หากไม่เห็นภรรยาเก่าที่เดินตามมา เขาคงไม่รู้ว่าเป็นลูกสาว
“เอ๊ะ! นั่นชุดครุยนี่นา” ชายกลางคนอุทานด้วยสุ้มเสียงตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายภูมิใจจนปิดไม่มิด
“นี่หนูเรียนจบปริญญาแล้วหรือลูก”
รุจารินตอบกลับคำถามนั้นด้วยสายตาเย็นชาหมางเมิน ก่อนหันมาเอ่ยกับผู้เป็นมารดาที่ยังคงอึ้งไม่หายเพราะไม่ได้คิดเตรียมใจมาก่อน
“แม่คะ จ๋าไม่อยากกินร้านนี้แล้ว เราไปที่อื่นดีกว่านะคะ”
“ต๊าย! ยังจองหองเหมือนแม่ไม่มีผิด” ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ยามตวัดมองคนสาระแนพูดแทรกอย่างไม่พอใจ พอรับรู้ได้ถึงอาการมือสั่นของมารดาที่คงตกใจไม่น้อย ทำให้เธอกระชับมือข้างนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย วันนี้เธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกแม่ได้อีก ข้ามศพเธอไปก่อนเถอะ!
“หึ! จองหอง...ก็ยังดีกว่าหน้าด้านไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวลอยหน้าเอ่ยหน้าตาเฉย ปกติเธอไม่ชอบหาเรื่องใครก่อน แต่ก็ไม่ยอมอยู่เฉยหากโดนใครมาหาเรื่อง
“เอ๊ะ! แก...”
นางปราณีชักสีหน้าใส่ รู้สึกขัดตาเมื่อเห็นความสำเร็จของลูกติดสามี พอนึกเปรียบเทียบกับลูกสาวตนที่หัวไม่ค่อยดีจนเกือบเรียนซ้ำชั้นก็รู้สึกอิจฉา ยิ่งความงามนั้นยิ่งไม่ต้องเทียบกัน เพราะปิยะดาดูจืดสนิทยามยืนเทียบกับหญิงสาวตรงหน้า ไม่บอกก็คงไม่มีใครคิดว่าสองคนเป็นพี่น้องต่างแม่กัน
“ไม่เอาน่าคุณณี อย่ามีเรื่องตรงนี้เลยน่า อายเขาบ้าง” นายปิยะไกล่เกลี่ย พลางมองรอบกายที่เริ่มมีคนแถวนั้นหันมาสนใจและรอดูมวยคู่เอกกัน
“ก็ดูปากลูกสาวพี่สิ ด่าณีหน้าด้านไม่เห็นเหรอ เด็กอะไรพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” คำนั้นทำให้คนถูกสบประมาทตาวาวโรจน์ หากเมื่อหางตาแอบเห็นใบหน้าจืดเจื่อนของบิดา ริมฝีปากงามก็เหยียดยิ้มหยันลึกๆ
“นั่นสิคะ คุณพูดถูก จะให้ฉันเอาพ่อที่ไหนมาสั่งสอนละคะในเมื่อมีคนใจทรามมาแย่งพ่อไปหน้าด้านๆ” คนพูดกดยิ้มเยาะ “แต่ยังดีที่ฉันมีแม่คอยอบรมสั่งสอนให้เป็น ‘คนดี’ ไม่คิดแย่งสามีของคนอื่นมาเป็นของตัวเองอย่างหน้าด้าน!”
“แก! นัง...”
“เราไปเถอะค่ะแม่ จ๋าขี้เกียจดูละครน้ำเน่า ไร้สาระ!” หญิงสาวตัดบทหน้าตาเฉย พลางโอบประคองมารดาเดินออกไปจากร้านไปอย่างไม่ไยดีคนข้างหลังที่โกรธจนหน้าเขียว
“เดี๋ยวลูก!” นายปิยะรีบเรียกไว้ “ตอนนี้หนูกับแม่ไปอยู่ที่ไหน ขอเบอร์โทรให้พ่อหน่อยได้ไหมลูก เผื่อเราจะได้ติดต่อกันไง”
“พี่ยะ!” นางปราณีหวดเข้าที่แขนสามีดังผลัวะ แต่อีกฝ่ายหาสนใจไม่ เขามองใบหน้าสวยของลูกและแลเลยไปยังอดีตภรรยาที่แม้จะผ่ายผอมลงแต่ดารินก็ยังงดงามสมวัยแม้ไม่ต้องโบกเครื่องสำอางหนาเตอะเท่าภรรยาคนปัจจุบันของเขา
รุจารินยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเรียบเฉยแฝงด้วยรอยหยันนิดๆ
“ติดต่อกันไปทำไมคะ ในเมื่อพ่ะ...เอ้ย! พวกคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราซักหน่อย ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้ว”
“ลูกจ๋า...” นางดารินกระตุกมือลูกสาว พร้อมส่ายหน้าปรามเบาๆ ถึงเลิกรากันแล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังได้ชื่อว่าพ่อของรุจาริน เธอไม่ต้องการให้ใครว่าได้ว่าลูกสาวของเธอเป็นเด็กก้าวร้าวต่อบุพการีจนเป็นบาปกรรมติดตัว
“กลับบ้านเราดีกว่านะลูก แม่เหนื่อยแล้วอยากพัก”
“ได้สิคะแม่ กลับบ้านของเรากัน” หญิงสาวย้ำคำว่าบ้านของเราหนักๆ ราวกับจะตอกย้ำความทรงจำของใครบางคนกรายๆ
“ไปเถอะค่ะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็พามารดาเดินเชิดหน้าออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองอีก ทั้งที่ในใจเจ็บลึกๆ ราวกับโดนสะกิดบาดแผลที่คิดว่าปิดสนิทแล้วออกอีกครั้ง แต่เธอจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นเห็นความอ่อนแอได้หรอก
สิ่งที่เธอยอมให้พวกเขาเห็นได้คือความสำเร็จของเธอ และความสุขของแม่ หลังจากที่ตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตของบิดาผู้ทรยศต่อความรักความไว้ใจผู้นั้นให้ได้รู้ว่า วันนี้เธอกับแม่มีชีวิตดีขึ้นมากแค่ไหนต่างหาก
“โธ่เอ๊ย...จะได้กินของอร่อยเสียหน่อย ดันมีมารคอหอยเสียได้ บ้าจริง” พอคล้อยจากบริเวณนั้นมาได้ หญิงสาวก็บ่นอุบอิบ หน้าสวยงอง้ำอย่างขัดอกขัดใจ
“จะเป็นไรไปลูก ของอร่อยที่อื่นก็มี จะเสียอารมณ์ทำไม วันนี้วันดี ลูกรับปริญญาทั้งที เราไปฉลองที่อื่นก็ได้นี่จ๊ะ”
รุจารินกัดริมฝีปากลอบมองมารดาอย่างจับสังเกต แม้แม่ของเธอจะทำเข้มแข็งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ดูก็รู้ว่าลึกๆ ยังเจ็บปวดอยู่มาก โลกนี้ก็ช่างน่าแปลก กรุงเทพกว้างออกขนาดนี้ ยังอุตส่าห์พาคนพวกนั้นโคจรกลับมาพบกันได้
“แม่คะ...” หญิงสาวกระชับมือมารดามากุมไว้แน่น “แม่ยังมีจ๋าทั้งคนนะคะ ทุกวันนี้เรามีกันแค่สองคนก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรือคะ”“จ้ะ...จ้ะลูก” นางดารินข่มเสียงไม่ให้สั่นพลางฝืนยิ้มตอบลูกสาว ทั้งที่กระบอกตาปวดแสบปวดร้อนจนแทบจะกลั้นความชอกช้ำไม่ไหว“จ๋ารักแม่นะคะ รักที่สุดในโลกเลย”“ประจบขนาดนี้อยากได้ของขวัญอะไรว่ามาซิ”“โหย...แม่น่ะ รู้ทันอีกแล้ว” หญิงสาวก้มลงหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ก่อนยิ้มออดอ้อน “จ๋าไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ วันนี้เสียฤกษ์อดกินชาบูในห้างหรูแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปนั่งกินหมูกะทะแถวปากซอยบ้านดีกว่า วันนี้จ๋าเป็นเจ้ามือเอง”“ก็ไหนว่ากลัวหัวเหม็น” คนเป็นแม่เย้า“หัวเหม็นก็ดีกว่าหัวร้อนนะคะ ไปเถอะค่ะ นั่นแท็กซี่มาแล้ว” คนพูดยิ้มหวานประจบก่อนหันมาดักคอ “อ๊ะ! อย่ามาบอกให้นั่งรถเมล์เชียว เมื่อยขบมาทั้งวันแล้ว วันนี้หนูขอสบายบ้างซักวันนะคะ”นางดารินยิ้มอย่างรู้ทันว่าแท้จริงแล้วลูกสาวไม่อยากให้ตนต้องลำบากต่างหากโดยสองแม่ลูกหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนแอบมองพวกเธออยู่ห่างๆ ด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่แอบซุกซ่อนภายในใจ/////////////ร่างสูงระหงของหญิงสาววัยยี่สิบสามปีเดินแกมวิ่งไปบนถนนเส้นใหม่ที่พาเธอไปสู่
นางดารินมองคนขี้อ้อนอย่างเอ็นดูรักใคร่ “ฉลองทำงานวันแรกด้วยแกงส้มชะอมไข่ หมูทอด ปลานึ่งบ๊วย แล้วก็ตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานของโปรดลูกสาวคนเก่งของแม่เป็นยังไง”“หูย...นี่แม่กะจะขุนลูกสาวให้อ้วนเป็นหมูเลยเหรอคะ เกิดหนูอ้วนจนใส่ชุดทำงานไม่ได้ขึ้นมาใครจะรับผิดชอบละคะเนี่ย”“จะยากอะไร แม่ก็แค่ตัดชุดใหม่ให้ลูกใส่เองก็เท่านั้น” รุจารินหัวเราะกิ๊ก“งั้นก็เตรียมตัดไว้เลยสิบชุดค่ะ เพราะวันนี้จ๋าจะทานข้าวสองจาน แถมบัวลอยอีกสองชามด้วย” คนพูดหอมแก้มมารดาอีกฟอดด้วยความรักใคร่ ก่อนเดินไปช่วยหยิบถ้วยจานมาจัดแจงตั้งโต๊ะเหมือนเช่นทุกวัน“แล้วเริ่มงานใหม่วันแรกเป็นยังไงบ้างล่ะลูก เหนื่อยไหม”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะแม่ จ๋าสบายมาก เห็นพี่ที่ทำงานบอกว่ากว่าเจ้านายโดยตรงของจ๋าจะกลับจากเมืองนอกก็ปลายๆ เดือนนู่น ตอนนี้จ๋าก็เลยต้องเรียนรู้งานทุกอย่างไปก่อน แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกสาวคนนี้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก งานแค่นี้สบายมาก”“จ้า...คนเก่ง กลับมาเหนื่อยๆ ก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไปลูก แล้วค่อยมากินข้าวกัน ที่เหลือแม่จัดการเอง”“ก็ได้ค่ะ” เจ้าของร่างโปร่งระหงยอมรามือเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว หากยังไม่ทันได้ทำตา
“แม่คะ!” หญิงสาวสบตามารดาอย่างเป็นกังวล หากพอเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวของแม่ รุจารินจึงยอมเดินเปิดประตูให้อย่างไม่เต็มใจนักพอเข้ามาในบริเวณบ้าน กลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็แตะจมูกเป็นการทักทาย ชวนให้นายปิยะหวนถึงวันวานในอดีตที่เขายังมีหญิงตรงหน้าเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้ ทุกวันจะมีเมนูโปรดของเขาตั้งโต๊ะให้ไม่ขาด รสมือของดารินถือเป็นเสน่ห์อีกสิ่งที่ติดตรึงในใจเขา น่าเสียดายที่เสน่ห์ที่ว่ากลับพ่ายแพ้ต่อรสรักที่ดุเด็ดเผ็ดร้อนของหญิงอีกคนที่ทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำ จนเป็นเหตุให้เมียเอกคนนี้กระเด็นจากบ้านไป“กลิ่นแกงส้มเหรอ หอมจริง กับข้าวฝีมือเธอ พี่ไม่ได้กินนานแล้ว จำได้ว่าเธอแกงส้มอร่อยที่สุด” นางดารินต้องทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้เชื้อเชิญอีกฝ่ายให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วย แต่กลับพาเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนด้านหน้า ปฏิบัติเหมือนที่ทำกับแขกที่มาเยือน เป็นทางการห่างเหิน ไม่ให้ความสนิทสนมกัน“คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ ฉันทำงานค้างไว้ ต้องรีบไปทำต่อ”“วันนี้ร้อนจริงๆ พี่ชักคอแห้ง ถ้าเธอจะกรุณา...” คนพูดส่งสายตาเว้าวอนมาให้ “ลูกจ๋า แม่วานเอาน้ำมาให้แขกทีนะลูก”คำว่าแขกทำให้นายปิยะถึงกับสะอึก แต่ต้องเก็บซ่อนความขุ
“นี่หรือคะธุระสำคัญของคุณ”“คิดถึงลูกบ้างสิดา ลูกจ๋าจะได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ไง อย่าเห็นแก่ตัวไปเลยนะดา”“เห็นแก่ตัว ฉันนี่หรือคะเห็นแก่ตัว” คนถูกโยนข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรมแทบจะสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ดวงตาจ้องมองใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเทิดทูนไว้ในหัวใจ “ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว ตั้งสติแล้วคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมาดีกว่าไหม เอาเป็นว่าที่ผ่านมาฉันจะยอมอโหสิกรรมให้ ตอนนี้ฉันกับลูกมีความสุขดีแล้ว คุณกลับไปเถอะกลับไปหาครอบครัวใหม่ของคุณ อย่ามากวนตะกอนให้ขุ่นอีกเลย ฉันต้องไปทำงานที่ค้างต่อแล้ว”“เดี๋ยวสิดาริน อย่าเพิ่งไป!” คนพูดรีบฉวยคว้ามืออีกฝ่ายไว้ หน้าตาตื่น “พี่อยากขอให้เธอช่วยพูดกับลูกให้หน่อย!”คำนั้นทำให้ร่างบางที่เดินมาพร้อมถาดน้ำดื่มในมือชะงัก เมื่อได้รู้จุดประสงค์การมาที่แท้จริงของอีกฝ่าย“พูด? พูดอะไร”“พี่อยากขอมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยชั่วคราว จนกว่าจะได้งานใหม่ ท่าทางลูกจ๋าจะยังโกรธพี่อยู่ แต่ถ้าเธอช่วยพูดให้...”นางดารินจ้องหน้าคนพูดค้าง ต้องหน้าด้านแค่ไหนคนตรงหน้าถึงกล้ามาพูดเช่นนี้กับภรรยาเก่าที่เขาเคยขับไล่ไสส่งเหมือนหมูเหมือนหมา เขาช่างไม่คิดถึงตอนที่เอาเมียใหม่เข้า
ซ่า...รุจารินรีบเข้ามารั้งร่างผอมบางให้พ้นวิถีของบิดาอย่างรวดเร็ว“หยุดนะ! อย่ามาทำร้ายแม่ของจ๋าอีก” หญิงสาวประกาศก้อง ดวงตาแข็งกร้าวมองคนตรงหน้าอย่างดุดันเอาเรื่อง“ยายจ๋า!” นายปิยะเอ่ยลอดไรฟัน แอบหัวเสียที่ทุกอย่างผิดแผนไปหมด ทุกอย่างก็เพราะความใจแคบของเมียเก่าอย่างดารินที่กีดกันเขาอย่างเห็นแก่ตัว “นี่แกคงโดนแม่แกล้างสมองจนหมดแล้วล่ะสิ ถึงมาก้าวร้าวกับฉันแบบนี้ ลืมหรือไงว่าฉันเป็นใคร จะชั่วจะดียังไงฉันก็เป็นพ่อแกทั้งคนนะ ไม่มีฉันแกก็ไม่ได้เกิด...”“ก็เพราะยังคิดแบบนั้นไงคะ ถึงสาดไปแค่น้ำเปล่าแก้วเดียว” คนเป็นลูกเอ่ยลอดไรฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลับไปดีกว่าค่ะ อย่ามาระรานเราสองแม่ลูกอีกเลย ถือว่าเป็นคำขอจากคนที่คุณเรียกว่าลูกคนนี้ที่คุณเคยตัดขาดไป อย่าให้เรื่องนี้ต้องถึงตำรวจเลย”“จองหองทั้งแม่ทั้งลูกไม่เปลี่ยนเลย คอยดูเถอะ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”“เรื่องนี้จบไปนานแล้วต่างหาก ในเมื่อคุณเลือกคนอื่นเห็นคนอื่นดีกว่า ก็ออกไปจากชีวิตพวกเราเหมือนที่เคยทำเถอะ อย่ากลับมาระรานกันอีกเลย จะคิดเสียว่าฉันเป็นเลือดก้อนเดียวก็ได้ คุณเคยทิ้งเลือดก้อนนี้ไปแล้วก็อย่ากลับมาไยดีมันอีกเลยค่ะ” รุจาริ
นายปิยะมองภรรยาคู่เวรคู่กรรมที่หลงคิดว่าจะมาช่วยส่งเสริมฐานะกันให้สุขสบายขึ้น ใครจะรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านอกจากไม่ช่วยส่งเสริมยังเป็นกาฝากถ่วงความเจริญกันอีกต่างหาก ชายวัยกลางคนถอนหายใจ พลางมองไปรอบบ้านอย่างเปรียบเทียบบ้านหลังน้อยที่เพิ่งจากมาแม้จะเล็กกว่า แต่กลับดูแลจัดแต่งอย่างสะอาดสะอ้านน่าอยู่ ผิดกับบ้านของเขาที่รกราวกับรังหนู เพราะภรรยาผู้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อตรงหน้าไม่เคยหยิบจับสิ่งใด อ้างว่าที่ผ่านมาไม่เคยต้องลำบากทำงานบ้านเองจึงทำอะไรไม่เป็น แถมยังปลูกฝังลูกสาวคนเดียวให้มีนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด เมื่อก่อนยามมีเงินเติบก็พอทำเนา ให้อีกฝ่ายจ้างแม่บ้านรายวันมาช่วยได้บ้าง ราคาแพงแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง แต่ระยะหลังที่การเงินเขาเริ่มติดขัดขาดมือ เพราะความฟุ่มเฟือยของลูกเมียที่กินเที่ยวช็อปจนเงินร่อยหรอ บวกกับงานของเขาที่มีปัญหา จนล่าสุดบริษัทที่ทำมานานถูกปิดตัวและเลย์ออฟพนักงานออกยังดีที่ได้เงินชดเชยมาบ้างจำนวนหนึ่ง ส่วนกิจการของปราณีเองก็ขาดทุนย่อยยับเพราะพิษเศรษฐกิจและโดนหุ้นส่วนโกงเงินไปจนหมด แต่เจ้าตัวก็ไม่อินังขังขอบ อ้างว่าหน้าที่หาเลี้ยงลูกเมียเป็นของสามี ของคนเป็นหัวหน้าครอบครัว จึงโยนภ
พอรู้ตัวอีกทีเขาก็สะกดรอยตามไปจนพบที่อยู่ของสองแม่ลูก ผู้เป็นแสงสว่างทำให้เขารอดพ้นวิกฤตชีวิตครั้งนี้ได้ นางดารินที่เขารู้จักเป็นคนหัวอ่อนใจอ่อนขี้สงสาร หากรู้ว่าเขาตกระกำลำบากคงไม่ใจจืดใจดำนิ่งดูดาย อย่างน้อยก็ให้เขาได้ใช้บ้านหลังนั้นซุกหัวหลบเจ้าหนี้ได้สักพัก แต่ทุกอย่างก็ดันผิดแผนที่สองแม่ลูกนั่นใจแข็งกว่าที่คิด โดยเฉพาะลูกสาวของเขา รุจารินเด็กน้อยร่าเริงขี้อ้อนของเขา กลายเป็นคนหัวแข็งเย็นชาไปเสียได้“แล้วพรุ่งนี้จะเอายังไง ถ้าเงินไม่มีให้เขา จะให้เขามาเอาลูกฉันไปหรือไง”“ก็แล้วเธอจะให้พี่ทำยังไง” คนเป็นสามีถอนหายใจแรงๆ อย่างจนปัญญา“ไม่รู้ละ พี่จะทำยังไงฉันไม่สน แต่ฉันไม่ยอมให้ลูกแป้งไปเป็นเมียขัดดอกไอ้เสี่ยหื่นนั่นเด็ดขาด พี่ก็รู้นี่ว่าผู้หญิงของไอ้เสี่ยนั่นอยู่ในสภาพไหน ฉันไม่ให้ลูกที่ฉันเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมมาต้องไปตกนรกทั้งเป็นหรอก”“โธ่เว้ย!” คนจนตรอกสบถหัวเสีย “งั้นก็ให้พวกมันมาเอาชีวิตพวกเราไปแทนไหมล่ะ ฆ่ายกครัวให้หมดนี่เลยเป็นไง”“เอ๊ะ! แล้วเรื่องอะไรพี่มาตะคอกใส่ฉันแบบนี้ ยายแป้งก็ลูกพี่ทั้งคนนะ พี่ไม่รักลูกหรือไง อ๋อ...หรือพอเห็นลูกเมียเก่าวันก่อน เลยคิดจะถีบหัวฉันกับลูก
นางปราณีสะดุ้งตกใจกลัวจนลนลาน นึกขอบคุณความรอบคอบที่ส่งลูกสาวไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวตั้งแต่วันก่อน“อย่าเอาลูกสาวเราไปเลยนะ ผมไหว้ล่ะ ขอเวลาอีกนิดเดี๋ยวผมจะหาเงินมาใช้ให้”“ต้องรออีกกี่ชาติล่ะพวกแกถึงจะใช้หมด สู้ส่งลูกสาวไปขัดดอกให้เสี่ยเสียก็สิ้นเรื่อง” พวกนักเลงทวงหนี้ข่มขู่ “แล้วนี่ลูกสาวแกหายไปไหนเสียล่ะ หรือจะตุกติกคิดหนีหนี้ บอกไว้ก่อนว่าคนที่เล่นไม่ซื่อกับเสี่ย มักจะจบไม่สวยสักราย รายล่าสุดที่ทำแบบนั้นคิดหนีแต่ดันหนีไม่รอด ตอนนี้หายตัวไปนอนในท้องไอ้เข้ซากยังไม่ย่อยเลยมั้ง หรือพวกแกอยากเป็นรายต่อไป”สองผัวเมียสะดุ้งเฮือก หน้าถอดสี ไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมของตัวเองที่ต้องเป็นอาหารจระเข้“มะ...ไม่เอา ไม่เอานะ พี่ยะ ฉันยังไม่อยากตาย ฮือๆ” นางปราณีร่ำไห้โฮๆ สร้างความกดดันให้สามีทวีคูณ“ว่าไง จะเอายังไงก็ว่ามา” นายปิยะกลืนน้ำลายฝืดคอ เมื่อเห็นทีท่าเอาจริงของอีกฝ่าย“กะ...ก็ได้ งั้นผมจะลองคุยกับลูกสาวก่อน ขอเวลาอีกสักอาทิตย์ได้ไหม”“พี่ยะ!” นางปราณีเบิกตาค้าง“สามวัน!” อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน “อีกสามวันพวกเราจะมารับตัวลูกสาวแกไปให้เสี่ย หรือไม่พวกแกก็เตรียมไปเป็นอาหารไอ้เข้ได้เลย”พอพูดจบค
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท