ตรีวิทย์นั่งตัวเกร็ง ต่อหน้าพ่อ แม่ และยายของมินตรา เขาก้มหน้ารอรับคำตำหนิแต่โดยดี หากแต่ไม่มีคำตำหนิรุนแรงใดๆ ให้ระคายหูระคายใจแม้แต่น้อย
“ท้องอ่อนๆ แบบนี้ใครเขาให้เดินทางไกลไม่รู้หรือ”
แม่ของมินตราเอ่ยขึ้นมาก่อน ในขณะที่คนอื่นยังคงอึ้ง ที่มินตราและตรีวิทย์แจ้งว่าเธอท้องได้เกือบสามเดือนแล้ว ที่ตรีวิทย์มาในวันนี้เพื่อขอขมา และพูดจาเรื่องจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอต่อไป แต่ไม่ลืมที่จะบอกความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับแม่และ ตระกูลสินธรธนารักษ์
“เอาหละไม่เป็นไรหรอก พวกเราไม่ได้เห็นแก่เงินทองหรือความมั่งคั่งอะไร แม่อย่างไรก็คือแม่ แม้ท่านไม่สนับสนุน แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตของตัวเอง ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว มาถึงขนาดนี้จะถอยกลับมันคงไม่ได้แล้ว นอกจากอดทนกันให้มากที่สุด”
ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง เห็นใจลูกและว่าที่สามีเป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวของมินตราไม่ได้ยากจนข้นแค้น หากแต่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับครอบครัวของตรีวิ
ลายน้ำและแดนดินกลับมาถึงบ้าน ก็ล่วงเข้าเที่ยงคืน เพื่อนๆของเธอที่เมามายจนไม่สามารถครองสติได้ แยกย้ายไปนอนที่เรือนเล็กกันหมดแล้ว เหลือพวกผู้หญิงที่ช่วยกันเก็บข้าวของทำความสะอาด ในขณะที่ครอบครัวฝั่งของมินตรา ได้กลับบ้านของเธอแล้ว หากแต่บอกกับเขตรัฐให้ส่งข่าวให้ทราบด้วยว่าลายน้ำเป็นอย่างไรบ้างนางผกาแก้วยังไม่ไปไหน เฝ้ารอแดนดินและลายน้ำอย่าใจจดจ่อ และเป็นห่วงเธอมาก เมื่อเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน นางผกาแก้วรีบลุกขึ้นเดินกระโผลกกระเผลก เมื่อเห็นเช่นนั้นธนัญญาจึงรีบวิ่งเข้าไปประคอง นางผกาแก้วหันมามองเธอนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มขอบใจ“ขอบใจลูก”“คุณดินกลับมาแล้วค่ะ”แดนดินประคองลายน้ำเข้ามาในบ้าน โดยเธอเขย่งขาข้างหนึ่งไว้ เดินด้วยขาข้างเดียวอย่างทุลักทุเล โน้มแขนและน้ำหนักตัวลงไปที่แขนของแดนดิน“เป็นยังไงบ้างลูก แม่เป็นห่วง”“ทำไมแม่ยังไม่นอนล่ะครับ ดึกมากแล้วนะ”“แม่เป็นห่วง อยู่รอหน
แดนดินถือถาดขนมหวาน ของว่าง และผลไม้มาให้ลายน้ำ เมื่อคนอื่นๆ ออกไปจากบ้านใหญ่แล้ว ลายน้ำที่เพิ่งตากผ้าเสร็จ ยังมีอาการเขินอายอยู่บ้าง หากแต่พยายามทำหน้าเป็นปกติ“แม่ใช้ให้เอาขนมกับผลไม้มาให้ครับ”“ตายใจ ให้น้ำไปเอาเองก็ได้ค่ะทีหลัง”“พอดีที่บ้านไม่มีใครอยู่แล้ว เขาไปไหว้พระใหญ่กัน”แดนดินตอบพร้อมกับนำของว่างทั้งหมดไปที่ห้องนั่งเล่นด้านในแทน เพราะเธอจะได้นั่งได้สบายกว่า เพราะโถงด้านหน้าไม่มีเก้าอี้ ต้องนั่งกับพื้นไม่สะดวกสำหรับเธอแดนดินรับไม้เท้าค้ำยันไปพิงไว้ที่ข้างฝาใกล้ให้เธอ หลังจากที่ลายน้ำนั่งลงแล้ว เขาเปิดตู้เย็นในห้องนั่งเล่นออกกว้าง ให้เธอได้เห็นภายใน และถามเธอว่าอยากดื่มอะไร มีหลายอย่างให้เลือก รวมถึงน้ำผลไม้คั้นสด“ขอน้ำฝรั่งดีกว่าค่ะ”“ทำไมไม่เลือกน้ำส้ม”“เอ้า! ก็น้ำชอบน้ำฝรั่ง เห็นว่าคุณมีก็เลยเลือก”“ผู้หญิงส่วน
