เฮือก!
ลี่เหยียนสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงทุ้มนุ่มทว่าฟังแล้วเย้ายวนกระซิบชิดริมหู และมือใหญ่ได้เลื่อนจากเอวบางไปยังสะโพก
“ตกลงคุณตัดสินใจได้รึยัง”
เธอจำเสียงนี้ได้ในทันที หัวใจเธอกำลังเต้นเร็วแรง และตัดสินใจค่อย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง ไม่รู้ว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหน อาจเป็นเพราะเสน่ห์เกินห้ามใจของชายหนุ่ม ที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างโดยที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“ต้องเป็นลิ้นสิคะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอจนริมฝีปากเขาแทบจะสัมผัสกับของเธอ
“คุณรู้อะไรมั้ย มีคนเคยบอกว่าผมใช้ลิ้นเก่ง”
“…”
น้ำเสียงทุ้มล่อลวงของเขาทำให้ลี่เหยียนรู้สึกประหม่า
เขาขยิบตาให้พร้อมกับฉวยข้อมือเธอให้เดินตามเขากลับไปยังห้องน้ำที่ปราศจากผู้คน ลี่เหยียนรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะโดนเสือขย้ำ มิหนำซ้ำยังเป็นเสือร้ายเสียด้วย แต่เธอมิอาจขัดขืนเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่เลือดในกายกำลังสูบฉีดไปด้วยความร้อนแห่งเปลวเพลิงปรารถนา ทุกสิ่งในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้นึกถึงเซ็กซ์ตลอดเวลา เธอหวั่นเกรง แต่ก็ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย คิดว่าหากพลาดโอกาสนี้ไปคงจะรู้สึกเสียดายมากกว่า
“คุณเซ็กซี่มาก” เขากระซิบบอกตอนที่นำเธอไปยังห้องน้ำห้องในสุด เขาค่อนข้างรอบคอบไม่ลืมที่จะล็อกประตูทั้งด้านนอกและด้านใน
ลี่เหยียนถูกดันให้ชิดกับผนัง แล้วริมฝีปากเธอก็ถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว
“ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าผมมีพรสวรรค์แค่ไหน”
เขาพูดชิดริมปากเธอแล้วประกบปากเธออีกครั้ง จูบของเขาเร่าร้อนเต็มไปด้วยความช่ำชอง ทำให้ลี่เหยียนที่เพิ่งมีประสบการณ์จูบครั้งแรกสามารถคล้อยตามไปได้โดยง่าย เธอจูบตอบเขา ส่งลิ้นเข้าไปในปากเขาแบบเดียวกับที่เขาทำกับเธอ เธอยกมือขึ้นคล้องคอเขาเพื่อเป็นหลักยึด เธอรู้สึกเหมือนกับเสียงระฆังกำลังดังก้องอยู่ในหัวและคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วร่างจากการที่เขาดูดลิ้นของเธอ
มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างแสนเย้ายวน เขายกขาเธอ เลิกชุดกระโปรงเธอขึ้น แล้วลูบไล้มือไปตามเรียวขางามจนกระทั่งปลายนิ้วเขาสัมผัสเข้ากับใจกลางความเป็นหญิงผ่านผ้าชิ้นน้อย สัมผัสของเขาทำให้ลี่เหยียนขาสั่น
“จีสตริง” เขายิ้มพอใจ สบตาเธออย่างยั่วยวนในขณะที่เริ่มไล้มือลงบนผ้าผืนบางเบา ๆ
“ค่ะ” ลี่เหยียนครางตอบเพราะความรู้สึกเสียวซ่านที่แล่นขึ้นมาตอนที่เขาสอดนิ้วเข้าไปข้างใน
“คุณเป็นเจ้าสาวเหรอ” เขาถามเสียงเนิบช้าพร้อมกับขยับมือไปด้วย
“เฉพาะคนเป็นเจ้าสาวถึงจะใส่จีสตริงได้เหรอคะ” เธอย้อนเขาเสียงเบาหวิว
“ไม่จำเป็นหรอก ก็แค่ถ้าคุณแพลนว่าจะออกไปต่อกับใครสักคนหลังงานเลิก”
“หรือคุณไม่คิด”
“แน่นอนว่าผมคิด”
เขาว่าจบก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง คราวนี้มันไม่นุ่มนวลหยอกเย้าเหมือนก่อนหน้า แต่มันร้อนแรงเหมือนว่าเขาต้องการบอกเธอว่าจะอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว ผู้ชายคนนี้ต้องการควบคุมเธอ เขาสอดลิ้นเข้ามาในปาก แล้วดูดดึงลิ้นของเธออย่างชำนาญ มอมเมาเธอไปกับรสจูบร้อนแรงนี้
