“นี่หรือคะธุระสำคัญของคุณ”
“คิดถึงลูกบ้างสิดา ลูกจ๋าจะได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ไง อย่าเห็นแก่ตัวไปเลยนะดา”
“เห็นแก่ตัว ฉันนี่หรือคะเห็นแก่ตัว” คนถูกโยนข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรมแทบจะสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ดวงตาจ้องมองใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเทิดทูนไว้ในหัวใจ “ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว ตั้งสติแล้วคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมาดีกว่าไหม เอาเป็นว่าที่ผ่านมาฉันจะยอมอโหสิกรรมให้ ตอนนี้ฉันกับลูกมีความสุขดีแล้ว คุณกลับไปเถอะกลับไปหาครอบครัวใหม่ของคุณ อย่ามากวนตะกอนให้ขุ่นอีกเลย ฉันต้องไปทำงานที่ค้างต่อแล้ว”
“เดี๋ยวสิดาริน อย่าเพิ่งไป!” คนพูดรีบฉวยคว้ามืออีกฝ่ายไว้ หน้าตาตื่น “พี่อยากขอให้เธอช่วยพูดกับลูกให้หน่อย!”
คำนั้นทำให้ร่างบางที่เดินมาพร้อมถาดน้ำดื่มในมือชะงัก เมื่อได้รู้จุดประสงค์การมาที่แท้จริงของอีกฝ่าย
“พูด? พูดอะไร”
“พี่อยากขอมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยชั่วคราว จนกว่าจะได้งานใหม่ ท่าทางลูกจ๋าจะยังโกรธพี่อยู่ แต่ถ้าเธอช่วยพูดให้...”
นางดารินจ้องหน้าคนพูดค้าง ต้องหน้าด้านแค่ไหนคนตรงหน้าถึงกล้ามาพูดเช่นนี้กับภรรยาเก่าที่เขาเคยขับไล่ไสส่งเหมือนหมูเหมือนหมา เขาช่างไม่คิดถึงตอนที่เอาเมียใหม่เข้ามาทำร้ายเธอกับลูกเลยซักนิด ไม่คิดเลยว่าเธอกับลูกจะลำบากขนาดไหนตอนที่ออกจากบ้านไปในวันนั้น
“แล้วลูกเมียคุณล่ะ เอาไปทิ้งไว้ที่ไหน”
“ก็อย่างที่บอก พี่เลิกกับคุณณีแล้ว บ้านนั่นไม่ใช่ของพี่อีกต่อไปเพราะเป็นชื่อคุณณีไถ่ถอนมา ตอนนี้พี่ไม่มีที่ไป ที่จริงบ้านนี้ก็กว้างพอใช้ ถ้าเธอกับลูกจะเมตตา อีกอย่างเธออย่าลืมว่าเราสองคนยังไม่ได้หย่าขาดกัน ทะเบียนสมรสก็ยังอยู่ ตอนนี้พี่ก็มีสถานะเป็นสามีเธออยู่ ลูกจ๋าก็ลูกพี่ทั้งคน”
นางดารินลอบสูดลมหายใจแรงๆ เพื่อระงับความกรุ่นที่ปะทุในใจเพราะผู้ชายหน้าด้านที่เคยขึ้นชื่อว่าอดีตสามี
“ให้โอกาสพี่ได้กลับมาทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีอีกครั้งไม่ได้หรือ”
“โอกาสงั้นเหรอ น่าขำจริง คุณลืมแล้วหรือว่าในวันนั้นใครกันที่บอกฉันว่า ถ้าตกระกำลำบากจนทนไม่ไหวก็อย่าได้ซมซานกลับมาพึ่งพา แต่ตอนนี้คุณกลับเป็นฝ่ายกลืนน้ำลายตัวเองแบบนี้ไม่หน้าด้านไปหน่อยหรอกหรือ ส่วนไอ้เรื่องใบหย่านั่นฉันพร้อมหย่าทุกเมื่อ พรุ่งนี้ไปเจอกันที่เขตเลยก็ได้ แต่เรื่องที่จะให้คุณกลับมาในชีวิตเราสองคนแม่ลูกนั่น อย่าได้ฝันไปเลย เพราะฉันไม่มีวันยอม ไม่ยอมเป็นอันขาด”
“แต่ยายจ๋าก็เป็นลูกพี่เหมือนกัน เลือดในตัวครึ่งหนึ่งก็เป็นของพี่ หรือเธอจะปฏิเสธ” นางปิยะตะเบ็งเถียงหน้าดำหน้าแดงอย่างหมาจนตรอก
“แล้วไง?”
“ตอนนี้ลูกมีงานมีการดีๆ ทำแล้ว แค่พ่อคนเดียวทำไมจะเลี้ยงดูไม่ได้ เธอเองก็อย่าใจแคบหน่อยเลยน่า พี่ไม่ได้มาอยู่เลยซักหน่อย แค่ขอมาอาศัยชั่วคราว หากมีที่ไปก็จะไปทันที แต่ถ้าไม่อยากให้อยู่ งั้นพี่ขอยืมเงินสักก้อนก็ได้ หากได้งานทำมีเงินเดือนเมื่อไหร่ก็จะมาใช้คืนทันที” นายปิยะพล่ามอย่างเห็นแก่ตัว
“เท่าไหร่ล่ะไอ้เงินที่ว่าน่ะ”
คนฟังกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อได้ยินคำถามโดนใจนั้น “ก็สักสองสามแสนก็ได้ หรือถ้ามีมากกว่านั้นก็สุดแท้แต่เธอจะกรุณา”
“ฉันไม่มีหรอกนะไอ้เงินจำนวนที่คุณว่าน่ะ”
“ก็ลูกไง เงินเดือนของยายจ๋าไง ลูกทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ ก็เอาเงินลูกมาให้พี่ยืมก่อน มีเมื่อไหร่พี่จะใช้คืนทันที”
“นี่! คุณเป็นพ่อประสาอะไร ทำไมถึงเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ไม่ละอายใจก็ช่วยอายลูกเต้ามันบ้างได้ไหม แค่นี้ลูกก็เจ็บปวดกับคุณมามากพอแล้ว อย่างน้อยก็อย่าให้ต้องเกลียดกันมากไปกว่านี้เลย กลับไปซะเถอะ”
“กลับ! ก็บอกแล้วว่าพี่ไม่มีที่ไปแล้ว เธอยังจะใจดำไล่กันอีกหรือ เอาล่ะ ถ้าขอร้องดีๆ แล้วไม่ยอม งั้นฉันก็คงไม่มีทางเลือกต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อกลับคืนมาซะบ้าง” คนพูดเปลี่ยนสรรพนามทันใด
“ทำไม คุณจะทำอะไร”
“ฟ้องศาล! เรียกคืนความชอบธรรมกลับมา ในเมื่อยายจ๋าก็เป็นลูกฉันเหมือนกัน เธอมันเห็นแก่ตัว พาลูกหนีกันไปตั้งสิบกว่าปี ยังไงฉันก็ควรจะได้สิทธิ์ที่พ่อควรจะได้คืนมาบ้าง”
“คนสารเลว!” นางดารินกรีดเสียงใส่อย่างเหลืออด พลางชี้นิ้วไปที่ประตู “เอาเลย! จะไปฟ้องศาลไหนก็ไปเลย แต่ตอนนี้ออกไปจากบ้านฉัน แล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก ไปสิ ไสหัวไปนะ ไป๊!”
“ดาริน!” ชายมากวัยตะคอกเสียงกร้าวด้วยแรงโทสะ พลางเงื้อมือหราอย่างลืมตัว หากยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด น้ำเย็นเฉียบก็สาดโครมเข้าให้เสียก่อน
ซ่า...รุจารินรีบเข้ามารั้งร่างผอมบางให้พ้นวิถีของบิดาอย่างรวดเร็ว“หยุดนะ! อย่ามาทำร้ายแม่ของจ๋าอีก” หญิงสาวประกาศก้อง ดวงตาแข็งกร้าวมองคนตรงหน้าอย่างดุดันเอาเรื่อง“ยายจ๋า!” นายปิยะเอ่ยลอดไรฟัน แอบหัวเสียที่ทุกอย่างผิดแผนไปหมด ทุกอย่างก็เพราะความใจแคบของเมียเก่าอย่างดารินที่กีดกันเขาอย่างเห็นแก่ตัว “นี่แกคงโดนแม่แกล้างสมองจนหมดแล้วล่ะสิ ถึงมาก้าวร้าวกับฉันแบบนี้ ลืมหรือไงว่าฉันเป็นใคร จะชั่วจะดียังไงฉันก็เป็นพ่อแกทั้งคนนะ ไม่มีฉันแกก็ไม่ได้เกิด...”“ก็เพราะยังคิดแบบนั้นไงคะ ถึงสาดไปแค่น้ำเปล่าแก้วเดียว” คนเป็นลูกเอ่ยลอดไรฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลับไปดีกว่าค่ะ อย่ามาระรานเราสองแม่ลูกอีกเลย ถือว่าเป็นคำขอจากคนที่คุณเรียกว่าลูกคนนี้ที่คุณเคยตัดขาดไป อย่าให้เรื่องนี้ต้องถึงตำรวจเลย”“จองหองทั้งแม่ทั้งลูกไม่เปลี่ยนเลย คอยดูเถอะ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”“เรื่องนี้จบไปนานแล้วต่างหาก ในเมื่อคุณเลือกคนอื่นเห็นคนอื่นดีกว่า ก็ออกไปจากชีวิตพวกเราเหมือนที่เคยทำเถอะ อย่ากลับมาระรานกันอีกเลย จะคิดเสียว่าฉันเป็นเลือดก้อนเดียวก็ได้ คุณเคยทิ้งเลือดก้อนนี้ไปแล้วก็อย่ากลับมาไยดีมันอีกเลยค่ะ” รุจาริ
นายปิยะมองภรรยาคู่เวรคู่กรรมที่หลงคิดว่าจะมาช่วยส่งเสริมฐานะกันให้สุขสบายขึ้น ใครจะรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านอกจากไม่ช่วยส่งเสริมยังเป็นกาฝากถ่วงความเจริญกันอีกต่างหาก ชายวัยกลางคนถอนหายใจ พลางมองไปรอบบ้านอย่างเปรียบเทียบบ้านหลังน้อยที่เพิ่งจากมาแม้จะเล็กกว่า แต่กลับดูแลจัดแต่งอย่างสะอาดสะอ้านน่าอยู่ ผิดกับบ้านของเขาที่รกราวกับรังหนู เพราะภรรยาผู้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อตรงหน้าไม่เคยหยิบจับสิ่งใด อ้างว่าที่ผ่านมาไม่เคยต้องลำบากทำงานบ้านเองจึงทำอะไรไม่เป็น แถมยังปลูกฝังลูกสาวคนเดียวให้มีนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด เมื่อก่อนยามมีเงินเติบก็พอทำเนา ให้อีกฝ่ายจ้างแม่บ้านรายวันมาช่วยได้บ้าง ราคาแพงแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง แต่ระยะหลังที่การเงินเขาเริ่มติดขัดขาดมือ เพราะความฟุ่มเฟือยของลูกเมียที่กินเที่ยวช็อปจนเงินร่อยหรอ บวกกับงานของเขาที่มีปัญหา จนล่าสุดบริษัทที่ทำมานานถูกปิดตัวและเลย์ออฟพนักงานออกยังดีที่ได้เงินชดเชยมาบ้างจำนวนหนึ่ง ส่วนกิจการของปราณีเองก็ขาดทุนย่อยยับเพราะพิษเศรษฐกิจและโดนหุ้นส่วนโกงเงินไปจนหมด แต่เจ้าตัวก็ไม่อินังขังขอบ อ้างว่าหน้าที่หาเลี้ยงลูกเมียเป็นของสามี ของคนเป็นหัวหน้าครอบครัว จึงโยนภ
พอรู้ตัวอีกทีเขาก็สะกดรอยตามไปจนพบที่อยู่ของสองแม่ลูก ผู้เป็นแสงสว่างทำให้เขารอดพ้นวิกฤตชีวิตครั้งนี้ได้ นางดารินที่เขารู้จักเป็นคนหัวอ่อนใจอ่อนขี้สงสาร หากรู้ว่าเขาตกระกำลำบากคงไม่ใจจืดใจดำนิ่งดูดาย อย่างน้อยก็ให้เขาได้ใช้บ้านหลังนั้นซุกหัวหลบเจ้าหนี้ได้สักพัก แต่ทุกอย่างก็ดันผิดแผนที่สองแม่ลูกนั่นใจแข็งกว่าที่คิด โดยเฉพาะลูกสาวของเขา รุจารินเด็กน้อยร่าเริงขี้อ้อนของเขา กลายเป็นคนหัวแข็งเย็นชาไปเสียได้“แล้วพรุ่งนี้จะเอายังไง ถ้าเงินไม่มีให้เขา จะให้เขามาเอาลูกฉันไปหรือไง”“ก็แล้วเธอจะให้พี่ทำยังไง” คนเป็นสามีถอนหายใจแรงๆ อย่างจนปัญญา“ไม่รู้ละ พี่จะทำยังไงฉันไม่สน แต่ฉันไม่ยอมให้ลูกแป้งไปเป็นเมียขัดดอกไอ้เสี่ยหื่นนั่นเด็ดขาด พี่ก็รู้นี่ว่าผู้หญิงของไอ้เสี่ยนั่นอยู่ในสภาพไหน ฉันไม่ให้ลูกที่ฉันเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมมาต้องไปตกนรกทั้งเป็นหรอก”“โธ่เว้ย!” คนจนตรอกสบถหัวเสีย “งั้นก็ให้พวกมันมาเอาชีวิตพวกเราไปแทนไหมล่ะ ฆ่ายกครัวให้หมดนี่เลยเป็นไง”“เอ๊ะ! แล้วเรื่องอะไรพี่มาตะคอกใส่ฉันแบบนี้ ยายแป้งก็ลูกพี่ทั้งคนนะ พี่ไม่รักลูกหรือไง อ๋อ...หรือพอเห็นลูกเมียเก่าวันก่อน เลยคิดจะถีบหัวฉันกับลูก
นางปราณีสะดุ้งตกใจกลัวจนลนลาน นึกขอบคุณความรอบคอบที่ส่งลูกสาวไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวตั้งแต่วันก่อน“อย่าเอาลูกสาวเราไปเลยนะ ผมไหว้ล่ะ ขอเวลาอีกนิดเดี๋ยวผมจะหาเงินมาใช้ให้”“ต้องรออีกกี่ชาติล่ะพวกแกถึงจะใช้หมด สู้ส่งลูกสาวไปขัดดอกให้เสี่ยเสียก็สิ้นเรื่อง” พวกนักเลงทวงหนี้ข่มขู่ “แล้วนี่ลูกสาวแกหายไปไหนเสียล่ะ หรือจะตุกติกคิดหนีหนี้ บอกไว้ก่อนว่าคนที่เล่นไม่ซื่อกับเสี่ย มักจะจบไม่สวยสักราย รายล่าสุดที่ทำแบบนั้นคิดหนีแต่ดันหนีไม่รอด ตอนนี้หายตัวไปนอนในท้องไอ้เข้ซากยังไม่ย่อยเลยมั้ง หรือพวกแกอยากเป็นรายต่อไป”สองผัวเมียสะดุ้งเฮือก หน้าถอดสี ไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมของตัวเองที่ต้องเป็นอาหารจระเข้“มะ...ไม่เอา ไม่เอานะ พี่ยะ ฉันยังไม่อยากตาย ฮือๆ” นางปราณีร่ำไห้โฮๆ สร้างความกดดันให้สามีทวีคูณ“ว่าไง จะเอายังไงก็ว่ามา” นายปิยะกลืนน้ำลายฝืดคอ เมื่อเห็นทีท่าเอาจริงของอีกฝ่าย“กะ...ก็ได้ งั้นผมจะลองคุยกับลูกสาวก่อน ขอเวลาอีกสักอาทิตย์ได้ไหม”“พี่ยะ!” นางปราณีเบิกตาค้าง“สามวัน!” อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน “อีกสามวันพวกเราจะมารับตัวลูกสาวแกไปให้เสี่ย หรือไม่พวกแกก็เตรียมไปเป็นอาหารไอ้เข้ได้เลย”พอพูดจบค
คนพูดยิ้มตาเป็นประกาย แอบจับผิดอาการของสาวสวยตรงหน้า แต่ก็ไม่พบอาการตื่นเต้นใดๆ จากอีกฝ่ายนอกจากความนิ่งเฉย สีหน้าเรียบติดจะเย็นชานิดๆ ในยามที่เจ้าตัวเผลอ ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าแม่สาวตรงหน้าจะไม่คิดใช้เต้าไต่เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ช่วยเลขา มาเป็นภรรยาลูกชายเจ้าของบริษัท เหมือนอดีตผู้ช่วยเลขาคนก่อนที่ใช้เต้าไต่ให้ท่าลูกชายคนโตของท่านประธาน แต่สุดท้ายพอเรื่องแดงขึ้นมาเพราะเจ้าหล่อนมีเรื่องตบตีกับพนักงานด้วยกัน และเผลอโพล่งความลับฉาวโฉ่ของตัวเองกับรองประธานคนเก่าออกไป ก็ถูกสั่งพักงานยาวและยังโดนทัณฑ์บนอีก แถมตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ที่หมายตาก็หลุดมือไปด้วย เพราะชายหนุ่มต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ หาไม่ก็จะไม่ได้รับมรดก แต่ถึงจะได้เป็นสะใภ้จริง ก็คงไม่รุ่งเท่าไหร่ เพราะลูกชายคนโตที่ว่าดันเป็นเพียงลูกบุญธรรมที่ถูกรับมาเลี้ยงเท่านั้น ผิดกับว่าที่ท่านรองประธานคนใหม่นี้ที่เป็นลูกชายแท้ๆ“แต่ถึงจะหลงเสน่ห์ไปก็เท่านั้น เพราะได้ยินว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว เป็นลูกสาวเพื่อนรักของท่านประธานคนเก่า พี่เคยเห็นแวบๆ ตอนงานเลี้ยงประจำปีพนักงาน รายนั้นทั้งสวยทั้งรวยอย่าบอกใครเลยล่ะ แถมเป็นนักเรียนนอกด้
เป็นความบังเอิญหรือจงใจสะกดรอยตามมา เธอก็สุดจะคาดเดาได้ แต่ความไม่ประมาทย่อมดีที่สุด เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่บ้านเธอวันก่อนทำให้ไม่วางใจคนตรงหน้านัก“ไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ ฉันกลับเองได้”อีกฝ่ายมีทีท่าผงะไปนิดๆ นายปิยะแอบขุ่นข้องหมองใจกับคำว่า ‘คุณ’ ของคนเป็นลูก ดูเหมือนรุจารินจะได้รับกรรมพันธุ์ความหยิ่งยโสจองหองจากเมียเก่าของเขามาเต็มตัวทีเดียว คิดแล้วก็ให้หงุดหงิดไม่น้อย“ฝนตกหนัก พ่อจอดรถตรงนี้นานๆ ไม่ได้ ขึ้นรถก่อนเถอะเดี๋ยวพ่อไปส่ง” พร้อมคำพูด มือของฝ่ายนั้นก็คว้าข้อมือเธอหมับ และหญิงสาวก็สะบัดมือทันทีด้วยความตกใจ และดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็คงตกใจเช่นกัน นายปิยะหน้าถอดสี แววตาสำนึกผิดเจือด้วยความหมองหม่นน้อยใจคู่นั้นทำเอาหญิงสาวแอบรู้สึกผิดนิดๆ หากคิดว่าเป็นเจตนาดี ก็ดูเหมือนเธอจะทำลายน้ำใจอีกฝ่ายไปไม่น้อย“พ่อขอโทษนะลูก พ่อแค่เป็นห่วงกลัวหนูโดนฝนไม่สบาย เหมือนตอนเด็กๆ ไง เวลาหนูตากฝนหรือโดนละอองฝนนิดเดียวก็จะเป็นหวัดทุกที” หัวใจคนฟังกระตุกนิดๆ เมื่อยามได้ยินความหลังจากปากบิดาบังเกิดเกล้า“แต่ไม่เป็นไรนะถ้าหนูรังเกียจพ่อ พ่อมันก็เลวน่ารังเกียจเองจริงๆ สมควรให้หนูกับแม่โกรธ แต่ขอให
หากไม่ใช่เพราะเข้าตาจนจริงๆ เขาคงไม่ต้องเลือกผลักลูกสาวคนโตตกนรกด้วยตัวเองเช่นนี้ แต่ครั้นจะไม่ทำเขาก็คงโดนฆ่าตาย หรือหากจะยอมส่งลูกสาวอีกคนให้ นางปราณีก็ไม่ยอมแน่ ปิยะดาเพิ่งอายุสิบเก้าปี อายุยังน้อยเกินกว่าที่จะไปเผชิญเรื่องบ้าบอพวกนี้ แต่กับรุจารินแม้อายุอานามจะมากกว่านิดหน่อย หากทว่าเขาแอบเชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่าความฉลาดของอีกฝ่ายอาจจะทำให้เอาตัวรอดจากเงื้อมมือไอ้เสี่ยวิปริตนั่นได้ หรือหากไม่รอดมือจริงๆ ลูกสาวของเขาก็คงมีวิธีรับมือที่ดีกว่าปิยะดาผู้เป็นน้อง ซึ่งอ่อนกว่าทั้งอายุและไหวพริบสติปัญญา“พ่อขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้กับหนู...”มือสั่นเทาเอื้อมไปลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวย รุจารินได้ความสวยของภรรยาเก่าเขามาทุกกระเบียดนิ้ว ตอนเด็กก็เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู โตขึ้นมาก็สะสวยหยาดเยิ้มไปทั้งเรือนร่าง แต่ความสวยที่ว่ากลับจะต้องมาแปดเปื้อนราคีคาวอันแสนโสมมและวิปริตจากชายที่แก่คราวพ่อคราวลุงนั่นจนชีวิตต้องแปดเปื้อนมัวหมอง หัวอกพ่อย่อมปวดร้าวยอกแสยง ภายในใจหนุ่มใหญ่กำลังโต้เถียงกันเองอย่างบ้าคลั่งไม่! เขาทำไม่ได้หรอก เขาจะทำแบบนี้กับลูกไม่ได้!แต่ถ้าไม่ทำก็ต้องตายนะตายแล้วไง
“เอ้า! มีอะไรจะสั่งเสียอีกล่ะ ทำยึกยักน่ารำคาญ หรืออยากจะเปลี่ยนใจไปเป็นอาหารไอ้เข้ก่อนดีวะ” คนฟังกลืนน้ำลายฝืดคอ ทำใจกล้าก่อนเอ่ย“ผมขออุ้มเข้าไปเอง”“พี่ยะ!” นายปิยะไม่ฟังเสียงภรรยาที่ยืนหน้าบูดบึ้งขัดอกขัดใจ“เธอรออยู่ที่นี่แหละไม่ต้องเข้าไป เดี๋ยวพี่จะเข้าไปคนเดียว” ว่าแล้วเขาก็รีบช้อนร่างอันไร้สติของบุตรสาวและเดินตามสมุนทั้งสองของเสี่ยเข้าไปด้านในด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง‘ด้านใน’ ที่ว่านั่นคือส่วนที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปจากด้านหน้าที่เปิดเป็นไนต์คลับหรูหรา หากคนวงในรู้กันดีว่าจริงๆ แล้วไนต์คลับนั่นเปิดเพื่อบังหน้า แต่ทว่าธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลคือบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่เปิดอยู่ตรงชั้นใต้ดินของไนต์คลับนั่นต่างหาก แม้จะเคยเข้ามาที่บ่อนแห่งนี้หลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชายมากวัยได้ล่วงเข้ามาถึงด้านในเขตต้องห้ามของเสี่ยอำพล ซึ่งเจ้าตัวเรียกขานว่าเป็นสวนสนุก แต่หลายคนที่เข้าไปแล้วว่ากันว่าน้อยคนนักจะรอดออกมาในสภาพเดิมก่อนเข้าไปชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของสภานที่นั่งเอกเขนกบนโซฟาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ผิดกับผู้มาเยือนที่ทำท่าจะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ“นั่นหรือของเล่นชิ้นใหม่ของฉัน อืม.
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท