อาหารสำหรับสองคน ที่วางอยู่บนโต๊ะ มากมายจนอนิลไม่รู้ว่าจะทานหมดไหม แต่ทุกอย่างล้วนแต่น่ากินทั้งนั้น โดยเฉพาะกุ้งเผาตัวใหญ่ทที่ผ่าครึ่งแบะออกพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด มันกุ้งสีเข้มเยิ้มอยู่ที่หัว จนแทบกลืนน้ำลายไม่ทัน เวหาหาใช้ช้อนตักให้เธอ เพื่อเป็นการประเดิมอาหารบนโต๊ะที่เป็นจานเด็ดสำหรับมื้อนี้ ที่อนิลรอคอย “ขอบคุณค่ะ” “น้ำจิ้มนี่อาจจะเผ็ดสักหน่อย คุณลองชิมก่อนนิดหนึ่ง ถ้าเผ็ดผมจะให้เขาปรุงให้ใหม่” อนิลลองตักมานิดหนึ่งหยดลงบนเนื้อกุ้งขาวที่มีไอระอุ ก่อนจะนำเข้าปาก และต้องรีบเป่าปากและดื่มน้ำตามทันที “เผ็ดใช่ไหม” “ค่ะ” เวหายกเมือเรียกพนักงานทันที “ขอโทษครับ ช่วยทำน้ำจิ้มให้ใหม่สักถ้วยได้ไหม คุณผู้หญิงทานเผ็ดไม่ได้ ขอพริกแค่เม็ดเดียวพอ” “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” อนิลยิ้มให้เขา การดูแลผู้หญิงของเขา ยากที่ผู้หญิงคนไหนจะไม่ตกหลุมรัก แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยให้ความสนใจหญิงสาวพวกนั้น นั่นทำให้อนิลคาใจ และสงสัยเพิ่มไปอีก ที่เขาทำดีกับเธอเป็นพิเศษเช่นนี้ ไม่น่าจะใช่เพราะว่าเขาชอบเธอหรอก เปิดใจให้เธอตามคำสั่งพ่อแม่ เพราะหากเป็นอย่างนั้น เขาควรจะทำมันตั้งนานแล้ว ไม่น่าจะหล
อนิลหลับอยู่บนโซฟายาว โดยมีสูทของเวหาห่มคลุมกันหนาวจากแอร์คอนดิชั่น เมื่อออกจากอยุธยา เวหาตั้งใจจะพาเธอกลับไปยังโรงแรมที่พัก แต่เพราะมีสายด่วนจากศูนย์วิจัยอาหารจากโปรตีนพืชทดแทนโปรตีนจากสัตว์ เพื่อการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ พบปัญหาจากการจัดเก็บที่ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ตามมาตรฐาน ส่งผลให้เกิดสารก่อให้เกิดโทษต่อผู้บริโภค จึงมีการเรียกประชุมด่วน ทำให้เขาต้องพาอนิลมาที่สำนักงานการวิจัยฯด้วย แต่เนื่องจากการประชุมที่ไม่สามารถสรุปแนวทางแก้ไขได้ เพราะต้องมีการถกกันอีกหลายประเด็น ทำให้การประชุมนั้นยืดเยื้ออกไปมาก อนิลเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง เพราะอากาศที่เย็นสบายและร่างกายที่เหนื่อยล้าจากค่ำคืนก่อน ทำให้เธอนอนหลับสบายโดยไม่มีสะดุ้งตื่นเลยสักนิด หลังจากเลิกประชุม เวหามองนาฬิกาที่ข้อมือ มันล่วงเลยเกือบเที่ยงคืน มันทำให้เขาตกใจ ก่อนจะรีบขอตัวเพราะทิ้งอนิลไว้ลำพังนานมาก แต่เมื่อเปิดประตูห้องรับรองเข้าไป พบว่าเธอนอนหลับอยู่ นั่นทำให้เวหาอดไม่ได้ที่จะยืนมองเธออยู่อย่างนั้น ก่อนจะตรงเข้าไปนั่งลง ใช้หลังมือแก้วเธอเบาๆ เพราะมันเย็นเฉียบ อนิลลืมตาขึ้
จากการที่วิกรมรายงานเรื่องที่ทรงกลดอ้างชื่อของอักษะ เพื่อหวังข่มเวหาและรังแกอนิล ทำให้อักษะโกรธจนแทบฆ่าเขา นั่นเพราะเขานำชื่อของอักษะข่มคนที่ไม่สมควรถูกข่มอย่างเวหาและอนิล โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเวหาเป็นลูกชายของรัฐมนตรีมานิต นั่นยิ่งทำให้นายอักษะแทบคลั่ง นายอักษะให้โอกาสเขาอีกครั้งในการหาทางกำจัดสืบสายให้ได้ ถ้าไม่สำเร็จ หากเกิดอะไรขึ้นกับทรงกลด พวกเขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่ถ้าสำเร็จ แม้แต่รัฐมนตรีมานิตก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องทรงกลด ซึ่งนั่นเป็นข้อเสนอที่ดูคุ้มเกินกว่าคุ้ม และยากที่จะปฏิเสธได้ ทำให้ทรงกลดรีบตบปากรับคำทันที เมื่อกลับมาถึงที่พัก ข้าวของต่างๆ ถูกเขวี้ยงปากระจัดกระจายด้วยโทสะ เขาต้องระบายมันออกมา เพราะต่อหน้านายอักษะ เขาต้องเก็บมันไว้ ความเคืองแค้นที่เขามีต่อวิกรมและเมืองนายไม่ได้จบแค่นั้น เมืองนายที่มารู้จักกับอักษะเพราะเขา แต่กลับทำตัวอยู่เหนือกว่าและนิ่งเฉยราวกับเจ้านาย แม้แต่อักษะยังต้องเกรงใจ ในขณะที่วิกรมที่จ้องเล่นงานเขาจากเรื่องนี้ เพื่อลิดรอนความไว้วางใจของนายอักษะที่มีต่อเขา น้ำรินถูกเรียกตัวทันที แม้จะไม่อยากมาพบทรงกลดแต่ก็จำใจ เพราะพักหลังมาน
อังคณาถูกนำตัวส่งกลับยังคฤหาสน์ของนายอักษะในช่วงสาย โดยที่ไม่มีใครคาดคิด หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าแสนธรรมดากางเกงขาก๊วยผ้าฝ้ายทอมือ และเสื้อม่อฮ่อมแหวกอก ผูกเชือก จะมายืนอยู่หน้าประตูเกาะรั้ว รอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ทำท่าจะไล่เธอแต่ต้องชะงักไปห่างออกไปไม่ไกล คนของอาชาที่คงทรัพย์ใช้ให้มาส่งเธอที่บ้าน ซุ่มดูว่าเธอได้เข้าไปในบ้านเรียบร้อย ก่อนจะโทรรายงานอาชาให้ทราบ “คุณอังคณาเข้าบ้านแล้วครับพี่”“อืม ขอบใจ บอกให้คนของเรากลับมาได้”“ครับ”คงทรัพย์ที่กลับมาที่บ้านแล้ว ถูกนายคงกระพันเรียกตัวมาสอบถาม ว่าได้จัดการเรื่องของนายทรงกลดไปถึงไหนแล้ว“รอจังหวะอยู่ครับพ่อ เมื่อวานมันอยู่ที่บ้านนายอักษะเกือบทั้งวัน ตอนออกมาก็ตรงกลับไปที่คอนโดทันที ไม่มีทีว่าว่าจะออกไปไหน นี่ก็ยังให้คนของเราซุ่มดูอยู่”“อืม จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้ท่านทวงถามหลายรอบ”“ครับพ่อ”คงทรัพย์แยกตัวจากนายคงกระพัน ก่อนจะโทรศัพท์หาอาชาอีกครั้ง เพื่อกำชับเรื่องของทรงกลด เพราะผู้ใหญ่ตำหนิมาว่าทำงานช้าหลังมื้ออาหารเช้า คนสนิทของท่านมานิตยื่นแท็บเล็ตที่มีข่าวด่วนของเวหาขึ้นโรงพัก ถูกปล้นเพราะแอบควงสาวไ
เมื่อรถที่มาส่งเวหาขับออกไปจากหน้าคอนโดแล้ว เวหาที่พอจะมีสติอยู่นิดหน่อย เดินโซซัดโซเซเข้าไปในลิฟท์เพื่อจะขึ้นไปยังห้องพักของเขา เขาเองกลับมาที่นี่ด้วยสัญชาตญาณ ตัวเองก็ลืมไปว่าได้ยกห้องนี้ให้กับอนิลไปแล้ว เมื่อถึงหน้าห้องเขาใช้การ์ดที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์แตะไปที่ล็อคประตูห้องก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ในความมืดมิด ร่างที่นอนสงบอยู่บนเตียงไม่ได้รับรู้การเข้ามาของผู้บุกลุกเลยสักนิด เธอนอนหลับสนิท เวหาถอดเสื้อตัวนอก ปลดกระดุมและพับแขนเสื้อดึงชายออกจาการเกง ดึงเข็มขัดรวมถึงถอดกางเกงพาดทิ้งไว้ที่โซฟานั่งเล่น ก่อนจะปีนขึ้นเตียงนอน และหลับไป เมืองนายที่รู้สึกเสียอารมณ์นิดหน่อยที่เวหาจากไปก่อน เขาตั้งใจจะมาดื่มกับเวหาจนหัวทิ่ม แต่เพราะอริศราที่มาเป็นตัวขัดขวางความสุขจากการดื่มของพวกเขา แต่เพราะความเย้ายวนต่างๆ ที่เธอเอาอกเอาใจเขาอยู่ตลอดเวลา มันเลยทำให้เขาพอจะคลายความไม่พอใจลงได้บ้าง คงทรัพย์และสืบสาย ซุบซิบอะไรบางอย่าง ก่อนที่ธนญจะเดินกลับมาที่โต๊ะ หลังจากไปเข้าห้องน้ำ เขามองคงทรัพย์และสืบสาย ก่อนที่ทั้งสองจะเงยหน้าขึ้น “ฉันให้อาชาเอาไอ้ทรงกลดไปทิ้งที่ลานจอดรถของคอนโดตามเดิ
เช้าที่สดใส แสงแดดอบอุ่นส่องเข้ามาภายในห้อง ผ่านกรองแสงด้วยม่านขาวบางเบา เวหากอดร่างของอนิลไว้ในอ้อมกอดโดยไม่รู้ตัว เพราะความเมาไม่ได้สติ สำหรับอนิลเธอคิดว่ามันคือความฝัน แม้จะรู้สึกเคลิบเคลิ้มและหลงใหลเวลาที่เขาสัมผัสเรือนกายที่เปลือยเปล่าอนิลติดนิสัยไม่ใส่เสื้อผ้ายามนอน เพราะรู้สึกสบายกว่าอีกทั้งเธอนอนคนเดียว และมีห้องนอนส่วนตัวมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าสู่วัยสาว ก็ไม่เคยถูกรบกวนจากพ่อแม่ เธอจึงทำมันโดยไม่คิดว่าจะมีใครมานอนร่วมเตียงกับเธอเช่นนี้เวหาที่ตื่นขึ้นมาก่อน เขารู้สึกปวดตึบที่ศีรษะ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขากำลังปรับสายตา เพราะใบหน้าซุกอยู่ที่แผ่นหลังขาวเนียนของใครคนหนึ่ง จนเมื่อชัดเจนและมั่นใจว่าไม่ใช่ฝัน เขาถึงกับตกใจผละออก แต่เพราะแขนอีกข้างที่ถูกทับอยู่ มันทำให้เขากลัวว่าเจ้าของร่างนั้นจะตื่น เขามองไปทั่วห้อง เมื่อจำได้ว่ามันคือห้องคอนโดของเขาที่ยกให้กับอนิลไปแล้วอนิลพลิกกายหันหน้ามากอดเขา เธอรู้สึกหนาว เพราะผ้าห่มเลื่อนออกจากไหล่ เพราะเวหาขยับตัวจะลุกออก เมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังกอดอนิลอยู่ เวหาตัวเกร็งไปหมด เมื่ออกอวบอูมของอนิลกอดอยู่บนอกกว้างของเข
รอยยิ้มที่แสนหวานของอนิลหันมาทางที่เวหาและมานัสยืนอยู่ เธอคิดว่าเขาเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะความมึน เทพบุตรที่แสนหล่อเหล่าเป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวทุกเพศทุกวัย แต่เมื่อรู้ตัวว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตา อนิลถึงกับหุบยิ้ม เมื่อวาทิตทักทายเขา “ไง ท่านที่ปรึกษาฯ เวหาเพื่อนรัก” เวหายิ้มให้กับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่ลลิตาเดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมกับกอดไหล่เพื่อนสาว ยิ้มพรายที่ได้เห็นเวหาอีกครั้งในระยะใกล้แค่เอื้อมเช่นนี้ ลลิตาเดินเข้าไปราวกับละเมอ จ้องมองเวหา จนเวหาถึงกับทำหน้าไม่ถูก เพราะจำเธอไม่ได้ “พี่เวหาจริงเหรอเนี่ย โห หล่อโคตร เหมือนเดิมไม่มีผิด” “หยุดลิตา ไม่ใช่เวลาพร่ำเพ้อของเธอ ว่าแต่นั่นใครอ่ะ” มานัสเบรคลลิตา พร้อมทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ย ทำให้ลลิตารีบกันท่ามานัสทันที “หยุดพี่นัส เพื่อนลิตา เช็ดน้ำลายด้วย” เวหาและอนิลต่างวางสีหน้าเฉยชาต่อกัน เขาไม่พอใจที่เธอไม่ตรงกลับคอนโดแต่กลับมาเที่ยวเล่นดื่มจนเมามายในสถานบันเทิงแบบนี้ ส่วนอนิลเองก็โกรธที่เขาทิ้งเธอลงกลางทางบอกว่ามีธุระด่วน เพียงเพราะต้องการมาดื่มกับเพื่อนในสถานที่เที่ยวกลางคืนที่แสนล่อแ
เวหามาที่โรงแรมตามที่เมืองนายบอก สีหน้าโกรธขึงเคร่งเครียด ใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่จดจ้อง แต่เขาไม่สนใจสิ่งใด นอกจากมุ่งตรงไปหาอนิลที่ห้องพักเท่านั้นเสียงกริ่งดังขึ้น ทำให้อนิลแปลกใจ เพราะเธอเพิ่งเช็คอินเข้ามาพักเพียงไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งมันก็ดึกเกินกว่าที่พนักงานหรือใครจะมารบกวนเช่นนี้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ขอหมอนและผ้าห่มเพิ่มไปอีกหนึ่งชุด ก่อนจะเปิดประตูให้ใครในเวลาเช่นนี้ เพื่อความแน่ใจเธอจึงส่องดูในช่องตาแมวก่อนว่าเป็นใครอนิลส่องดูที่ตาแมว แต่ไม่เห็นว่าเป็นใคร รอสักพักจึงเห็นเป็นพนักงานนำหมอนและผ้าห่มที่เธอขอเพิ่มไปมาให้ เธอจึงยอมเปิดประตู เวหาที่ยืนอยู่ด้วยมองหน้าอนิลไม่สบอารมณ์นัก อนิลพูดอะไรไม่ออก เพราะอยู่ต่อหน้าพนักงาน เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ และนั่งลงที่โซฟาชุดรับแขกริมกระจก ที่เปิดม่านกว้างมองทิวทัศน์ยามค่ำคืน เขารอจนกว่าพนักงานจะจัดการกับหมอนและผ้าห่มให้เธอจนเสร็จเมื่อพนักงานสาวของโรงแรมออกไป อนิลจึงหันมาถามเขาทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”“ใครอนุญาตให้มานอนค้างอ้างแรมในโรงแรมแบบนี้ ห้องพักที่ผมให้อยู่มันไม่สะด
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง