“เสร็จให้ผมเด็กดี” เขากระซิบพร้อมกับเร่งจังหวะตวัดและแยงลิ้นเข้าออก
ความเสียวซ่านแทบขาดใจทำให้ลี่เหยียนกระหายรู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากได้มีเซ็กซ์กับเขาจริง ๆ ความเสียวซ่านดำเนินมาจนถึงขึดสุดเกินกว่าที่ลี่เหยียนจะรับมือไหว ในที่สุดเธอก็เสร็จให้เขาจริง ๆ เขาจูบปุ่มสวาทเธอ ใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำหวานที่เธอปลดปล่อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“คุณหวานมาก” เขาบอกเธอด้วยความพอใจ
ลี่เหยียนสบตาเขา ก่อนที่เธอจะจูบที่คอเขาแล้วดูดเม้ม
“คุณกำลังจะทิ้งรอยบนคอผม” เขาเตือน
“ฉันอยากฝากรอยไว้บนตัวคุณ” เธอบอกเขา แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะยั่วเขาแบบนี้
“คุณได้ฝากรอยเอาไว้แล้ว” เขาบอกเสียงแหบพร่าพร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเอง “คุณให้ผมยิ่งกว่ารอยจูบเสียอีก”
ลี่เหยียนหัวเราะ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยเธอกลับเลยเถิดไปกับเขาได้ขนาดนี้ แต่ลึก ๆ ในใจเธออยากเลยเถิดไปมากกว่านี้ เธอจึงเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดเขา เธอปลดมันออกอย่างง่ายดาย ตามมาด้วยกระดุมกางเกง แต่พอมาถึงซิปกลับเจอปัญหา
“มันรูดไม่ลงค่ะ” เธอบอกแล้วเงยหน้ามองเขา เธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่
“บางทีซิปมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าถ้าปลดมันออกเราสองคนจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างน้อย ๆ ก็สองชั่วโมง”
ลี่เหยียนรู้สึกเขินอายจึงละมือออกมา เธอรีบจัดการแต่งตัวเองให้เรียบร้อย
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหลังงานเลิกเราจะไปต่อกันไม่ได้”
“หลังงานเลิกเหรอคะ”
ลี่เหยียนหยุดชะงัก เธอเข้าใจความหมายของเขา และมันจะไม่ใช่เพียงแค่ปากและลิ้นเท่านั้น ในใจเธอกำลังตื่นเต้นและลังเล เธอจะยอมมีอะไรกับคนแปลกหน้าจริง ๆ หรือ ไหนว่าจะไม่มีวันขึ้นเตียงกับเขาอย่างไรล่ะ
“ใช่ หลังงานเลิก” น้ำเสียงเขาทุ้มนุ่ม แล้วเอ่ยต่ออย่างเนิบช้า “คุณ ผม ในห้องของโรงแรมที่มีแชมเปญ สตรอว์เบอร์รี่ เตียง” เขาหยุดแล้วจ้องตาเธอ “ผมคิดว่าคุณน่าจะเดาได้ว่าต่อไปคืออะไร”
“ฮอตด็อก” เธอพูดติดตลกและเขาหัวเราเบา ๆ
“โอเค ฮอตด็อก” เขาว่า ดึงเธอเข้าหาตัวแล้วจูบปากเธอ มือของเขาลูบผมของเธอไปด้วย
“เราควรจะกลับเข้าไปในงานได้แล้ว”
“ค่ะ”
“คุณออกไปก่อน แล้วผมค่อยออกไป”
ลี่เหยียนเห็นด้วย เธอสำรวจความเรียบร้อยตัวเองอีกครั้ง เงี่ยหูฟังเสียงด้านนอกก่อนจะรีบออกไป เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอได้ทำอะไรลงไป ประสบการณ์ครั้งแรกกับผู้ชายของเธอ และหลังงานเลิกเธอจะยอมไปต่อกับเขาจริง ๆ หรือ
“หายไปเสียนานเลยลี่เหยียน ไปตามผู้ชายคนนั้นอยู่รึไง” จื่อหานหยอกเมื่อเพื่อนกลับมาถึง
“เปล่า”
ลี่เหยียนนั่งลงข้างจื่อหาน ในใจรู้สึกเหมือนคนที่ไปทำความผิดมา เธอรู้ว่าลิปสติกเลือนหายไปและผมเธอก็ดูยุ่งทั้งที่เธอพยายามจัดแต่งให้ดูเข้าที่ที่สุดแล้ว
“เดี๋ยวนะ อย่ามาโกหก นี่แกไปทำอะไรกับใครมาใช่มั้ย หรือว่า…ผู้ชายคนนั้น” เพื่อนตาดีสังเกตเห็น ตอนแรกสีหน้าดูตกใจ แล้วก็เปลี่ยนเป็นแววตาล้อเลียน
“บ้า! ไม่ใช่!” ลี่เหยียนปฏิเสธแต่ไม่ค่อยจะเต็มเสียง
“ฮ่า ๆ ๆ แกมันร้ายไม่เบา แล้วเป็นไง แซ่บแบบที่เห็นมั้ย” จื่อหานหัวเราะชอบใจ และปักใจเชื่อไปแล้ว ส่วนลี่เหยียนก็ขี้คร้านจะปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าเปลี่ยนความคิดของเพื่อนไม่ได้ และอีกทั้งคืนนี้อย่างไรเธอกับเขาก็คงจะ…
“ฉันยังไม่ได้มีอะไรกับเขา”
“งั้นแค่วอร์มอัปทำความรู้จักกันก่อนงั้นสิ” เพื่อนสนิทรู้ทันตลอด
“แกนี่…”
“แล้วตกลงเขาชื่ออะไร”
“ฉันไม่รู้” ลี่เหยียนพ่นลมหายใจออกมา
“อ้าว! ตกลงแกกับผู้ชายคนนั้นมันยังไงกันแน่” น้ำเสียงจื่อหานผิดหวังนิดหน่อย
“ก็ไม่ยังไง” ลี่เหยียนตอบด้วยใบหน้าเฉยชา แล้วเปลี่ยนเป็นหน้าแดง “แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร” จื่อหานคาดคั้นด้วยความอยากรู้
“ลิ้นเขาดุมาก” ลี่เหยียนตอบเสียงเบาหวิวด้วยความเขินเมื่อนึกถึงวิธีการใช้ลิ้นของเขา
“หา! แกเสร็จด้วยลิ้นของเขาเหรอ” จื่อหานอุทานด้วยความตกใจด้วยเสียงที่ไม่เบานักเพราะเธอไม่คาดคิดว่าเพื่อนสาวที่แสนบริสุทธิ์ของเธอจะไปถึงขั้นนั้น ตอนแรกที่แกล้งแหย่ก็คิดว่าคงแค่ขั้นจูบเท่านั้น
“ไม่พูดกับแกแล้ว”
ลี่เหยียนรีบเอามือตะครุบปากเพื่อน แต่ก็สายไปเสียแล้ว เธอมองไปรอบ ๆ แล้วสะดุดกับสายตาคมที่จ้องมองมา ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มน้อย ๆ ในดวงตามีประกายยั่วเย้าล้อเลียน เธออยากจะคิดในทางบวก แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย เขาต้องได้ยินที่จื่อหานพูดแน่ ๆ
“นี่ห้องผมครับ”เสียงประตูที่ปิดลงด้านหลังราวกับเตือนให้ลี่เหยียนรู้ว่าเธอจะไม่ได้ออกจากห้องนี้อย่างน้อยก็คืนนี้ ก่อนหน้านี้เธอต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก เพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตเธอ แต่ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ให้กับข้อเสนอที่เย้ายวนใจของเขา ด้วยเหตุที่ว่าเธอจะเสียดายมากกว่าถ้าไม่ตอบรับ เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา ห้องนี้กว้างมากและตกแต่งอย่างสวยงาม“ห้องนี้สวยมาก และราคาคงแพงมากด้วย”“ครับ ห้องสวีทชั้นหนึ่ง” เขาพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ เดินตรงเข้าหาเธอ“เอ่อ…คุณจองห้องนี้ตัดหน้าคู่บ่าวสาวรึเปล่าคะ” เธอพยายามเค้นอารมณ์ขันออกมาในขณะที่รู้สึกว่าท้องไส้กำลังปั่นป่วนเขายิ้ม แต่เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาช่างแสนล่อลวง โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็ฉุดร่างเธอให้ปะทะเข้ากับเขา“เราควรจะหยุดคุยเรื่องไร้สาระ คุณว่ามั้ย” เขากระซิบชิดริมหู ลมหายใจร้อนที่ตกกระทำทำให้ลี่เหยียนขนลุกซู่“ฉัน…เอ่อ…”“ชู่ว์…อย่าเสียเวลาของเราอีกเลย”เขาเริ่มไซ้ซอกคอของเธอ กลิ่นกายสาวเร้าเลือดในกายหนุ่มให้ฉีดพล่าน“แต่ฉันยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของคุณ” ลี่เหยียนขืนตัวออกเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอ
ชายหนุ่มไล้นิ้วมาถึงริมฝีปากแล้วสอดนิ้วเข้าไปในปากเธอ เธอตกใจแต่ก็ดูดนิ้วเขาเบา ๆ ดวงตาของเขาเข้มข้นไปด้วยความปรารถนา เขาค่อย ๆ ชักนิ้วออกจากปากเธอแล้วจุ่มมันลงไปในแก้วแชมเปญก่อนที่จะใส่มันเข้าปากเธออีกครั้ง เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลย เธอดูดนิ้วเขาแรงขึ้น ใช้ลิ้นเลียรสชาติของแชมเปญที่ติดอยู่บนนิ้วเขาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปยามเมื่อเธอขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น ท่าทางของเขาทำให้ลี่เหยียนใจกล้า เธอลองวางมือลงบนหน้าขาของเขา แล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปตรงกลางลำตัว ขณะเดียวกันเธอก็ยังไม่หยุดดูดเลียนิ้วมือแกร่ง เธอรู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์ขั้นสุด นั่นทำให้เธอรู้สึกมีกำลังใจที่รู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อผู้ชายที่เรียกได้ว่าไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ลี่เหยียนตัดสินใจเดินหน้า ไม่สนใจแล้วว่าครั้งแรกของเธอจะเป็นแค่วันไนต์สแตนด์ เป็นแค่เซ็กซ์ที่ไม่มีความผูกพัน เธอมั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำให้เธอมีประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดอย่างไม่เคยลืมแน่นอน“คุณกำลังยั่วผมอยู่นะ” เขาเตือนเสียงแหบพร่า ดึงนิ้วออกจากปากเธอ แล้ววางมือลงบนหน้าอกเธอแทน เขาขยำมันเบา ๆ ก่อนที่จะออกคำสั่ง “ยืนขึ้น แล้วถอดเสื้อผ้าออก”ลี่เหยียนชะงักไปกับความเปลี่ยนแ
“แล้วคุณรออะไรอยู่ล่ะคะ” เธอหัวเราะยั่วเขา แล้วเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้น เฮ่าหรานตรงไปยังเตียงนอน“ผมพร้อมตั้งนานแล้วคุณก็รู้”เขาวางเธอลงบนเตียง โน้มตัวลงมาถอดชุดเธอออก นัยน์ตาเขาคล้ายมีประกายไฟดวงย่อม ๆ ขณะที่จ้องมองร่างเปลือยเปล่าของเธอ“ไม่สวมแพนตี้ คุณมันดาวยั่ว”เขาดึงเนคไทออกและเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเอง“หก” ลี่เหยียนพึมพำกับตัวเองแล้วแอบยิ้ม“อะไรครับ” เขาหันมาหาเธอขณะที่กำลังปลดเข็มขัด“คุณมีลอนหน้าท้องหกลอน ตอนแรกฉันคิดว่าคุณอาจจะมีถึงแปด” เธอชี้ไปที่หน้าท้องหนั่นแน่นของเขา“มันเป็นปัญหากับคุณเหรอ” เขานั่งลงบนเตียงข้างเธอ ดึงมือของเธอให้ลูบไปทั่วแผงอกและหน้าท้องของตัวเอง“อืม…ขอฉันคิดดูก่อนละกัน” ปากตอบออกไป แต่ใจเต้นระรัว ถึงอย่างนั้นเธอกลับชอบและไล่นิ้วไปทั่วแผ่นอกเขาอย่างสำรวจตรวจตรา เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากผิวกายชายหนุ่ม เป็นความร้อนเร่าที่กำลังจะกลืนกินเธออยู่ในขณะนี้“ไม่ต้องคิดนานหรอก” เขาครางเสียงต่ำและถอดกางเกงโยนออกไปบนพื้นตอนนี้เขาขยับตัวขึ้นมานอนด้านข้างเธอ บนตัวเขาเหลือแต่กางเกงในสีขาวเท่านั้น และลี่เหยียนไม่แน่ใจว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน แม้จะเวอร์จิ้น
“ทำต่อสิคะ” ลี่เหยียนเร่งเร้า เกรงว่าเขาจะปล่อยให้เธอค้างเติ่งกลางทาง ถ้าไม่อย่างนั้นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอจากที่วิเศษสุดจะกลายเป็นห่วยแตกบรมจนยากจะลืม“คุณมันร้าย” เขาคาดโทษเธอไม่จริงจังนักแล้วดันตัวตนเข้าไปในช่องทางที่แสนคับแคบแถมยังตอดรัดอยู่ตลอดเวลา“อ๊ะ”“ผมจะพยายามนุ่มนวลกับคุณให้มากที่สุด”เขาต้องพยายามอย่างมากในการทำตามที่พูด เพราะความจริงแล้วเขาอยากร่วมรักกับเธอให้สุดเหวี่ยง การเคลื่อนตัวของเขาไปได้ช้ามากทั้งยังถูกบีบรัดจนเขารวดร้าวไปทั้งตัว แต่พอเห็นหญิงสาวใต้ร่างกัดปากข่มกลั้นความเจ็บก็นึกเห็นใจ พอเขาขยับตัวเข้าไปชนกับทางตันเขาก็หยุดเอาไว้ ก้มลงจูบซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเธอ ความพยายามของเธอในการเปิดรับตัวตนอันใหญ่โตของเขาทำให้เธอดูเซ็กซี่และเร่าร้อน“ผมขอโทษนะ แล้วผมจะชดเชยให้หลังจากนี้” เขาบอกแล้วจูบปากเธอ ก่อนที่จะผลักดันตัวตนเข้าไปโดยแรงจนสุด“โอ๊ย…” ลี่เหยียนสะดุ้ง ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกถึงอวัยวะเบื้องล่างที่ฉีกขาด ความรัญจวนก่อนหน้าหายไปสิ้น“ฉันเจ็บ” เธอโอดครวญน้ำตาเล็ด“ผมรู้” เขายกมือลูบผมเพื่อปลอบเธอเขายังแช่ตัวตนไว้นิ่ง รอให้เธอปรับตัวสักพัก ป
“มันน่ารำคาญมากที่ฉันต้องกลับบ้านเพราะลูกสาวคนเก่งของพ่อแม่กลับบ้าน”ลี่เหยียนตะโกนใส่โทรศัพท์ขณะที่กำลังขับรถไปยังบ้านพ่อแม่ตัวเองเพราะพ่อแม่โทรเรียกเธอไปหาเนื่องจากพี่สาวของเธอกลับบ้าน“ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ฉันจะต้องกลับไปเลย” เธอบ่นต่อ“ฮ่า ๆ พวกท่านคงคิดถึงแกมั้ง หรือไม่ก็พวกท่านอาจมีหนุ่มหล่อมาแนะนำเธอก็ได้” จื่อหานหัวเราะ“ไม่มีทาง” ลี่เหยียนปฏิเสธทันควัน พลันนึกไปถึงวันไนต์ของเธอ“น่าเสียดายพี่ลิ้นดุของเธอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเขา” เพื่อนสาวเอ่ยถึงฉายาที่พวกเธอตั้งให้กับผู้ชายวันไนต์ของลี่เหยียน ทั้งสองคนสนิทกันมาก ไม่เคยมีความลับอะไรต่อกัน ดังนั้นประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรกของลี่เหยียนจึงถูกถ่ายทอดให้จื่อหานฟัง“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างมันก็แค่วันไนต์ซึ่งฉันกับเขาตกลงกันไว้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก”“แต่ฉันมั่นใจว่าหากเธออยู่ต่อมันจะต้องมีคืนที่สองแน่”“ฉันดีใจที่ฉันตัดสินใจกลับก่อนที่เขาจะตื่นแล้วได้พูดอะไรที่จะทำให้ฉันดูเป็นพวกสิ้นราคา”“ฉันคิดว่าเขาจะกินเธอต
“ฉัน…” ลี่เหยียนรู้สึกพูดติดขัดเมื่อจ้องตากับเขา เธอเหมือนว่ากำลังจะเป็นลมและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน“ลี่เหยียน เธอเจอหยุนเฟิงแล้วเหรอ” เสียงของพี่สาวเธอดังขึ้น จากนั้นเจ้าตัวก็เดินฉีกยิ้มเข้ามา“ค่ะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบแล้วสายตาเธอก็เห็นผู้ชายอีกคน ที่หน้าละม้ายคล้ายกับกู้หยุนเฟิงเดินเข้ามา“นี่เทียนอี้เป็นน้องชายของหยุนเฟิง” พี่สาวแนะนำ เขาดูหล่อและค่อนข้างอ่อนโยนกว่าพี่ชาย“สวัสดีค่ะ” ลี่เหยียนยิ้มให้ชายหนุ่ม แล้วก็มองกลับไปที่พี่สาวตัวเอง “พี่เมิ่งฉี ฉันขอถามอะไรหน่อยนะ สรุปว่าพวกเขาสองคนมาทำอะไรกัน”“พ่อกับแม่ไม่ได้บอกเธอเหรอ” เมิ่งฉีถามด้วยความสงสัย แล้วหันไปมองหน้าพ่อที่ตอนนี้คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว“พอดีเพื่อนพ่อโทรมาน่ะ” พ่อตอบ“อ๋อ ค่ะ ถ้างั้นหนูขอบอกเองละกันนะคะ” เมิ่งฉีพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมามองหน้าน้องสาว“พี่กำลังจะแต่งงาน” เธอบอกพร้อมกับโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย“ดีใจด้วยค่ะพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนสวมกอดพี่สาว แล้วหันไปหากู้เทียนอี้ “ดีใจกับคุณด้วยเช่นกันค่ะ ขอต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา”“ไม่ใช่ครับ คุณแสดงความ
ก๊อก ๆ ๆลี่เหยียนไม่สนใจเสียงเคาะประตูด้านนอก ต้องเป็นใครสักคนในบ้าน แต่เธอไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น ตอนนี้เธอต้องการคุยกับจื่อหานอย่างด่วน เธออยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง เธอเชื่อว่าจื่อหานจะแนะนำเธอได้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไป จะแก้ปัญหานี้อย่างไร แต่ลี่เหยียนรู้ดีว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดวิธีเดียวก็คือการอยู่เฉย ๆ เธอจะต้องแสร้งทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกับกู้หยุนเฟิงมาก่อนก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะประตูดังหนักขึ้น“ใครคะ” เธอถามออกไป รู้สึกงุ่นง่านเพราะเกรงว่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุด“ผมเอง” เสียงทุ้มตอบกลับ “ขอผมเข้าไปได้มั้ย”บ้าไปแล้ว! เขากำลังจะแอบย่องเข้าห้องน้องว่าที่เจ้าสาวกลางดึกเนี่ยนะ“ลี่เหยียน” เขาเรียกอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ“คะ” เธอเดินไปที่ประตู ตอบเขาเสียงเบาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน“เปิดประตูให้ผมหน่อย”“คุณมีอะไร” เธอถามเขา เสียงเธอติดสั่นหวาดหวั่น เธอกลัวใจตัวเอง เธอไม่ไว้ใจตัวเองที่จะอยู่ในห้
ก๊อก ๆ ๆ“ลี่เหยียนขอพี่เข้าไปได้มั้ย” เสียงของพี่สาวดังอยู่หน้าห้องลี่เหยียนตกใจ มองหน้าคนตัวโตสลับกับประตู“แป๊บนึงนะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบกลับแล้วดึงมือชายหนุ่มให้นั่งลงกับพื้น“คุณไปหลบที่ใต้เตียง” เธอสั่งเสียงกระซิบ “เดี๋ยวนี้!”“โอเค” เขาตอบแล้วยอมคลานเข้าไปใต้เตียงเธอแต่โดยดี“ลี่เหยียน พี่เข้าไปได้ยัง” เสียงพี่สาวดังขึ้นอีกครั้ง“กำลังมาแล้วค่ะ” เธอตอบกลับไป พลางสำรวจดูว่าชายหนุ่มหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิดแล้วจึงค่อยเดินไปเปิดประตู“พี่เมิ่งฉีมีอะไรรึเปล่า”“ขอพี่เข้าไปหน่อยได้มั้ย”พี่สาวของเธอดูลังเล ลี่เหยียนเลยมองด้วยความสงสัย เพราะพี่สาวเธอเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตลอด พี่สาวเธอเป็นคนสวย เก่ง เต็มไปด้วยความมั่นใจ และอยากได้อะไรก็ต้องได้ เป็นคนประเภทเดียวกับกู้หยุนเฟิง“ค่ะ”เมื่อประตูห้องปิดลงพี่สาวเธอจึงตั้งคำถาม“ลี่เหยียนเธอคิดยังไงกับหยุนเฟิง”“คะ?”“พี่แค่อยากถามความเห็นของเธอเพราะว่าเธอมองคนเก่ง”ลี่เหยียนจ้องพี่สาวอย่างตะลึง แปลกใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สาวคิ
สามเดือนถัดมาฉันรู้ว่าทุกคนสงสัยว่าตกลงฉันท้องรึเปล่า ฉันอยากบอกว่าฉันดีใจที่ฉันไม่ได้ท้อง แน่นอนว่าฉันอยากมีลูก แต่ฉันอยากให้พวกเขามาในเวลาที่ฉันพร้อม คือจนกว่าที่ฉันกับหยุนเฟิงจะแต่งงานกัน จนกว่าพวกเราจะรู้จักกันมากกว่านี้ ฉันยอมรับว่าเราสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอและมีอีกเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้ฟังคือทั้งหยุนเฟิงและฉันต่างโกหกด้วยกันทั้งคู่ฉันบอกเขาว่าลิ้นปลอมสู้ลิ้นเขาไม่ได้อย่างเทียบกันไม่ติด แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง มันให้ความรู้สึกแทบจะเหมือนที่เขาทำให้ฉันเลยทีเดียว บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันมักจะหลับตาจินตนาการว่าเป็นเขาที่กำลังทำให้ฉัน ฉันคิดว่าเขาจับได้ว่าฉันโกหกเพราะว่าจู่ ๆ ลิ้นปลอมก็หายไป พอฉันถามว่าเขาซื้อมันมาจากไหน เขาก็เฉไฉว่าจำไม่ได้ส่วนหยุนเฟิงเองก็โกหกเหมือนกัน เขาสัญญาว่างานแต่งถัดไปที่เราสองคนจะแอบมีเซ็กซ์กันคืองานแต่งของเรา แต่เราสองคนยังไม่มีแพลนที่จะแต่งงานกัน และเราได้ไปร่วมงานแต่งมาแล้วสองครั้ง ซึ่งเรามีเซ็กซ์กันในครั้งหลังสุด ฟังดูแล้วเราสองคนค่อนข้างโรคจิตที่แอบมีเซ็กซ์กันในงานแต่งชาวบ้าน แต่มันค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว แต่ว่าครั
“ใช่” เธอได้ยินเสียงหัวเราะรอดมาตามสาย“กู้หยุนเฟิง!” ลี่เหยียนเหลืออดกับความพิเรนทร์ของเขา “คุณ…”“ผมทำไม ผมแค่คิดว่าตอนที่คุณไม่มีลิ้นผมคุณจะได้มีตัวแทน”“อ้อ ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนประชด“ผมดีใจที่คุณโทรหาผม”“ฉันรู้เรื่องคุณกับพี่เมิ่งฉีแล้ว”“ครับ ผมยกเลิกเรื่องหมั้นกับการแต่งงาน”“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องต่าง ๆ และเรื่องที่พี่เมิ่งฉีโกหกคุณด้วย”“ผมยุติทั้งหมดก่อนที่ผมจะรู้ความจริงว่าเมิ่งฉีไม่ได้ท้อง อันที่จริงมันตั้งแต่คุณพาผู้ชายสองคนนั้นมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนแล้ว”“นั่นมันตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่คะ” ลี่เหยียนรู้สึกเสียใจที่เขาไม่โทรหาเธอเลย“ผมยอมรับว่าผมโกรธคุณ อาทิตย์นั้นผมต้องการคุยกับคุณ แต่คุณออกไปกับจื่อหานแล้วไม่กลับเข้ามาอีก”“ตอนนั้นฉันเสียใจนี่คะ แล้วก็อิจฉาพี่เมิ่งฉีด้วย”“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณถึงเสียใจและผิดหวังในตัวผม ผมทำตัวงี
ลี่เหยียนมองไปยังกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางเตียงหลังจากที่เธอกลับจากทำงาน เธอสงสัยว่าข้างในเป็นอะไร และใครเป็นคนส่งมาให้เธอ นี่ไม่ใช่วันเกิดเธอ และเธอก็ไม่ได้ซื้อของออนไลน์มาเป็นชาติแล้ว ลี่เหยียนยิ้มให้กับความกระหายใคร่รู้ของตัวเอง เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอกลับจากบ้านพ่อแม่และรับรู้ความจริงเรื่องพี่สาวตัวเอง มันเป็นสองอาทิตย์ที่เธอกลับมาใช้ชีวิตราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีใครโทรมาหาหรือสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่เธอกับจื่อหานจู่ ๆ ก็หายกันไปเลยลี่เหยียนยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะถามถึงเธอเลยว่าทำไมถึงกลับก่อน แต่เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าที่กู้หยุนเฟิงขาดการติดต่อเธอไปเลย เธอแอบคาดหวังว่าเย็นวันนั้นเขาจะมาหาเธอ แต่ก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าเขารู้รึยังว่าพี่เมิ่งฉีไม่ได้ท้องจริง แต่เธอมั่นใจว่าพี่เมิ่งฉีไม่มีทางบอกเขาหรอกเพราะคนอย่างพี่เมิ่งฉีเห็นแก่ตัวและไร้จิตสำนึกขนาดนั้นลี่เหยียนนั่งลงบนเตียงและเปิดกล่องปริศนาออกดูอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีลิ้นปลอมอยู่ชิ้นหนึ่งพร้อมกับโน้ตแปะอยู่ เธอจึงรู้ว่าใครเป็นคนส่งมาโทรหาผมนะลี่เหยียน ผมอยากคุ
“ฉันชอบการชอปปิ้งบำบัดที่สุด” ลี่เหยียนพูดขณะเดินข้าไปในร้านอาหารกึ่งบาร์“ฉันก็เหมือนกันแม้เงินในกระเป๋าฉันจะไม่เอื้อเท่าไหร่”“ฉันเองก็แกลบพอกับเธอนั่นแหละจื่อหาน แต่วันนี้ขอปลดปล่อยสักวันละกัน”“ถูก”ลี่เหยียนและจื่อหานสั่งของว่างมากินคู่กับไวน์ ระหว่างที่รอจื่อหานได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง“โลกกลมฉิบ” จื่อหานสบถ“อะไร”“เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าฉันเห็นใคร”“ใคร อย่าบอกนะว่าพี่เมิ่งฉีกับกู้หยุนเฟิง”“เธอทายถูกครึ่งนึง พี่เมิ่งฉีมากับเพื่อนสักครึ่งโหล”“เออดี” ลี่เหยียนกลอกตาแล้วหันหลังไปมองบ้าง“ลี่เหยียน ฉันว่าพี่เมิ่งฉีกำลังดื่มไวน์ คนท้องดื่มไวน์ได้เหรอ” จื่อหานสังเกต“บ้า พี่เมิ่งฉีดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้! ทำไมพี่เมิ่งฉีถึงเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้” ลี่เหยียนพูดและลุกขึ้นยืน“ลี่เหยียนนั่นเธอจะไปไหน”“ก็จะไปหาพี่เมิ่งฉีไง”
ลี่เหยียนกับจื่อหานมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านของพ่อแม่“ขอบใจนะจื่อหานที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนฉันทั้งที่เธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้” ลี่เหยียนยิ้มอ่อนให้จื่อหาน“ไม่เป็นไร ฉันตั้งใจมาเป็นกองหนุนให้เธออยู่แล้วลี่เหยียน อีกอย่างเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงจะพูดอะไร แต่เรามาที่นี่เพราะพ่อแม่ขอร้องให้มาต่างหาก เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นโดยเฉพาะพี่เมิ่งฉี”“อืม ยังไงก็ขอบใจแก”ลี่เหยียนเปิดประตู แล้วเธอกับจื่อหานจึงค่อยเดินเข้าไปในบ้าน ที่ห้องรับแขกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งกู้หยุนเฟิงกับกู้เทียนอี้ด้วย ลี่เหยียนปั้นยิ้ม เธอตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวโง่งมอย่างเช่นแสดงให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอแคร์ที่เขาไม่โทรหาเธอเลยตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว เขาจะตัดสินใจยังไงหรือจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาลืมเธอได้ง่ายขนาดนั้น เธอก็ต้องทำได้เช่นกัน“ลี่เหยียน จื่อหาน” เฮ่าหรานกระโดดเข้าหาน้องสาวแล้วสวมกอด จากนั้นเขาหันไปหาจื่อหานและกอดเธอเช่นกัน ลี่เหยียนเห็นสายตาเย็นชาของพี่ชายคนโตที่
“เธอคิดว่าเจ๋อชวนเป็นพ่อเด็กเหรอลี่เหยียน!”จื่อหานอ้าปากค้างขณะนั่งกินข้าวในร้านอาหารกับลี่เหยียน“ฉันเดาว่างั้นนะ เพราะพอฉันถามถึงเจ๋อชวนเขาก็มีท่าทางแปลก ๆ ทุกครั้ง”“ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่คิดเลยว่าเจ๋อชวนจะเลวได้ขนาดนี้ ฉันสงสัยว่าเจ๋อชวนกับพี่เมิ่งฉีจะเป็นชู้กันตอนที่เขากำลังคงกับฉันด้วยรึเปล่า”“ฉันไม่สงสัยเลยถ้างั้น”“แต่ที่ฉันสงสัยมากกว่าคือทำไมกู้หยุนเฟิงถึงยังจะแต่งงานกับพี่เมิ่งฉีอีกในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก”“ฉันเดาว่าเขากับเจ๋อชวนคงช่วยเหลือกัน”“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่” จื่อหานตั้งข้อสังเกต“ใช่ หลาย ๆ อย่างมันไม่สมเหตุสมผลเลย”“ลี่เหยียน ลี่เหยียน!” จู่ ๆ จื่อหานก็เรียกด้วยสีหน้าแตกตื่น“อะไรจื่อหาน”“พี่เมิ่งฉี! พี่เมิ่งฉีกับกู้เทียนอี้กำลังเดินเข้ามา”“หา! ลี่เหยียนหันหลังไปมองที่ประตูทางเข้า เธอตะลึงเมื่อเห็นว่าพี่สาวตนเองกำล
“กู้ดมอร์นิ่งลี่เหยียน” เสียงทุ้มอบอุ่นดังขึ้นทันทีที่ลี่เหยียนลืมตา“มอร์นิ่งค่ะ” ลี่เหยียนขยี้ตาแล้วมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “หา! พวกเรานอนหลับกันตั้งแต่เมื่อวานเย็นเลยเหรอเนี่ย!”“คุณคงจะเหนื่อย” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ“คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” ลี่เหยียนมองหน้าเขา“ไม่จนถึงตอนดึก”“แล้วคุณทำอะไรคะ”“มองคุณ” เขาตอบแล้วหัวเราะ “คุณคงไม่คิดว่าผมโรคจิตใช่มั้ย”“อืม…ฟังดูแล้วก็โรคจิตหน่อย ๆ คุณว่ามั้ย” ลี่เหยียนหัวเราะชายหนุ่มทำให้หัวใจลี่เหยียนหวั่นไหวอีกด้วยการโน้มหน้าลงมาจูบเธอ เขาจูบเธอลึกซึ้งขึ้นและสอดมือเข้าไปในผมเธอ“ผมไม่ใช่โรคจิต สาบานได้”“ฉันจะพยายามเชื่อค่ะ” ลี่เหยียนหัวเราะ และพอนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็หน้าแดงเล็กน้อย “แต่คุณจูบก้นฉันเมื่อวาน”“รู้สึกว่าผมทำมากกว่านั้นนะ” ว่าแล้วก็ไต่นิ้วจากหน้าท้องเธอลงไปจนถึงหว่างขา“
กู้หยุนเฟิงลุกออกจากตัวเธอเพื่อถอดเสื้อผ้าตัวเอง ลี่เหยียนหายใจติดขัดลำคอแห้งผากเมื่อเห็นความเป็นชายอันใหญ่โตดีดผึงออกมา“คุณกำลังจะ…” ลี่เหยียนจะเริ่มพูดแต่ถูกฟาดที่บั้นท้ายเบา ๆ“ชู่ว์!” เขาหยุดเธออีกครั้ง ทั้งยังยิ้มเจ้าเล่ห์”ทีนี้คุณก็นอนลง หลับตา แล้วอ้าขาออก” เขาสั่ง“คะ?” ลี่เหยียนงุนงง แต่รู้สึกตื่นเต้นไปกับคำสั่งเขา“อย่าถามมาก แค่ทำตามที่ผมบอก” พูดจบเขาก็ฟาดก้นเธออีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วไล้ไปตามความเป็นหญิงและแกล้งสะกิดติ่งสวาทเธอเล่น“อา…” ลี่เหยียนครางและอ้าขาออกให้เขา“เด็กดี” ชายหนุ่มคำรามขณะที่ก้มหน้าลงกัดลงที่ก้นเธอเบา ๆ“คุณจะทำอะไรคะ” ลี่เหยียนร้องถาม เสียงของเธอสั่นพร่าขณะที่รู้สึกว่าลิ้นเขากำลังเลียที่รอยแยกด้านหลัง“ห้ามถาม” เขาตีก้นและถูร่องสวาทเปียกชุ่มของเธอ“อื้อ” ลี่เหยียนร้อง ตอนนี้ร่างกายเธอตื่นตัวสุด ๆ“คุณหัวไวนะลี่เหย
“ดูหนังกันมั้ยจื่อหาน”ลี่เหยียนเดินออกจากห้องหลังจากสี่ชั่วโมงผ่านไป การแช่น้ำร้อนและได้นอนเต็มอิ่มทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้น“คุณอยากดูเรื่องอะไร”ลี่เหยียนเห็นกู้หยุนเฟิงนั่งอยู่กับจื่อหานในห้องนั่งเล่น เขากำลังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอ“คุณ! ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่อีก!”“ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่า” จื่อหานลุกขึ้นยืน ตั้งท่าว่าจะกลับห้องตัวเอง“เดี๋ยวก่อนสิจื่อหาน” ลี่เหยียนมองหน้าจื่อหาน รู้สึกเสียใจที่เพื่อนนั่งคุยกับชายหนุ่มทั้งที่รู้ว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง“ลองคุยกับเขาดูลี่เหยียน ฉันคิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด” จื่อหานตบไหล่เพื่อนขณะที่เดินออกไปลี่เหยียนค้อนเพื่อน แล้วค่อยหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม“ฉันคิดว่าฉันบอกให้คุณกลับไปนี่”“ทำไมผมไม่ได้ยินนะ” กู้หยุนเฟิงตบที่นั่งข้างตัวเป็นสัญญาณให้หญิงสาวมานั่ง“คุณต้องการอะไรกันแน่กู้หยุนเฟิง” ลี่เหยียนรู้สึกว่าความดันตัวเองกำลังขึ้นสูง“ผม