แดนดินนอนกอดร่างที่คดคู้ของลายน้ำอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาและเธอหลับไปนาน จนแสงอาทิตย์เริ่มสาดเข้าผ่านช่องหน้าต่างที่ปิดม่านทึบ มีช่องที่ปิดไม่สนิทแหวกออกนิดหนึ่งแต่มีม่านกรองแสงบางเบาซ้อนอยู่อีกชั้น เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำทำให้พวกเขาหลับสบาย แดนดินลืมตาขึ้นก่อนอย่างช้าๆ เขาโอบกอดเธอจากด้านหลัง แผ่นหลังเนียนของลายน้ำแนบอยู่กับแผ่นอกของเขา ศีรษะของลายน้ำทับอยู่บนต้นแขนของเขาจนชา คางที่เกยอยู่เหนือศีรษะขยับออก เขาผงกศีรษะขึ้นมองนอกหน้าต่างที่แสงแดดจ้า
การขยับตัวของเขาทำให้ลายน้ำขยับตัวเช่นกัน หากแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาในทันที เขามองร่างดุกดิกของเธอใต้ผ้าห่ม สะโพกของเธอแนบชิดเขา จนรู้สึกสะท้านวูบวาบภายใน จนต้องขยับออกห่าง แขนข้างที่โอบตัวเธอพาดตกอยู่ช่วงอก มือของเขายังกุมกระเปาะเต้าเต่งตึงไว้ เมื่อปลายนิ้วของเขาขยับ ทำให้เธอครางอย่างละเมอ ออกมาเบาๆ จนเขาต้องหยุดนิ่ง
อาการคุดคู้ ของลายน้ำที่ยังไม่อยากตื่น ทำให้เขายิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แต่ก็จำเป็นต้องรีบลุก
ธนญและนับหนึ่งติดต่อรับรถเช่าที่สนามบินตามที่สพลติดต่อไว้ให้ และขับออกมาตามพิกัดสถานที่ ที่ลายน้ำปักหมุดไว้ พวกเขายังไม่ได้ไปหาโรงแรมที่พัก เนื่องจากยังเช้าเกินไป จึงตัดสินใจไปหาลายน้ำก่อน“คุณลายน้ำคะ ตอนนี้ฉันกับคุณธนญลงเครื่องแล้ว กำลังจะไปหาคุณที่บ้านนะคะ”“ถึงแล้วหรือค่ะ ได้ค่ะดิฉันจะรอ”ลายน้ำวางสายจากนับหนึ่ง ขณะที่กำลังร่วมโต๊ะอาหารอยู่กับครอบครัวตฤณโชติ ท่ามกลางบรรยากาศเฉยชาระหว่างเธอและแดนดิน จนเขตรัฐสังเกตเห็น เขาส่งสายตามถามน้องชายว่ายังไม่คุยกับเธออีกหรือ แต่แดนดินกลับทำท่าไม่สนใจ“ใครกันโทรหาแต่เช้า”“เอ่อ พอดีมีคนสนใจงานวิจัยของหนูนะค่ะ หนูขออนุญาตให้เขามารับที่นี่นะคะ สักครู่คงจะมาถึง”“งานหรือ ไหนว่าอีกเดือนถึงจะไปทำงาน ทำไมมีคนมาหาแล้วล่ะ”ลายน้ำอึกอักนิดหน่อยเมื่อถูกยิงคำถามเป็นชุดจากนางผกาแก้ว เธอรู้สึกเกรงใจพวกเขา พยายามหาคำอธิบายให้นางผกาแก้ว
ชนแดนที่กำลังอ่านชาร์ตบันทึกอาการของเกศิตา เขาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เพราะอาการของเธอดีขึ้นมาก แม้จะกังวลในช่วงแรก หลังผ่าตัดเสร็จ และเขาไม่ได้อยู่ดูแลเธอต่อเพราะลางานกลับบ้านไว้ก่อนแล้ว แต่บันทึกของเพื่อนหมอท่านอื่นที่ช่วยดูแลแทนไม่บ่งชี้ความผิดปกติใดๆ ทำให้เขาสบายใจขึ้น“คุณเกศเป็นยังไงบ้างครับ มีอะไรผิดปกติไหมครับ”“ถือว่าดีทีเดียวครับ ไม่ต้องเป็นห่วง แค่นอนพักและทานยาให้ตรงเวลา ลดการเคลื่อนไหว หรือกิจกรรมหนักก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง”“แล้วจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ”“สัปดาห์หน้าก็สามารถไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ แล้วหมอจะนัดกลับมาดูอาการเป็นระยะ แต่คงต้องงดใช้งานไปก่อนสักพักนะครับ จนกว่าแผลจะหายสนิท ไม่งั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แม้จะรู้สึกไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว ก็ยังไม่สมควรใช้งาน”สหัสวรรษและเกศิตายิ้มแหยๆ ออกมา เมื่อหมอชนแดนพูดถึงเรื่องนั้น ชนแดนแอบเหลือบมองสหัสวรรษด้วยความสนใจในขณะที่จด
มินตราและนับหนึ่งช่วยกันล้างจาน แต่ก็แอบสงสัยที่เห็นสามพี่น้องกำลังคุยกันอยู่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มินตราแอบลอบมองสังเกตตั้งแต่ตอนที่ธนัญญานั้นแยกไปคุยกับตรีวิทย์ ตอนที่ทุกคนกำลังงุนงงกับแดนดินที่พาลายน้ำกลับเรือนเล็กโดยไม่บอกไม่กล่าว“มีอะไรหรือมิน”“เปล่าค่ะ แค่มินสงสัยว่าสามพี่น้องเขาคุยอะไรกัน”นับหนึ่งหันไปมองตาม เมื่อเห็นสีหน้าของธนญ นับหนึ่งเองก็เริ่มหวั่นในใจ ก่อนจะหันเหความสนใจของมินตรามาที่อาหารที่เหลือบนโต๊ะ เพื่อไม่เธอคิดมากเกินไปธนญที่หลังจาก นางผกาแก้วแม่ของเขตรัฐและแดนดิน ขอแยกตัวไปเข้านอนก่อน จึงได้โอกาสเดินเข้าไปคุยกับน้องสาวน้องชาย เพื่อไขข้อข้องใจของเขา“ฉันเห็นพวกนายตั้งแต่ตอนที่คุณดินพาคุณน้ำกลับไป มีอะไรหรือ”“ม่ะไม่มีอะไรครับพี่นญ”สีหน้าตกใจและวิตกกังวลของตรีวิทย์ ทันทีที่ธนญเอ่ยถามจากด้านหลัง เขาตกใจจนสะดุ้งโหยง ก่อนที่ธนญจะหันไปทางธนัญญา“ยายนัญ&
น้ำรินที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโน้มน้าวเมืองนาย ในการร่วมลงทุนในธุรกิจร่วมกับทรงกลด แต่กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจ ติดใจในรสชาติเซ็กส์ของกันและกัน น้ำรินและเมืองนายแอบติดต่อสานต่อกิจกรรมหฤหรรษ์บนเตียง พ่วงผลประโยชน์แอบแฝงที่น้ำรินไม่ปฏิเสธ โดยปิดบังไม่ให้ทรงกลดได้รู้น้ำรินพาเมืองนายมาที่อินดีสเป็นครั้งแรก เธอได้อานิสงส์จากการติดตามทรงกรดและอัญชิสามาที่นี่บ่อยๆ ทำให้เป็นที่คุ้นเคยและจดจำ เธอใช้สิทธิ์การเป็นสมาชิกของอัญชิสามันสะดวกใจมากกว่า และหากภายหลังทรงกลดรู้เรื่องนี้ มันก็ไม่เป็นการหักหน้าเขา“คุณมาที่นี่บ่อยหรือ ผมมากรุงเทพฯ บ่อย แต่ไม่เคยมาที่นี่ เห็นเขาว่าคนมาที่นี่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นระดับ VIP ทั้งนั้น ต้องเป็นสมาชิกด้วยใช่ไหม”“ค่ะ นี่รินขอยืมสมาชิกของเพื่อนมา เพราะมากับเพื่อนบ่อย พนักงานที่นี่เลยจำรินได้”“คุณทรงกลดเป็นสมาชิกที่นี่ด้วยไหมครับ”“เป็นค่ะ แต่รินมากับคุณส่วนตัวคงไม่ดีมังคะที่จะสิทธิ์ของเขา”
พัศวีหยิบแส้หางม้าขึ้นมา ใช้ด้ามจับสอดไปที่ใต้กระโปรงสั้นแค่คืบตรงหว่างขาเขาถูมันไปมา จนพรีมถึงกับคราง เพราะเนื้อแข็งของวัตถุที่สัมผัสถูเนื้ออ่อนนุ่ม มันทำให้รับรู้ถึงความเสียวซ่านได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เจ็บแสบไปพร้อมกัน เขากดร่างพรีมลงบนโต๊ะตัวกว้างที่เก็บข้าวของที่ไม่ได้ใช้ออกจนหมด พรีมนอน คว่ำ มือถูกไพ่หลังพร้อมใส่กุญแจมือ ทำให้พรีมใจเต้นแรงและเริ่มกลัว ก่อนที่พัศวีจะใช้ขาเตะเท้าของเธอ วาดออกให้กว้าง พร้อมถกกระโปรงเปิดเผยสะโพกเย้ายวน เขาใช้แส้ฟาดลงบนเนื้อขาวของพรีมเบาๆ จนพรีมร้องออกมา “เจ็บใช่ไหม” “พรีมเจ็บนะวี” พัศวีวางแส้ และนำวัตถุบางอย่างที่สามารถเคลื่อนไหวได้มาจ่อตรงปากปล่องทั้งที่ยังมีชั้นในบางขวางกั้น มันทำให้ร่างของพรีมกระตุก “เสียวไหม” “มันคืออะไร” “เซ็กซ์ทรอย แบบเดียวกับในหนังอย่างว่า วีรู้ ว่าพรีมต้องเคยสงสัยว่ามันรู้สึกยังไง ลองดูนะ” พัศวีดึงชั้นในออกพร้อมสอดมันเข้าไป ปุ่มถูกกดให้ทำงาน ทำให้เธอเสียว
คงทรัพย์นั่งดูโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกไปมา ให้แห้งอย่างรวดเร็ว เขาดูข่าวที่ตีสีใส่ไข่เกี่ยวกับเขาและอังคณา ที่เกินเลยออกรสชาติเกินบรรยาย จินตนาการมากมายผุดมาตามกระแส เสียงวิพากษ์วิจารณ์และการขุดคุ้ยประวัติและพฤติกรรม ที่น่ารังเกียจของอังคณา ทำให้เขายังสนใจ หลายๆ เรื่องเกี่ยวกับอังคณาที่เขาไม่เคยรู้ แค่ภาพไม่กี่ภาพที่เขาปล่อยออกไป กลับรู้เรื่องราวอื่นๆ ของเธออีกมากมาย สายตาและรอยยิ้มเหยียดที่มองอังคณา แม้เธอไม่รู้ว่าเขาอ่านหรือดูอะไรอยู่ แต่เชื่อว่ามันล้วนแต่เกี่ยวกับเธอ แม้คงทรัพย์ไม่ใช่ผู้ชายหน้าตาดีอะไรมากมาย แต่รูปร่างของเขากลับทำให้คนหน้าธรรมดาดูหล่อเหลาขึ้นมาได้ ร่างกายที่แข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ อกผาย ไหล่ผึ่ง หน้าท้องแบนราบเป็นสันนูนตามริ้วมัดกล้ามเนื้อที่ท้อง อังคณาแอบรอบมองเขาอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก “ฉันปวดท้อง” คงทรัพย์เหลือบมอง แต่กลับไม่สนใจและนิ่งเฉย อาการปวดท้องจนขนลุกทำให
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อังคณาที่ไม่สามารถเดินไปไหนได้ เพราะบาดแผลที่หนักหนาสาหัสที่เท้าของเธอ ทุกย่างก้าวแสนเจ็บแสบและทรมาน เธอคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้น มองดูหญิงกลางคนที่เข้ามาเก็บจานอย่างมีความหวัง หากแต่ป้าศรกลับไม่ยอมมองหรือสบตากับเธอ และจากไปอย่างรวดเร็วอังคณาพอมีความหวังอยู่บ้าง เธอมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีเม็ดฝนโปรยปรายอยู่ เธอและคงทรัพย์ทรัพย์โชคดีที่เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนที่พายุฝนจะมา เรือนหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมผา สวยงามแต่ดูน่ากลัว เพราะเป็นเรือนไม้ทั้งหลังดูถมึงทึงมืดดำท่ามกลางป่าเขา ปิดตายจะเปิดใช้เฉพาะเวลาที่เจ้าของมาพักผ่อน ครั้งสุดท้ายที่ผ่านมาก็สิบกว่าปีที่พัศวีพาเกศิตาไปที่นั่นแต่เรือนที่เธอและคงทรัพย์พักอยู่ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเรือนหลังนั้น แต่ก็กว้างขวางและสะดวกสบายเช่นกัน ที่สำคัญมันหลบอยู่อีกมุมหนึ่งที่ไม่สามารถมองเห็นจากประตูทางเข้าด้านหน้าที่ติดกับถนนหลัก จึงไม่มีทางที่บุคคลภายนอกจะรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขา“เราจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน
หลังจากที่นายวิกรมและพวกได้กลับไปแล้ว คงทรัพย์เอาแต่นั่งดื่มด้วยความโกรธ ที่พวกของวิกรมอุกอาจมาบุกผับของเขาอย่างไม่ยำเกรงเช่นนี้ เขาจะต้องเอาคืนให้ได้ อาชานั่งดื่มเป็นเพื่อน หลังจากที่สถานการณ์คลี่คลาย“พี่จะให้ผมกลับไปส่งที่เขาใหญ่ไหม”“ไม่ต้อง ในเมื่อมันเปิดหน้ากับฉันแบบ นี้จะเอาคืนซึ่งหน้าเหมือนกัน”“แล้วจะปล่อยคุณอังคณาไว้ที่นั่นแบบนั้นจะดีหรือ”“ยายนั่นหนีไปไหนไม่รอดหรอก ทิ้งไว้นั่นแหละ”คำตอบของคงทรัพย์ เป็นการจบประโยคสนทนา เกี่ยวกับอังคณาโดยสิ้นเชิงอาชาไปส่งคงทรัพย์ที่บ้านของคงกระพัน เขาต้องไปอยู่ที่บ้านพ่อก่อน เพราะพวกของนายวิกรมยังไม่ยอมเลิกตอแยกับเขาได้โดยง่าย ยิ่งเขาหักหน้านายวิกรมเช่นนั้นทั้งที่อุตส่าห์พานายตำรวจใหญ่มาข่มขู่เขาให้เกรงกลัวแท้ๆ การอยู่คนเดียวลำพังเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย อีกทั้งร่างกายเขาเองก็ยังไม่สมบูรณ์พอ“ไอ้วิกรมมันพาพวกไปบุกผับแกงั้นหรือ”“
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง