะเหมือนที่เขาทำให้ฉันเลยทีเดียว บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันมักจะหลับตาจินตนาการว่าเป็นเขาที่กำลังทำให้ฉัน ฉันคิดว่าเขาจับได้ว่าฉันโกหกเพราะว่าจู่ ๆ ลิ้นปลอมก็หายไป พอฉันถามว่าเขาซื้อมันมาจากไหน เขาก็เฉไฉว่าจำไม่ได้ส่วนหยุนเฟิงเองก็โกหกเหมือนกัน เขาสัญญาว่างานแต่งถัดไปที่เราสองคนจะแอบมีเซ็กซ์กันคืองานแต่งของเรา แต่เราสองคนยังไม่มีแพลนที่จะแต่งงานกัน และเราได้ไปร่วมงานแต่งมาแล้วสองครั้ง ซึ่งเรามีเซ็กซ์กันในครั้งหลังสุด ฟังดูแล้วเราสองคนค่อนข้างโรคจิตที่แอบมีเซ็กซ์กันในงานแต่งชาวบ้าน แต่มันค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว แต่ว่าครั
ผู้ชายคนนี้ไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ ในบ้านของเธอ หรือเรียกให้ถูกว่าบ้านพ่อแม่ของเธอ เขาส่งยิ้มให้เธอและแกล้งเลียริมฝีปากอย่างจงใจ ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงคำคืนที่ทั้งคู่เคยมีร่วมกัน เป็นคืนบาปที่เธอไม่เคยลืมเธอกับเขา…วันไนต์สแตนด์…มันสมควรเป็นเพียงเรื่องสนุกที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ใช่การที่คู่นอนคืนเดียวจะมาโผล่ในบ้านของพ่อแม่ตัวเองแบบนี้ลี่เหยียนรู้สึกช็อกเมื่อเห็นผู้ชายวันไนต์ของเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเธอ ชายนหนุ่มดูท่าทางสบายราวกับว่าคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี ซ้ำร้ายยามที่ได้สบตากับเขา ประกายตายั่วเย้าเช่นนี้เตือนให้เธอนึกถึงคืนนั้น ช่วงเวลาที่เธอตัดสินใจที่จะมีอะไรกับเขา มันทั้งล่อลวง ลึกลับและมีเสน่ห์จนเธอมิอาจต้าน เธอยืนนิ่งค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนมองตรงมาที่เธอพร้อมส่งยิ้มกว้างให้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่มั่นใจจนน่าหมั่นไหส้“สวัสดีครับ ผมกู้หยุนเฟิงยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายื่นมือออกมาตรงหน้า“ฉันฉู่ลี่เหยียนค่ะ” เธอทักเขากลับเสียงเบาก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับกับเขา“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฉู่” เขาพูด แต่ดวงตาเขาแฝงประกายยั่วเย้าอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า“เราไม่เห็นจำเป็นต้องไปงานแต่งยัยซินอี้เลยนี่” ลี่เหยียนบอกจื่อหาน เพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ที่คอนโดร่วมกัน ตอนนี้ทั้งคู่แต่งตัวใกล้จะเสร็จแล้ว“ไปเหอะน่า เผื่อจะมีอะไรสนุก ๆ และเผื่อแกจะได้หาผู้ชายได้สักคน”“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยอ่า””ถ้าไม่ใช่โอกาสนี้แกจะไปหาผู้ชายมาให้เลือกได้จากไหน ก็รู้ ๆ อยู่ว่างานแต่งนี่แหล่งรวมผู้ชายเลยนะ”“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ายัยนั่นจะกล้าเชิญพวกเราด้วย ช่างกล้าหน้าด้านจริง ๆ”ลี่เหยียนเป็นห่วงความรู้สึกของจื่อหาน เพราะเธอ จื่อหาน และซินอี้เคยเป็นรูมเมทกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าบ่าวของซินอี้ก็คือแฟนเก่าของจื่อหาน ที่พอเลิกกับจื่อหานปุ๊บก็ไปควงกับซินอี้ทันที“ยัยนั่นกล้าเชิญ พวกเราก็กล้าไป” จื่อหานพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าทุกข์ ผิดกับลี่เหยียนที่เป็นเดือดเป็นแค้นแทน“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะทนได้แค่ไหนน่ะสิ” กลับกันลี่เหยียนเองเสียอีกที่รู้สึกโกรธเกรี้ยวแทนคนที่ถูกแย่งแฟนลี่เหยียนเรียกได้ว่าเป็นเด็กดีของพ่อแม่ในบรรดาพี่น้องสี่คน คือพี่ชายสองคนกับพี่สาวหนึ่งคน เธอเป็นลูกคนเล็กสุด บรรดาพี่น้องทั้งหมดไม่อาจได้เรียกว่าสร้างป
“เอ...ฉันจะชอบไอ้นั่นหรือลิ้นมากกว่ากันนะ” เธอเผลอพูดออกมา แต่พอเธอลืมตาขึ้น เธอเห็นว่าจื่อหานยืนนิ่งค้างไปแล้ว เธอเลยหันไปมองทางด้านขวามือตัวเองตามสายตาของเพื่อนสนิท ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มแสนเย่อหยิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้า!...ทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่งตกอยู่ในความเงียบงันดวงตาของลี่เหยียนสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่จ้องตรงมาที่เธอ เธอเห็นแววขบขันที่ฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ต้องยอมรับว่าชายตรงหน้าดูดีมากจริง ๆ แต่แล้วลี่เหยียก็แทบจะมุดหน้าดำดินหนี รู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด เมื่อนึกได้ว่าเพิ่งจะหลุดพูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึเปล่าถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บอาการแล้วจ้องชายหนุ่มกลับพร้อมกับลอบสำรวจเขาไปด้วย ริมฝีปากของเขาเป็นสีชมพูฉ่ำ สันกรามมีไรหนวดและเคราเล็กน้อย ทำให้เขาดูคมเข้มเซ็กซี่ แต่ลี่เหยียนดันไปจินตนาการว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากมันครูดไปกับผิวกายเธอ พอรู้ตัวว่าคิดเพ้อเจ้อลี่เหยียนก็หน้าร้อนแล้วอยากจะตบหน้าเตือนสติตัวเองสักฉาด“แล้วคุณตัดสินใจได้รึยัง” ชายตรงหน้าถามอย่างเนิบช้า เสียงทุ้มลึกของเขาช่างล่อลวงให้จินตนาการระเบิดไปไกล“ตัดสินใจอะไรคะ” ลี่เหยียนถามกลับทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
เฮือก!ลี่เหยียนสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงทุ้มนุ่มทว่าฟังแล้วเย้ายวนกระซิบชิดริมหู และมือใหญ่ได้เลื่อนจากเอวบางไปยังสะโพก“ตกลงคุณตัดสินใจได้รึยัง”เธอจำเสียงนี้ได้ในทันที หัวใจเธอกำลังเต้นเร็วแรง และตัดสินใจค่อย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง ไม่รู้ว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหน อาจเป็นเพราะเสน่ห์เกินห้ามใจของชายหนุ่ม ที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างโดยที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ“ต้องเป็นลิ้นสิคะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอจนริมฝีปากเขาแทบจะสัมผัสกับของเธอ“คุณรู้อะไรมั้ย มีคนเคยบอกว่าผมใช้ลิ้นเก่ง”“…”น้ำเสียงทุ้มล่อลวงของเขาทำให้ลี่เหยียนรู้สึกประหม่าเขาขยิบตาให้พร้อมกับฉวยข้อมือเธอให้เดินตามเขากลับไปยังห้องน้ำที่ปราศจากผู้คน ลี่เหยียนรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะโดนเสือขย้ำ มิหนำซ้ำยังเป็นเสือร้ายเสียด้วย แต่เธอมิอาจขัดขืนเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่เลือดในกายกำลังสูบฉีดไปด้วยความร้อนแห่งเปลวเพลิงปรารถนา ทุกสิ่งในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้นึกถึงเซ็กซ์ตลอดเวลา เธอหวั่นเกรง แต่ก็ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย คิดว่าหากพลาดโอกาสนี้ไปคงจะรู้สึกเสียดายมากกว่า“คุณเซ็กซี่มาก” เขากระ
“เสร็จให้ผมเด็กดี” เขากระซิบพร้อมกับเร่งจังหวะตวัดและแยงลิ้นเข้าออกความเสียวซ่านแทบขาดใจทำให้ลี่เหยียนกระหายรู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากได้มีเซ็กซ์กับเขาจริง ๆ ความเสียวซ่านดำเนินมาจนถึงขึดสุดเกินกว่าที่ลี่เหยียนจะรับมือไหว ในที่สุดเธอก็เสร็จให้เขาจริง ๆ เขาจูบปุ่มสวาทเธอ ใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำหวานที่เธอปลดปล่อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน“คุณหวานมาก” เขาบอกเธอด้วยความพอใจลี่เหยียนสบตาเขา ก่อนที่เธอจะจูบที่คอเขาแล้วดูดเม้ม“คุณกำลังจะทิ้งรอยบนคอผม” เขาเตือน“ฉันอยากฝากรอยไว้บนตัวคุณ” เธอบอกเขา แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะยั่วเขาแบบนี้“คุณได้ฝากรอยเอาไว้แล้ว” เขาบอกเสียงแหบพร่าพร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเอง “คุณให้ผมยิ่งกว่ารอยจูบเสียอีก”ลี่เหยียนหัวเราะ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยเธอกลับเลยเถิดไปกับเขาได้ขนาดนี้ แต่ลึก ๆ ในใจเธออยากเลยเถิดไปมากกว่านี้ เธอจึงเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดเขา เธอปลดมันออกอย่างง่ายดาย ตามมาด้วยกระดุมกางเกง แต่พอมาถึงซิปกลับเจอปัญหา“มันรูดไม่ลงค่ะ” เธอบอกแล้วเงยหน้ามองเขา เธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่“บางทีซิปมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าถ้าป
“นี่ห้องผมครับ”เสียงประตูที่ปิดลงด้านหลังราวกับเตือนให้ลี่เหยียนรู้ว่าเธอจะไม่ได้ออกจากห้องนี้อย่างน้อยก็คืนนี้ ก่อนหน้านี้เธอต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก เพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตเธอ แต่ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ให้กับข้อเสนอที่เย้ายวนใจของเขา ด้วยเหตุที่ว่าเธอจะเสียดายมากกว่าถ้าไม่ตอบรับ เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา ห้องนี้กว้างมากและตกแต่งอย่างสวยงาม“ห้องนี้สวยมาก และราคาคงแพงมากด้วย”“ครับ ห้องสวีทชั้นหนึ่ง” เขาพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ เดินตรงเข้าหาเธอ“เอ่อ…คุณจองห้องนี้ตัดหน้าคู่บ่าวสาวรึเปล่าคะ” เธอพยายามเค้นอารมณ์ขันออกมาในขณะที่รู้สึกว่าท้องไส้กำลังปั่นป่วนเขายิ้ม แต่เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาช่างแสนล่อลวง โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็ฉุดร่างเธอให้ปะทะเข้ากับเขา“เราควรจะหยุดคุยเรื่องไร้สาระ คุณว่ามั้ย” เขากระซิบชิดริมหู ลมหายใจร้อนที่ตกกระทำทำให้ลี่เหยียนขนลุกซู่“ฉัน…เอ่อ…”“ชู่ว์…อย่าเสียเวลาของเราอีกเลย”เขาเริ่มไซ้ซอกคอของเธอ กลิ่นกายสาวเร้าเลือดในกายหนุ่มให้ฉีดพล่าน“แต่ฉันยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของคุณ” ลี่เหยียนขืนตัวออกเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอ
สามเดือนถัดมาฉันรู้ว่าทุกคนสงสัยว่าตกลงฉันท้องรึเปล่า ฉันอยากบอกว่าฉันดีใจที่ฉันไม่ได้ท้อง แน่นอนว่าฉันอยากมีลูก แต่ฉันอยากให้พวกเขามาในเวลาที่ฉันพร้อม คือจนกว่าที่ฉันกับหยุนเฟิงจะแต่งงานกัน จนกว่าพวกเราจะรู้จักกันมากกว่านี้ ฉันยอมรับว่าเราสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอและมีอีกเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้ฟังคือทั้งหยุนเฟิงและฉันต่างโกหกด้วยกันทั้งคู่ฉันบอกเขาว่าลิ้นปลอมสู้ลิ้นเขาไม่ได้อย่างเทียบกันไม่ติด แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง มันให้ความรู้สึกแทบจะเหมือนที่เขาทำให้ฉันเลยทีเดียว บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันมักจะหลับตาจินตนาการว่าเป็นเขาที่กำลังทำให้ฉัน ฉันคิดว่าเขาจับได้ว่าฉันโกหกเพราะว่าจู่ ๆ ลิ้นปลอมก็หายไป พอฉันถามว่าเขาซื้อมันมาจากไหน เขาก็เฉไฉว่าจำไม่ได้ส่วนหยุนเฟิงเองก็โกหกเหมือนกัน เขาสัญญาว่างานแต่งถัดไปที่เราสองคนจะแอบมีเซ็กซ์กันคืองานแต่งของเรา แต่เราสองคนยังไม่มีแพลนที่จะแต่งงานกัน และเราได้ไปร่วมงานแต่งมาแล้วสองครั้ง ซึ่งเรามีเซ็กซ์กันในครั้งหลังสุด ฟังดูแล้วเราสองคนค่อนข้างโรคจิตที่แอบมีเซ็กซ์กันในงานแต่งชาวบ้าน แต่มันค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว แต่ว่าครั
“ใช่” เธอได้ยินเสียงหัวเราะรอดมาตามสาย“กู้หยุนเฟิง!” ลี่เหยียนเหลืออดกับความพิเรนทร์ของเขา “คุณ…”“ผมทำไม ผมแค่คิดว่าตอนที่คุณไม่มีลิ้นผมคุณจะได้มีตัวแทน”“อ้อ ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนประชด“ผมดีใจที่คุณโทรหาผม”“ฉันรู้เรื่องคุณกับพี่เมิ่งฉีแล้ว”“ครับ ผมยกเลิกเรื่องหมั้นกับการแต่งงาน”“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องต่าง ๆ และเรื่องที่พี่เมิ่งฉีโกหกคุณด้วย”“ผมยุติทั้งหมดก่อนที่ผมจะรู้ความจริงว่าเมิ่งฉีไม่ได้ท้อง อันที่จริงมันตั้งแต่คุณพาผู้ชายสองคนนั้นมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนแล้ว”“นั่นมันตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่คะ” ลี่เหยียนรู้สึกเสียใจที่เขาไม่โทรหาเธอเลย“ผมยอมรับว่าผมโกรธคุณ อาทิตย์นั้นผมต้องการคุยกับคุณ แต่คุณออกไปกับจื่อหานแล้วไม่กลับเข้ามาอีก”“ตอนนั้นฉันเสียใจนี่คะ แล้วก็อิจฉาพี่เมิ่งฉีด้วย”“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณถึงเสียใจและผิดหวังในตัวผม ผมทำตัวงี
ลี่เหยียนมองไปยังกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางเตียงหลังจากที่เธอกลับจากทำงาน เธอสงสัยว่าข้างในเป็นอะไร และใครเป็นคนส่งมาให้เธอ นี่ไม่ใช่วันเกิดเธอ และเธอก็ไม่ได้ซื้อของออนไลน์มาเป็นชาติแล้ว ลี่เหยียนยิ้มให้กับความกระหายใคร่รู้ของตัวเอง เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอกลับจากบ้านพ่อแม่และรับรู้ความจริงเรื่องพี่สาวตัวเอง มันเป็นสองอาทิตย์ที่เธอกลับมาใช้ชีวิตราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีใครโทรมาหาหรือสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่เธอกับจื่อหานจู่ ๆ ก็หายกันไปเลยลี่เหยียนยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะถามถึงเธอเลยว่าทำไมถึงกลับก่อน แต่เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าที่กู้หยุนเฟิงขาดการติดต่อเธอไปเลย เธอแอบคาดหวังว่าเย็นวันนั้นเขาจะมาหาเธอ แต่ก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าเขารู้รึยังว่าพี่เมิ่งฉีไม่ได้ท้องจริง แต่เธอมั่นใจว่าพี่เมิ่งฉีไม่มีทางบอกเขาหรอกเพราะคนอย่างพี่เมิ่งฉีเห็นแก่ตัวและไร้จิตสำนึกขนาดนั้นลี่เหยียนนั่งลงบนเตียงและเปิดกล่องปริศนาออกดูอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีลิ้นปลอมอยู่ชิ้นหนึ่งพร้อมกับโน้ตแปะอยู่ เธอจึงรู้ว่าใครเป็นคนส่งมาโทรหาผมนะลี่เหยียน ผมอยากคุ
“ฉันชอบการชอปปิ้งบำบัดที่สุด” ลี่เหยียนพูดขณะเดินข้าไปในร้านอาหารกึ่งบาร์“ฉันก็เหมือนกันแม้เงินในกระเป๋าฉันจะไม่เอื้อเท่าไหร่”“ฉันเองก็แกลบพอกับเธอนั่นแหละจื่อหาน แต่วันนี้ขอปลดปล่อยสักวันละกัน”“ถูก”ลี่เหยียนและจื่อหานสั่งของว่างมากินคู่กับไวน์ ระหว่างที่รอจื่อหานได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง“โลกกลมฉิบ” จื่อหานสบถ“อะไร”“เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าฉันเห็นใคร”“ใคร อย่าบอกนะว่าพี่เมิ่งฉีกับกู้หยุนเฟิง”“เธอทายถูกครึ่งนึง พี่เมิ่งฉีมากับเพื่อนสักครึ่งโหล”“เออดี” ลี่เหยียนกลอกตาแล้วหันหลังไปมองบ้าง“ลี่เหยียน ฉันว่าพี่เมิ่งฉีกำลังดื่มไวน์ คนท้องดื่มไวน์ได้เหรอ” จื่อหานสังเกต“บ้า พี่เมิ่งฉีดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้! ทำไมพี่เมิ่งฉีถึงเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้” ลี่เหยียนพูดและลุกขึ้นยืน“ลี่เหยียนนั่นเธอจะไปไหน”“ก็จะไปหาพี่เมิ่งฉีไง”
ลี่เหยียนกับจื่อหานมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านของพ่อแม่“ขอบใจนะจื่อหานที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนฉันทั้งที่เธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้” ลี่เหยียนยิ้มอ่อนให้จื่อหาน“ไม่เป็นไร ฉันตั้งใจมาเป็นกองหนุนให้เธออยู่แล้วลี่เหยียน อีกอย่างเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงจะพูดอะไร แต่เรามาที่นี่เพราะพ่อแม่ขอร้องให้มาต่างหาก เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นโดยเฉพาะพี่เมิ่งฉี”“อืม ยังไงก็ขอบใจแก”ลี่เหยียนเปิดประตู แล้วเธอกับจื่อหานจึงค่อยเดินเข้าไปในบ้าน ที่ห้องรับแขกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งกู้หยุนเฟิงกับกู้เทียนอี้ด้วย ลี่เหยียนปั้นยิ้ม เธอตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวโง่งมอย่างเช่นแสดงให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอแคร์ที่เขาไม่โทรหาเธอเลยตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว เขาจะตัดสินใจยังไงหรือจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาลืมเธอได้ง่ายขนาดนั้น เธอก็ต้องทำได้เช่นกัน“ลี่เหยียน จื่อหาน” เฮ่าหรานกระโดดเข้าหาน้องสาวแล้วสวมกอด จากนั้นเขาหันไปหาจื่อหานและกอดเธอเช่นกัน ลี่เหยียนเห็นสายตาเย็นชาของพี่ชายคนโตที่
“เธอคิดว่าเจ๋อชวนเป็นพ่อเด็กเหรอลี่เหยียน!”จื่อหานอ้าปากค้างขณะนั่งกินข้าวในร้านอาหารกับลี่เหยียน“ฉันเดาว่างั้นนะ เพราะพอฉันถามถึงเจ๋อชวนเขาก็มีท่าทางแปลก ๆ ทุกครั้ง”“ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่คิดเลยว่าเจ๋อชวนจะเลวได้ขนาดนี้ ฉันสงสัยว่าเจ๋อชวนกับพี่เมิ่งฉีจะเป็นชู้กันตอนที่เขากำลังคงกับฉันด้วยรึเปล่า”“ฉันไม่สงสัยเลยถ้างั้น”“แต่ที่ฉันสงสัยมากกว่าคือทำไมกู้หยุนเฟิงถึงยังจะแต่งงานกับพี่เมิ่งฉีอีกในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก”“ฉันเดาว่าเขากับเจ๋อชวนคงช่วยเหลือกัน”“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่” จื่อหานตั้งข้อสังเกต“ใช่ หลาย ๆ อย่างมันไม่สมเหตุสมผลเลย”“ลี่เหยียน ลี่เหยียน!” จู่ ๆ จื่อหานก็เรียกด้วยสีหน้าแตกตื่น“อะไรจื่อหาน”“พี่เมิ่งฉี! พี่เมิ่งฉีกับกู้เทียนอี้กำลังเดินเข้ามา”“หา! ลี่เหยียนหันหลังไปมองที่ประตูทางเข้า เธอตะลึงเมื่อเห็นว่าพี่สาวตนเองกำล
“กู้ดมอร์นิ่งลี่เหยียน” เสียงทุ้มอบอุ่นดังขึ้นทันทีที่ลี่เหยียนลืมตา“มอร์นิ่งค่ะ” ลี่เหยียนขยี้ตาแล้วมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “หา! พวกเรานอนหลับกันตั้งแต่เมื่อวานเย็นเลยเหรอเนี่ย!”“คุณคงจะเหนื่อย” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ“คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” ลี่เหยียนมองหน้าเขา“ไม่จนถึงตอนดึก”“แล้วคุณทำอะไรคะ”“มองคุณ” เขาตอบแล้วหัวเราะ “คุณคงไม่คิดว่าผมโรคจิตใช่มั้ย”“อืม…ฟังดูแล้วก็โรคจิตหน่อย ๆ คุณว่ามั้ย” ลี่เหยียนหัวเราะชายหนุ่มทำให้หัวใจลี่เหยียนหวั่นไหวอีกด้วยการโน้มหน้าลงมาจูบเธอ เขาจูบเธอลึกซึ้งขึ้นและสอดมือเข้าไปในผมเธอ“ผมไม่ใช่โรคจิต สาบานได้”“ฉันจะพยายามเชื่อค่ะ” ลี่เหยียนหัวเราะ และพอนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็หน้าแดงเล็กน้อย “แต่คุณจูบก้นฉันเมื่อวาน”“รู้สึกว่าผมทำมากกว่านั้นนะ” ว่าแล้วก็ไต่นิ้วจากหน้าท้องเธอลงไปจนถึงหว่างขา“
กู้หยุนเฟิงลุกออกจากตัวเธอเพื่อถอดเสื้อผ้าตัวเอง ลี่เหยียนหายใจติดขัดลำคอแห้งผากเมื่อเห็นความเป็นชายอันใหญ่โตดีดผึงออกมา“คุณกำลังจะ…” ลี่เหยียนจะเริ่มพูดแต่ถูกฟาดที่บั้นท้ายเบา ๆ“ชู่ว์!” เขาหยุดเธออีกครั้ง ทั้งยังยิ้มเจ้าเล่ห์”ทีนี้คุณก็นอนลง หลับตา แล้วอ้าขาออก” เขาสั่ง“คะ?” ลี่เหยียนงุนงง แต่รู้สึกตื่นเต้นไปกับคำสั่งเขา“อย่าถามมาก แค่ทำตามที่ผมบอก” พูดจบเขาก็ฟาดก้นเธออีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วไล้ไปตามความเป็นหญิงและแกล้งสะกิดติ่งสวาทเธอเล่น“อา…” ลี่เหยียนครางและอ้าขาออกให้เขา“เด็กดี” ชายหนุ่มคำรามขณะที่ก้มหน้าลงกัดลงที่ก้นเธอเบา ๆ“คุณจะทำอะไรคะ” ลี่เหยียนร้องถาม เสียงของเธอสั่นพร่าขณะที่รู้สึกว่าลิ้นเขากำลังเลียที่รอยแยกด้านหลัง“ห้ามถาม” เขาตีก้นและถูร่องสวาทเปียกชุ่มของเธอ“อื้อ” ลี่เหยียนร้อง ตอนนี้ร่างกายเธอตื่นตัวสุด ๆ“คุณหัวไวนะลี่เหย
“ดูหนังกันมั้ยจื่อหาน”ลี่เหยียนเดินออกจากห้องหลังจากสี่ชั่วโมงผ่านไป การแช่น้ำร้อนและได้นอนเต็มอิ่มทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้น“คุณอยากดูเรื่องอะไร”ลี่เหยียนเห็นกู้หยุนเฟิงนั่งอยู่กับจื่อหานในห้องนั่งเล่น เขากำลังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอ“คุณ! ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่อีก!”“ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่า” จื่อหานลุกขึ้นยืน ตั้งท่าว่าจะกลับห้องตัวเอง“เดี๋ยวก่อนสิจื่อหาน” ลี่เหยียนมองหน้าจื่อหาน รู้สึกเสียใจที่เพื่อนนั่งคุยกับชายหนุ่มทั้งที่รู้ว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง“ลองคุยกับเขาดูลี่เหยียน ฉันคิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด” จื่อหานตบไหล่เพื่อนขณะที่เดินออกไปลี่เหยียนค้อนเพื่อน แล้วค่อยหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม“ฉันคิดว่าฉันบอกให้คุณกลับไปนี่”“ทำไมผมไม่ได้ยินนะ” กู้หยุนเฟิงตบที่นั่งข้างตัวเป็นสัญญาณให้หญิงสาวมานั่ง“คุณต้องการอะไรกันแน่กู้หยุนเฟิง” ลี่เหยียนรู้สึกว่าความดันตัวเองกำลังขึ้นสูง“ผม