นางปราณีสะดุ้งตกใจกลัวจนลนลาน นึกขอบคุณความรอบคอบที่ส่งลูกสาวไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวตั้งแต่วันก่อน
“อย่าเอาลูกสาวเราไปเลยนะ ผมไหว้ล่ะ ขอเวลาอีกนิดเดี๋ยวผมจะหาเงินมาใช้ให้”
“ต้องรออีกกี่ชาติล่ะพวกแกถึงจะใช้หมด สู้ส่งลูกสาวไปขัดดอกให้เสี่ยเสียก็สิ้นเรื่อง” พวกนักเลงทวงหนี้ข่มขู่ “แล้วนี่ลูกสาวแกหายไปไหนเสียล่ะ หรือจะตุกติกคิดหนีหนี้ บอกไว้ก่อนว่าคนที่เล่นไม่ซื่อกับเสี่ย มักจะจบไม่สวยสักราย รายล่าสุดที่ทำแบบนั้นคิดหนีแต่ดันหนีไม่รอด ตอนนี้หายตัวไปนอนในท้องไอ้เข้ซากยังไม่ย่อยเลยมั้ง หรือพวกแกอยากเป็นรายต่อไป”
สองผัวเมียสะดุ้งเฮือก หน้าถอดสี ไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมของตัวเองที่ต้องเป็นอาหารจระเข้
“มะ...ไม่เอา ไม่เอานะ พี่ยะ ฉันยังไม่อยากตาย ฮือๆ” นางปราณีร่ำไห้โฮๆ สร้างความกดดันให้สามีทวีคูณ
“ว่าไง จะเอายังไงก็ว่ามา” นายปิยะกลืนน้ำลายฝืดคอ เมื่อเห็นทีท่าเอาจริงของอีกฝ่าย
“กะ...ก็ได้ งั้นผมจะลองคุยกับลูกสาวก่อน ขอเวลาอีกสักอาทิตย์ได้ไหม”
“พี่ยะ!” นางปราณีเบิกตาค้าง
“สามวัน!” อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน “อีกสามวันพวกเราจะมารับตัวลูกสาวแกไปให้เสี่ย หรือไม่พวกแกก็เตรียมไปเป็นอาหารไอ้เข้ได้เลย”
พอพูดจบคนพูดและพรรคพวกก็เตะร่างชายมากวัยเข้าอีกทีก่อนจากไป ทิ้งไว้แต่ความพินาศของข้าวของและสองผัวเมียในสภาพสะบักสะบอมทรุดตัวลงนั่งกุมขมับอย่างกลัดกลุ้ม
“ไงล่ะ ทีนี้พี่ยังจะคิดมากอยู่ไหม เหลือเวลาอีกแค่สามวัน จะทำอะไรก็รีบตัดสินใจซะ ฉันยังไม่อยากเป็นอาหารไอ้เข้มันหรอกนะ”
นายปิยะคิดหนักจนเส้นเลือดตรงขมับปูดโปนขึ้น ความรักตัวกลัวตายทำให้เขาใจฝ่อ คล้อยตามความคิดเมียรักไปเกินครึ่ง
เอาเถอะ อย่างน้อยรุจารินก็โตกว่าปิยะดา อีกอย่างฝ่ายนั้นก็ควรต้องตอบแทนพระคุณเขาบ้างในฐานที่เป็นผู้ให้กำเนิด ถึงจะดูขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว
“ก็ได้ พี่จะไปคุยกับยายจ๋าอีกที”
“เชอะ! มันคงยอมง่ายๆ หรอกนะ”
“แล้วเธอจะให้พี่ทำยังไง”
“ไม่ต้องไปคุยให้เสียเวลาแล้ว พามันไปส่งให้เสี่ยเลยดีกว่า เรื่องจะได้จบๆ ไป”
“เธอก็คิดอะไรง่ายๆ ขนาดตัวเองยังไม่ยอมส่งลูกตัวเองไป แล้วคนอย่างยายจ๋ากับดารินจะยอมได้ยังไง”
“ก็ถึงบอกนี่ไงว่าไม่ต้องไปคุยแล้ว เสียเวลาเปล่า”
คำนั้นทำให้คนเป็นสามีคิ้วขมวด “เธอจะทำยังไง”
“ในเมื่อมันไม่ยอมดีๆ เราก็ต้องใช้เล่ห์กลเข้าช่วยสิ...” คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์ ป้องปากกระซิบบอกแผนการที่ตนคิดไว้กับสามี
“ปราณีนี่เธอ...” นายปิยะอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่มองหญิงที่ได้ชื่อว่าเมียตาค้าง
“หรือพี่มีแผนอื่นที่ดีกว่าล่ะ” คนพูดเบ้ปากมองสามีผู้ไม่เอาถ่านของตนอย่างเยาะหยัน เมื่อเห็นเขาเงียบ สีหน้าหนักอึ้งก็ยิ้มเย้ยรีบตัดบท “งั้นก็เอาตามนี้แหละ พี่ไปทำตามที่ฉันบอกซะ!”