แดนดินพาลายน้ำไปพบผู้ใหญ่บ้านด้วยกัน ผู้ใหญ่เสือดูแลรับผิดชอบลูกบ้านในพื้นที่หมู่บ้านของเขา และมีศักดิ์เป็นลุงของเขา เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ของเขา เพื่อเป็นการแนะนำลายน้ำ ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวของเขา และเรื่องของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มักจะก่อความวุ่นวายบุกรุกพื้นที่ไร่นาของชาวบ้าน ไปทำกิจกรรมเริงสวาทสร้างความอิดหนาระอาใจอยู่ตลอด“ลายน้ำครับลุง เป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยพัฒนาพันธุ์พืชเพิ่งย้ายมาจากขุนวางเชียงใหม่”“ไหว้พระเถอะนะหนู แล้วนั่นขาไปโดนอะไรมาล่ะ ถึงกับเข้าเฝือกเลยหรือ”ลายน้ำยกมือไหว้ และยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับผู้ใหญ่เสือ และภรรยา“สะดุดล้มขาฟาดเหลี่ยมไม้อย่างแรง กระดูกร้าวเลยต้องเข้าเฝือกครับ”“โอ้! คงจะปวดมากสินั่น แค่ร้าวก็ดีกว่าหักหละนะ”“ไม่ต่างกันเลยครับลุง แค่รักษาง่ายกว่า เพราะมันแตกไปแล้วแต่ไม่หลุดออกจากกันเท่านั้น”“อย่างนั้นหรือ แย่เลยสิแล้วมาตะลอ
ร่างที่สอดส่ายร่ายรับ ภายใต้เงาจันทร์ที่สาดส่องหน้าต่างกระจกใส กรองแสงผ่านม่านบางเข้ามาภายในห้อง เสียงครืดคราด หายใจอย่างเร่าร้อน สะโพกที่กำลังโยกไหวโจนจ้วง หว่างขาที่อ้าแอ่นท้าแสงเงาจันทร์ที่เฉิดฉาย กงเล็บแหลมจิกผิวเนื้อของชายหนุ่มราวกับจะฉีกมันออกจากกัน ทางยาวนูนแดงเป็นเส้นราวแมวข่วน“อ่า อ่า อ่า กดอีกหน่อย เน้นกว่านี้”“อยากได้มากใช่ไหมแบบนั้น”ชนแดนกดเน้นๆตามคำขอของอัญชิสา เมื่อบรรยากาศเป็นใจแสงอ่อนละมุนของแสงจันทร์ชวนให้เขาอยากโยกไหวบนตัวเธอ อัญชิสาไม่รั้งรอ แอ่นอ้าท้าทาย ทุกท่วงทำนองสัมผัสของเขา เขาดูดเม็ดบัวที่เต่งตึงหนุบหนับ พร้อมทั้งกัดทึ้งตามแรงกระสัน หากแต่เป็นที่ถูกอกถูกใจอัญชิสาอย่างมากเธอดันศีรษะของเขาให้ต่ำลง เพื่อให้เขาดูดกลืนเม็ดแตงที่เพิ่งกะเทาะเปลือก หลังจากที่ถอนด้ามลำปืนใหญ่ออกจากปากปล่อง อัญชิสากดจิกศีรษะ ดึงทึ้ง จนเส้นผมหลุดติดมือ แต่ไม่อาจทำให้ชนแดนระคายเลยสักนิด ยิ่งสร้างแรงกำหนัดให
ลายน้ำถูกอุ้มขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เขาสตาร์ทรถเปิดแอร์ให้ความเย็น ก่อนจะหายาดมที่แม่ของเขามักจะทิ้งไว้ในรถให้เธอได้สูดดม หน้าขาวซีด เหงื่อที่แตกพลั่กทำให้เขาตกใจ แดนดินใช้กระดาษซับเหงื่อที่หน้าออกให้เธอ ระหว่างที่รอให้ความเย็นทำงานยาดมที่ถูกจ่ออยู่ที่โพรงจมูก ทำให้ลายน้ำเริ่มรู้สึกตัว เธอเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย แดนดินจึงตัดสินใจพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล เธอถูกต่อสายให้น้ำเกลือ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ระหว่างที่นอนให้น้ำเกลืออยู่นั้น แดนดินแทบจะไม่ห่างเธอไปไหนอีก เพราะกลัวว่าเธอจะแอบหนีกลับเอง และจะเกิดอันตรายลายน้ำค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอมองไปรอบๆ พบแดนดินนั่งเฝ้าเธออยู่ที่เก้าอี้ มีฉากกั้นแยกระหว่างเตียงคนไข้ มองไปฝั่งตรงข้ามก็มีคนไข้อีกเตียงนอนอยู่แดนดินที่กำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้นมองเมื่อหางตาของเขาพบการเคลื่อนไหว เขาหันไปมองลายน้ำ“ฟื้นแล้วหรือ เป็นยังไงบ้าง”“ฉันอยู่ที่ไหน”“โรงพย
แดนดินนอนกอดร่างที่คดคู้ของลายน้ำอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาและเธอหลับไปนาน จนแสงอาทิตย์เริ่มสาดเข้าผ่านช่องหน้าต่างที่ปิดม่านทึบ มีช่องที่ปิดไม่สนิทแหวกออกนิดหนึ่งแต่มีม่านกรองแสงบางเบาซ้อนอยู่อีกชั้น เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำทำให้พวกเขาหลับสบาย แดนดินลืมตาขึ้นก่อนอย่างช้าๆ เขาโอบกอดเธอจากด้านหลัง แผ่นหลังเนียนของลายน้ำแนบอยู่กับแผ่นอกของเขา ศีรษะของลายน้ำทับอยู่บนต้นแขนของเขาจนชา คางที่เกยอยู่เหนือศีรษะขยับออก เขาผงกศีรษะขึ้นมองนอกหน้าต่างที่แสงแดดจ้าการขยับตัวของเขาทำให้ลายน้ำขยับตัวเช่นกัน หากแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาในทันที เขามองร่างดุกดิกของเธอใต้ผ้าห่ม สะโพกของเธอแนบชิดเขา จนรู้สึกสะท้านวูบวาบภายใน จนต้องขยับออกห่าง แขนข้างที่โอบตัวเธอพาดตกอยู่ช่วงอก มือของเขายังกุมกระเปาะเต้าเต่งตึงไว้ เมื่อปลายนิ้วของเขาขยับ ทำให้เธอครางอย่างละเมอ ออกมาเบาๆ จนเขาต้องหยุดนิ่งอาการคุดคู้ ของลายน้ำที่ยังไม่อยากตื่น ทำให้เขายิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แต่ก็จำเป็นต้องรีบลุก
ธนญและนับหนึ่งติดต่อรับรถเช่าที่สนามบินตามที่สพลติดต่อไว้ให้ และขับออกมาตามพิกัดสถานที่ ที่ลายน้ำปักหมุดไว้ พวกเขายังไม่ได้ไปหาโรงแรมที่พัก เนื่องจากยังเช้าเกินไป จึงตัดสินใจไปหาลายน้ำก่อน“คุณลายน้ำคะ ตอนนี้ฉันกับคุณธนญลงเครื่องแล้ว กำลังจะไปหาคุณที่บ้านนะคะ”“ถึงแล้วหรือค่ะ ได้ค่ะดิฉันจะรอ”ลายน้ำวางสายจากนับหนึ่ง ขณะที่กำลังร่วมโต๊ะอาหารอยู่กับครอบครัวตฤณโชติ ท่ามกลางบรรยากาศเฉยชาระหว่างเธอและแดนดิน จนเขตรัฐสังเกตเห็น เขาส่งสายตามถามน้องชายว่ายังไม่คุยกับเธออีกหรือ แต่แดนดินกลับทำท่าไม่สนใจ“ใครกันโทรหาแต่เช้า”“เอ่อ พอดีมีคนสนใจงานวิจัยของหนูนะค่ะ หนูขออนุญาตให้เขามารับที่นี่นะคะ สักครู่คงจะมาถึง”“งานหรือ ไหนว่าอีกเดือนถึงจะไปทำงาน ทำไมมีคนมาหาแล้วล่ะ”ลายน้ำอึกอักนิดหน่อยเมื่อถูกยิงคำถามเป็นชุดจากนางผกาแก้ว เธอรู้สึกเกรงใจพวกเขา พยายามหาคำอธิบายให้นางผกาแก้ว
ชนแดนที่กำลังอ่านชาร์ตบันทึกอาการของเกศิตา เขาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เพราะอาการของเธอดีขึ้นมาก แม้จะกังวลในช่วงแรก หลังผ่าตัดเสร็จ และเขาไม่ได้อยู่ดูแลเธอต่อเพราะลางานกลับบ้านไว้ก่อนแล้ว แต่บันทึกของเพื่อนหมอท่านอื่นที่ช่วยดูแลแทนไม่บ่งชี้ความผิดปกติใดๆ ทำให้เขาสบายใจขึ้น“คุณเกศเป็นยังไงบ้างครับ มีอะไรผิดปกติไหมครับ”“ถือว่าดีทีเดียวครับ ไม่ต้องเป็นห่วง แค่นอนพักและทานยาให้ตรงเวลา ลดการเคลื่อนไหว หรือกิจกรรมหนักก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง”“แล้วจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ”“สัปดาห์หน้าก็สามารถไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ แล้วหมอจะนัดกลับมาดูอาการเป็นระยะ แต่คงต้องงดใช้งานไปก่อนสักพักนะครับ จนกว่าแผลจะหายสนิท ไม่งั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แม้จะรู้สึกไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว ก็ยังไม่สมควรใช้งาน”สหัสวรรษและเกศิตายิ้มแหยๆ ออกมา เมื่อหมอชนแดนพูดถึงเรื่องนั้น ชนแดนแอบเหลือบมองสหัสวรรษด้วยความสนใจในขณะที่จด
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง