วันเวลาผ่านไปครรภ์ของเจ้าขาเริ่มโตขึ้นเรื่อยจนย่างเข้าสัปดาห์ที่ 36 แล้ว ว่าที่คุณแม่คนสวยก็ท้องใหญ่เสียจนกองทัพให้นึกตกใจว่าเจ้าขาจะได้ลูกแฝดเสียอีก ส่วนตัวเจ้าขาเองก็เริ่มสงสัยตัวเองเช่นกัน เพราะบางครั้งที่ลูกดิ้นก็ราวกับว่ามีเด็กสองคนอยู่ในครรภ์ของเธอ จนกระทั่งถึงวันเกิดของเจ้าขา สองสามีภรรยาก็ตกลงกันว่าจะเป่าเค้กและทำมื้อเย็นกินฉลองวันเกิดโดยที่มีพี่เอมมี่และแม่นับดาวกับป้าแก้มใสมาร่วมฉลองวันเกิดของเจ้าขาด้วย“ขับรถดี ๆ นะคะ เดี๋ยวเย็นนี้เจ้าขากับแม่นับแล้วก็ป้าแก้มจะช่วยกันทำมื้อเย็น รอพี่ทัพกลับมากินด้วยกันนะคะ”เจ้าขาบอกสามีด้วยรอยยิ้มก่อนที่กองทัพจะยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างอิดโรย เพราะสองสามวันมานี้เขามีคิวผ่าตัดยาวมากจนแทบไม่ได้พักผ่อนกันเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าขาก็ท้วงติงให้สามีหยุดพักเสียก่อน แต่เขาก็รักในหน้าที่และห่วงใยชีวิตคนไข้มากกว่าที่จะเป็นห่วงตัวเองที่เริ่มจะพักผ่อนน้อยลงไปทุกวัน“รับทราบครับผม เลิกงานแล้วพี่ทัพจะรีบกลับมากินฝีมือเมียสุดที่รักนะครับ”จบประโยคกองทัพก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มเจ้าขาหนัก ๆ ด้วยความชื่นใจก่อนที่เขาจะหันหลังเดินไปเข้าลิฟต์ โดยที่เจ้าขายังคงยืนโบกม
เจ้าขาเดินเข้ามาภายในโรงพยาบาลด้วยความเร่งรีบเท่าที่คนท้องคนหนึ่งจะเดินได้ เมื่อเธอได้รับสายจากคุณปู่กฤษฎิ์ เธอก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีโดยที่พี่เอมมี่ ป้าแก้มใสกับคุณแม่นับดาวต่างก็แยกกันกลับบ้านเมื่อได้ฟังเรื่องราวของกองทัพจากเจ้าขา เมื่อเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานของสามีเจ้าก็ค่อย ๆ เอื้อมมือที่สั่นระริกไปจับลูกบิดก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือภายในห้องมืดมิดมีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาพอให้เห็นภายในห้องอย่างเลือนรางก่อนที่เจ้าขาจะกดเปิดสวิตช์เปิดไฟทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นภายในพริบตา และปรากฏให้เห็นร่างสูงของสามีที่นั่งชันเข่าซบหน้าอยู่บนพื้นข้างโซฟา ที่มีเด็กสาวตัวน้อยนอนหลับไปทั้งน้ำตา เจ้าขาที่เห็นอย่างนั้นรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาพ่อของลูกทันที“พี่ทัพคะ”เสียงหวานที่เอ่ยเรียกเขาทำให้กองทัพที่นั่งก้มหน้าลงซบบนเข่าค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พอเจ้าขาเห็นอย่างนั้นเธอก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารสามีจับใจ ก่อนที่กองทัพจะโผเข้ากอดภรรยาพร้อมกับไหล่แกร่งที่สั่นสะท้านขึ้นลงไปมาแต่กลับไร้เสียงสะอื้น มีเพียงความเปียกชื้นที่หน้าอกของเธอ บ่งบอกให้รู้ว่าสามีที่มีแ
ดวงตาที่แดงช้ำของเด็กสาวของขวัญทำเอากองทัพถึงกับรู้สึกเจ็บหน่วงไปหมดทั้งใจ เพราะเด็กน้อยไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลอีกเลยหลังจากที่กองทัพพามารับศพคุณป้ารำไพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ในวันนั้นเมื่อของขวัญเห็นศพผู้เป็นยายเธอก็ร้องไห้จนเป็นลมสลบไปด้วยความเสียใจแต่หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาแล้วเด็กสาวก็ไม่เคยร้องไห้ออกมาให้กองทัพเห็นอีกเลย นั่นอาจจะเป็นเพราะคำพูดของคุณป้ารำไพที่เขามักจะได้ยินจนชินหูเวลาที่ไปช่วยคุณป้าขายขนม คุณป้ามักจะบอกของขวัญเสมอว่าหากวันหนึ่งที่ยายไม่อยู่แล้วของขวัญห้ามร้องไห้เด็ดขาดซึ่งวันนี้เด็กหญิงของขวัญเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก เมื่อเด็กสาวไม่ยอมหลั่งน้ำตาออกมาอีกเลยทั้ง ๆ ที่ดวงตานั้นแดงก่ำจนน่าสงสารคงเป็นเพราะว่าเด็กสาวคงไม่อยากให้คุณยายต้องไปโดยที่ยังมีห่วงสินะ“ของขวัญคะ เรามาบอกลาคุณยายกันค่ะ”กองทัพบอกของขวัญที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เด็กสาวจะเดินตามแรงจูงของกองทัพไปที่หน้าเตาเผาเพื่อบอกลาคุณยายรำไพเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อสัปเหร่อเปิดฝาโลงออกเด็กหญิงของขวัญที่เข้มแข็งมาโดยตลอดสามวันก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เด็กสาวค่อย ๆ จับมือที่ซีดไร้สีเลือดของผู้เป็นย
ช่วงแรกที่ของขวัญมาอยู่กับเจ้าขาและกองทัพเด็กน้อยแทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก เพราะพื้นฐานนิสัยของของขวัญที่คุณป้ารำไพคอยอบรมสั่งสอนเธอให้เป็นคนขยันไม่นอนตื่นสายอีกทั้งงานบ้านทุกอย่างของขวัญก็ช่วยคุณป้าทำทุกอย่างดังนั้นเด็กน้อยจึงไม่เคยตื่นสายเลยสักครั้งตั้งแต่ที่มาอยู่กับกองทัพจนกระทั่งกองทัพจัดการเรื่องโรงเรียนใหม่ให้ของขวัญเรียบร้อยแล้ว และวันนี้เป็นวันแรกที่ของขวัญต้องไปโรงเรียน เพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่และสังคมใหม่ที่เธอไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย“ทานเยอะ ๆ นะคะน้องขวัญ เช้านี้พ่อทัพตั้งใจตื่นมาทำมื้อเช้าให้หนูก่อนไปโรงเรียนเลย”กองทัพบอกลูกสาวคนโตของเขาที่เขาทำเรื่องรับมาเป็นบุตรบุญธรรมเรียบร้อย โดยที่ทุกคนในครอบครัวต่างไม่มีใครคัดค้าน แต่ทุกคนกลับสนับสนุนทุกกระทำและการตัดสินใจของกองทัพเสมอ เพราะว่าสิ่งที่กองทัพได้ตัดสินใจทำลงไป ทุกคนนั้นต่างรู้ดีว่ากองทัพคิดและทบทวนมาดีแล้ว“กับข้าวที่พี่ อุ๊ย แหะ ๆ”เด็กสาวของขวัญยกมือขึ้นป้องปากเมื่อเผลอหลุดเรียกกองทัพว่าพี่ด้วยความเคยชิน ก่อนที่เด็กน้อยจะส่งยิ้มจนตาหยีให้กองทัพที่ยกมือขึ้นมาขยี้ผมลูกสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู เด็กน้อยที่เคยหม
การเริ่มต้นที่โรงเรียนใหม่และสังคมใหม่ของของขวัญค่อนข้างมีอุปสรรคพอสมควร เพราะเด็กส่วนใหญ่คือลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจประสาลูกคนรวย ผิดกับของขวัญที่คุณยายรำไพของเธอนั้นอบรมสั่งสอนเธอให้รู้จักแบ่งปัน อดทน และไม่รังแกผู้อื่น หากแต่กลับกลายเป็นว่าเด็กน้อยกลับถูกเพื่อนคนอื่นรังแกเสียอย่างนั้น“อ้าว น้องของขวัญทำไมเดินเท้าเปล่าอย่างนั้นล่ะคะลูก”คุณครูผกามาศถามเด็กน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องราวกับว่ากำลังหาของอยู่ ก่อนที่ของขวัญจะหันกลับมาหาคุณครูและเดินเข้ามาบอกตามตรงว่ารองเท้าของเธอหายไปโดยที่เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าหายไปได้อย่างไร“คุณครูขา รองเท้าของของขวัญหายไปไหนไม่รู้ค่ะ”เด็กสาวบอกคุณครูที่ถอนหายใจทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะผกามาศรู้ได้ในทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร ซึ่งก็ไม่พ้นจะเป็นหัวโจกของห้องอย่างฮารุ ที่เธอแอบเหนื่อยใจอยู่บ่อยครั้งกับพฤติกรรมที่ชอบกลั่นแกล้งเพื่อนและเอาแต่ใจตัวเองไม่ยอมลงให้ใครแม้กระทั่งกับเธอเองที่เป็นคุณครูประจำชั้นก็ตาม“มาค่ะคนเก่ง เดี๋ยวคุณครูช่วยตามหารองเท้าของหนูเองนะคะ”ผกามาศบอกหนูน้อยของขวัญก่อนที่เธอจะช่วยเดินตามหาร
เหลือเวลาเพียงสองอาทิตย์ก็ถึงกำหนดคลอดของเจ้าขาแล้วซึ่งช่วงเวลานี้คุณหมอกองทัพที่ไม่เคยเกเรเรื่องการทำงานก็เริ่มจะงอแงไม่อยากไปทำงานเสียอย่างนั้น เพราะเขาเป็นห่วงกลัวว่าถ้าหากเจ้าขาเกิดเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนดโดยที่ไม่มีเขาอยู่เธอจะรู้สึกหวาดกลัวเพียงไร“ไปทำงานเถอะค่ะพี่ทัพ เจ้าขาอยู่ได้ อีกอย่างของขวัญก็อยู่ ถ้าเจ้าขาเกิดเจ็บท้องใกล้คลอดขึ้นมา เจ้าขาสัญญาว่าจะรีบโทรบอกพี่ทัพทันทีค่ะ”เจ้าขาบอกสามีที่ยืนทำหน้าอย่างอ้อน ๆ เพราะไม่อยากไปทำงาน ซึ่งช่วงนี้กองทัพว่างเว้นจากการเข้าห้องผ่าตัดเนื่องจากคุณปู่กฤษฎิ์ให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นคุณพ่อมือใหม่ กฤษฎิ์กลัวว่าหากยังคงให้หลานชายเข้าผ่าตัดเคสผู้ป่วยหนัก ๆ อยู่ วันดีคืนดีเจ้าขาเกิดเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนดและกองทัพบังเอิญติดเคสผ่าตัดอาจจะทำให้ว่าที่คุณพ่อพลาดช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตก็เป็นได้“แต่พี่ทัพเป็นห่วงเจ้าขานี่คะ”คนตัวโตที่ยังคงงอแงไม่ยอมไปทำงานบอกด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนสุดฤทธิ์ส่วนสองมือนั้นก็เกาะขอบประตูคอนโดเอาไว้โดยที่ไม่ยอมเดินไปที่ลิฟต์สักที ก่อนที่ของขวัญจะยื่นมือเล็ก ๆ มาแตะที่แขนของบิดาเบา ๆ พร้อมกับยิ้มหวานให้ จนทำให้มือ
“แม่นับขา เจ้าขาเจ็บ”เจ้าขาบอกแม่สามีด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดราวกับจะขาดใจ ใบหน้าเนียนสวยในยามนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เพราะเจ้าขาร้องไห้ตลอดทางตั้งแต่ที่ออกมาจากคอนโดจนตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนรถ Ambulance ที่กำลังมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล N“อดทนนะลูกเจ้าขาอีกไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว”นับดาวบีบมือบางอย่างต้องการให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่ตอนนี้ส่ายหน้าไปมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งนับดาวนั้นเข้าใจดีว่าความเจ็บปวดก่อนที่จะคลอดนั้นเจ็บเพียงไร แต่เธอก็ยอมเจ็บเพื่อให้ได้พบกับสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เรียกว่า “ลูก” เพียงแรกพบเจอนั้นเธอก็มีความสุขจนถึงกับลืมความเจ็บไปเสียสนิท“แม่นับขา เจ้าขาคิดถึงพี่ทัพ ฮึก ฮือ ๆ คิดถึงพี่ทัพเหลือเกิน”ยามที่ความเจ็บปวดมาเยือนคนแรกที่เจ้าขานึกถึงก็คือกองทัพผู้เป็นสามี ในตอนนี้เธออยากมีเขาคอยอยู่เคียงข้างมากที่สุดเพื่อที่จะผ่านความเจ็บปวดที่แทบขาดใจนี้ไปให้ได้ ส่วนเด็กหญิงของขวัญที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มารดาได้แต่จับมือของแม่เจ้าขามากุมเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความสงสาร เมื่อแม่เจ้าขาของเธอนั้นร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดที่เด็กน้อยไม่อาจรู้ได้เลยว่าเจ็บมากเ
เจ้าขาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บแผลผ่าตัด ก่อนที่กองทัพที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเจ้าขาตื่นขึ้นมาสักทีหลังจากที่นอนหลับพักผ่อนไปหลายชั่วโมงทีเดียวด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตากลมโตที่ดูอิดโรยมองไปรอบ ๆ ห้องก่อนที่สายตาของเธอจะปะทะเข้ากับคุณปู่กฤษฎิ์ที่กำลังอุ้มลูกชายฝาแฝดของเธออยู่และข้าง ๆ กันก็มีคุณพ่อเก้าทัพที่อุ้มเด็กชายตัวน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นกันซึ่งวันนี้ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะเป็นคุณป้าแก้มใสกับคุณลุงวายุผู้เป็นสามี รวมไปถึงรามสูรกับกอหญ้าที่ตามบิดากับมารดามาดูหลานน้อยฝาแฝดด้วย ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้นมากที่ลูกของกองทัพเป็นฝาแฝดเหมือนกับทั้งคู่ เจ้าขาเมื่อได้เห็นความอบอุ่นและเอาใจใส่ของครอบครัวสามีที่มีให้เธอทำเอาเจ้าขาถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความตื้นตันใจพร้อมกับมองไปที่ลูกสาวคนโตของเธอเด็กหญิงของขวัญที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณแม่นับดาวด้วยรอยยิ้ม“ป้าแก้มดีใจด้วยนะจ๊ะที่ได้ลูกชายฝาแฝดน่าเกลียดน่าชังมาก แต่ขออย่างเดียวอย่าเย็นชาเหมือนพี่รามของป้าแก้มเลยนะ”คำพูดของมารดาทำเอารามสูรที่นั่งอยู่ข้างน้องสาวถึงกับเงยหน้าขึ้นมองมารดาที่ไหวไหล่น้อย ๆ