/////////////
“เลยเวลาเลิกงานแล้ว ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอน้องจ๋า”
รุจารินละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่เพิ่งเดินเข้ามาเก็บของที่โต๊ะเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าเลยเวลาเลิกงานมากว่าชั่วโมงเศษแล้ว
“อีกสักพักจ๋าก็ว่าจะกลับแล้วค่ะพี่หวาน พอดีนั่งตรวจทานเอกสารสำหรับการประชุมของวันจันทร์อีกนิดกันพลาดน่ะค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ ได้คนขยันแล้วก็รอบคอบแบบน้องจ๋ามาพี่ก็ค่อยเบาใจหน่อย” วรรณิภาเอ่ยกับผู้ช่วยเลขาสาวรุ่นน้องที่เธอเป็นคนช่วยคัดเลือกมารับหน้าที่แทนชั่วคราวกับมืออย่างเอ็นดู รู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกที่พบกัน
“พี่หวานไม่ต้องห่วงนะคะ จ๋าจะตั้งใจทำงานเต็มที่ไม่ให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
“จ้า พี่น่ะคงไม่เท่าไหร่ ห่วงแต่ท่านรองประธานคนใหม่ของพวกเรานี่สิ”
“ท่านรองประธานคนใหม่?”
“อ้าว! นี่ยังไม่ได้ข่าวอีกหรือจ๊ะ เขามีคำสั่งแต่งตั้งลงมาเมื่อตอนบ่ายว่าให้ลูกชายคนเล็กของท่านประธานเข้ามารับตำแหน่งแทนคุณอติกรอาทิตย์หน้านี้แล้วนะ”
คนฟังส่ายหน้าไปมา เธอเป็นเพียงผู้ช่วยเลขา แถมเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่วัน จึงยังไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปในบริษัทมากนัก
“นี่พวกพนักงานสาวๆ กำลังตื่นเต้นกันใหญ่เลย”
“ทำไมเหรอคะ หรือว่าท่านรองประธานคนใหม่ดุมากเหรอคะ”
“อืม...ก็ได้ยินมาว่าทั้งดุ ทั้งเฮี้ยบ ทั้งเนี้ยบ แล้วก็เจ้าระเบียบก็ที่หนึ่ง เรียกว่าโคลนนิ่งท่านประธานใหญ่ของเรามาเลยเชียวล่ะ แต่ก็หล่อมากๆ ด้วยนะ เห็นว่าเรียนจบจากเมืองนอกมาตั้งสองสามปีแล้ว ตอนแรกได้ยินว่าขอทำงานหาประสบการณ์ที่เมืองนอกก่อนสักสี่ห้าปี ไปๆ มาๆ ทำท่าจะไม่ยอมกลับ จนคุณพ่อต้องขอร้อง เพราะอยากปลดเกษียณตัวเองมาพักผ่อนเลี้ยงหลานเต็มที ก็เลยยอมกลับ ตอนนี้ก็เลยต้องเตรียมเข้ามาศึกษาดูงานเพื่อมารับช่วงต่อดูแลกิจการไป น้องจ๋าเถอะ ระวังอย่าไปหลงเสน่ห์เขาอีกคนเสียล่ะ”
คนพูดยิ้มตาเป็นประกาย แอบจับผิดอาการของสาวสวยตรงหน้า แต่ก็ไม่พบอาการตื่นเต้นใดๆ จากอีกฝ่ายนอกจากความนิ่งเฉย สีหน้าเรียบติดจะเย็นชานิดๆ ในยามที่เจ้าตัวเผลอ ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าแม่สาวตรงหน้าจะไม่คิดใช้เต้าไต่เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ช่วยเลขา มาเป็นภรรยาลูกชายเจ้าของบริษัท เหมือนอดีตผู้ช่วยเลขาคนก่อนที่ใช้เต้าไต่ให้ท่าลูกชายคนโตของท่านประธาน แต่สุดท้ายพอเรื่องแดงขึ้นมาเพราะเจ้าหล่อนมีเรื่องตบตีกับพนักงานด้วยกัน และเผลอโพล่งความลับฉาวโฉ่ของตัวเองกับรองประธานคนเก่าออกไป ก็ถูกสั่งพักงานยาวและยังโดนทัณฑ์บนอีก แถมตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ที่หมายตาก็หลุดมือไปด้วย เพราะชายหนุ่มต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ หาไม่ก็จะไม่ได้รับมรดก แต่ถึงจะได้เป็นสะใภ้จริง ก็คงไม่รุ่งเท่าไหร่ เพราะลูกชายคนโตที่ว่าดันเป็นเพียงลูกบุญธรรมที่ถูกรับมาเลี้ยงเท่านั้น ผิดกับว่าที่ท่านรองประธานคนใหม่นี้ที่เป็นลูกชายแท้ๆ“แต่ถึงจะหลงเสน่ห์ไปก็เท่านั้น เพราะได้ยินว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว เป็นลูกสาวเพื่อนรักของท่านประธานคนเก่า พี่เคยเห็นแวบๆ ตอนงานเลี้ยงประจำปีพนักงาน รายนั้นทั้งสวยทั้งรวยอย่าบอกใครเลยล่ะ แถมเป็นนักเรียนนอกด้
เป็นความบังเอิญหรือจงใจสะกดรอยตามมา เธอก็สุดจะคาดเดาได้ แต่ความไม่ประมาทย่อมดีที่สุด เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่บ้านเธอวันก่อนทำให้ไม่วางใจคนตรงหน้านัก“ไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ ฉันกลับเองได้”อีกฝ่ายมีทีท่าผงะไปนิดๆ นายปิยะแอบขุ่นข้องหมองใจกับคำว่า ‘คุณ’ ของคนเป็นลูก ดูเหมือนรุจารินจะได้รับกรรมพันธุ์ความหยิ่งยโสจองหองจากเมียเก่าของเขามาเต็มตัวทีเดียว คิดแล้วก็ให้หงุดหงิดไม่น้อย“ฝนตกหนัก พ่อจอดรถตรงนี้นานๆ ไม่ได้ ขึ้นรถก่อนเถอะเดี๋ยวพ่อไปส่ง” พร้อมคำพูด มือของฝ่ายนั้นก็คว้าข้อมือเธอหมับ และหญิงสาวก็สะบัดมือทันทีด้วยความตกใจ และดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็คงตกใจเช่นกัน นายปิยะหน้าถอดสี แววตาสำนึกผิดเจือด้วยความหมองหม่นน้อยใจคู่นั้นทำเอาหญิงสาวแอบรู้สึกผิดนิดๆ หากคิดว่าเป็นเจตนาดี ก็ดูเหมือนเธอจะทำลายน้ำใจอีกฝ่ายไปไม่น้อย“พ่อขอโทษนะลูก พ่อแค่เป็นห่วงกลัวหนูโดนฝนไม่สบาย เหมือนตอนเด็กๆ ไง เวลาหนูตากฝนหรือโดนละอองฝนนิดเดียวก็จะเป็นหวัดทุกที” หัวใจคนฟังกระตุกนิดๆ เมื่อยามได้ยินความหลังจากปากบิดาบังเกิดเกล้า“แต่ไม่เป็นไรนะถ้าหนูรังเกียจพ่อ พ่อมันก็เลวน่ารังเกียจเองจริงๆ สมควรให้หนูกับแม่โกรธ แต่ขอให
หากไม่ใช่เพราะเข้าตาจนจริงๆ เขาคงไม่ต้องเลือกผลักลูกสาวคนโตตกนรกด้วยตัวเองเช่นนี้ แต่ครั้นจะไม่ทำเขาก็คงโดนฆ่าตาย หรือหากจะยอมส่งลูกสาวอีกคนให้ นางปราณีก็ไม่ยอมแน่ ปิยะดาเพิ่งอายุสิบเก้าปี อายุยังน้อยเกินกว่าที่จะไปเผชิญเรื่องบ้าบอพวกนี้ แต่กับรุจารินแม้อายุอานามจะมากกว่านิดหน่อย หากทว่าเขาแอบเชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่าความฉลาดของอีกฝ่ายอาจจะทำให้เอาตัวรอดจากเงื้อมมือไอ้เสี่ยวิปริตนั่นได้ หรือหากไม่รอดมือจริงๆ ลูกสาวของเขาก็คงมีวิธีรับมือที่ดีกว่าปิยะดาผู้เป็นน้อง ซึ่งอ่อนกว่าทั้งอายุและไหวพริบสติปัญญา“พ่อขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้กับหนู...”มือสั่นเทาเอื้อมไปลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวย รุจารินได้ความสวยของภรรยาเก่าเขามาทุกกระเบียดนิ้ว ตอนเด็กก็เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู โตขึ้นมาก็สะสวยหยาดเยิ้มไปทั้งเรือนร่าง แต่ความสวยที่ว่ากลับจะต้องมาแปดเปื้อนราคีคาวอันแสนโสมมและวิปริตจากชายที่แก่คราวพ่อคราวลุงนั่นจนชีวิตต้องแปดเปื้อนมัวหมอง หัวอกพ่อย่อมปวดร้าวยอกแสยง ภายในใจหนุ่มใหญ่กำลังโต้เถียงกันเองอย่างบ้าคลั่งไม่! เขาทำไม่ได้หรอก เขาจะทำแบบนี้กับลูกไม่ได้!แต่ถ้าไม่ทำก็ต้องตายนะตายแล้วไง
“เอ้า! มีอะไรจะสั่งเสียอีกล่ะ ทำยึกยักน่ารำคาญ หรืออยากจะเปลี่ยนใจไปเป็นอาหารไอ้เข้ก่อนดีวะ” คนฟังกลืนน้ำลายฝืดคอ ทำใจกล้าก่อนเอ่ย“ผมขออุ้มเข้าไปเอง”“พี่ยะ!” นายปิยะไม่ฟังเสียงภรรยาที่ยืนหน้าบูดบึ้งขัดอกขัดใจ“เธอรออยู่ที่นี่แหละไม่ต้องเข้าไป เดี๋ยวพี่จะเข้าไปคนเดียว” ว่าแล้วเขาก็รีบช้อนร่างอันไร้สติของบุตรสาวและเดินตามสมุนทั้งสองของเสี่ยเข้าไปด้านในด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง‘ด้านใน’ ที่ว่านั่นคือส่วนที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปจากด้านหน้าที่เปิดเป็นไนต์คลับหรูหรา หากคนวงในรู้กันดีว่าจริงๆ แล้วไนต์คลับนั่นเปิดเพื่อบังหน้า แต่ทว่าธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลคือบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่เปิดอยู่ตรงชั้นใต้ดินของไนต์คลับนั่นต่างหาก แม้จะเคยเข้ามาที่บ่อนแห่งนี้หลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชายมากวัยได้ล่วงเข้ามาถึงด้านในเขตต้องห้ามของเสี่ยอำพล ซึ่งเจ้าตัวเรียกขานว่าเป็นสวนสนุก แต่หลายคนที่เข้าไปแล้วว่ากันว่าน้อยคนนักจะรอดออกมาในสภาพเดิมก่อนเข้าไปชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของสภานที่นั่งเอกเขนกบนโซฟาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ผิดกับผู้มาเยือนที่ทำท่าจะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ“นั่นหรือของเล่นชิ้นใหม่ของฉัน อืม.
“จะไปรู้เหรอวะ เห็นคนก่อนๆ ที่ถูกส่งมาก็บอกสดใหม่แบบนี้ แล้วไง สดที่นี่แต่เน่าเฟะเละเทะมาจากที่อื่นทั้งนั้น นังคนสวยนี่ก็คงเหมือนๆ กัน ผู้หญิงสมัยนี้มีซักกี่รายวะที่สดซิงๆ หายากอย่างกับงมเข็ม เดี๋ยวนี้สิบสองสิบสามก็มีผัวกันหมดแล้ว”“เอาน่าลูกพี่ สดไม่สด พอผ่านมือเสี่ยมันแล้วก็...เยินทั้งตัว! เหมือนกันหมดละน่า” เสียงที่น่ารังเกียจหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ชวนให้คนฟังใจเต้นระทึก สมองมึนเบลอพยายามประมวลผลเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ยากเต็มทีนี่มันเรื่องอะไรกัน ฝันหรือจริง เธออยู่ที่ไหนกันแน่ ทุกอย่างล้วนไร้ซึ่งคำตอบ“พูดแล้วแม่งเปรี้ยวปากว่ะ สวยๆ แบบนี้ กว่าเสี่ยจะเบื่อ ส่งต่อมาถึงมือพวกเราก็คงพรุนทั้งตัวแล้ว”“เสียดาย ที่จริงพวกเราน่าจะช่วยเสี่ยทดสอบสินค้าก่อนนะลูกพี่ เบาๆ มือหน่อย เสี่ยคงไม่รู้หรอกน่าว่าอีนี่โดนพวกเราชอนไชจนพรุน...”ผลัวะ!“ไอ้เวร มึงนี่ปากวอนหัวแบะแล้วไง เดี๋ยวใครผ่านมาได้ยิน คาบไปฟ้องเสี่ยขึ้นมา ได้ชิบหายกันหมดล่ะคราวนี้”“โธ่ลูกพี่...จะกลัวอะไร นอกจากพี่กับผมในนี้ไม่มีใครซักหน่อย”“เออ! อย่าประมาท รีบไปเถอะ เดี๋ยวพอเสี่ยมา ยานั่นก็เริ่มออกฤทธิ์พอดี”ยา? ยาอะไรกัน...รุจารินพยา
“กรี๊ดดดด”รุจารินเบิกตาโพลง เหงื่อกาฬแตกพลั่กๆ เธอพยายามกรีดร้อง แต่ทว่าเสียงที่ออกมานั้นเบาหวิวราวกับสายลมพัดผ่านใบไม้แห้ง ความกลัวสุดชีวิตทำให้เธอพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดกระเสือกกระสนลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ครั้งแรกไม่สำเร็จ เธอล้มแปะลงบนเตียงที่เดิมอย่างน่าอนาถ หากภาพสุดหลอนตรงหน้าทำให้เธอต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดแล้วทันใดนั้นเองประตูห้องก็เปิดผลัวะออกมาอีกครั้ง เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างอรชรล้มกลิ้งลงมาจากเตียงมากองแทบเท้าใครคนหนึ่งอย่างสิ้นท่า“จุ๊ๆ จะไปไหนจ๊ะคนสวย” รุจารินขนลุกเกรียวเมื่อได้ยินเสียงกระเส่าเอ่ย“กะ...แกเป็นใคร”“ไม่เอาน่า แก เกออะไรกัน พูดเพราะๆ หน่อยสิจ๊ะ เสี่ยจะได้เอ็นดูหนูเยอะๆ ไง”ไม่ว่าเปล่าคนพูดยังโน้มกาย พร้อมใช้ปลายนิ้วหยาบกร้านไล้ที่ข้างแก้มของเธอ แล้วบังคับเชยคางมนขึ้นมา ตอนนั้นเองที่หญิงสาวได้เห็นใบหน้าอสุรกายในคราบมนุษย์ได้ชัดเจน“สวยจริงๆ” พร้อมคำพูดสายตาชั่วร้ายคู่นั้นก็จ้องมองพินิจใบหน้าสวยไล่ลงมาหยุดที่ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงอย่างจาบจ้วงรุจารินรู้สึกกลัวสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ เธอโตพอจะรู้สถานการณ์ตรงหน้าดีว่าสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองไป
หนีไป! คำสุดท้ายที่หลุดจากปากเหยื่อร่วมชะตากรรมเดียวกัน แต่ก็นั่นแหละ เธอจะหนีอย่างไรในสภาพลูกไก่ในกำมือเช่นนี้ ฟั่บ! ฟั่บ!“โอ๊ย!”ร่างบางสะดุ้งเฮือก นิ่วหน้า รู้สึกชาวูบที่สะโพกกลมกลึงของตน กระโปรงชุดทำงานที่สวมมีรอยขาดเป็นริ้ว อาศัยทีเผลอเพียงนิดเดียว เจ้าเสี่ยชั่วนั่นก็หันไปคว้าแส้ที่ผนังมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และคงไม่ต้องสงสัยว่ามันเอามาทำไมถ้าไม่ใช่เอามาทำร้ายเหยื่ออย่างเธอนี่ไง“ว่าไง...จะยอมดีๆ หรืออยากเจ็บตัวก่อนดีเอ่ย” ว่าแล้วก็เงื้อแส้หนังสีดำขลับขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้หญิงสาวหัวใจแทบหยุดเต้นหากเธอขัดขืน คงมีสภาพไม่ต่างจากเด็กสาวที่นอนไร้วิญญาณตรงนั้น เธอยังไม่อยากตาย ไม่อยากตายในสภาพน่าสมเพชแบบนั้น แม่ของเธอรู้เข้าคงหัวใจสลายตายตามแน่นอน แล้วเธอควรทำยังไงดีเล่า จะเอาตัวรอดจากนรกขุมนี้ได้ยังไง...“มามะ คนดีชิมรสแส้หน่อยจะได้หายพยศ...” ดวงตาคู่งามไหวระริกมองแส้หนังที่เงื้อสูงด้วยความหวาดกลัว“ยะ...ยอม หนูยอมแล้ว” เหยื่อสาวรีบยกมือไหว้ปลกๆ รีบเอ่ยโพล่งออกไปตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เพื่อหยุดมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนที่มันจะสร้างความเจ็บปวดให้อีกครั้ง“หืม? ว่าอะไรนะ”
ร่างแบบบางกระเสือกกระสนหนีทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน เธอวิ่งไปตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ราวกับฉากในนิยายสยองขวัญช่างบีบหัวใจเธอเหลือเกิน แต่พอคิดถึงสภาพของเด็กสาวคนนั้นทำให้หญิงสาวต้องกัดฟันวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล แม้ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน โกรธจนน้ำตาไหลออกมา เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ในสภาพนี้พ่อของเธอทำได้ยังไงกัน ไม่คิดบ้างหรือว่าเธอเป็นลูก ถึงไม่ได้เลี้ยงดูมาตั้งหลายปี แต่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ทำไม...คำถามนั้นไร้คำตอบ แผลที่เข่าปวดตุ๊บๆ ยามที่ต้องออกแรงก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความหวังเอาวะ ดีกว่าตายอย่างอนาถ นาทีนี้ต่อให้ต้องคลานหนีเธอก็ต้องทำแล้ว หูแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าไล่หลังมาก็ทำให้ใจหายวาบ รีบเหลียวซ้ายแลขวาหาที่ซ่อนตัว รอจนเห็นลูกสมุนไอ้เสี่ยหื่นนั้นหลงวิ่งไปอีกทาง อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครทันสังเกตเร้นกายหลบออกไปจากที่แห่งนั้นทันที แล้วหูเธอก็แว่วได้ยินเสียงเอะอะตามหลังมา“เฮ้ย! นังนั่นหายไปไหนแล้ววะ ไวชิบหาย...เด็กเสี่ยหนีไปแล้ว!”เคร้ง! ใครสักคนเอากระป๋องหรืออะไรสักอย่างวางเกะกะที่พื้นทำให้หญิงสาวเผลอสะดุด ดีที่ไม่ล้ม แต่ไม่ดีที่เสียงมันดังก้องไปทั้งทางเ
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท