Chapter 2
สายใย
“แก่แดดจริงๆ ลูกสาวคนนี้ ซักผ้าให้เป็นก่อน ค่อยคิดจะมีแฟน” เพ็ญแขหยอกสาวน้อยของบ้าน
“เดี๋ยวพี่พิมพ์ก็ตามไปซักให้รดาเองแหละค่ะ ใช่ไหมคะพี่พิมพ์” น้องสาวจอมฉอเลาะคว้ามือคนนั่งข้างๆไปหอมอย่างเอาใจ
“จ้า ยายตัวแสบ” มีเหรอที่คนอย่างพิมพกานต์จะปล่อยให้น้องต้องลำบาก
“เพ็ญ พี่ตัดสินใจแล้วนะ ที่จะร่วมหุ้นกับวิชัย ซื้อที่ดิน พี่ลองไปดูที่วิชัยบอก ที่ดินอยู่ติดถนนใหญ่ เหมาะกับการทำโรงงาน แต่...” พูดได้เท่านี้ภาณุก็หยุดพร้อมสีหน้าที่เป็นกังวล
“แต่อะไรคะคุณ...” เพ็ญแขสัมผัสได้ ว่าสิ่งที่สามีกำลังจะบอก เขากำลังไม่มั่นใจ
“เงินที่พี่จะต้องไปร่วมหุ้น คือเงินทั้งหมดในบัญชีของพี่และเต็นท์รถของเรา จะเหลือก็เพียงแค่พอจ่ายเงินเดือนพนักงานได้สองถึงสามเดือน แต่พี่จะไม่ไปยุ่งกับเงินของเพ็ญและลูกๆนะ”
“ถ้าคุณตัดสินใจดีแล้ว ก็ทำให้เต็มที่ค่ะ เงินของเพ็ญกับของลูก ก็คือเงินของคุณ เราทุกคนอยู่ดีมีสุขได้ทุกวันนี้ ก็เพราะมีหัวหน้าครอบครัวที่แสนดีและเป็นคนเก่งอย่างคุณค่ะภาณุ” ถึงแม้เพ็ญแขจะรู้สึกไม่เห็นด้วยแต่เขาก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของสามี
“แม่คะ ทำไมอาทิตย์นี้คุณพ่อไม่มารับเรา ปล่อยคุณแม่ขับรถมาคนเดียว” รดาสงสัยเมื่อถึงเวลากลับบ้าน ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีครั้งไหนที่บิดาของเธอจะไม่มารับด้วยตัวเอง
“คุณพ่อ มีนัดกับเพื่อนที่ร่วมหุ้นกันทำธุรกิจลูก เดี๋ยวเรากลับถึงบ้าน คุณพ่อก็คงกลับมาถึงพร้อมกับเรา”
วิชัยพาภาณุไปเจอกับคนนู้นที คนนี้ที จนตอนนี้ ภาณุถอนเงินในบัญชีของเพ็ญแขบางส่วน เอาไปหุ้นซื้อที่ดินแปลงใหม่อีกสองแปลง ทั้งที่แปลงแรกขายไปได้เพียงไม่กี่ไร่ ถ้าคิดเป็นราคาต่อไร่ก็ถือว่าได้กำไร แต่ปัญหาคือเงินจำนวนหลายล้านไปจมอยู่กับที่ดิน ที่สร้างประโยชน์อะไรไม่ได้
ก่อนกลับบ้านสามคนแม่ลูกแวะซื้ออาหารกลับไปกินพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านแทนการนั่งกินที่ร้านอย่างทุกครั้ง พิมพกานต์สัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของมารดาที่แสดงผ่านทางสีหน้าที่ดูหมองคล้ำลง
“กลับกันแล้วเหรอสามสาวสุดสวยของบ้าน” ภาณุกลับมาถึงบ้านก่อนลูกได้เพียงไม่กี่นาที
“รดางอนคุณพ่อแล้ว งานอะไรจะสำคัญกว่าการไปรับ รดากับพี่พิมพ์” มือกอดอกปากเล็กถูกดันขึ้นไปจนติดจมูก ตามประสาลูกคนเล็กที่โดนเอาใจ
“พ่อขอโทษนะ เอาไว้ครั้งหน้าจะพาไปเที่ยว อีกสองเดือนก็จะเรียนจบกันแล้ว สงสัยพ่อต้องพาไปเที่ยวต่างประเทศเป็นการฉลองเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นรดาหายโกรธแล้ว แต่ถ้าคุณพ่อผิดสัญญา รดากับพี่พิมจะไม่พูดกับคุณพ่อเลย ไม่นวดหลังให้ด้วย แล้วไม่ต้องมาง้อเลย โกรธนานาเลยคอยดู”
น้องสาวคนเล็กงอนพ่อคนเดียวไม่พอ ต้องเอาชื่อพิมพกานต์เข้าไปด้วยทุกครั้ง เพราะรู้ว่าพี่สาวสุดที่รักพร้อมจะคิดเหมือนเธอเสมอ
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” เพ็ญแขส่ายหัวให้กับความเจ้าแง่แสนงอนของลูกสาว
หลังจากจัดการอาหารบนโต๊ะเรียบร้อย รดาเองขอตัวขึ้นไปคุยโทรศัพท์บนห้องนอนเพราะกำลังมีความรัก ส่วนพิมพกานต์ช่วยมารดาเก็บกวาดถ้วยชามอยู่ในครัว ภาณุเองก็สาละวนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หลายครั้งที่พิมพกานต์สังเกตเห็นบิดาของเขา เอามือกุมขมับทำหน้าวิตกกังวล
“คุณแม่คะ ตอนนี้ที่บ้านเรา กำลังมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” ลูกสาวคนโตอดเป็นห่วงบุพการีไม่ได้จึงถามจากมารดาแบบตรงๆ
“มีลูก แต่ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ช่วยกันแก้ปัญหาได้ ลูกไม่ต้องเป็นห่วง” เพ็ญแขหันมาตอบก่อนจะหันหลังให้คนถามเพราะไม่อยากให้ลูกสาวเห็นความกังวลบนใบหน้าที่มันยิ่งนับวันยิ่งแสดงชัด
“คุณแม่คะ ถ้ามีอะไรที่พิมพ์ช่วยได้ บอกพิมพ์นะคะ”
“จ้าลูก ไปพักเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวแม่ก็จะขึ้นไปนอนเหมือนกัน”
พิมพกานต์รับรู้ได้ว่ามารดากำลังไม่สบายใจ ส่วนบิดาของเธอก็กำลังเครียดกับสิ่งที่กำลังทำ แต่ในเมื่อทั้งคู่ยังไม่เล่าอะไรให้เธอฟัง พิมพกานต์ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่เธอเองคงยังไม่ถึงเวลาต้องรู้
“เพ็ญ ที่ดินที่เราซื้อแปลงใหญ่ยังขายไม่ได้เลย ที่ขายได้ไม่กี่ไร่ ผมก็ใช้จ่ายเป็นเงินเดือนให้ลูกน้องที่เต็นท์หมดแล้ว ถ้าเดือนหน้ายังขายไม่ได้แบบนี้ ผมคงต้องหาหยิบยืมเงินเพื่อนๆมาหมุนก่อน”
ความจริงแล้ว ภาณุรู้อยู่เต็มอกตอนนี้ ว่าที่ดินที่เขาซื้อมาไม่สามารถขายได้แบบเท่าทุนหรือได้กำไรแน่ๆ เพราะวิชัยเหมือนจะหักหลังเขาช่วยลูกค้าที่มาซื้อโก่งราคา รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนมาหักหลัง แต่ภาณุก็ยังให้อภัย แต่เขาก็จะไม่ยอมขายที่ดินแปลงนี้แบบขาดทุนแน่ๆ ในอนาคตที่ดินสวยๆแบบนี้ ราคาต้องไม่ธรรมดา แต่ปัญหาคือเขาไม่มีเงินเหลือเลย
นิรุต เพื่อนคนแรกที่ภาณุคิดถึง เพราะนิรุตเป็นนักธุรกิจที่ถือว่าร่ำรวยที่สุดในกลุ่มเพื่อนๆ แต่เขากับนิรุตไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่เขาคงไม่มีทางเลือก พรุ่งนี้เขาจะเข้าไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนตรงๆ จะขอเอาที่ดินจำนำไว้โดยยอมเสียดอกเบี้ย เพื่อเอาเงินมาหมุนใช้ในครอบครัว และบริหารบริษัทเต็นท์รถต่อไป
Chapter 3ปัญหา“ลมอะไรหอบ นายมาหาเราถึงที่บ้าน” นิรุตนักธุรกิจส่งออกอาหารแปรรูปทางทะเลส่งออก ทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ค่อยจะได้เจอกัน แต่วันนี้เขากลับมาหาเขาถึงที่บ้าน “เราพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะ เราจะเอาที่ดินมาจำนำนาย” “ที่ดินที่นายหุ้นกับวิชัยใช่ไหม” “นายรู้” ภาณุมองหน้าเพื่อนที่นั่งยิ้มให้เขาเหมือนรับรู้ปัญหาทุกอย่าง “อืม รู้ รู้ก่อนนาย รู้มากกว่านาย” นิรุตกอดอกหลังพิงพนักเก้าอี้รับแขกอย่างสบายใจ “หมายความว่าอย่างไรวะ เรางงไปไหม” ภาณุไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูด เหมือนมีอะไรที่เขายังไม่รู้อีกเกี่ยวกับวิชัย “ภาณุนายมันไว้ใจคนง่ายเกินไป ที่ดินตรงนั้นเราเองก็อยากได้ เราตั้งใจจะซื้อ แต่วิชัยมันชวนนายมาหุ้นแล้วซื้อตัดหน้าเรา โดยที่มันติดต่อลูกค้าที่จะซื้อต่อไว้แล้ว ซึ่งมันขายได้ราคาตั้งแต่วันแรกที่ซื้อเลย แต่มันหลอกนาย จะให้นายยอมขายคืนให้มันในราคาที่ขาดทุน แต่มันก็ผิดแผนเพราะนายไม่ยอมขาย” “ไอ้วิชัย !! ไอ้เพื่อน เลว...!” ภาณุขบกรามแน่นด้วยความแค้น “เราก็ลุ้นอยู่ ว่านายจะแก้ปัญหายังไง ขอบใจนะที่
Chapter 4หาผู้หญิงให้ไฟห้องนอนถูกปิดลง สองสามีภรรยาต่างหลับตา แต่มันหลับแค่เพียงร่างกาย หัวใจของทั้งคู่ยังไม่หยุดที่จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้“ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก พ่อเห็นลูกเอาแต่ออกนอกบ้านทุกวัน ไปหารินทร์ทุกวันเลยใช่ไหม” นิรุตนั่งรอลูกชายที่ห้องรับแขกกลางบ้าน“ใช่ครับคุณพ่อ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นแฟนกันก็ต้องหมั่นไปหากันสิครับ” ว่านน้ำลูกชายคนโตของบ้าน ตอบผู้เป็นพ่อตามความจริง“รักมากเลยเหรอคนนี้”“พ่อหมายถึงวรินทร์ใช่ไหมครับ รักที่สุดเลยครับพ่อ ผมคบกับเธอตั้งแต่ก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อ นานหลายปี เธอก็ยังคงรักผม รอผม แบบนี้คุณพ่อไม่ให้ผมรักเธอมากได้อย่างไรกันครับ” คนตอบยิ้มอย่างภูมิใจในคนรักของตน“ถ้าพ่ออยากจะให้ลูกแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นล่ะ” นิรุตเข้าเรื่อง“คุณพ่อหมายความว่าอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” ว่านน้ำเปลี่ยนสีหน้าทันที“พ่อจะหาผู้หญิงที่เหมาะสม สักคนให้ลูก พ่ออยากให้ลูกลองเปิดใจ”“แต่!..ผมมีแฟนแล้ว คุณพ่อรังเกียจวรินทร์ที่เธอมีฐานะไม่เท่าเทียมกับครอบครัวเราใช่ไหมครับ”“พ่อไม่ได้รังเกียจวรินทร์ แต่พ่อคิดว่าเธอยังไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีพอสำหรับลูก” ด้วยนิสัยที่เงียบขรึม นิรุตให้
Chapter 5ครั้งแรกของการพบกัน “เท่ากับเราก็แพ้ไอ้เพื่อนขี้โกงของคุณพ่อสิคะ” รดาควันออกหู เธออยากจะจัดการเพื่อนขี้โกงแก้แค้นให้บิดาจัง “ใจเย็นรดา ฟังคุณแม่พูดให้จบก่อน” พิมพกานต์คิดว่าทางเลือกที่สองและสามต้องดีกว่าทางเลือกแรกแน่ๆ “ทางเลือกที่สอง คุณพ่อจะเอาที่ดินไปจำนำเพื่อน แต่เพื่อนคนนั้นให้ข้อเสนอว่า จะรับจำนำที่ดินแบบไม่คิดดอกเบี้ย แต่จะต้องให้ครอบครัวของเขากับเราเป็นดองกัน” “อะไรนะ!” สองพี่น้องถามด้วยความตกใจพร้อมกัน “ลูกได้ยินถูกแล้ว ทางครอบครัวนั้นเสนอต่อว่าถ้าเขามีหลานเมื่อไร จะคืนที่ดินทั้งหมดให้พ่อ เพื่อเป็นการรับขวัญหลาน โดยไม่เอาเงินคืนแหมแต่บาทเดียว” “ทำไมเขาถึงอยาก... เป็นดองกับครอบครัวเราล่ะคะคุณแม่” พิมพกานต์คิดไม่ออกว่าครอบครัวนั้นจะมีเหตุผลอะไร เพราะว่าครอบครัวของเธอไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยอะไรมาก และกำลังอยู่ในช่วงขาลงด้วยซ้ำ “แม่กับคุณพ่อคิดว่ามันมีหลายเหตุผลด้วยกัน แต่เหตุผลที่สำคัญก็คงเป็นเพราะครอบครัวเราเป็นตระกูลเก่า นามสกุลของเราน่าจะเป็นใบเบิกทางในธุรกิจ และเป็นหน้าตาให้กับครอบครัว
Chapter 6ครั้งแรก“สวัสดีค่ะคุณอานิรุต คุณอาสุชาดา” พิมพกานต์กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีจ๊ะหนูพิมพกานต์ น่ารักกว่าตอนเด็กๆอีกนะ” นิรุตเคยเห็นเธอตั้งแต่ตอนเพิ่งเข้าโรงเรียนใหม่ๆ“ขอบคุณค่ะคุณอา คุณอาเรียกพิมพ์เฉยๆก็ได้ค่ะ” คนชมส่งยิ้มหวานแบบมีมารยาทให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง“เอ้า!..และลูกชายนายล่ะ” ภาณุมองหาคนสำคัญของงานนี้อีกคน“รออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วค่ะ คงจะอายเลยไม่กล้ามาต้อนรับ” สุชาดาแก้ตัวแทนลูกชายที่ทำตัวดูไม่มีมารยาททั้งห้าคนเดินผ่านประปูไม้สักลายมังกร ที่สั่งทำจากประเทศจีนราคาหลายแสน มายังห้องอาหารของบ้านหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์น่าจะถูกกว่า“สวัสดีครับคุณลุงและคุณป้า” ว่านน้ำลุกจากเก้าอี้ทักทายสวัสดีแขกผู้ใหญ่ทั้งสองคน โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าทุกสายตากำลังจับจ้องเขา ที่เอาแต่มองพิมพกานต์ไม่วางตา“เอิ่ม ๆ ...” นิรุตกระแอมในคอ เพื่อให้ลูกชายละสายตาจากหญิงสาวเสียที“สวัสดีค่ะ” พิมพกานต์ยกมือไหว้ว่านน้ำเพราะเธออายุน้อยกว่าเชิญนั่งกันได้เลยจ๊ะ ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรกันบ้าง บ้านเราทำธุรกิจเกี่ยวกับทะเล ก็จะมีอาหารทะเลเยอะหน่อย มีใครแพ้อาหารทะเลไหมจ๊ะ สุชาดาพยายามชวนคุย“ไม่มีใครแพ้ มีแต
Chapter 7ผิดไปจากที่คิดไว้“พ่อขอบใจลูกมานะพิมพ์ พ่อเป็นพ่อที่แย่จริงๆ ทำครอบครัวเราล้มไม่มีท่า จนลูกต้องมาเดือดร้อน” ภาณุวางของในมือก่อนเดินมากอดลูกสาวทั้งสอง “พิมพ์มีความสุขดีค่ะคุณพ่อ ความสุขของพิมพ์คือการเห็นคุณพ่อ คุณแม่และน้องมีความสุข ถ้าคุณพ่ออยากให้พิมพ์สบายใจ ห้ามพูดหรือคิดแบบนี้อีก ทุกอย่างที่พิมพ์ทำ พิมพ์เลือกแล้ว มันอาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับพิมพ์ ครอบครัวคุณอาก็มีฐานะ ลูกชายเขาก็ดูเป็นคนไม่เลวสักเท่าไหร่ อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองค่ะ ” เพ็ญแขมองภาพสามคนพ่อลูดกอดกันอยู่ตรงหน้า เธออดคิดไม่ได้ว่ามันคือเวรกรรม ตอนที่เธอหิ้วท้องมาขอความช่วยเหลือจากภาณุ ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้รักเขาเลยสักนิด ต้องการเพียงกู้หน้าตาให้ผู้ให้กำเนิด แต่ความดีของภาณุทำให้ตอนนี้เธอรักเขาสุดหัวใจ เธอก็คงได้แต่ภาวนาให้ลูกสาว ขอให้ว่านน้ำผู้ชายที่พิมพกานต์ต้องใช้ชีวิตคู่ด้วย เป็นคนดี รักครอบครัวเหมือนอย่างที่ภาณุเป็น แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่เธอหวังไว้ ก็คงขอให้พิมพกานต์เข้มแข็งและต่อสู้กับเรื่องทุกอย่างได้อย่างไม่เกรงกลัวปัญหาใดๆ“คุณว่าหนูพิมพ์เป็นอย่างไรบ้าง” นิรุตถามภรรยาที่กำลัง
Chapter 8ทะเลแห่งการเรียนรู้ยังไม่ทันจะเล่าจบ พลอยรดาได้ยินมาถึงตอนนี้ ก็เข้าใจว่า ชายหนุ่มที่พี่สาวไปเจอ คงไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษหรืออาจจะทำร้ายอะไรพี่สาวของเธอแน่ๆ“ไม่อะไรหรอกรดา ก็อย่างที่คุยกันข้างล่าง เขาก็พูดจาจิกกัดพี่ แต่โชคดีที่พี่มีน้องสาวแสนจิกกัดเก่ง พี่เลยได้วิทยายุทธไป พอสู้กับเขาได้” มือบางยื่นมารูปหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู“นี่รดากำลังโดนชมใช่ไหมคะ จะได้ดีใจ ไม่รู้ล่ะ พี่พิมพ์จะต้องไม่ยอม ถ้าอีตาคนนั้น ชื่ออะไรนะ ”“ว่านน้ำ” รดาลืมชื่อ“ใช่ๆ ว่านน้ำ รดาจะจำเป็นสาหร่ายทะเลอยู่เรื่อยเลย”“เรียกเขาซะ ใครจะไปชื่อเพราะเหมือนแฟนคุณพลอยรดาล่ะคะ” คนเป็นพี่แซวคนช่างติ“พี่พิมพ์คะ อย่าเพิ่งบอกแฟนรดาเรื่องที่รดาให้พี่พิมพ์ไปแต่งงานกับผู้ชายบ้านนู้นแทน แล้วก็อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่ารดามีแฟนแล้ว รดาไม่อยากให้พ่อเครียดหรือเป็นกังวลกับรดา”“พี่ว่านะ ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่ารดา กำลังมีความรัก ถึงได้ขึงขังไม่ยอมท่าเดียว เพียงแต่ท่านอาจจะมองว่า มันอาจเป็นความรักแบบหนุ่มสาววัยรุ่น เลยไม่ได้คาดคั้นถามความจริง”ทั้งภาณุและเพ็ญแขดูออกว่าลูกสาวคนเล็กกำลังมีความรัก แต่สาเหตุจริงๆ ทีทั้งคู
Chapter 9แลก“เราจะไปสอนอะไรลูกนาย ตาว่านนู้น เดี๋ยวเขาแต่งงานกัน เขาก็สอนกันเองแหละ” นิรุตนึกภาพลูกชายจะมีเมียก็อดยิ้มไม่ได้“ว่าแต่ ว่านน้ำยอมแล้วใช่ไหม ที่จะให้นายจับคลุมถุงชน” ภาณุแอบหวั่นว่าถ้าว่านน้ำไม่เต็มใจ จะมาลงกับลูกสาวของเขา“คลุมถุงชน พูดเสียดูแย่เลย เรียกว่าหาคนที่เหมาะสมให้ลูกดีกว่า” นิรุตไม่ชอบคำนี้เลย ฟังดูเหมือนเขาบังคับจิตใจลูก“เรายังไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ อาทิตย์หน้านี่แหละ ปล่อยให้สองคนเขาได้มีเวลาเรียนรู้กัน แต่เราว่าเราดูไม่ผิด หนูพิมพ์เป็นน่ารัก ส่วนลูกเราก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าได้ใกล้ชิดกัน เราเชื่อว่าทุกอย่างจะไม่มีปัญหา ”เวลาผ่านไปเร็วมากในความคิดของพิมพกานต์ เธอทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ที่จะต้องไปไกลครอบครัว ไปแบบตัวคนเดียว ไปกับผู้ชายที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย เธอกับเขาเจอกันที่บ้านของเขาแค่เพียงครั้งเดียว และครั้งนี้กลับต้องไปใช้ชีวิตด้วยกันนานอย่างไม่มีกำหนด แต่พิมพ์กลัวว่า ความกลัวของเธอจะทำให้บุพการีทั้งสองเป็นห่วง เธอจึงทำเหมือนตื่นเต้นเสียเหลือเกินที่ได้ไปเที่ยว“ขนของไปน้อยจังพี่พิมพ์ ไปอยู่เกาะนะ ขาดเหลืออะไรจะลำบากเอา” น้องสาวยืนมองกระเป๋าเพียงไม่กี่ใบ
Chapter 10เธอกับฉัน..ทำความรู้จัก “ไม่เคยไกลพ่อไกลแม่เหรอ ทำหน้าเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้ ” ชายหนุ่มที่กำลังขับรถชายตามองหญิงงสาวที่นั่งข้างๆ “ค่ะ...” “ไม่เคยไกลได้ยังไง คุณพ่อบอกว่าเธอกับน้องสาวถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำ ไม่ใช่หรอกเหรอ” ว่านน้ำแปลกใจ “ไปอยู่โรงเรียน ที่มีทั้งน้อง มีทั้งเพื่อน มีทั้งครู มันจะเหมือน กับการต้องไปอยู่ในที่ ที่ไม่มีคนรู้จักคุ้นเคยได้อย่างไรกันคะ” พิมพกานต์อธิบาย “ใช่เราต่างก็ไม่คุ้นเคยกัน และเธอยอมที่จะให้คุณพ่อ คุณแม่เราคลุมถุงชนทำไม” “คุณพ่อคุณ เป็นคนเสนอ ส่วนฉันมีหน้าที่ทำตาม คุณพ่อคุณแม่ของฉันค่ะ” “ชีวิตเป็นของเรานะ ทำไมเราไม่เลือกกันเอง ผมถามคุณจริงๆ พิมพกานต์” “ชีวิตของลูก คือของพ่อแม่ ฉันมีหน้าที่กตัญญูค่ะ” หญิงสาวมองออกนอกหน้าต่างตลอดการสนทนา “เธอ....คิดแบบนี้จริงๆ เหรอ” หญิงสาวละสายตาจากภายนอกหน้าต่างรถ หันมาสบตาคนถามด้วยความรู้สึกเหมือนนักโทษ ที่ถูกสอบสวนต้อนไปต้อน เหมือนเขากำลังต้องการอะไรจากเธอ “ใช่” คนตอบกระแทกเส