Chapter 3
ปัญหา
“ลมอะไรหอบ นายมาหาเราถึงที่บ้าน” นิรุตนักธุรกิจส่งออกอาหารแปรรูปทางทะเลส่งออก ทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ค่อยจะได้เจอกัน แต่วันนี้เขากลับมาหาเขาถึงที่บ้าน
“เราพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะ เราจะเอาที่ดินมาจำนำนาย”
“ที่ดินที่นายหุ้นกับวิชัยใช่ไหม”
“นายรู้” ภาณุมองหน้าเพื่อนที่นั่งยิ้มให้เขาเหมือนรับรู้ปัญหาทุกอย่าง
“อืม รู้ รู้ก่อนนาย รู้มากกว่านาย” นิรุตกอดอกหลังพิงพนักเก้าอี้รับแขกอย่างสบายใจ
“หมายความว่าอย่างไรวะ เรางงไปไหม” ภาณุไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูด เหมือนมีอะไรที่เขายังไม่รู้อีกเกี่ยวกับวิชัย
“ภาณุนายมันไว้ใจคนง่ายเกินไป ที่ดินตรงนั้นเราเองก็อยากได้ เราตั้งใจจะซื้อ แต่วิชัยมันชวนนายมาหุ้นแล้วซื้อตัดหน้าเรา โดยที่มันติดต่อลูกค้าที่จะซื้อต่อไว้แล้ว ซึ่งมันขายได้ราคาตั้งแต่วันแรกที่ซื้อเลย แต่มันหลอกนาย จะให้นายยอมขายคืนให้มันในราคาที่ขาดทุน แต่มันก็ผิดแผนเพราะนายไม่ยอมขาย”
“ไอ้วิชัย !! ไอ้เพื่อน เลว...!” ภาณุขบกรามแน่นด้วยความแค้น
“เราก็ลุ้นอยู่ ว่านายจะแก้ปัญหายังไง ขอบใจนะที่ยังคิดถึงเพื่อนคนนี้” นิรุตส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่กำลังโกรธ
“ภาณุแต่เราก็เป็นนักธุรกิจ เราคงไม่ยอมเสียเปรียบหรือช่วยนายฟรีๆ เรามีข้อเสนอ”
“ข้อเสนออะไร” ถึงแม้จะต้องการให้นิรุตช่วย แต่ภาณุก็ใช่จะพร้อมยอมทุกอย่าง เขสทำเสียงแข็งกลับ เพื่อให้คนที่กำลังได้เปรียบอย่ามั่นใจไป
“เราจะรับจำนำที่นายแบบไม่คิดดอกเบี้ย แต่นายต้องให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายเรา”
“เพื่ออะไร นายต้องอะไร นายจะได้อะไรถ้าเรายอมทำตาม” ภาณุไม่เข้าใจว่าเพื่อนของเขาจะได้อะไรจากการแต่งงานของลูกชาย สิ่งที่สมควรได้คือดอกเบี้ยมากกว่า
“ครอบครัวเราทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เรามีเงิน แต่เราไม่ใช่ตระกูลเจ้าใหญ่นายโต นามสกุลดังเหมือนครอบครัวของนาย และสิ่งเหล่านี้เงินก็ซื้อไม่ได้ ”
“ก็แค่ต้องการเกี่ยวข้องเป็นดองกับครอบครัวเราเพราะนามสกุลเก่า เป็นเจ้าเป็นนายในบ้านเมืองนี้ มันสำคัญถึงขั้นที่ทั้งเราและนายต้องบังคับลูกๆให้มาอยู่ด้วยกันทั้งที่เขาไม่รักกัน นายคิดอะไร” ภาณุด้วยหัวอกของความเป็นพ่อ เขาไม่ต้องการดึงลูกสาวทั้งคู่เข้ามาเกี่ยวข้อง
“เราจะคิดอะไร แบบไหน มันก็เรื่องของเรา นายมีสิทธิ์ตัดสินใจ เมื่อไหร่ที่ลูกสาวนายมีหลานให้เรา เราจะยกหนี้ที่นายเอามาจำนำเรารับขวัญหลาน”
“นิรุต นายก็ไม่ต่างจากวิชัย เห็นเราแย่นายก็บีบเรา” ภาณุกำมือแน่น ภายในใจมันร้อนรุ่มไปหมด
“แต่เราไม่เคยโกงใคร เรายื่นขอเสนอตรงไปตรงมา กลับไปตัดสินใจ เราต้องการดองกับสายเลือดของตระกูลดัง ส่วนลูกของเรา เราสั่งคำไหนคำนั้น”
ตลอดทางกลับบ้าน ภาณุรู้สึกเกลียดตัวเอง ที่เป็นสามี เป็นพ่อที่แย่ เขาน่าฟังคำทัดทานของเพ็ญแข ไม่น่าโลภอยากได้กำไรจากการขายที่ ทั้งที่กำไรจากเต็นท์รถ ก็ทำให้ครอบครัวเขาพออยู่พอกินได้สบาย ถ้าเขาหาเงินมาหมุนไม่ได้ ครอบครัวเขาต้องเดือดร้อน กิจการต้องปิด พนักงานทุกคนต่างก็มีครอบครัว น้ำตาลูกผู้ชายมันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลายครั้งที่เขาอยากจะขับรถพุ่งลงข้างทางให้ตายๆไป แต่หน้าของเมียกับลูกสาวทั้งสอง ทำให้เขาต้องสู้ต่อ
เมื่อถึงบ้านภาณุพยายามทำทุกอย่างให้ปกติ แต่เพ็ญแขเป็นภรรยาเขามาเกือบยี่สิบปี ทำไมจะสังเกตไม่ได้ ว่าสามีสุดที่รัก กำลังมีเรื่องไม่สบายใจ
“คุณคะ เรายังรักกันอยู่ใช่ไหม” เพ็ญแขเอ่ยขึ้นหลังจากสามีทำท่าจะล้มตัวลงนอน
“ทำไมคุณถามผมแบบนี้” ภาณุมองภรรยาด้วยความแปลกใจ
“ถ้าคุณยังรักฉัน คุณมีเรื่องอะไร ทำไมคุณไม่เล่าให้ฉันฟัง การที่คุณเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว มันไม่ทำให้ปัญหาดีขึ้น คุณกลัวจะทำให้ทุกคนไม่สบายใจ แต่คุณรู้ไหม ที่คุณกำลังทุกข์แบบนี้ ฉันกับลูกไม่มีความสุขเลยเพราะทุกคนเป็นห่วงคุณ”
สองมือเล็กโอบกอดสามี ใบหน้าที่เริ่มมีรอยหย่นตามกาลเวลาแต่ยังคงรักษาความสวยไว้ได้เป็นอย่างดีซบลงบนไหล่ของสามีผู้เป็นที่รัก
“ผมทำทุกอย่างที่เราสร้างมันขึ้นมาพังหมดเลย ผมมันโลภ ผมมันโง่” สองมือหนายกขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้
“สิ่งที่คุณสร้างและมันจะไม่มีวันพังเลย คือความรักของครอบครัวเราค่ะ” เพ็ญแขโอบศีรษะชายผู้กำลังอ่อนแอลงมซบบนอกที่อบอุ่นของเธอ
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ เล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน คุณยังฉัน มีลูกๆ มีคนที่รักคุณ ”
ภาณุเล่าเรื่องราวตั้งแต่วิชัยหักหลังเขา จนถึงที่เขาไปขอความช่วยเหลือนิรุต และข้อเสนอที่นิรุตให้เขากลับมาคิดว่าตกลงหรือไม่
“คุณเห็นไหมเพ็ญแข พี่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน พี่จะไม่ยอมบังคับให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายที่ลูกไม่ได้รัก มันเหมือนให้ลูกไปตกนรกทั้งชีวิตเลย พี่จะไม่ยอมทำผิดซ้ำสอง ”
เพ็ญแขเข้าใจความรู้สึกของสามีเป็นอย่างดี เพราะเธอรู้ว่าภาณุรักลูกสาวทั้งสองมากแค่ไหน ขนาดพิมพกานต์ไม่ใช่ลูกที่เป็นสายเลือด เวลาเธอไม่สบายไม่มีคืนไหนเลยที่ภาณุจะไม่นั่งเฝ้าลูก ด้วยความดีที่เขามี เธอกับลูกจะไม่ยอมให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาคนเดียวแน่ๆ
“ทุกอย่างมีทางออกค่ะ”
“คุณหมายความว่าอะไร” ภาณุมองหน้าภรรยาอย่างสงสัย
“ฉันจะลองคุยเรื่องนี้กับลูกตรงๆ เขาอยากได้คนที่เป็นสายเลือดคุณ ฉันจะลองคุยกับรดา ถ้าลูกไม่เต็มใจก็ยังเหลือพิมพ์ เพราะนอกจากครอบครัวเราก็ไม่มีใครรู้ว่าพิมพ์ไม่ใช่ลูกของคุณ”
“คุณจะบังคับลูกไม่ได้นะ พี่ไม่ยอม” ภาณุขึงขัง
“ฉันบอกหรือยังคะว่าจะบังคับ ฉันจะถามลูกและให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง ถ้าลูกๆไม่ยอม เราก็จะยอมขายที่ดินในราคาที่ขาดทุน แต่เราจะไม่ขายให้วิชัยและพวกพ้องมันค่ะ เราจะเริ่มต้นกันใหม่ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ คนที่ลำบากกว่าเรามีอีกมาก ปัญหาทุกอย่างมันมีทางออก คุณนอนเถอะนะคะ เหนื่อยเครียดมาทั้งวันแล้ว”
Chapter 4หาผู้หญิงให้ไฟห้องนอนถูกปิดลง สองสามีภรรยาต่างหลับตา แต่มันหลับแค่เพียงร่างกาย หัวใจของทั้งคู่ยังไม่หยุดที่จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้“ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก พ่อเห็นลูกเอาแต่ออกนอกบ้านทุกวัน ไปหารินทร์ทุกวันเลยใช่ไหม” นิรุตนั่งรอลูกชายที่ห้องรับแขกกลางบ้าน“ใช่ครับคุณพ่อ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นแฟนกันก็ต้องหมั่นไปหากันสิครับ” ว่านน้ำลูกชายคนโตของบ้าน ตอบผู้เป็นพ่อตามความจริง“รักมากเลยเหรอคนนี้”“พ่อหมายถึงวรินทร์ใช่ไหมครับ รักที่สุดเลยครับพ่อ ผมคบกับเธอตั้งแต่ก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อ นานหลายปี เธอก็ยังคงรักผม รอผม แบบนี้คุณพ่อไม่ให้ผมรักเธอมากได้อย่างไรกันครับ” คนตอบยิ้มอย่างภูมิใจในคนรักของตน“ถ้าพ่ออยากจะให้ลูกแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นล่ะ” นิรุตเข้าเรื่อง“คุณพ่อหมายความว่าอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” ว่านน้ำเปลี่ยนสีหน้าทันที“พ่อจะหาผู้หญิงที่เหมาะสม สักคนให้ลูก พ่ออยากให้ลูกลองเปิดใจ”“แต่!..ผมมีแฟนแล้ว คุณพ่อรังเกียจวรินทร์ที่เธอมีฐานะไม่เท่าเทียมกับครอบครัวเราใช่ไหมครับ”“พ่อไม่ได้รังเกียจวรินทร์ แต่พ่อคิดว่าเธอยังไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีพอสำหรับลูก” ด้วยนิสัยที่เงียบขรึม นิรุตให้
Chapter 5ครั้งแรกของการพบกัน “เท่ากับเราก็แพ้ไอ้เพื่อนขี้โกงของคุณพ่อสิคะ” รดาควันออกหู เธออยากจะจัดการเพื่อนขี้โกงแก้แค้นให้บิดาจัง “ใจเย็นรดา ฟังคุณแม่พูดให้จบก่อน” พิมพกานต์คิดว่าทางเลือกที่สองและสามต้องดีกว่าทางเลือกแรกแน่ๆ “ทางเลือกที่สอง คุณพ่อจะเอาที่ดินไปจำนำเพื่อน แต่เพื่อนคนนั้นให้ข้อเสนอว่า จะรับจำนำที่ดินแบบไม่คิดดอกเบี้ย แต่จะต้องให้ครอบครัวของเขากับเราเป็นดองกัน” “อะไรนะ!” สองพี่น้องถามด้วยความตกใจพร้อมกัน “ลูกได้ยินถูกแล้ว ทางครอบครัวนั้นเสนอต่อว่าถ้าเขามีหลานเมื่อไร จะคืนที่ดินทั้งหมดให้พ่อ เพื่อเป็นการรับขวัญหลาน โดยไม่เอาเงินคืนแหมแต่บาทเดียว” “ทำไมเขาถึงอยาก... เป็นดองกับครอบครัวเราล่ะคะคุณแม่” พิมพกานต์คิดไม่ออกว่าครอบครัวนั้นจะมีเหตุผลอะไร เพราะว่าครอบครัวของเธอไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยอะไรมาก และกำลังอยู่ในช่วงขาลงด้วยซ้ำ “แม่กับคุณพ่อคิดว่ามันมีหลายเหตุผลด้วยกัน แต่เหตุผลที่สำคัญก็คงเป็นเพราะครอบครัวเราเป็นตระกูลเก่า นามสกุลของเราน่าจะเป็นใบเบิกทางในธุรกิจ และเป็นหน้าตาให้กับครอบครัว
Chapter 6ครั้งแรก“สวัสดีค่ะคุณอานิรุต คุณอาสุชาดา” พิมพกานต์กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีจ๊ะหนูพิมพกานต์ น่ารักกว่าตอนเด็กๆอีกนะ” นิรุตเคยเห็นเธอตั้งแต่ตอนเพิ่งเข้าโรงเรียนใหม่ๆ“ขอบคุณค่ะคุณอา คุณอาเรียกพิมพ์เฉยๆก็ได้ค่ะ” คนชมส่งยิ้มหวานแบบมีมารยาทให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง“เอ้า!..และลูกชายนายล่ะ” ภาณุมองหาคนสำคัญของงานนี้อีกคน“รออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วค่ะ คงจะอายเลยไม่กล้ามาต้อนรับ” สุชาดาแก้ตัวแทนลูกชายที่ทำตัวดูไม่มีมารยาททั้งห้าคนเดินผ่านประปูไม้สักลายมังกร ที่สั่งทำจากประเทศจีนราคาหลายแสน มายังห้องอาหารของบ้านหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์น่าจะถูกกว่า“สวัสดีครับคุณลุงและคุณป้า” ว่านน้ำลุกจากเก้าอี้ทักทายสวัสดีแขกผู้ใหญ่ทั้งสองคน โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าทุกสายตากำลังจับจ้องเขา ที่เอาแต่มองพิมพกานต์ไม่วางตา“เอิ่ม ๆ ...” นิรุตกระแอมในคอ เพื่อให้ลูกชายละสายตาจากหญิงสาวเสียที“สวัสดีค่ะ” พิมพกานต์ยกมือไหว้ว่านน้ำเพราะเธออายุน้อยกว่าเชิญนั่งกันได้เลยจ๊ะ ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรกันบ้าง บ้านเราทำธุรกิจเกี่ยวกับทะเล ก็จะมีอาหารทะเลเยอะหน่อย มีใครแพ้อาหารทะเลไหมจ๊ะ สุชาดาพยายามชวนคุย“ไม่มีใครแพ้ มีแต
Chapter 7ผิดไปจากที่คิดไว้“พ่อขอบใจลูกมานะพิมพ์ พ่อเป็นพ่อที่แย่จริงๆ ทำครอบครัวเราล้มไม่มีท่า จนลูกต้องมาเดือดร้อน” ภาณุวางของในมือก่อนเดินมากอดลูกสาวทั้งสอง “พิมพ์มีความสุขดีค่ะคุณพ่อ ความสุขของพิมพ์คือการเห็นคุณพ่อ คุณแม่และน้องมีความสุข ถ้าคุณพ่ออยากให้พิมพ์สบายใจ ห้ามพูดหรือคิดแบบนี้อีก ทุกอย่างที่พิมพ์ทำ พิมพ์เลือกแล้ว มันอาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับพิมพ์ ครอบครัวคุณอาก็มีฐานะ ลูกชายเขาก็ดูเป็นคนไม่เลวสักเท่าไหร่ อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองค่ะ ” เพ็ญแขมองภาพสามคนพ่อลูดกอดกันอยู่ตรงหน้า เธออดคิดไม่ได้ว่ามันคือเวรกรรม ตอนที่เธอหิ้วท้องมาขอความช่วยเหลือจากภาณุ ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้รักเขาเลยสักนิด ต้องการเพียงกู้หน้าตาให้ผู้ให้กำเนิด แต่ความดีของภาณุทำให้ตอนนี้เธอรักเขาสุดหัวใจ เธอก็คงได้แต่ภาวนาให้ลูกสาว ขอให้ว่านน้ำผู้ชายที่พิมพกานต์ต้องใช้ชีวิตคู่ด้วย เป็นคนดี รักครอบครัวเหมือนอย่างที่ภาณุเป็น แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่เธอหวังไว้ ก็คงขอให้พิมพกานต์เข้มแข็งและต่อสู้กับเรื่องทุกอย่างได้อย่างไม่เกรงกลัวปัญหาใดๆ“คุณว่าหนูพิมพ์เป็นอย่างไรบ้าง” นิรุตถามภรรยาที่กำลัง
Chapter 8ทะเลแห่งการเรียนรู้ยังไม่ทันจะเล่าจบ พลอยรดาได้ยินมาถึงตอนนี้ ก็เข้าใจว่า ชายหนุ่มที่พี่สาวไปเจอ คงไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษหรืออาจจะทำร้ายอะไรพี่สาวของเธอแน่ๆ“ไม่อะไรหรอกรดา ก็อย่างที่คุยกันข้างล่าง เขาก็พูดจาจิกกัดพี่ แต่โชคดีที่พี่มีน้องสาวแสนจิกกัดเก่ง พี่เลยได้วิทยายุทธไป พอสู้กับเขาได้” มือบางยื่นมารูปหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู“นี่รดากำลังโดนชมใช่ไหมคะ จะได้ดีใจ ไม่รู้ล่ะ พี่พิมพ์จะต้องไม่ยอม ถ้าอีตาคนนั้น ชื่ออะไรนะ ”“ว่านน้ำ” รดาลืมชื่อ“ใช่ๆ ว่านน้ำ รดาจะจำเป็นสาหร่ายทะเลอยู่เรื่อยเลย”“เรียกเขาซะ ใครจะไปชื่อเพราะเหมือนแฟนคุณพลอยรดาล่ะคะ” คนเป็นพี่แซวคนช่างติ“พี่พิมพ์คะ อย่าเพิ่งบอกแฟนรดาเรื่องที่รดาให้พี่พิมพ์ไปแต่งงานกับผู้ชายบ้านนู้นแทน แล้วก็อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่ารดามีแฟนแล้ว รดาไม่อยากให้พ่อเครียดหรือเป็นกังวลกับรดา”“พี่ว่านะ ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่ารดา กำลังมีความรัก ถึงได้ขึงขังไม่ยอมท่าเดียว เพียงแต่ท่านอาจจะมองว่า มันอาจเป็นความรักแบบหนุ่มสาววัยรุ่น เลยไม่ได้คาดคั้นถามความจริง”ทั้งภาณุและเพ็ญแขดูออกว่าลูกสาวคนเล็กกำลังมีความรัก แต่สาเหตุจริงๆ ทีทั้งคู
Chapter 9แลก“เราจะไปสอนอะไรลูกนาย ตาว่านนู้น เดี๋ยวเขาแต่งงานกัน เขาก็สอนกันเองแหละ” นิรุตนึกภาพลูกชายจะมีเมียก็อดยิ้มไม่ได้“ว่าแต่ ว่านน้ำยอมแล้วใช่ไหม ที่จะให้นายจับคลุมถุงชน” ภาณุแอบหวั่นว่าถ้าว่านน้ำไม่เต็มใจ จะมาลงกับลูกสาวของเขา“คลุมถุงชน พูดเสียดูแย่เลย เรียกว่าหาคนที่เหมาะสมให้ลูกดีกว่า” นิรุตไม่ชอบคำนี้เลย ฟังดูเหมือนเขาบังคับจิตใจลูก“เรายังไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ อาทิตย์หน้านี่แหละ ปล่อยให้สองคนเขาได้มีเวลาเรียนรู้กัน แต่เราว่าเราดูไม่ผิด หนูพิมพ์เป็นน่ารัก ส่วนลูกเราก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าได้ใกล้ชิดกัน เราเชื่อว่าทุกอย่างจะไม่มีปัญหา ”เวลาผ่านไปเร็วมากในความคิดของพิมพกานต์ เธอทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ที่จะต้องไปไกลครอบครัว ไปแบบตัวคนเดียว ไปกับผู้ชายที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย เธอกับเขาเจอกันที่บ้านของเขาแค่เพียงครั้งเดียว และครั้งนี้กลับต้องไปใช้ชีวิตด้วยกันนานอย่างไม่มีกำหนด แต่พิมพ์กลัวว่า ความกลัวของเธอจะทำให้บุพการีทั้งสองเป็นห่วง เธอจึงทำเหมือนตื่นเต้นเสียเหลือเกินที่ได้ไปเที่ยว“ขนของไปน้อยจังพี่พิมพ์ ไปอยู่เกาะนะ ขาดเหลืออะไรจะลำบากเอา” น้องสาวยืนมองกระเป๋าเพียงไม่กี่ใบ
Chapter 10เธอกับฉัน..ทำความรู้จัก “ไม่เคยไกลพ่อไกลแม่เหรอ ทำหน้าเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้ ” ชายหนุ่มที่กำลังขับรถชายตามองหญิงงสาวที่นั่งข้างๆ “ค่ะ...” “ไม่เคยไกลได้ยังไง คุณพ่อบอกว่าเธอกับน้องสาวถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำ ไม่ใช่หรอกเหรอ” ว่านน้ำแปลกใจ “ไปอยู่โรงเรียน ที่มีทั้งน้อง มีทั้งเพื่อน มีทั้งครู มันจะเหมือน กับการต้องไปอยู่ในที่ ที่ไม่มีคนรู้จักคุ้นเคยได้อย่างไรกันคะ” พิมพกานต์อธิบาย “ใช่เราต่างก็ไม่คุ้นเคยกัน และเธอยอมที่จะให้คุณพ่อ คุณแม่เราคลุมถุงชนทำไม” “คุณพ่อคุณ เป็นคนเสนอ ส่วนฉันมีหน้าที่ทำตาม คุณพ่อคุณแม่ของฉันค่ะ” “ชีวิตเป็นของเรานะ ทำไมเราไม่เลือกกันเอง ผมถามคุณจริงๆ พิมพกานต์” “ชีวิตของลูก คือของพ่อแม่ ฉันมีหน้าที่กตัญญูค่ะ” หญิงสาวมองออกนอกหน้าต่างตลอดการสนทนา “เธอ....คิดแบบนี้จริงๆ เหรอ” หญิงสาวละสายตาจากภายนอกหน้าต่างรถ หันมาสบตาคนถามด้วยความรู้สึกเหมือนนักโทษ ที่ถูกสอบสวนต้อนไปต้อน เหมือนเขากำลังต้องการอะไรจากเธอ “ใช่” คนตอบกระแทกเส
Chapter 11อารมณ์เสียว่านน้ำรู้สึกเอ็นดู ลูกสาวเพื่อนพ่อคนนี้จัง แต่เขาก็ไม่ลืม ที่จะพยายามให้เธอเชื่อใจเขาและยอมยกเลิกไม่แต่งงาน โดยที่เขาไม่ต้องเป็นคนยกเลิกเอง“คนเยอะเลยนะคะ ที่ตรงที่คุณชอบจะว่างรอคุณไหมนี่” พิมพกานต์ไม่รู้ว่าเขาโทรไปจองไว้แล้ว“ว่างสิครับ แถมมีอาหารจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย”“ฮึ ยังไงคะ”“ไม่มีอะไรมาก ผมโทรมาจองทั้งโต๊ะ และสั่งอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว”เมื่อถึงโต๊ะตรงมุมโปรดของชายหนุ่มแล้ว พิมพกานต์ยืนหันหน้าเข้าหาทะเล สูดหายใจเต็มปอด หลับตา ปล่อยใจให้ว่างเปล่า“ไม่กินข้าวใช่ไหม สงสัยจะอิ่มบรรยากาศ” ว่านน้ำแซวคนที่ยืนมองทะเลไม่สนใจอาหาร“ร้านนี้บรรยากาศดีจริงๆค่ะ อาหารก็น่ากินทั้งนั้นเลย” ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามว่านน้ำ“ครับ แฟนผมก็ชอบที่นี่” ชายหนุ่มโกหกเพื่อต้องการให้พิมพกานต์รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว“คุณคงพาแฟนคุณมาที่นี่บ่อยสิ” หญิงสาวถามแบบหน้าตาเฉย เหมือนไม่รู้สึกในสิ่งที่ว่านน้ำพูดไป“ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่ เพราะผมไปเรียนต่างประเทศ นานๆจะกลับมาที เพราะกลับมาคราวนี้ เจอกันได้ไม่ถึงเดือน คุณพ่อก็หาว่าที่เจ้าสาวไว้ให้เสียแล้ว”“อ่อ...เข้าใจแล้ว ปูอร่อยมากเลยค่ะ” พิมพ