“คุณจะทำอะไร” ลี่เหยียนถามขึ้นเมื่อเขาขยับตัวลงมาด้านล่างแล้วถลกกระโปรงเธอขึ้น
“แล้วคุณอยากให้ผมทำอะไรล่ะ” เขาย้อนถามเธอกลับ แต่เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะตอนนี้เขาก้มหน้าลงไปชิดกับต้นขาเธอ เขาไล้ลิ้นเลียไปตามผิวเนื้อ ร่างกายของลี่เหยียนสั่นเทาไปด้วยความรัญจวนเมื่อรู้สึกถึงฟันเขาที่งับเข้ากับสายกางเกงในที่เปียกชุ่มของเธอ จากนั้นก็ดึงมันลงมา
“เราทำแบบนี้จะดีเหรอ” สำนึกสุดท้ายบอกให้ลี่เหยียนถามเขาออกไป
“ผมคิดว่าควรจะถามว่าเราจะเสียดายมั้ยถ้าไม่ทำมากกว่า”
“แต่เราไม่รู้จักกันเลย”
“นั่นมันจำเป็นเหรอ”
เขาปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนและคลายเนคไทออก
“ผมรู้ว่าทันทีที่ผมเห็นคุณผมก็อยากทำความรู้จักกับคุณ”
“คุณอยากรู้จักฉันแต่คุณไม่อยากให้ฉันรู้จักชื่อคุณ”
“ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อ ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ คุณจะรับได้มั้ย” เขาหยุดแล้วสบตาเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ฉันรับได้ถ้าคุณรับได้” ลี่เหยียนสับสน แต่สุดท้ายได้ตอบออกไป ณ วินาทีนี้ ประกายไฟปรารถนาที่พลุ่งพล่านในกายเธอมีอำนาจเหนือสตินึกรู้ทั้งปวง เธออยากให้เขาแตะต้องเธออีกครั้ง
ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้น แล้วก็จับขาเธอแยกออก
“ทีนี้ให้ผมแสดงให้คุณดูว่าจะให้รางวัลกับเด็กดียังไงดีกว่า”
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนมาอยู่กลางหว่างขาของลี่เหยียน เขาใช้ลิ้นเลียไปที่ปุ่มสวาทของเธออย่างหิวกระหาย ความเสียวจากจุดศูนย์กลางของร่างกายทำให้ลี่เหยียนหลุดเสียงครางออกมา และเธอต้องขบเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมาได้อีก นิ้วของเธอสอดแทรกเข้าไปยังกลุ่มผมนุ่มสลวยของเขาเพื่อยึดเอาไว้ตอนที่เขาแยงลิ้นเข้าออกในตัวเธอ
“เสร็จให้ผมเด็กดี” เขากระซิบพร้อมกับเร่งจังหวะตวัดและแยงลิ้นเข้าออกความเสียวซ่านแทบขาดใจทำให้ลี่เหยียนกระหายรู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากได้มีเซ็กซ์กับเขาจริง ๆ ความเสียวซ่านดำเนินมาจนถึงขึดสุดเกินกว่าที่ลี่เหยียนจะรับมือไหว ในที่สุดเธอก็เสร็จให้เขาจริง ๆ เขาจูบปุ่มสวาทเธอ ใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำหวานที่เธอปลดปล่อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน“คุณหวานมาก” เขาบอกเธอด้วยความพอใจลี่เหยียนสบตาเขา ก่อนที่เธอจะจูบที่คอเขาแล้วดูดเม้ม“คุณกำลังจะทิ้งรอยบนคอผม” เขาเตือน“ฉันอยากฝากรอยไว้บนตัวคุณ” เธอบอกเขา แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะยั่วเขาแบบนี้“คุณได้ฝากรอยเอาไว้แล้ว” เขาบอกเสียงแหบพร่าพร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเอง “คุณให้ผมยิ่งกว่ารอยจูบเสียอีก”ลี่เหยียนหัวเราะ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยเธอกลับเลยเถิดไปกับเขาได้ขนาดนี้ แต่ลึก ๆ ในใจเธออยากเลยเถิดไปมากกว่านี้ เธอจึงเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดเขา เธอปลดมันออกอย่างง่ายดาย ตามมาด้วยกระดุมกางเกง แต่พอมาถึงซิปกลับเจอปัญหา“มันรูดไม่ลงค่ะ” เธอบอกแล้วเงยหน้ามองเขา เธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่“บางทีซิปมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าถ้าป
“นี่ห้องผมครับ”เสียงประตูที่ปิดลงด้านหลังราวกับเตือนให้ลี่เหยียนรู้ว่าเธอจะไม่ได้ออกจากห้องนี้อย่างน้อยก็คืนนี้ ก่อนหน้านี้เธอต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก เพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตเธอ แต่ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ให้กับข้อเสนอที่เย้ายวนใจของเขา ด้วยเหตุที่ว่าเธอจะเสียดายมากกว่าถ้าไม่ตอบรับ เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา ห้องนี้กว้างมากและตกแต่งอย่างสวยงาม“ห้องนี้สวยมาก และราคาคงแพงมากด้วย”“ครับ ห้องสวีทชั้นหนึ่ง” เขาพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ เดินตรงเข้าหาเธอ“เอ่อ…คุณจองห้องนี้ตัดหน้าคู่บ่าวสาวรึเปล่าคะ” เธอพยายามเค้นอารมณ์ขันออกมาในขณะที่รู้สึกว่าท้องไส้กำลังปั่นป่วนเขายิ้ม แต่เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาช่างแสนล่อลวง โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็ฉุดร่างเธอให้ปะทะเข้ากับเขา“เราควรจะหยุดคุยเรื่องไร้สาระ คุณว่ามั้ย” เขากระซิบชิดริมหู ลมหายใจร้อนที่ตกกระทำทำให้ลี่เหยียนขนลุกซู่“ฉัน…เอ่อ…”“ชู่ว์…อย่าเสียเวลาของเราอีกเลย”เขาเริ่มไซ้ซอกคอของเธอ กลิ่นกายสาวเร้าเลือดในกายหนุ่มให้ฉีดพล่าน“แต่ฉันยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของคุณ” ลี่เหยียนขืนตัวออกเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอ
ชายหนุ่มไล้นิ้วมาถึงริมฝีปากแล้วสอดนิ้วเข้าไปในปากเธอ เธอตกใจแต่ก็ดูดนิ้วเขาเบา ๆ ดวงตาของเขาเข้มข้นไปด้วยความปรารถนา เขาค่อย ๆ ชักนิ้วออกจากปากเธอแล้วจุ่มมันลงไปในแก้วแชมเปญก่อนที่จะใส่มันเข้าปากเธออีกครั้ง เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลย เธอดูดนิ้วเขาแรงขึ้น ใช้ลิ้นเลียรสชาติของแชมเปญที่ติดอยู่บนนิ้วเขาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปยามเมื่อเธอขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น ท่าทางของเขาทำให้ลี่เหยียนใจกล้า เธอลองวางมือลงบนหน้าขาของเขา แล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปตรงกลางลำตัว ขณะเดียวกันเธอก็ยังไม่หยุดดูดเลียนิ้วมือแกร่ง เธอรู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์ขั้นสุด นั่นทำให้เธอรู้สึกมีกำลังใจที่รู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อผู้ชายที่เรียกได้ว่าไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ลี่เหยียนตัดสินใจเดินหน้า ไม่สนใจแล้วว่าครั้งแรกของเธอจะเป็นแค่วันไนต์สแตนด์ เป็นแค่เซ็กซ์ที่ไม่มีความผูกพัน เธอมั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำให้เธอมีประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดอย่างไม่เคยลืมแน่นอน“คุณกำลังยั่วผมอยู่นะ” เขาเตือนเสียงแหบพร่า ดึงนิ้วออกจากปากเธอ แล้ววางมือลงบนหน้าอกเธอแทน เขาขยำมันเบา ๆ ก่อนที่จะออกคำสั่ง “ยืนขึ้น แล้วถอดเสื้อผ้าออก”ลี่เหยียนชะงักไปกับความเปลี่ยนแ
“แล้วคุณรออะไรอยู่ล่ะคะ” เธอหัวเราะยั่วเขา แล้วเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้น เฮ่าหรานตรงไปยังเตียงนอน“ผมพร้อมตั้งนานแล้วคุณก็รู้”เขาวางเธอลงบนเตียง โน้มตัวลงมาถอดชุดเธอออก นัยน์ตาเขาคล้ายมีประกายไฟดวงย่อม ๆ ขณะที่จ้องมองร่างเปลือยเปล่าของเธอ“ไม่สวมแพนตี้ คุณมันดาวยั่ว”เขาดึงเนคไทออกและเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเอง“หก” ลี่เหยียนพึมพำกับตัวเองแล้วแอบยิ้ม“อะไรครับ” เขาหันมาหาเธอขณะที่กำลังปลดเข็มขัด“คุณมีลอนหน้าท้องหกลอน ตอนแรกฉันคิดว่าคุณอาจจะมีถึงแปด” เธอชี้ไปที่หน้าท้องหนั่นแน่นของเขา“มันเป็นปัญหากับคุณเหรอ” เขานั่งลงบนเตียงข้างเธอ ดึงมือของเธอให้ลูบไปทั่วแผงอกและหน้าท้องของตัวเอง“อืม…ขอฉันคิดดูก่อนละกัน” ปากตอบออกไป แต่ใจเต้นระรัว ถึงอย่างนั้นเธอกลับชอบและไล่นิ้วไปทั่วแผ่นอกเขาอย่างสำรวจตรวจตรา เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากผิวกายชายหนุ่ม เป็นความร้อนเร่าที่กำลังจะกลืนกินเธออยู่ในขณะนี้“ไม่ต้องคิดนานหรอก” เขาครางเสียงต่ำและถอดกางเกงโยนออกไปบนพื้นตอนนี้เขาขยับตัวขึ้นมานอนด้านข้างเธอ บนตัวเขาเหลือแต่กางเกงในสีขาวเท่านั้น และลี่เหยียนไม่แน่ใจว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน แม้จะเวอร์จิ้น
“ทำต่อสิคะ” ลี่เหยียนเร่งเร้า เกรงว่าเขาจะปล่อยให้เธอค้างเติ่งกลางทาง ถ้าไม่อย่างนั้นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอจากที่วิเศษสุดจะกลายเป็นห่วยแตกบรมจนยากจะลืม“คุณมันร้าย” เขาคาดโทษเธอไม่จริงจังนักแล้วดันตัวตนเข้าไปในช่องทางที่แสนคับแคบแถมยังตอดรัดอยู่ตลอดเวลา“อ๊ะ”“ผมจะพยายามนุ่มนวลกับคุณให้มากที่สุด”เขาต้องพยายามอย่างมากในการทำตามที่พูด เพราะความจริงแล้วเขาอยากร่วมรักกับเธอให้สุดเหวี่ยง การเคลื่อนตัวของเขาไปได้ช้ามากทั้งยังถูกบีบรัดจนเขารวดร้าวไปทั้งตัว แต่พอเห็นหญิงสาวใต้ร่างกัดปากข่มกลั้นความเจ็บก็นึกเห็นใจ พอเขาขยับตัวเข้าไปชนกับทางตันเขาก็หยุดเอาไว้ ก้มลงจูบซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเธอ ความพยายามของเธอในการเปิดรับตัวตนอันใหญ่โตของเขาทำให้เธอดูเซ็กซี่และเร่าร้อน“ผมขอโทษนะ แล้วผมจะชดเชยให้หลังจากนี้” เขาบอกแล้วจูบปากเธอ ก่อนที่จะผลักดันตัวตนเข้าไปโดยแรงจนสุด“โอ๊ย…” ลี่เหยียนสะดุ้ง ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกถึงอวัยวะเบื้องล่างที่ฉีกขาด ความรัญจวนก่อนหน้าหายไปสิ้น“ฉันเจ็บ” เธอโอดครวญน้ำตาเล็ด“ผมรู้” เขายกมือลูบผมเพื่อปลอบเธอเขายังแช่ตัวตนไว้นิ่ง รอให้เธอปรับตัวสักพัก ป
“มันน่ารำคาญมากที่ฉันต้องกลับบ้านเพราะลูกสาวคนเก่งของพ่อแม่กลับบ้าน”ลี่เหยียนตะโกนใส่โทรศัพท์ขณะที่กำลังขับรถไปยังบ้านพ่อแม่ตัวเองเพราะพ่อแม่โทรเรียกเธอไปหาเนื่องจากพี่สาวของเธอกลับบ้าน“ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ฉันจะต้องกลับไปเลย” เธอบ่นต่อ“ฮ่า ๆ พวกท่านคงคิดถึงแกมั้ง หรือไม่ก็พวกท่านอาจมีหนุ่มหล่อมาแนะนำเธอก็ได้” จื่อหานหัวเราะ“ไม่มีทาง” ลี่เหยียนปฏิเสธทันควัน พลันนึกไปถึงวันไนต์ของเธอ“น่าเสียดายพี่ลิ้นดุของเธอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเขา” เพื่อนสาวเอ่ยถึงฉายาที่พวกเธอตั้งให้กับผู้ชายวันไนต์ของลี่เหยียน ทั้งสองคนสนิทกันมาก ไม่เคยมีความลับอะไรต่อกัน ดังนั้นประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรกของลี่เหยียนจึงถูกถ่ายทอดให้จื่อหานฟัง“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างมันก็แค่วันไนต์ซึ่งฉันกับเขาตกลงกันไว้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก”“แต่ฉันมั่นใจว่าหากเธออยู่ต่อมันจะต้องมีคืนที่สองแน่”“ฉันดีใจที่ฉันตัดสินใจกลับก่อนที่เขาจะตื่นแล้วได้พูดอะไรที่จะทำให้ฉันดูเป็นพวกสิ้นราคา”“ฉันคิดว่าเขาจะกินเธอต
“ฉัน…” ลี่เหยียนรู้สึกพูดติดขัดเมื่อจ้องตากับเขา เธอเหมือนว่ากำลังจะเป็นลมและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน“ลี่เหยียน เธอเจอหยุนเฟิงแล้วเหรอ” เสียงของพี่สาวเธอดังขึ้น จากนั้นเจ้าตัวก็เดินฉีกยิ้มเข้ามา“ค่ะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบแล้วสายตาเธอก็เห็นผู้ชายอีกคน ที่หน้าละม้ายคล้ายกับกู้หยุนเฟิงเดินเข้ามา“นี่เทียนอี้เป็นน้องชายของหยุนเฟิง” พี่สาวแนะนำ เขาดูหล่อและค่อนข้างอ่อนโยนกว่าพี่ชาย“สวัสดีค่ะ” ลี่เหยียนยิ้มให้ชายหนุ่ม แล้วก็มองกลับไปที่พี่สาวตัวเอง “พี่เมิ่งฉี ฉันขอถามอะไรหน่อยนะ สรุปว่าพวกเขาสองคนมาทำอะไรกัน”“พ่อกับแม่ไม่ได้บอกเธอเหรอ” เมิ่งฉีถามด้วยความสงสัย แล้วหันไปมองหน้าพ่อที่ตอนนี้คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว“พอดีเพื่อนพ่อโทรมาน่ะ” พ่อตอบ“อ๋อ ค่ะ ถ้างั้นหนูขอบอกเองละกันนะคะ” เมิ่งฉีพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมามองหน้าน้องสาว“พี่กำลังจะแต่งงาน” เธอบอกพร้อมกับโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย“ดีใจด้วยค่ะพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนสวมกอดพี่สาว แล้วหันไปหากู้เทียนอี้ “ดีใจกับคุณด้วยเช่นกันค่ะ ขอต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา”“ไม่ใช่ครับ คุณแสดงความ
ก๊อก ๆ ๆลี่เหยียนไม่สนใจเสียงเคาะประตูด้านนอก ต้องเป็นใครสักคนในบ้าน แต่เธอไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น ตอนนี้เธอต้องการคุยกับจื่อหานอย่างด่วน เธออยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง เธอเชื่อว่าจื่อหานจะแนะนำเธอได้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไป จะแก้ปัญหานี้อย่างไร แต่ลี่เหยียนรู้ดีว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดวิธีเดียวก็คือการอยู่เฉย ๆ เธอจะต้องแสร้งทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกับกู้หยุนเฟิงมาก่อนก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะประตูดังหนักขึ้น“ใครคะ” เธอถามออกไป รู้สึกงุ่นง่านเพราะเกรงว่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุด“ผมเอง” เสียงทุ้มตอบกลับ “ขอผมเข้าไปได้มั้ย”บ้าไปแล้ว! เขากำลังจะแอบย่องเข้าห้องน้องว่าที่เจ้าสาวกลางดึกเนี่ยนะ“ลี่เหยียน” เขาเรียกอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ“คะ” เธอเดินไปที่ประตู ตอบเขาเสียงเบาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน“เปิดประตูให้ผมหน่อย”“คุณมีอะไร” เธอถามเขา เสียงเธอติดสั่นหวาดหวั่น เธอกลัวใจตัวเอง เธอไม่ไว้ใจตัวเองที่จะอยู่ในห้
สามเดือนถัดมาฉันรู้ว่าทุกคนสงสัยว่าตกลงฉันท้องรึเปล่า ฉันอยากบอกว่าฉันดีใจที่ฉันไม่ได้ท้อง แน่นอนว่าฉันอยากมีลูก แต่ฉันอยากให้พวกเขามาในเวลาที่ฉันพร้อม คือจนกว่าที่ฉันกับหยุนเฟิงจะแต่งงานกัน จนกว่าพวกเราจะรู้จักกันมากกว่านี้ ฉันยอมรับว่าเราสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอและมีอีกเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้ฟังคือทั้งหยุนเฟิงและฉันต่างโกหกด้วยกันทั้งคู่ฉันบอกเขาว่าลิ้นปลอมสู้ลิ้นเขาไม่ได้อย่างเทียบกันไม่ติด แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง มันให้ความรู้สึกแทบจะเหมือนที่เขาทำให้ฉันเลยทีเดียว บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันมักจะหลับตาจินตนาการว่าเป็นเขาที่กำลังทำให้ฉัน ฉันคิดว่าเขาจับได้ว่าฉันโกหกเพราะว่าจู่ ๆ ลิ้นปลอมก็หายไป พอฉันถามว่าเขาซื้อมันมาจากไหน เขาก็เฉไฉว่าจำไม่ได้ส่วนหยุนเฟิงเองก็โกหกเหมือนกัน เขาสัญญาว่างานแต่งถัดไปที่เราสองคนจะแอบมีเซ็กซ์กันคืองานแต่งของเรา แต่เราสองคนยังไม่มีแพลนที่จะแต่งงานกัน และเราได้ไปร่วมงานแต่งมาแล้วสองครั้ง ซึ่งเรามีเซ็กซ์กันในครั้งหลังสุด ฟังดูแล้วเราสองคนค่อนข้างโรคจิตที่แอบมีเซ็กซ์กันในงานแต่งชาวบ้าน แต่มันค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว แต่ว่าครั
“ใช่” เธอได้ยินเสียงหัวเราะรอดมาตามสาย“กู้หยุนเฟิง!” ลี่เหยียนเหลืออดกับความพิเรนทร์ของเขา “คุณ…”“ผมทำไม ผมแค่คิดว่าตอนที่คุณไม่มีลิ้นผมคุณจะได้มีตัวแทน”“อ้อ ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนประชด“ผมดีใจที่คุณโทรหาผม”“ฉันรู้เรื่องคุณกับพี่เมิ่งฉีแล้ว”“ครับ ผมยกเลิกเรื่องหมั้นกับการแต่งงาน”“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องต่าง ๆ และเรื่องที่พี่เมิ่งฉีโกหกคุณด้วย”“ผมยุติทั้งหมดก่อนที่ผมจะรู้ความจริงว่าเมิ่งฉีไม่ได้ท้อง อันที่จริงมันตั้งแต่คุณพาผู้ชายสองคนนั้นมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนแล้ว”“นั่นมันตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่คะ” ลี่เหยียนรู้สึกเสียใจที่เขาไม่โทรหาเธอเลย“ผมยอมรับว่าผมโกรธคุณ อาทิตย์นั้นผมต้องการคุยกับคุณ แต่คุณออกไปกับจื่อหานแล้วไม่กลับเข้ามาอีก”“ตอนนั้นฉันเสียใจนี่คะ แล้วก็อิจฉาพี่เมิ่งฉีด้วย”“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณถึงเสียใจและผิดหวังในตัวผม ผมทำตัวงี
ลี่เหยียนมองไปยังกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางเตียงหลังจากที่เธอกลับจากทำงาน เธอสงสัยว่าข้างในเป็นอะไร และใครเป็นคนส่งมาให้เธอ นี่ไม่ใช่วันเกิดเธอ และเธอก็ไม่ได้ซื้อของออนไลน์มาเป็นชาติแล้ว ลี่เหยียนยิ้มให้กับความกระหายใคร่รู้ของตัวเอง เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอกลับจากบ้านพ่อแม่และรับรู้ความจริงเรื่องพี่สาวตัวเอง มันเป็นสองอาทิตย์ที่เธอกลับมาใช้ชีวิตราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีใครโทรมาหาหรือสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่เธอกับจื่อหานจู่ ๆ ก็หายกันไปเลยลี่เหยียนยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะถามถึงเธอเลยว่าทำไมถึงกลับก่อน แต่เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าที่กู้หยุนเฟิงขาดการติดต่อเธอไปเลย เธอแอบคาดหวังว่าเย็นวันนั้นเขาจะมาหาเธอ แต่ก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าเขารู้รึยังว่าพี่เมิ่งฉีไม่ได้ท้องจริง แต่เธอมั่นใจว่าพี่เมิ่งฉีไม่มีทางบอกเขาหรอกเพราะคนอย่างพี่เมิ่งฉีเห็นแก่ตัวและไร้จิตสำนึกขนาดนั้นลี่เหยียนนั่งลงบนเตียงและเปิดกล่องปริศนาออกดูอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีลิ้นปลอมอยู่ชิ้นหนึ่งพร้อมกับโน้ตแปะอยู่ เธอจึงรู้ว่าใครเป็นคนส่งมาโทรหาผมนะลี่เหยียน ผมอยากคุ
“ฉันชอบการชอปปิ้งบำบัดที่สุด” ลี่เหยียนพูดขณะเดินข้าไปในร้านอาหารกึ่งบาร์“ฉันก็เหมือนกันแม้เงินในกระเป๋าฉันจะไม่เอื้อเท่าไหร่”“ฉันเองก็แกลบพอกับเธอนั่นแหละจื่อหาน แต่วันนี้ขอปลดปล่อยสักวันละกัน”“ถูก”ลี่เหยียนและจื่อหานสั่งของว่างมากินคู่กับไวน์ ระหว่างที่รอจื่อหานได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง“โลกกลมฉิบ” จื่อหานสบถ“อะไร”“เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าฉันเห็นใคร”“ใคร อย่าบอกนะว่าพี่เมิ่งฉีกับกู้หยุนเฟิง”“เธอทายถูกครึ่งนึง พี่เมิ่งฉีมากับเพื่อนสักครึ่งโหล”“เออดี” ลี่เหยียนกลอกตาแล้วหันหลังไปมองบ้าง“ลี่เหยียน ฉันว่าพี่เมิ่งฉีกำลังดื่มไวน์ คนท้องดื่มไวน์ได้เหรอ” จื่อหานสังเกต“บ้า พี่เมิ่งฉีดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้! ทำไมพี่เมิ่งฉีถึงเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้” ลี่เหยียนพูดและลุกขึ้นยืน“ลี่เหยียนนั่นเธอจะไปไหน”“ก็จะไปหาพี่เมิ่งฉีไง”
ลี่เหยียนกับจื่อหานมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านของพ่อแม่“ขอบใจนะจื่อหานที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนฉันทั้งที่เธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้” ลี่เหยียนยิ้มอ่อนให้จื่อหาน“ไม่เป็นไร ฉันตั้งใจมาเป็นกองหนุนให้เธออยู่แล้วลี่เหยียน อีกอย่างเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงจะพูดอะไร แต่เรามาที่นี่เพราะพ่อแม่ขอร้องให้มาต่างหาก เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นโดยเฉพาะพี่เมิ่งฉี”“อืม ยังไงก็ขอบใจแก”ลี่เหยียนเปิดประตู แล้วเธอกับจื่อหานจึงค่อยเดินเข้าไปในบ้าน ที่ห้องรับแขกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งกู้หยุนเฟิงกับกู้เทียนอี้ด้วย ลี่เหยียนปั้นยิ้ม เธอตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวโง่งมอย่างเช่นแสดงให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอแคร์ที่เขาไม่โทรหาเธอเลยตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว เขาจะตัดสินใจยังไงหรือจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาลืมเธอได้ง่ายขนาดนั้น เธอก็ต้องทำได้เช่นกัน“ลี่เหยียน จื่อหาน” เฮ่าหรานกระโดดเข้าหาน้องสาวแล้วสวมกอด จากนั้นเขาหันไปหาจื่อหานและกอดเธอเช่นกัน ลี่เหยียนเห็นสายตาเย็นชาของพี่ชายคนโตที่
“เธอคิดว่าเจ๋อชวนเป็นพ่อเด็กเหรอลี่เหยียน!”จื่อหานอ้าปากค้างขณะนั่งกินข้าวในร้านอาหารกับลี่เหยียน“ฉันเดาว่างั้นนะ เพราะพอฉันถามถึงเจ๋อชวนเขาก็มีท่าทางแปลก ๆ ทุกครั้ง”“ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่คิดเลยว่าเจ๋อชวนจะเลวได้ขนาดนี้ ฉันสงสัยว่าเจ๋อชวนกับพี่เมิ่งฉีจะเป็นชู้กันตอนที่เขากำลังคงกับฉันด้วยรึเปล่า”“ฉันไม่สงสัยเลยถ้างั้น”“แต่ที่ฉันสงสัยมากกว่าคือทำไมกู้หยุนเฟิงถึงยังจะแต่งงานกับพี่เมิ่งฉีอีกในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก”“ฉันเดาว่าเขากับเจ๋อชวนคงช่วยเหลือกัน”“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่” จื่อหานตั้งข้อสังเกต“ใช่ หลาย ๆ อย่างมันไม่สมเหตุสมผลเลย”“ลี่เหยียน ลี่เหยียน!” จู่ ๆ จื่อหานก็เรียกด้วยสีหน้าแตกตื่น“อะไรจื่อหาน”“พี่เมิ่งฉี! พี่เมิ่งฉีกับกู้เทียนอี้กำลังเดินเข้ามา”“หา! ลี่เหยียนหันหลังไปมองที่ประตูทางเข้า เธอตะลึงเมื่อเห็นว่าพี่สาวตนเองกำล
“กู้ดมอร์นิ่งลี่เหยียน” เสียงทุ้มอบอุ่นดังขึ้นทันทีที่ลี่เหยียนลืมตา“มอร์นิ่งค่ะ” ลี่เหยียนขยี้ตาแล้วมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “หา! พวกเรานอนหลับกันตั้งแต่เมื่อวานเย็นเลยเหรอเนี่ย!”“คุณคงจะเหนื่อย” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ“คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” ลี่เหยียนมองหน้าเขา“ไม่จนถึงตอนดึก”“แล้วคุณทำอะไรคะ”“มองคุณ” เขาตอบแล้วหัวเราะ “คุณคงไม่คิดว่าผมโรคจิตใช่มั้ย”“อืม…ฟังดูแล้วก็โรคจิตหน่อย ๆ คุณว่ามั้ย” ลี่เหยียนหัวเราะชายหนุ่มทำให้หัวใจลี่เหยียนหวั่นไหวอีกด้วยการโน้มหน้าลงมาจูบเธอ เขาจูบเธอลึกซึ้งขึ้นและสอดมือเข้าไปในผมเธอ“ผมไม่ใช่โรคจิต สาบานได้”“ฉันจะพยายามเชื่อค่ะ” ลี่เหยียนหัวเราะ และพอนึกถึงเรื่องเมื่อวานก็หน้าแดงเล็กน้อย “แต่คุณจูบก้นฉันเมื่อวาน”“รู้สึกว่าผมทำมากกว่านั้นนะ” ว่าแล้วก็ไต่นิ้วจากหน้าท้องเธอลงไปจนถึงหว่างขา“
กู้หยุนเฟิงลุกออกจากตัวเธอเพื่อถอดเสื้อผ้าตัวเอง ลี่เหยียนหายใจติดขัดลำคอแห้งผากเมื่อเห็นความเป็นชายอันใหญ่โตดีดผึงออกมา“คุณกำลังจะ…” ลี่เหยียนจะเริ่มพูดแต่ถูกฟาดที่บั้นท้ายเบา ๆ“ชู่ว์!” เขาหยุดเธออีกครั้ง ทั้งยังยิ้มเจ้าเล่ห์”ทีนี้คุณก็นอนลง หลับตา แล้วอ้าขาออก” เขาสั่ง“คะ?” ลี่เหยียนงุนงง แต่รู้สึกตื่นเต้นไปกับคำสั่งเขา“อย่าถามมาก แค่ทำตามที่ผมบอก” พูดจบเขาก็ฟาดก้นเธออีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วไล้ไปตามความเป็นหญิงและแกล้งสะกิดติ่งสวาทเธอเล่น“อา…” ลี่เหยียนครางและอ้าขาออกให้เขา“เด็กดี” ชายหนุ่มคำรามขณะที่ก้มหน้าลงกัดลงที่ก้นเธอเบา ๆ“คุณจะทำอะไรคะ” ลี่เหยียนร้องถาม เสียงของเธอสั่นพร่าขณะที่รู้สึกว่าลิ้นเขากำลังเลียที่รอยแยกด้านหลัง“ห้ามถาม” เขาตีก้นและถูร่องสวาทเปียกชุ่มของเธอ“อื้อ” ลี่เหยียนร้อง ตอนนี้ร่างกายเธอตื่นตัวสุด ๆ“คุณหัวไวนะลี่เหย
“ดูหนังกันมั้ยจื่อหาน”ลี่เหยียนเดินออกจากห้องหลังจากสี่ชั่วโมงผ่านไป การแช่น้ำร้อนและได้นอนเต็มอิ่มทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้น“คุณอยากดูเรื่องอะไร”ลี่เหยียนเห็นกู้หยุนเฟิงนั่งอยู่กับจื่อหานในห้องนั่งเล่น เขากำลังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอ“คุณ! ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่อีก!”“ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่า” จื่อหานลุกขึ้นยืน ตั้งท่าว่าจะกลับห้องตัวเอง“เดี๋ยวก่อนสิจื่อหาน” ลี่เหยียนมองหน้าจื่อหาน รู้สึกเสียใจที่เพื่อนนั่งคุยกับชายหนุ่มทั้งที่รู้ว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง“ลองคุยกับเขาดูลี่เหยียน ฉันคิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด” จื่อหานตบไหล่เพื่อนขณะที่เดินออกไปลี่เหยียนค้อนเพื่อน แล้วค่อยหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม“ฉันคิดว่าฉันบอกให้คุณกลับไปนี่”“ทำไมผมไม่ได้ยินนะ” กู้หยุนเฟิงตบที่นั่งข้างตัวเป็นสัญญาณให้หญิงสาวมานั่ง“คุณต้องการอะไรกันแน่กู้หยุนเฟิง” ลี่เหยียนรู้สึกว่าความดันตัวเองกำลังขึ้นสูง“ผม