“เอ...ฉันจะชอบไอ้นั่นหรือลิ้นมากกว่ากันนะ” เธอเผลอพูดออกมา แต่พอเธอลืมตาขึ้น เธอเห็นว่าจื่อหานยืนนิ่งค้างไปแล้ว เธอเลยหันไปมองทางด้านขวามือตัวเองตามสายตาของเพื่อนสนิท ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มแสนเย่อหยิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้า!
...
ทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน
ดวงตาของลี่เหยียนสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่จ้องตรงมาที่เธอ เธอเห็นแววขบขันที่ฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ต้องยอมรับว่าชายตรงหน้าดูดีมากจริง ๆ แต่แล้วลี่เหยียก็แทบจะมุดหน้าดำดินหนี รู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด เมื่อนึกได้ว่าเพิ่งจะหลุดพูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึเปล่า
ถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บอาการแล้วจ้องชายหนุ่มกลับพร้อมกับลอบสำรวจเขาไปด้วย ริมฝีปากของเขาเป็นสีชมพูฉ่ำ สันกรามมีไรหนวดและเคราเล็กน้อย ทำให้เขาดูคมเข้มเซ็กซี่ แต่ลี่เหยียนดันไปจินตนาการว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากมันครูดไปกับผิวกายเธอ พอรู้ตัวว่าคิดเพ้อเจ้อลี่เหยียนก็หน้าร้อนแล้วอยากจะตบหน้าเตือนสติตัวเองสักฉาด
“แล้วคุณตัดสินใจได้รึยัง” ชายตรงหน้าถามอย่างเนิบช้า เสียงทุ้มลึกของเขาช่างล่อลวงให้จินตนาการระเบิดไปไกล
“ตัดสินใจอะไรคะ” ลี่เหยียนถามกลับทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“ความชอบของคุณไง” เขายิ้มแล้วเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
ลี่เหยียนมาองตามลิ้นของเขา เธอรู้ว่ากำลังถูกเขาล้อเลียน ทั้งที่เขินอายแทบแย่ แต่เธอทำเป็นไม่สนใจ
คนบ้า!
“ค่ะ” เธอตอบ ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย
“ว่า…?”
ชายหนุ่มโน้มตัวมาด้านหน้า ดวงตาเขาสบเข้ากับดวงตาของเธอ ลี่เหยียนรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอหันไปมองจื่อหานที่ซึ่งมองเธอกับชายแปลกหน้าสลับกันไปมาอย่างงงงวย แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินถอยหลังกลับไป แต่ก่อนหมุนตัวกลับยังมิวายขยิบตาให้กับเพื่อนรัก คราวนี้เห็นจะมีอะไรดี ๆ
ลี่เหยียนอยากจะลากแม่เพื่อนตัวดีมาตีเสียให้เข็ด แต่สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้คือหันกลับไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่โคตรหล่อและดูดีตรงหน้า แต่สายตาที่เขาใช้มองเธอเนี่ยแหละ ราวกับจะจับเธอเปลื้องผ้า
“ฉันจะชอบแบบไหนมันก็เป็นเรื่องของฉัน” พูดจบก็ฉีกยิ้มให้เขา แสดงท่าทีของสาวมั่นแต่ใจสั่นขาสั่นแทบจะยืนไม่อยู่ อับอายจนไม่รู้จะอับอายยังไงแล้ว
“แล้วถ้าผมอยากรู้ล่ะ” เขากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างแบบบางตรงหน้า แล้วยกมือขึ้นแตะไหล่เธอ
“คุณจะทำอะไร” ลี่เหยียนตกใจชักเท้าถอยไปข้างหลัง
“ผมก็จะหาคำตอบไง”
“หาคำตอบอะไรคะ”
หัวใจของลี่เหยียนเต้นรัวขึ้นเมื่อเผลอมองไปที่อกแกร่ง เธอบอกได้เลยว่าภายใต้ชุดสูทเขาต้องมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
“แล้วคุณจะได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าผมต้องการรู้เรื่องอะไรขึ้นมา”
“นั่นมันเรื่องของคุณ” เธอทำเป็นมั่นใจตอบกลับ แต่น้ำเสียงเธอกลับสั่น
“หึ ๆ” เขาหัวเราะล้อเลียนเบา ๆ ก่อนที่จะกระซิบข้างหูเธอ “แล้วพบกันครับ”
สุดท้ายเขาก็เดินจากไป
ลี่เหยียนจึงรีบประคองร่างที่แทบทรุดของตัวเองเดินไปสบทบกับจื่อหานที่ยืนรออยู่ไม่ไกล แต่เธอมั่นใจว่าใกล้พอได้ยินบทสนทนาทั้งหมด
“เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม” เธอกระซิบกระซาบกับเพื่อนทั้งที่หัวใจยังเต้นรัวจากการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเมื่อครู่
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาโคตรหล่อและเซ็กซี่เป็นบ้า โอกาสของแกมาถึงแล้วลี่เหยียน” จื่อหานใช้จังหวะนี้กระตุ้นเพื่อน “ถ้าเป็นเขานะ จะเป็นลิ้นหรือว่า…”
“จื่อหาน!” ลี่เหยียนรีบห้ามเพื่อนก่อนจะพูดจบ “ฉันคิดว่าเราควรเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า”
“ทำไมล่ะ แกไม่คิดว่าเขาดูดีน่าขย้ำเหรอ” จื่อหานยังไม่หยุดกระเซ้า
“เอาละ ก็ได้ ๆ ฉันไม่ปฏิเสธ”
“เห็นมะ เขาเป็นผู้ชายประเภทที่แค่ผู้หญิงเห็นก็พร้อมกระโจนขึ้นเตียงด้วย แล้วแกล่ะว่าไงลี่เหยียน”
“อืม แต่ฉันจะไม่ขึ้นเตียงกับเขาหรอกนะ”
ลี่เหยียนเห็นด้วยกับเพื่อน เพราะเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ได้เผชิญหน้ากับเขา เธอยังรู้สึกถึงพลังแห่งบุรุษเพศอันเข้มข้นที่แผ่ออกมา และตลอดเวลาในงานเลี้ยงเธอห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะไม่เผลอมองหาเขา
ที่เขาบอกว่าแล้วพบกัน เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ หรือ
เธอไม่ได้ตั้งใจมองหาเขาเป็นจริงเป็นจัง พอนั่งไปสักพักจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ ในใจเธอก็แอบหวังว่าจะได้เจอผู้ชายคนนั้น ปรากฏว่าเธอไม่เห็นแม้แต่เงาเขาจนกระทั่งเธอทำธุระเสร็จและออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอยอมรับว่ารู้สึกเสียดายนิดหน่อย เธอไม่ได้อยากขึ้นเตียงกับเขาซะหน่อย
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินกลับ เธอรู้สึกว่ามีมือใครบางคนมารั้งเอวเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปยังมุมที่ลับตา
เฮือก!ลี่เหยียนสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงทุ้มนุ่มทว่าฟังแล้วเย้ายวนกระซิบชิดริมหู และมือใหญ่ได้เลื่อนจากเอวบางไปยังสะโพก“ตกลงคุณตัดสินใจได้รึยัง”เธอจำเสียงนี้ได้ในทันที หัวใจเธอกำลังเต้นเร็วแรง และตัดสินใจค่อย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง ไม่รู้ว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหน อาจเป็นเพราะเสน่ห์เกินห้ามใจของชายหนุ่ม ที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างโดยที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ“ต้องเป็นลิ้นสิคะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอจนริมฝีปากเขาแทบจะสัมผัสกับของเธอ“คุณรู้อะไรมั้ย มีคนเคยบอกว่าผมใช้ลิ้นเก่ง”“…”น้ำเสียงทุ้มล่อลวงของเขาทำให้ลี่เหยียนรู้สึกประหม่าเขาขยิบตาให้พร้อมกับฉวยข้อมือเธอให้เดินตามเขากลับไปยังห้องน้ำที่ปราศจากผู้คน ลี่เหยียนรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะโดนเสือขย้ำ มิหนำซ้ำยังเป็นเสือร้ายเสียด้วย แต่เธอมิอาจขัดขืนเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่เลือดในกายกำลังสูบฉีดไปด้วยความร้อนแห่งเปลวเพลิงปรารถนา ทุกสิ่งในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้นึกถึงเซ็กซ์ตลอดเวลา เธอหวั่นเกรง แต่ก็ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย คิดว่าหากพลาดโอกาสนี้ไปคงจะรู้สึกเสียดายมากกว่า“คุณเซ็กซี่มาก” เขากระ
“เสร็จให้ผมเด็กดี” เขากระซิบพร้อมกับเร่งจังหวะตวัดและแยงลิ้นเข้าออกความเสียวซ่านแทบขาดใจทำให้ลี่เหยียนกระหายรู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากได้มีเซ็กซ์กับเขาจริง ๆ ความเสียวซ่านดำเนินมาจนถึงขึดสุดเกินกว่าที่ลี่เหยียนจะรับมือไหว ในที่สุดเธอก็เสร็จให้เขาจริง ๆ เขาจูบปุ่มสวาทเธอ ใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำหวานที่เธอปลดปล่อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน“คุณหวานมาก” เขาบอกเธอด้วยความพอใจลี่เหยียนสบตาเขา ก่อนที่เธอจะจูบที่คอเขาแล้วดูดเม้ม“คุณกำลังจะทิ้งรอยบนคอผม” เขาเตือน“ฉันอยากฝากรอยไว้บนตัวคุณ” เธอบอกเขา แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะยั่วเขาแบบนี้“คุณได้ฝากรอยเอาไว้แล้ว” เขาบอกเสียงแหบพร่าพร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเอง “คุณให้ผมยิ่งกว่ารอยจูบเสียอีก”ลี่เหยียนหัวเราะ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยเธอกลับเลยเถิดไปกับเขาได้ขนาดนี้ แต่ลึก ๆ ในใจเธออยากเลยเถิดไปมากกว่านี้ เธอจึงเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดเขา เธอปลดมันออกอย่างง่ายดาย ตามมาด้วยกระดุมกางเกง แต่พอมาถึงซิปกลับเจอปัญหา“มันรูดไม่ลงค่ะ” เธอบอกแล้วเงยหน้ามองเขา เธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่“บางทีซิปมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าถ้าป
“นี่ห้องผมครับ”เสียงประตูที่ปิดลงด้านหลังราวกับเตือนให้ลี่เหยียนรู้ว่าเธอจะไม่ได้ออกจากห้องนี้อย่างน้อยก็คืนนี้ ก่อนหน้านี้เธอต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก เพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตเธอ แต่ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ให้กับข้อเสนอที่เย้ายวนใจของเขา ด้วยเหตุที่ว่าเธอจะเสียดายมากกว่าถ้าไม่ตอบรับ เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา ห้องนี้กว้างมากและตกแต่งอย่างสวยงาม“ห้องนี้สวยมาก และราคาคงแพงมากด้วย”“ครับ ห้องสวีทชั้นหนึ่ง” เขาพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ เดินตรงเข้าหาเธอ“เอ่อ…คุณจองห้องนี้ตัดหน้าคู่บ่าวสาวรึเปล่าคะ” เธอพยายามเค้นอารมณ์ขันออกมาในขณะที่รู้สึกว่าท้องไส้กำลังปั่นป่วนเขายิ้ม แต่เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาช่างแสนล่อลวง โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็ฉุดร่างเธอให้ปะทะเข้ากับเขา“เราควรจะหยุดคุยเรื่องไร้สาระ คุณว่ามั้ย” เขากระซิบชิดริมหู ลมหายใจร้อนที่ตกกระทำทำให้ลี่เหยียนขนลุกซู่“ฉัน…เอ่อ…”“ชู่ว์…อย่าเสียเวลาของเราอีกเลย”เขาเริ่มไซ้ซอกคอของเธอ กลิ่นกายสาวเร้าเลือดในกายหนุ่มให้ฉีดพล่าน“แต่ฉันยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของคุณ” ลี่เหยียนขืนตัวออกเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอ
ชายหนุ่มไล้นิ้วมาถึงริมฝีปากแล้วสอดนิ้วเข้าไปในปากเธอ เธอตกใจแต่ก็ดูดนิ้วเขาเบา ๆ ดวงตาของเขาเข้มข้นไปด้วยความปรารถนา เขาค่อย ๆ ชักนิ้วออกจากปากเธอแล้วจุ่มมันลงไปในแก้วแชมเปญก่อนที่จะใส่มันเข้าปากเธออีกครั้ง เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลย เธอดูดนิ้วเขาแรงขึ้น ใช้ลิ้นเลียรสชาติของแชมเปญที่ติดอยู่บนนิ้วเขาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปยามเมื่อเธอขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น ท่าทางของเขาทำให้ลี่เหยียนใจกล้า เธอลองวางมือลงบนหน้าขาของเขา แล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปตรงกลางลำตัว ขณะเดียวกันเธอก็ยังไม่หยุดดูดเลียนิ้วมือแกร่ง เธอรู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์ขั้นสุด นั่นทำให้เธอรู้สึกมีกำลังใจที่รู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อผู้ชายที่เรียกได้ว่าไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ลี่เหยียนตัดสินใจเดินหน้า ไม่สนใจแล้วว่าครั้งแรกของเธอจะเป็นแค่วันไนต์สแตนด์ เป็นแค่เซ็กซ์ที่ไม่มีความผูกพัน เธอมั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำให้เธอมีประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดอย่างไม่เคยลืมแน่นอน“คุณกำลังยั่วผมอยู่นะ” เขาเตือนเสียงแหบพร่า ดึงนิ้วออกจากปากเธอ แล้ววางมือลงบนหน้าอกเธอแทน เขาขยำมันเบา ๆ ก่อนที่จะออกคำสั่ง “ยืนขึ้น แล้วถอดเสื้อผ้าออก”ลี่เหยียนชะงักไปกับความเปลี่ยนแ
“แล้วคุณรออะไรอยู่ล่ะคะ” เธอหัวเราะยั่วเขา แล้วเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้น เฮ่าหรานตรงไปยังเตียงนอน“ผมพร้อมตั้งนานแล้วคุณก็รู้”เขาวางเธอลงบนเตียง โน้มตัวลงมาถอดชุดเธอออก นัยน์ตาเขาคล้ายมีประกายไฟดวงย่อม ๆ ขณะที่จ้องมองร่างเปลือยเปล่าของเธอ“ไม่สวมแพนตี้ คุณมันดาวยั่ว”เขาดึงเนคไทออกและเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเอง“หก” ลี่เหยียนพึมพำกับตัวเองแล้วแอบยิ้ม“อะไรครับ” เขาหันมาหาเธอขณะที่กำลังปลดเข็มขัด“คุณมีลอนหน้าท้องหกลอน ตอนแรกฉันคิดว่าคุณอาจจะมีถึงแปด” เธอชี้ไปที่หน้าท้องหนั่นแน่นของเขา“มันเป็นปัญหากับคุณเหรอ” เขานั่งลงบนเตียงข้างเธอ ดึงมือของเธอให้ลูบไปทั่วแผงอกและหน้าท้องของตัวเอง“อืม…ขอฉันคิดดูก่อนละกัน” ปากตอบออกไป แต่ใจเต้นระรัว ถึงอย่างนั้นเธอกลับชอบและไล่นิ้วไปทั่วแผ่นอกเขาอย่างสำรวจตรวจตรา เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากผิวกายชายหนุ่ม เป็นความร้อนเร่าที่กำลังจะกลืนกินเธออยู่ในขณะนี้“ไม่ต้องคิดนานหรอก” เขาครางเสียงต่ำและถอดกางเกงโยนออกไปบนพื้นตอนนี้เขาขยับตัวขึ้นมานอนด้านข้างเธอ บนตัวเขาเหลือแต่กางเกงในสีขาวเท่านั้น และลี่เหยียนไม่แน่ใจว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน แม้จะเวอร์จิ้น
“ทำต่อสิคะ” ลี่เหยียนเร่งเร้า เกรงว่าเขาจะปล่อยให้เธอค้างเติ่งกลางทาง ถ้าไม่อย่างนั้นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอจากที่วิเศษสุดจะกลายเป็นห่วยแตกบรมจนยากจะลืม“คุณมันร้าย” เขาคาดโทษเธอไม่จริงจังนักแล้วดันตัวตนเข้าไปในช่องทางที่แสนคับแคบแถมยังตอดรัดอยู่ตลอดเวลา“อ๊ะ”“ผมจะพยายามนุ่มนวลกับคุณให้มากที่สุด”เขาต้องพยายามอย่างมากในการทำตามที่พูด เพราะความจริงแล้วเขาอยากร่วมรักกับเธอให้สุดเหวี่ยง การเคลื่อนตัวของเขาไปได้ช้ามากทั้งยังถูกบีบรัดจนเขารวดร้าวไปทั้งตัว แต่พอเห็นหญิงสาวใต้ร่างกัดปากข่มกลั้นความเจ็บก็นึกเห็นใจ พอเขาขยับตัวเข้าไปชนกับทางตันเขาก็หยุดเอาไว้ ก้มลงจูบซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเธอ ความพยายามของเธอในการเปิดรับตัวตนอันใหญ่โตของเขาทำให้เธอดูเซ็กซี่และเร่าร้อน“ผมขอโทษนะ แล้วผมจะชดเชยให้หลังจากนี้” เขาบอกแล้วจูบปากเธอ ก่อนที่จะผลักดันตัวตนเข้าไปโดยแรงจนสุด“โอ๊ย…” ลี่เหยียนสะดุ้ง ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกถึงอวัยวะเบื้องล่างที่ฉีกขาด ความรัญจวนก่อนหน้าหายไปสิ้น“ฉันเจ็บ” เธอโอดครวญน้ำตาเล็ด“ผมรู้” เขายกมือลูบผมเพื่อปลอบเธอเขายังแช่ตัวตนไว้นิ่ง รอให้เธอปรับตัวสักพัก ป
“มันน่ารำคาญมากที่ฉันต้องกลับบ้านเพราะลูกสาวคนเก่งของพ่อแม่กลับบ้าน”ลี่เหยียนตะโกนใส่โทรศัพท์ขณะที่กำลังขับรถไปยังบ้านพ่อแม่ตัวเองเพราะพ่อแม่โทรเรียกเธอไปหาเนื่องจากพี่สาวของเธอกลับบ้าน“ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ฉันจะต้องกลับไปเลย” เธอบ่นต่อ“ฮ่า ๆ พวกท่านคงคิดถึงแกมั้ง หรือไม่ก็พวกท่านอาจมีหนุ่มหล่อมาแนะนำเธอก็ได้” จื่อหานหัวเราะ“ไม่มีทาง” ลี่เหยียนปฏิเสธทันควัน พลันนึกไปถึงวันไนต์ของเธอ“น่าเสียดายพี่ลิ้นดุของเธอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเขา” เพื่อนสาวเอ่ยถึงฉายาที่พวกเธอตั้งให้กับผู้ชายวันไนต์ของลี่เหยียน ทั้งสองคนสนิทกันมาก ไม่เคยมีความลับอะไรต่อกัน ดังนั้นประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรกของลี่เหยียนจึงถูกถ่ายทอดให้จื่อหานฟัง“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างมันก็แค่วันไนต์ซึ่งฉันกับเขาตกลงกันไว้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก”“แต่ฉันมั่นใจว่าหากเธออยู่ต่อมันจะต้องมีคืนที่สองแน่”“ฉันดีใจที่ฉันตัดสินใจกลับก่อนที่เขาจะตื่นแล้วได้พูดอะไรที่จะทำให้ฉันดูเป็นพวกสิ้นราคา”“ฉันคิดว่าเขาจะกินเธอต
“ฉัน…” ลี่เหยียนรู้สึกพูดติดขัดเมื่อจ้องตากับเขา เธอเหมือนว่ากำลังจะเป็นลมและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน“ลี่เหยียน เธอเจอหยุนเฟิงแล้วเหรอ” เสียงของพี่สาวเธอดังขึ้น จากนั้นเจ้าตัวก็เดินฉีกยิ้มเข้ามา“ค่ะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบแล้วสายตาเธอก็เห็นผู้ชายอีกคน ที่หน้าละม้ายคล้ายกับกู้หยุนเฟิงเดินเข้ามา“นี่เทียนอี้เป็นน้องชายของหยุนเฟิง” พี่สาวแนะนำ เขาดูหล่อและค่อนข้างอ่อนโยนกว่าพี่ชาย“สวัสดีค่ะ” ลี่เหยียนยิ้มให้ชายหนุ่ม แล้วก็มองกลับไปที่พี่สาวตัวเอง “พี่เมิ่งฉี ฉันขอถามอะไรหน่อยนะ สรุปว่าพวกเขาสองคนมาทำอะไรกัน”“พ่อกับแม่ไม่ได้บอกเธอเหรอ” เมิ่งฉีถามด้วยความสงสัย แล้วหันไปมองหน้าพ่อที่ตอนนี้คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว“พอดีเพื่อนพ่อโทรมาน่ะ” พ่อตอบ“อ๋อ ค่ะ ถ้างั้นหนูขอบอกเองละกันนะคะ” เมิ่งฉีพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมามองหน้าน้องสาว“พี่กำลังจะแต่งงาน” เธอบอกพร้อมกับโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย“ดีใจด้วยค่ะพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนสวมกอดพี่สาว แล้วหันไปหากู้เทียนอี้ “ดีใจกับคุณด้วยเช่นกันค่ะ ขอต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา”“ไม่ใช่ครับ คุณแสดงความ
ลี่เหยียนออกมายังศาลากลางน้ำ สถานที่สุดโปรดของเธอ เธอฮัมเพลงเบา ๆ สายลมธรรมชาติพัดมาเอื่อย ๆ ทำให้เธอสดชื่นและผ่อนคลายมากขึ้นทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งเมื่อมีมือหนึ่งมาวางบนไหล่“ลี่เหยียน ผมเอง”ร่างกายของลี่เหยียนตึงเครียดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มห้าวนี้“อ่อ คุณนั่นเอง” เธอหันหลังกลับและส่งยิ้มฝืด ๆ ให้ พยายามไม่สบตาเขา“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นนักร้องด้วย”“ฮะ? อะไรคะ?” ลี่เหยียนงง“คุณเคยติดชาร์ตมั้ย”“ชาร์ตอะไร”“ไอทูนส์ ยูทูป สปอร์ติฟาย”“อะไรของคุณ”“ผมถามเกี่ยวกับอาชีพนักร้องของคุณ” เขาหัวเราะเบา ๆ ที่ได้แกล้งเธอ“คุณมันบ้า” ลี่เหยียนจ้องเขาเขม็งด้วยความไม่สบอารมณ์ อุตส่าห์หนีมาถึงนี่แล้วเขายังจะตามมาหลอกมาหลอนเธออีก“คุณดูเหมือนอินกับเพลงที่ร้องมาก” สายตาเขาไม่ละไปจากเธอลี่เหยียนสายหัว “ฉันรู้ว่าฉันร้องผิดคีย์ แต่ฉันก็แค่อยากร้อง”“ผมไม่ได้บอกว่าให้คุณหยุดร้อง ยินดีด้วยซ้ำที่ได้ฟัง”“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว” ลี่เหยียนหัวเราะ “พี่ชายฉันถึงกับยอมจ่ายเงินปิดปากไม่ให้ฉันร้
“เธอมันเลววววยัยลี่เหยียน” จื่อหานเน้นเสียงและหัวเราะชอบใจหลังจากได้ฟังเรื่องราวของเพื่อนกับพี่ลิ้นดุที่บุกมาถึงในห้องนอน เพราะลี่เหยียนเล่าให้เพื่อนสนิทฟังอย่างละเอียดไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย“คนที่เลวไม่ใช่ฉันเพื่อนรัก” ลี่เหยียนพูดอย่างหัวเสียพลางนึกถึงหน้าหล่อ ๆ ของชายหนุ่ม “พี่ลิ้นดุของเธอนั่นแหละที่เลว”“ของฉันหรือว่าของเธอ” จื่อหานย้อนถามเชิงหยอกล้อ“ไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ เขาเป็นของพี่เมิ่งฉี” พูดพลางถอนหายใจ “จื่อหานจริงจังหน่อย ฉันจะทำยังไงดี”“ฉันถึงบอกว่าเธอน่ะเลวไง” จื่อหานหัวเราะลั่น“นี่เธอหมายความว่าไง” ลี่เหยียนถามจริงจัง เธอกำลังเครียดแต่เพื่อนกลับทำเป็นเล่น“เธอมาถามฉันว่าต้องทำไงได้ยังไง เธอต้องถามตัวเอมากกว่าว่าในฐานะน้องสาวที่ดีจะต้องทำยังไง”“เธอว่าฉันควรบอกความจริงกับพี่เมิ่งฉีมั้ย”“ห้ามเลยนะลี่เหยียน ถ้าปกติฉันจะแนะนำให้เธอพูดความจริง แต่นี่พี่เมิ่งฉีกำลังท้อง”“ฉันรู้ นี่แหละที่ทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปกว่าเดิม”“ลี่เหยียน! แล้วถ้าเธอเกิดท้องขึ้นมาบ้างล่ะ”“บ้าไปแล้วจื่อหาน คืนนั้นเข
เมื่อพี่สาวออกไปแล้วลี่เหยียนจึงรีบปิดประตูและล็อกให้เรียบร้อย ขณะเดียวกันกับที่กู้หยุนเฟิงคลานออกมาจากเตียง เขายืนจ้องหญิงสาวด้วยดวงตาคมกริบที่อ่านไม่ออก“ทีนี้คุณก็รู้แล้ว่าทำไมผมกับเมิ่งฉีถึงจะแต่งงานกัน”“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณยังอยากแต่งงานกับพี่เมิ่งฉีหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมด”“ทำไมล่ะ” เขาเลิกคิ้ว“พี่สาวฉันต้องการจับคุณ”ชายหนุ่มยักไหล่ “เมิ่งฉีก็ไม่ได้ปิดบังว่าต้องการจับผม”“หา! พวกคุณนี่มันยังไง” ลี่เหยียนงงหนัก “แล้วคุณโอเคกับเรื่องนี้เหรอ”“ผมกับเมิ่งฉีไม่มีอะไรปิดบังกัน เรารู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่”ลี่เหยียนกลอกตามองบน“ถ้างั้นพี่เมิ่งฉีรู้เรื่องที่เราเคยมีอะไรกันรึเปล่า”“ไม่” เขาหรี่ตาลง “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใครจนกระทั้งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า“เฮอะ! แล้วคุณจะบอกพี่เมิ่งฉีมั้ย”“แน่นอนว่าไม่ เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป”“แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนแล้วนี่”“มันก็ไม่เชิง แต่ว่ามันอาจจะซับซ้อนได้ถ้าคุณยังอยากนอนกับผม และผมมั่นใจว่าคุณอยาก” เขาพูดด้วยความมั่นใจและจ
ก๊อก ๆ ๆ“ลี่เหยียนขอพี่เข้าไปได้มั้ย” เสียงของพี่สาวดังอยู่หน้าห้องลี่เหยียนตกใจ มองหน้าคนตัวโตสลับกับประตู“แป๊บนึงนะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบกลับแล้วดึงมือชายหนุ่มให้นั่งลงกับพื้น“คุณไปหลบที่ใต้เตียง” เธอสั่งเสียงกระซิบ “เดี๋ยวนี้!”“โอเค” เขาตอบแล้วยอมคลานเข้าไปใต้เตียงเธอแต่โดยดี“ลี่เหยียน พี่เข้าไปได้ยัง” เสียงพี่สาวดังขึ้นอีกครั้ง“กำลังมาแล้วค่ะ” เธอตอบกลับไป พลางสำรวจดูว่าชายหนุ่มหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิดแล้วจึงค่อยเดินไปเปิดประตู“พี่เมิ่งฉีมีอะไรรึเปล่า”“ขอพี่เข้าไปหน่อยได้มั้ย”พี่สาวของเธอดูลังเล ลี่เหยียนเลยมองด้วยความสงสัย เพราะพี่สาวเธอเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาตลอด พี่สาวเธอเป็นคนสวย เก่ง เต็มไปด้วยความมั่นใจ และอยากได้อะไรก็ต้องได้ เป็นคนประเภทเดียวกับกู้หยุนเฟิง“ค่ะ”เมื่อประตูห้องปิดลงพี่สาวเธอจึงตั้งคำถาม“ลี่เหยียนเธอคิดยังไงกับหยุนเฟิง”“คะ?”“พี่แค่อยากถามความเห็นของเธอเพราะว่าเธอมองคนเก่ง”ลี่เหยียนจ้องพี่สาวอย่างตะลึง แปลกใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สาวคิ
ก๊อก ๆ ๆลี่เหยียนไม่สนใจเสียงเคาะประตูด้านนอก ต้องเป็นใครสักคนในบ้าน แต่เธอไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น ตอนนี้เธอต้องการคุยกับจื่อหานอย่างด่วน เธออยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง เธอเชื่อว่าจื่อหานจะแนะนำเธอได้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไป จะแก้ปัญหานี้อย่างไร แต่ลี่เหยียนรู้ดีว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดวิธีเดียวก็คือการอยู่เฉย ๆ เธอจะต้องแสร้งทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกับกู้หยุนเฟิงมาก่อนก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะประตูดังหนักขึ้น“ใครคะ” เธอถามออกไป รู้สึกงุ่นง่านเพราะเกรงว่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุด“ผมเอง” เสียงทุ้มตอบกลับ “ขอผมเข้าไปได้มั้ย”บ้าไปแล้ว! เขากำลังจะแอบย่องเข้าห้องน้องว่าที่เจ้าสาวกลางดึกเนี่ยนะ“ลี่เหยียน” เขาเรียกอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ“คะ” เธอเดินไปที่ประตู ตอบเขาเสียงเบาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน“เปิดประตูให้ผมหน่อย”“คุณมีอะไร” เธอถามเขา เสียงเธอติดสั่นหวาดหวั่น เธอกลัวใจตัวเอง เธอไม่ไว้ใจตัวเองที่จะอยู่ในห้
“ฉัน…” ลี่เหยียนรู้สึกพูดติดขัดเมื่อจ้องตากับเขา เธอเหมือนว่ากำลังจะเป็นลมและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน“ลี่เหยียน เธอเจอหยุนเฟิงแล้วเหรอ” เสียงของพี่สาวเธอดังขึ้น จากนั้นเจ้าตัวก็เดินฉีกยิ้มเข้ามา“ค่ะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบแล้วสายตาเธอก็เห็นผู้ชายอีกคน ที่หน้าละม้ายคล้ายกับกู้หยุนเฟิงเดินเข้ามา“นี่เทียนอี้เป็นน้องชายของหยุนเฟิง” พี่สาวแนะนำ เขาดูหล่อและค่อนข้างอ่อนโยนกว่าพี่ชาย“สวัสดีค่ะ” ลี่เหยียนยิ้มให้ชายหนุ่ม แล้วก็มองกลับไปที่พี่สาวตัวเอง “พี่เมิ่งฉี ฉันขอถามอะไรหน่อยนะ สรุปว่าพวกเขาสองคนมาทำอะไรกัน”“พ่อกับแม่ไม่ได้บอกเธอเหรอ” เมิ่งฉีถามด้วยความสงสัย แล้วหันไปมองหน้าพ่อที่ตอนนี้คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว“พอดีเพื่อนพ่อโทรมาน่ะ” พ่อตอบ“อ๋อ ค่ะ ถ้างั้นหนูขอบอกเองละกันนะคะ” เมิ่งฉีพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมามองหน้าน้องสาว“พี่กำลังจะแต่งงาน” เธอบอกพร้อมกับโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย“ดีใจด้วยค่ะพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนสวมกอดพี่สาว แล้วหันไปหากู้เทียนอี้ “ดีใจกับคุณด้วยเช่นกันค่ะ ขอต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา”“ไม่ใช่ครับ คุณแสดงความ
“มันน่ารำคาญมากที่ฉันต้องกลับบ้านเพราะลูกสาวคนเก่งของพ่อแม่กลับบ้าน”ลี่เหยียนตะโกนใส่โทรศัพท์ขณะที่กำลังขับรถไปยังบ้านพ่อแม่ตัวเองเพราะพ่อแม่โทรเรียกเธอไปหาเนื่องจากพี่สาวของเธอกลับบ้าน“ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ฉันจะต้องกลับไปเลย” เธอบ่นต่อ“ฮ่า ๆ พวกท่านคงคิดถึงแกมั้ง หรือไม่ก็พวกท่านอาจมีหนุ่มหล่อมาแนะนำเธอก็ได้” จื่อหานหัวเราะ“ไม่มีทาง” ลี่เหยียนปฏิเสธทันควัน พลันนึกไปถึงวันไนต์ของเธอ“น่าเสียดายพี่ลิ้นดุของเธอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเขา” เพื่อนสาวเอ่ยถึงฉายาที่พวกเธอตั้งให้กับผู้ชายวันไนต์ของลี่เหยียน ทั้งสองคนสนิทกันมาก ไม่เคยมีความลับอะไรต่อกัน ดังนั้นประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรกของลี่เหยียนจึงถูกถ่ายทอดให้จื่อหานฟัง“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างมันก็แค่วันไนต์ซึ่งฉันกับเขาตกลงกันไว้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก”“แต่ฉันมั่นใจว่าหากเธออยู่ต่อมันจะต้องมีคืนที่สองแน่”“ฉันดีใจที่ฉันตัดสินใจกลับก่อนที่เขาจะตื่นแล้วได้พูดอะไรที่จะทำให้ฉันดูเป็นพวกสิ้นราคา”“ฉันคิดว่าเขาจะกินเธอต
“ทำต่อสิคะ” ลี่เหยียนเร่งเร้า เกรงว่าเขาจะปล่อยให้เธอค้างเติ่งกลางทาง ถ้าไม่อย่างนั้นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอจากที่วิเศษสุดจะกลายเป็นห่วยแตกบรมจนยากจะลืม“คุณมันร้าย” เขาคาดโทษเธอไม่จริงจังนักแล้วดันตัวตนเข้าไปในช่องทางที่แสนคับแคบแถมยังตอดรัดอยู่ตลอดเวลา“อ๊ะ”“ผมจะพยายามนุ่มนวลกับคุณให้มากที่สุด”เขาต้องพยายามอย่างมากในการทำตามที่พูด เพราะความจริงแล้วเขาอยากร่วมรักกับเธอให้สุดเหวี่ยง การเคลื่อนตัวของเขาไปได้ช้ามากทั้งยังถูกบีบรัดจนเขารวดร้าวไปทั้งตัว แต่พอเห็นหญิงสาวใต้ร่างกัดปากข่มกลั้นความเจ็บก็นึกเห็นใจ พอเขาขยับตัวเข้าไปชนกับทางตันเขาก็หยุดเอาไว้ ก้มลงจูบซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเธอ ความพยายามของเธอในการเปิดรับตัวตนอันใหญ่โตของเขาทำให้เธอดูเซ็กซี่และเร่าร้อน“ผมขอโทษนะ แล้วผมจะชดเชยให้หลังจากนี้” เขาบอกแล้วจูบปากเธอ ก่อนที่จะผลักดันตัวตนเข้าไปโดยแรงจนสุด“โอ๊ย…” ลี่เหยียนสะดุ้ง ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกถึงอวัยวะเบื้องล่างที่ฉีกขาด ความรัญจวนก่อนหน้าหายไปสิ้น“ฉันเจ็บ” เธอโอดครวญน้ำตาเล็ด“ผมรู้” เขายกมือลูบผมเพื่อปลอบเธอเขายังแช่ตัวตนไว้นิ่ง รอให้เธอปรับตัวสักพัก ป
“แล้วคุณรออะไรอยู่ล่ะคะ” เธอหัวเราะยั่วเขา แล้วเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้น เฮ่าหรานตรงไปยังเตียงนอน“ผมพร้อมตั้งนานแล้วคุณก็รู้”เขาวางเธอลงบนเตียง โน้มตัวลงมาถอดชุดเธอออก นัยน์ตาเขาคล้ายมีประกายไฟดวงย่อม ๆ ขณะที่จ้องมองร่างเปลือยเปล่าของเธอ“ไม่สวมแพนตี้ คุณมันดาวยั่ว”เขาดึงเนคไทออกและเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเอง“หก” ลี่เหยียนพึมพำกับตัวเองแล้วแอบยิ้ม“อะไรครับ” เขาหันมาหาเธอขณะที่กำลังปลดเข็มขัด“คุณมีลอนหน้าท้องหกลอน ตอนแรกฉันคิดว่าคุณอาจจะมีถึงแปด” เธอชี้ไปที่หน้าท้องหนั่นแน่นของเขา“มันเป็นปัญหากับคุณเหรอ” เขานั่งลงบนเตียงข้างเธอ ดึงมือของเธอให้ลูบไปทั่วแผงอกและหน้าท้องของตัวเอง“อืม…ขอฉันคิดดูก่อนละกัน” ปากตอบออกไป แต่ใจเต้นระรัว ถึงอย่างนั้นเธอกลับชอบและไล่นิ้วไปทั่วแผ่นอกเขาอย่างสำรวจตรวจตรา เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากผิวกายชายหนุ่ม เป็นความร้อนเร่าที่กำลังจะกลืนกินเธออยู่ในขณะนี้“ไม่ต้องคิดนานหรอก” เขาครางเสียงต่ำและถอดกางเกงโยนออกไปบนพื้นตอนนี้เขาขยับตัวขึ้นมานอนด้านข้างเธอ บนตัวเขาเหลือแต่กางเกงในสีขาวเท่านั้น และลี่เหยียนไม่แน่ใจว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน แม้จะเวอร์จิ้น