กองทัพเดินมาถึงทางออกของสนามบินก็ให้นึกแปลกใจ เมื่อเห็นคนหลายคนที่กำลังยืนถือกล้องพร้อมกับมองเข้าไปด้านในเกต ราวกับว่ากำลังรอการมาของใครอยู่ กองทัพเลิกให้ความสนใจกับคนเหล่านั้น แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดรอรับเขาอยู่ไม่ไกล แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ใครบางคนก็แทรกตัวเข้ามา แล้วรีบขึ้นไปนั่งด้านในทันที กองทัพได้แต่มองคนตัวเล็กที่ใส่หมวกสวมแว่นตาอย่างมิดชิดด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
เธอกำลังขึ้นรถผิดอยู่หรือเปล่านะ
แต่คนบนรถกลับดึงมือกองทัพให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน พร้อมกับยื่นมือมาปิดประตูรถด้วยความรวดเร็ว โดยที่ตัวเธอแทบจะเกยมานั่งตักเขาอยู่แล้ว ความใกล้ชิดนั้นทำให้กองทัพเผลอสูดกลิ่นหอมอันคุ้นเคยจากกายสาวเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนที่เจ้าขาจะถอดหมวกและแว่นตาออก เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใส กองทัพถึงกับเลิกคิ้วมองนิด ๆ ด้วยความแปลกใจกับพฤติกรรมของเจ้าขา ที่จู่ ๆ ก็พรวดพราดมาขึ้นรถของเขา
“ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งบอกว่า ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วนี่คือ...”
“ตอนนี้ออกรถก่อนเลยค่ะ ไปเลยค่ะพี่ ซิ่งเลยค่ะซิ่งเลย”
เจ้าขาไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม หากแต่เธอกลับตะโกนสั่งคนขับรถให้ออกรถ แต่รถกลับไม่ขยับตามคำสั่งของเธอ โยชิซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับมารับนายน้อยกลับบ้าน ได้แต่เหลือบตามองไปยังเบาะหลัง ก็เห็นนายน้อยพยักหน้าให้เป็นสัญญาณ เพียงแค่นั้นโยชิก็ออกรถทันทีโดยไม่รอช้า
“เฮ้อ รอดตายแล้วเรา”
เจ้าขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่รอดพ้นจากกองทัพนักข่าว เดาว่าพวกเขาน่าจะมารอสัมภาษณ์เรื่องที่เธอไม่ได้ถูกเลือกให้รับบทนางเอกละครของนักเขียนชื่อดังแน่ ๆ แต่ตอนที่เธอเดินทางไปอิตาลี เธอก็ไปแบบเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้บอกใครเลยนี่ เพราะเป็นการเดินทางไปด้วยเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน แต่ทำไมพอกลับมานักข่าวถึงพากันมารอเธอที่หน้าสนามบินกันนะ ต้องมีใครคาบข่าวไปบอกพวกนักข่าวแน่ ๆ ว่าเธอกลับมาเมืองไทยวันนี้
“แล้วไงต่อครับ”
เสียงที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาเจ้าขาสะดุ้งน้อย ๆ เพราะคนข้าง ๆ ถามเธอแบบใกล้ชิดมาก ก่อนที่เจ้าขาจะค่อย ๆ หันหน้ามาเพื่อจะอธิบายเรื่องราวให้กับที่พึ่งพายามยากของเธอในวันนี้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กองทัพยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แก้มเนียน มันเลยทำให้ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอชนเข้ากับริมฝีปากหนาโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณนางเอกสะดุ้งโหยงรีบขยับถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่คนข้างกายกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางกอดอกมองหน้าเธอราวกับกำลังรอคอยคำตอบที่ต้องการ
“เจ้าขาไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนคุณนะคะ พอดีเจ้าขาเจอศึกหนักนิดหน่อย ก็เลยทำตัวเสียมารยาทด้วยการกระโดดขึ้นรถของคุณ รบกวนจอดรถให้เจ้าขาข้างหน้านี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเจ้าขาโบกแท็กซี่กลับที่พักเอง”
เจ้าขาบอกคนข้างกายด้วยความเกรงใจและรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นคนบอกให้เขาทำเป็นไม่รู้จักเธอ แต่กลับเป็นเธอเองที่กระโดดขึ้นรถของเขามา ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที เธอไม่รู้มาก่อนว่ามีนักข่าวมารออยู่ จะเดินหลบออกไปทางอื่นก็ไม่ทันเสียแล้ว ซึ่งในช่วงที่กำลังหาทางหนีทีไล่ ก็เหลือบไปเห็นเขาเข้าพอดี จึงรีบวิ่งตามมาและทำตัวเสียมารยาทด้วยการกระโดดขึ้นมาหลบบนรถของเขา
“หึ ขึ้นมาแล้วคิดว่าจะลงไปได้ง่าย ๆ หรือไง นี่มันบนทางด่วนนะครับคนสวย”
ประโยคนั้นของคนตรงหน้า ทำให้เจ้าขาได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ไปให้เขาด้วยความเกรงใจ แต่คุณเจ้าของรถกลับทำเนียนด้วยการขยับเข้าไปใกล้ ๆ เจ้าขาที่ขยับถอยหนีทันที เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้เธอ จนกระทั่งไหล่บอบบางชนเข้ากับประตูรถจนเธอไม่สามารถขยับหนีต่อไปได้ สบโอกาสให้ร่างสูงยกมือทั้งสองข้างยันประตูรถเอาไว้ จึงกลายเป็นว่าเจ้าขาตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยปริยาย
“ลงเครื่องมาบอกว่าให้ทำเป็นไม่รู้จัก แต่พอผมจะไปกลับวิ่งขึ้นรถตามมา นี่ไม่ได้จงใจขึ้นมาอ่อยกันบนรถใช่ไหม หืม”
กองทัพเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา หากแต่ปากของเขากลับคลอเคลียแก้มนุ่มไม่ห่าง พร้อมสูดความหอมชื่นใจเข้าไปเต็มปอด ส่วนเจ้าขาเมื่อได้ยินคำกล่าวหาของคนที่กำลังกักเธอไว้ในอ้อมแขน ก็ตวัดตามองค้อนยกมือขึ้นมาเตรียมจะฟาดหน้าคนที่กำลังคลอเคลียแก้มเธออยู่ แต่กองทัพกลับรู้ทัน รีบยกมือขึ้นมารับฝ่ามือบอบบางเอาไว้
“คนบ้า...ใครเขาอ่อยกันล่ะ เจ้าขาก็บอกไปแล้วไงว่ามันมีเหตุจำเป็นนิดหน่อย เจ้าขาก็เลยวิ่งมาขึ้นรถของคุณ เหอะ สวย ๆ แบบเจ้าขาไม่จำเป็นต้องอ่อยใครหรอกค่ะ มีแต่ผู้ชายจะเดินตามน่ะสิไม่ว่า”
พูดจบก็บึนปากงอแงราวกับเด็กสามขวบ พลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยทำเอากองทัพหลุดยิ้มขำออกมากับท่าทีงอนแบบเด็ก ๆ
เด็กคนนี้ช่างน่ารักจริง ๆ
“แต่เอ...รู้สึกว่าตอนอยู่ที่อิตาลีนี่ใช่เจ้าขาไหมนะ ที่เดินตามผมออกมาจากผับ แล้วจบลงบนเตียงด้วยความเร่าร้อน”
กองทัพไม่เพียงแค่พูด หากแต่เขายังเป่าลมใส่ใบหูเล็ก จนเธอรู้สึกสยิว ใบหน้างามจะค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะสิ่งที่เขาพูดมา เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่แล้วอย่างไรล่ะมันจบไปแล้ว ก็แค่สนุกด้วยกันคืนเดียว เธอไม่คิดจะสานต่อเสียหน่อย
“รบกวนจอดรถให้ให้เจ้าขาด้วยค่ะ เดี๋ยวเจ้าขาโบกรถกลับเอง”
เจ้าขาเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นบอกเขาให้สั่งคนรถจอดรถข้างหน้า แต่คนหน้ามึนกลับทำราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอบอก
“พักที่ไหนเดี๋ยวไปส่ง นี่มันก็ดึกแล้ว ผู้หญิงขึ้นรถคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย”
ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงคนข้าง ๆ จึงเอ่ยอาสาไปส่ง เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนยิ่งเป็นผู้หญิงแล้ว ถ้านั่งรถกลับที่พักคนเดียวอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นก็ได้ ถึงเขากับคนที่นั่งข้าง ๆ จะไม่ได้มีสถานะที่จำเป็นต้องมานั่งห่วงใยกัน แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทิ้งเธอเอาไว้กลางทาง เพื่อให้เธอโบกรถกลับเองแน่ ๆ
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เจ้าขาเกรงใจ แค่กระโดดขึ้นมานั่งบนรถของคุณไคก็นับว่าเสียมารยาทมากพอแล้ว”
เจ้าขาบอกด้วยความเกรงใจ แต่คนมีน้ำใจกลับยิ้มออกมา พลางใช้สายตาอ่อนโยนจ้องมองเธอ จนร่างเล็กรู้สึกสั่นไหวในใจ สายตาคู่นี้สินะที่ล่อลวงให้เธอเดินตามเขาไปจนถึงหน้าประตูห้อง พร้อมกับเปิดประตูเข้าไปพบกับความหฤหรรษ์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“แต่ผมไม่ถือนี่ บอกมาเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งเอง เดินทางกลับจากอิตาลีด้วยกันมาจนถึงประเทศไทยแล้ว เดินทางต่อไปด้วยกันอีกนิดจะเป็นไรไป อย่างไรไปถึงสุดทางก็แค่เอ่ยคำร่ำลากันอยู่ดี”
คำพูดนั้นทำให้เจ้าขาเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้เธอด้วยความจริงใจ อยู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมา เมื่อถึงเวลาที่ต้องบอกลาเขาจริง ๆ แต่ในที่สุดเจ้าขาก็ยอมบอกทางกลับคอนโดแต่โดยดี เพราะนี่มันก็ดึกแล้วอย่างที่เขาว่า ขืนเธอไปยืนโบกรถอยู่ข้างทางอาจจะไม่ถึงบ้านก็ได้คืนนี้
รถยุโรปคันหรูจอดลงที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักของหญิงสาว แต่คนที่นั่งมองสองข้างทางในตอนแรก กลับนอนหลับซบไหล่เขาอย่างสบายใจ ส่วนมือเล็กก็กอดเอวสอบเอาไว้ราวกับว่า ร่างกำยำนี้คือหมอนข้างใบโปรดที่เธอชอบนอนกอดทุกคืนก่อนนอน กองทัพมองใบหน้าเนียนสวยของคนที่กำลังกอดเขาอยู่ ก่อนที่จะก้มลงแอบหอมหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา แต่สัมผัสนั้นกลับทำให้เจ้าขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
แต่เมื่อคุณนางเอกเห็นว่าตัวเองกำลังนอนซบไหล่กอดเอวคนตรงหน้าอยู่ ก็รีบเด้งตัวออกราวกับว่าอีกฝ่ายคือของร้อนที่เธอเผลอไปแตะเข้า ก่อนที่จะมานั่งสะบัดหน้าไล่ความง่วงงุน
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งเจ้าขา”
เอ่ยขอบคุณคนที่นั่งอยู่ข้างกาย เขาพยักหน้ารับคำขอบคุณนั้น มือบางจึงยื่นไปดึงประตูเตรียมเปิดลงไปจากรถ แต่กลับค้างมือเอาไว้ก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มให้คนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกัน พร้อมกับเอ่ยคำลาที่กองทัพรู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
“ลาก่อนนะคะ หวังว่าเราคงไม่ได้พบกันอีก”
จบประโยคนั้นร่างบางก็รีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที กองทัพได้แต่มองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินห่างออกไปพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้โยชิออกรถทันที เพื่อเดินทางกลับบ้านป่านนี้แม่นับกับพ่อเก้าคงนั่งรอการกลับมาของเขาอยู่เป็นแน่ แต่ในระหว่างทางที่รถจอดติดไฟแดง กองทัพที่มองออกไปหน้าต่างรถก็สะดุดเข้ากับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางใจเมือง
คิ้วเข้ม ๆ ขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจระคนสงสัย เพราะผู้หญิงที่กำลังโลดแล่นอยู่บนหน้าจอ เป็นคนเดียวกับคนที่เพิ่งเดินลงจากรถของเขาไปก่อนหน้านี้ และเมื่อรถออกตัวแล่นไปตามทางเรื่อย ๆ กองทัพก็ได้พบว่า ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ป้ายโฆษณาที่มีแต่รูปของเจ้าขาเต็มไปหมด จนเขาทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไว้ จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาชื่อของเจ้าขา เพียงแค่กดคำว่าค้นหาชื่อของ เจ้าขา จันทร์กระจ่างก็ปรากฏบนหน้าจอทันที
“หึ ที่แท้ก็เป็นนางเอกดังนี่เอง มิน่าล่ะ ถึงบอกให้ทำเป็นไม่รู้จักกัน”
กองทัพยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยราวกับกำลังเจอเรื่องที่ถูกใจ และใช่ ตอนนี้เขากำลังรู้สึกสนุกอยู่เชียวแหละ ประสบการณ์วันไนท์สแตนด์ที่เป็นแค่เรื่องธรรมดาสำหรับเขา กลับกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะผู้หญิงที่เขาเผลอไปมีความสัมพันธ์ด้วย เธอไม่ใช่คนธรรมดาแต่กลับเป็นนางเอกชื่อดัง
หึ ยิ่งเธอผลักไสเขาด้วยคำว่าลาก่อน เขายิ่งจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับกล่าวคำว่าสวัสดีอีกครั้งอย่างแน่นอน
“แล้วเจอกันเจ้าขา จันทร์กระจ่าง”
กองทัพพึมพำเสียงเบาขณะที่รถกำลังแล่นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลี้ยวเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี บ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านที่มีครอบครัวแสนอบอุ่นกำลังรอการกลับมาของเขาอยู่ แต่เมื่อกองทัพเปิดประตูรถลงมาจากรถ เสียงที่ร้องเรียกเขากลับไม่ใช่เสียงของบิดามารดาหากแต่เป็น...
“กองทัพหลานป้ากลับมาแล้ว”
เสียงที่ได้ยินทีไรมักทำให้กองทัพรู้สึกสยดสยองทุกครั้ง ชายหนุ่มมองภาพคุณป้าแก้มใสวิ่งมาด้วยความคิดถึง ที่หลานชายกลับมาเมืองไทยสักที หลังจากที่ถูกส่งตัวไปเรียนที่อิตาลีตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ขวบ พร้อมทั้งหอมแก้มหลานชายสองข้างด้วยความยินดีปรีดา ท่ามกลางสายตาของนับดาวกับเก้าทัพที่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองคุณป้าที่เห่อหลานจนหลงลืมลูกสาวกับลูกชายที่กอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ด้านหลัง
กองทัพเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ พลางคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข บ้านที่เขาจากไปนานหลายสิบปี กลับมาวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวเหมือนเช่นเคย น้องสาวของเขาโตขึ้นมาก ทั้งแสบและซนจนแม่นับถึงกับส่ายหน้าหนี ในขณะที่พ่อเก้าดูจะชอบใจกับความห้าวของพราวฟ้า ที่มีป้าแก้มใสเป็นต้นแบบความเฟียร์สส่วนคุณป้าสุดสวยของเขา กลับมาครั้งนี้ทำอาหารรสชาติกลมกล่อมถูกปากเขายิ่งนัก อีกทั้งบัวลอยไข่หวานที่ป้าแก้มลงมือทำเอง เพื่อต้อนรับการกลับมาของเขา ยังรสชาติดีมากอีกด้วย มิน่าล่ะสายตาของลุงวายุที่มองป้าแก้มถึงมีแต่ความภาคภูมิใจ หลายปีผ่านไปทุกคนต่างมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่รู้ว่าปีนี้จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเหมือนคนอื่น ๆ บ้างหรือเปล่า“ดึกแล้วทำไมลูกชายของพ่อเก้าถึงยังไม่นอน”เก้าทัพที่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ เดินออกมาหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน โดยที่บนโต๊ะมีแก้วนมที่ยังไม่พร่องเลยแม้แต่น้อยวางอยู่ ก่อนที่เก้าทัพจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับลูกชายที่หันมาส่งยิ้มน้อย ๆ ให้บิดา“ทัพยังปรับตัวกับเวลาไม่ได้น่ะครับ ตอนนี้เมืองไทยสี่ทุ่มกว่าแล้วก็จริ
ครืด ครืด ครืดอยู่ ๆ รถยนต์คันหรูที่กำลังโลดแล่นอยู่บนท้องถนนก็เกิดเสียงดังแปลก ๆ ขึ้น ก่อนที่รถจะกระตุกสองสามครั้งและดับไปในที่สุด เจ้าขากับเอมมี่ได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างงุนงงและสงสัยว่า ทำไมรถคันเก่งที่ใช้งานเป็นประจำและได้รับการดูแลรักษาอย่างดี วันนี้ถึงเกิดอาการงอแง แล้วมาดับอยู่กลางถนนแบบนี้“รถเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ”เอมมี่บ่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะเปิดประตูรถและลงไปสำรวจหาสาเหตุที่ทำให้รถเสีย เธอจัดการเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อตรวจดูว่าตรงไหนที่มีปัญหา ถึงเธอจะมีร่างกายที่เป็นบุรุษเพศ แต่เอมมี่กลับไร้ความรู้เรื่องเครื่องยนต์สิ้นดี ฝั่งคุณนางเอกที่นั่งรอในรถ จึงรีบเปิดประตูรถลงมาถามไถ่ด้วยความกังวลใจไม่แพ้กัน เพราะนี่ก็เหลือเวลาอีกเพียงชั่วโมงกว่าที่เธอต้องไปถึงยังสถานที่ถ่ายทำแล้ว“เป็นไงบ้างคะพี่เอมมี่”“ไม่น่าจะรอดอะเจ้าขา เดี๋ยวพี่เอมมี่ขอโทรหาศูนย์รถก่อนนะ หนูไปนั่งรอพี่ในรถเถอะ ข้างนอกแดดร้อนเดี๋ยวผิวจะเสียหมด”เอมมี่ไล่ดาราในสังกัดให้กลับเข้าไปนั่งในรถ แต่เจ้าขากลับไม่ยอมเข้าไปตามคำสั่งของเธอ ร่างบางในชุดเดรสสีหวานได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังพี่เอมมี่คุยกับศ
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในตัวอาคาร ตาคู่คมก็สอดส่องมองหาจุดที่น่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ ก่อนที่สองเท้าจะเดินไปเรื่อย ๆ โดยที่กองทัพไม่รู้ตัวเลยว่า รูปร่างและหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นขนาดไหน ขนาดผู้ชายด้วยกันยังเหลียวหลังมองจนคอแทบเคล็ด เพราะส่วนประกอบบนใบหน้าของเขาไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่โดดเด่นกองทัพเดินเข้ามาข้างในเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอกับบริเวณลานกว้าง ที่เต็มไปด้วยสตาฟกองถ่ายและกล้องตัวใหญ่ รวมถึงมีคนหลายคนที่อยู่ ณ บริเวณนั้น ลานกว้างถูกจัดตกแต่งใหม่มีพร็อพประกอบวางอยู่เรียงราย ส่วนคนที่เขาตามหาก็กำลังนั่งตัวตรงให้ช่างแต่งหน้าบรรจงปัดแก้ม พร้อมจัดแต่งทรงผมให้อย่างสวยงาม มุมปากหนาเผลอยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเจ้าขาที่แย้มยิ้มพูดคุยกับช่างแต่งหน้าด้วยความสดใสร่าเริง คุณหมอหนุ่มเดินไปนั่งลงที่มุมหนึ่ง เพื่อรอเวลาให้เจ้าขาทำงานเสร็จ แล้วเขาค่อยเดินเข้าไปขอเสื้อคืน เพราะถ้าเข้าไปตอนนี้คงเป็นการเสียมารยาทน่าดู“น้องเจ้าขาสวยมาก ๆ เลยค่ะลูกสาว”พี่แยมช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายชมเปาะไม่ขาดสาย เป็นช่างแต่งหน้าที่อยูในวงการนี้มานาน แต่เจ้าขาคือคนแรกที่ไม่ว่าจะแต่งหน้าโทนไหนก็สวยไม่
หลังจากที่เที่ยวเล่นพักผ่อนเป็นเวลากว่าสัปดาห์ วันนี้กองทัพก็ยอมเข้ามาที่โรงพยาบาล N เพื่อสัมภาษณ์งานกับอาจารย์หมอของแผนกศัลยกรรมเสียที โดยชื่อที่เขาใช้ในการสมัครเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของปู่คือ ไค แมคคินสัน เพราะเขาอยากให้ทุกคนรู้จักและยอมรับเขาที่ฝีมือ มากกว่าที่จะยอมรับและคอยเอาอกเอาใจเขาในฐานะหลานชายเจ้าของโรงพยาบาล N“เรียนจบที่อิตาลีเกียรตินิยมอับดับหนึ่ง ประสบการณ์ทำงานสามปี แต่ได้รับการยอมรับจากทางโรงพยาบาลเดิมให้เป็นหมอมือหนึ่งของแผนกศัลยกรรม อืม ประวัติดีมากทีเดียว”อาจารย์หมออินทัช แพทย์อาวุโสประจำโรงพยาบาล N ได้รับหน้าที่ให้มาสัมภาษณ์นายแพทย์รุ่นลูก ที่อิมพอร์ตมาจากต่างประเทศและเลือกที่จะมาร่วมงานกับทางโรงพยาบาล N ซึ่งหลังจากที่อ่านประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าโรงพยาบาล N จะมีนายแพทย์ฝีมือดีเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน“ทำไมถึงเลือกกลับมาทำงานที่เมืองไทยล่ะครับ ทั้ง ๆ ที่รายได้จากโรงพยาบาลเดิมแตกต่างจากที่นี่ค่อนข้างเยอะพอสมควร”อาจารย์หมอถามเด็กหนุ่มที่นั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะที่กองทัพไม่หยุดคิดแม้แต่วินาทีเดียว ในการคิดหาคำตอบของคำถามนี้ เพราะคำตอบ
“พี่ทัพขา”เสียงเรียกที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลทำเอากองทัพที่เพิ่งออกเวรหยุดชะงักอยู่กับที่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง พร้อมกับมองสาวสวยที่วิ่งอ้าแขนกว้างตรงมาที่เขาจนกระทั่งหมับ“พี่ทัพของน้อง คิดถึงจังเลย ฮือ ๆ”ไทน์นี่กอดพี่ทัพของตัวเองด้วยความคิดถึง ในขณะที่กองทัพได้แต่ยืนอึ้งให้หญิงสาวกอดโดยไร้การปัดป้อง น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นหูแต่หน้าตาทำไมช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยส่วนไทน์นี่เมื่อไร้การตอบสนองจากพี่กองทัพ ใบหน้าสวยที่มีหยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนด้วยความคิดถึงคนที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมองกองทัพ ที่ก้มหน้ามองเธอด้วยสายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้จักเธอ“อะไรกันเนี่ย อย่าบอกนะคะว่าพี่ทัพจำไทน์นี่ไม่ได้”ไทน์นี่ถามอีกฝ่ายอย่างงอน ๆ ใบหน้าสวยที่เปื้อนด้วยหยาดน้ำตาบึนปากอย่างงอแง ก่อนที่กองทัพจะมีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย เพราะไทน์นี่ในอดีตกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนเขาจำไม่ได้จริง ๆ“ก็เล่นสวยกว่าพราวขนาดนี้พี่ทัพจะจำได้ไงล่ะ”พราวฟ้าที่เดินตามหลังมาแซวไทน์นี่ยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มออกมาน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดูไทน์นี่ ที่ตอนนี้กลายเป็น
“พราวโต๊ะข้าง ๆ นั่นใช่คุณเจ้าขาปะ”ไทน์นี่ที่เหลือบมาเห็นดาราสาวในดวงใจ ก็รีบยื่นหน้าไปกระซิบถามพราวฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที ได้ยินแบบนั้นพราวฟ้าจึงแสร้งทำเป็นหันไปมองทางอื่น แต่สายตากลับชำเลืองแอบมองดาราสาวสวยชื่อดัง ที่เธอชื่นชอบและติดตามอินสตาแกรมอยู่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจ มือบางยื่นมาจิกเล็บลงบนมือของเพื่อนจนคนข้าง ๆ ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ“พราวเบา ๆ หน่อยไทน์นี่เจ็บนะ”ไทน์นี่กระซิบบอกเพื่อนเสียงเบาด้วยความเจ็บ ก่อนที่พราวฟ้าจะสะดุ้งน้อย ๆ แล้วรีบปล่อยมือบางอย่างรู้สึกผิด แต่ดวงตากลมโตยังแอบเหล่มองโต๊ะข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง นั่นทำให้เจ้าขาที่กำลังทานอาหารอยู่ ค่อย ๆ หันมามองด้านข้าง เมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังมีคนแอบมองอยู่ แล้วก็พบเข้ากับสาวสวยโต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความดีใจ เจ้าขาก้มหัวทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่ถือตัว สองสาววัยใสยิ่งยิ้มปลื้มที่ดาราสาวไม่เย่อหยิ่งอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน“น้องพราวชอบคุณเจ้าขาเหรอคะ”กองทัพที่เห็นน้องสาวจ้องเจ้าขาไม่วางตา เอ่ยถามด้วยความสนใจใคร่รู้ พราวฟ้าที่เขินอายอยู่รีบดึงสายตากลับมาสบตา
โรงพยาบาล Nร่างสูงเดินถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างมีความสุขเพราะเมื่อวานได้จูบใครบางคน มันทำให้กองทัพรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ปากนุ่ม ๆ ที่ตอบสนองจูบเขาอย่างอ่อนหวาน มันทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเจือไปด้วยรอยยิ้มจนพยาบาลสาว ๆ ที่เดินสวนกันได้แต่มองตามด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เพราะรอยยิ้มของหมอกองทัพ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใครที่ได้พบเห็นเป็นต้องโดนตกไปตาม ๆ กันอ้อ ยกเว้นไว้หนึ่งคนแล้วกัน จะเป็นใครถ้าไม่ใช่คนที่กำลังเดินเข้ามาในโรงพยาบาลโดยที่มีลูกน้องคู่ใจเดินตามมาติด ๆ“อะ แฮ่ม”กฤษฎิ์กระแอมเสียงดังทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดได้สติ พร้อมกับมองหาเสียงกระแอมที่ดังอยู่ข้างหู พลันหันมาเจอกับรอยยิ้มที่แลดูมีเลศนัยของผู้เป็นปู่ กองทัพก็ถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ เพราะกฤษฎิ์ยืนอยู่ข้าง ๆ หลานชายนั่นเอง“อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะละ...เอ่อ คุณหมอไค”คำว่าหลานชายเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับเป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการแทน เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้ว่ากองทัพคือหลานชายแท้ ๆ ของเขา ทุกคนรู้เพียงแค่ว่ากองทัพเป็นหมอที่มีความสามารถคนหนึ่ง ที่ย้ายกลับมาทำงานที่ประเทศไทยบ
“แล้ววันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถึงแวะมาหาพี่ถึงที่ทำงาน”คุณหมอเอ่ยถามน้องสาวคนสวยที่มองหน้าพี่ชายยิ้ม ๆ อย่างมีเลศนัย ทำเอากองทัพรู้สึกระแวงน้องสาวอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่พราวฟ้าจะขยับเข้ามากอดแขนพี่ชายเอาไว้ แต่พี่ชายคนดีกลับขยับถอยหนี ทว่าคนน้องก็ดึงดันพยายามกอดรัดแขนแกร่งเอาไว้แน่นไม่ปล่อย“พ่อเก้าบอกให้เราสองคนออกงานด้วยกันพรุ่งนี้ วันนี้พ่อเก้าก็เลยให้น้องพราวมาพาพี่ทัพไปลองชุดค่ะ”คำบอกเล่าของน้องสาวทำเอาคุณหมอรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะเขาเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน แต่บิดากลับจะให้เขาออกงานสังคมที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย มันเลยทำให้เขาอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้“พี่ทัพเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานเอง พ่อเก้าก็จะให้พี่ทัพออกงานแล้วเหรอคะ”เอ่ยถามน้องสาวตัวน้อยที่ได้แต่ยิ้มให้เขาแทนคำตอบ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบิดากำลังคิดอะไรอยู่ พี่ชายของเธอเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน แต่บิดากลับให้เขาไปออกงานสังคม ที่ต้องพบปะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงและฐานะทางสังคมทั้งหลาย แต่พี่ชายของเธอไม่ได้มีความคุ้นเคยกับบุคคลเหล่านั้นเอาเสียเลยซึ่งผิดกับเธอที่บิดามักจะควงออกงานสังคมอย
ที่รักค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องนอนของสามีโดยที่มีชมพู่เด็กรับใช้คอยช่วยพยุง ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียงใหญ่ที่มีร่างที่ไร้ลมหายใจของคู่ชีวิตนอนอยู่ มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือของสามีขึ้นมาแนบแก้ม ก่อนที่หยดน้ำตาจะหลั่งรินกระทบฝ่ามือใหญ่ที่เคยตอบรับสัมผัสกัน แต่บัดนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว“หลับให้สบายนะคะพี่หมอของที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ๆ หลาน ๆ แล้วนะ ที่รักสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีให้เหมือนตอนที่พี่หมอยังอยู่”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย หัวใจที่เคยมีความสุขก่อนหน้านี้กลับเศร้าหมอง ทั้ง ๆ ที่ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะสามีของเธอนั้นบอกกับเธอเสมอว่า เขาอายุมากแล้วและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอให้เธอเข้มแข็งและทำใจให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอไม่อยากให้เดินทางมาถึง กลับมาถึงเร็วกว่าที่คิดมันเลยทำให้เธอนั้นทำใจยากเหลือเกิน“หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสองคนได้เกิดมาคู่กันและเป็นสามีภรรยากันแบบนี้ตลอดไป แต่ชาติหน้าอย่าทำให้ที่รักเสียใจอีกนะคะ ชาตินี้ที่รักรักพี่หมอก่อน ชาติหน้าขอให้พี่หมอรักที่รักก่อนนะคะ ที่รักสัญญาว่าจะรักพี่
วันหยุดสุดสัปดาห์คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก“กราบครับคุณทวด”น้องเกรย์กับน้องกรรฐ์ประนมมือขึ้นก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของคุณทวดที่รัก ที่ยกมือขึ้นลูบหัวของเหลนชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนที่เหลนทั้งสองคนจะเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คุณทวดเมื่อท่านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต“พี่ขวัญล่ะครับ ทำไมถึงไม่มากับพวกเราด้วย”ที่รักถามเหลนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานเช่นเคย ก่อนที่น้องเกรย์จะหยิบตะกร้าที่บรรจุด้วยขนมหวานขึ้นมาวางเอาไว้บนตักและตอบคำถามของคุณทวดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“พ่อทัพพาพี่ขวัญไปส่งที่บ้านย่าแก้มครับ คุณย่าโทรมาหาตั้งแต่เช้า บอกว่าคิดถึงพี่ขวัญมากไม่มีเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอก พ่อทัพก็เลยพาพี่ขวัญไปหาคุณย่าครับ ส่วนพวกเราสองคนวันนี้ตั้งใจมาหาคุณทวดครับ นี่ครับคุณทวด ขนมที่พ่อทัพกับพี่ขวัญตื่นมาช่วยกันทำตั้งแต่เช้า กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้แฝดนำมาให้ทวดชิม พ่อทัพบอกว่าคุณทวดชอบกินขนมเทียนแก้วมาก ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบทำให้พ่อทัพกินบ่อย ๆ”น้องเกรย์ตอบคำถามคุณทวดจบก็หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและแกะออกจากห่อใบตองที่ห่ออย่างประณีตสวยงาม ก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของคุณทวดที่อ้
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ของขวัญที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่กำลังวิ่งดุกดิกเข้ามาหาเธอก็คือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่นเอง“ดึกแล้วทำไมยังไม่พากันนอนอีกครับ พี่เกรย์น้องกรรฐ์”ของขวัญถามน้องชายทั้งสองคนที่กำลังกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของเธอคนละฝั่ง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่เกรย์จะตบหมอนของพี่สาวเบา ๆ ของขวัญก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องชายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข“พี่เกรย์ชวนน้องกรรฐ์มานอนเป็นเพื่อนพี่ขวัญครับ”คำตอบของน้องชายคนเล็กทำเอาของขวัญถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่เธอขึ้นชั้นมัธยม สองแฝดก็ไม่เคยมานอนกับเธออีกเลย ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเขินเธอหรือเปล่า ทั้งคู่ถึงไม่ยอมมานอนด้วยกันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ“เกรย์ไม่อยากให้พี่ขวัญต้องนอนเหงาคนเดียวครับ อย่างน้อย ๆ มีน้องกรรฐ์กับเกรย์มานอนด้วยคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี”ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากน้องชายคนโต ทำเอาของขวัญถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจกับค
5 ปีผ่านไปห้องเรียน“โอเคค่ะทุกคน วันนี้คุณครูก็ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งคุณครูด้วยนะคะ ใครช้าได้ออกมาแก้โจทย์ให้เพื่อน ๆ ดูแน่ ๆ”เมื่อคุณครูสาวกล่าวจบและเก็บของออกจากห้องเรียนไปแล้วพี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็รีบเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะเรียนทันที ก่อนที่สองพี่น้องจะหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องเรียนเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารแต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เด็กหญิงน้ำหวานกับเด็กหญิงลูกพีช เพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบสองแฝดก็รีบวิ่งมายืนดักหน้าทั้งสองหนุ่มทันที ทำเอาสองพี่น้องรีบกระโดดถอยหลัง ราวกับว่าสองสาวตรงหน้า คือตัวเชื้อโรคที่ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ใกล้อย่างไรอย่างนั้น“เกรย์ กรรฐ์วันนี้ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”น้ำหวานเอ่ยปากชวนสองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แต่สองแฝดกลับส่ายหน้าไปมาพร้อม ๆ กันราวกับนัดหมาย ทำเอารอยยิ้มของเด็กหญิงน้ำหวานค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยสิบขวบ เมื่อเพื่อนชายที่เธอแอบชอบมาตลอดปฏิเสธที่จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน“แต่พวกเราสองคนชวนกรรฐ์กับเกรย์ท
โรงพยาบาล Nวันหยุดสุดสัปดาห์กองทัพจูงมือลูกชายทั้งสองคนมาตามทางเดินของโรงพยาบาลของครอบครัว เนื่องจากวันนี้เขากับเจ้าขาต้องออกงานสังคม จึงพาลูกชายทั้งสองคนมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาล เพราะพอถึงวันหยุดทีไรพี่เกรย์มักจะชอบมาขลุกอยู่ที่นี่ เพื่อดูคุณทวดทำงานและนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่เสมอ ส่วนน้องกรรฐ์ส่วนใหญ่แล้วจะชอบไปเล่นกับคุณปู่คุณย่า แต่วันนี้น้องชายฝาแฝดกลับอยากมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาลกับพี่ชายมากกว่าที่จะไปเล่นกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านใหญ่“’งื้อ เลือดเต็มเลยอะ พี่เกรย์น้องกรรฐ์กลัว”แฝดน้องยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายที่เดินจูงมือกันมาด้วยความกลัว เพราะเด็กชายตัวน้อยนั้นไม่ชอบเลือดเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหกล้มจนได้เลือด เจ้าคนเล็กของบ้านก็จะไม่ยอมมองแผลของตนเองเลย ในขณะที่แฝดพี่ยกมือขึ้นกอดน้องชายเอาไว้หลวม ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ้มออกมาน้อย ๆ กับความรักของสองพี่น้อง ที่พี่เกรย์นั้นมักจะเป็นที่พึ่งพิงให้น้องชายเสมอ“ไม่เห็นน่ากลัวเลยน้องกรรฐ์ มันก็แค่เลือดเอง”เกรย์บอกน้องชายเมื่อรถเข็นเตียงพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่น้องกรรฐ์จะค่อย ๆ หันหน้ากลับมาแล้วส่งยิ้มแหย ๆ ให้บิดาที่กำลัง
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จากเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเติบโตขึ้นเป็นเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบที่บุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่พี่เกรย์นั้นนิ่งมากขึ้นไม่ซุกซน เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในขณะที่น้องกรรฐ์นั้นดื้อและซนจนกองทัพกับเจ้าขาถึงกับกุมขมับแทบจะทุกวัน“อะ เราให้”เด็กชายกรรฐ์ยื่นอมยิ้มรสโปรดให้กับชมพูเพื่อนสาวต่างห้องที่น้องกรรฐ์แอบปลื้มอยู่ในระหว่างที่รอบิดากับมารดามารับหลังเลิกเรียน ชมพูมองอมยิ้มของเพื่อนต่างห้องที่ยื่นมาให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่สาวน้อยมองว่าน่ารักมาก ก่อนที่ชมพูจะยื่นมือไปหยิบอมยิ้มมาจากมือของกรรฐ์“ขอบใจนะ”เด็กหญิงชมพูเอ่ยขอบคุณเพื่อนต่างห้องก่อนที่เด็กน้อยจะเปิดกระเป๋านักเรียนและเก็บอมยิ้มเอาไว้ในนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนต่างห้องอีกครั้ง “ถ้าชมพูชอบกรรฐ์จะเอามาฝากทุกวันเลย”เด็กชายกรรฐ์บอกเพื่อนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มือเล็กของ ๆ พี่เกรย์จะบิดเข้าที่หูของน้องชายทำเอาน้องกรรฐ์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ เพราะแรงบิดของพี่ชายนั้นไม่ใช่เบา ๆ เลยสักนิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันที่น้องกรรฐ์หนีพี่ชายมาเต๊าะสาว ๆ ในระหว่างที
หลังกลับมาจากท่องเที่ยวสองแฝดที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยก็พากันนั่งเล่นของเล่นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ทำเอากองทัพที่วางแผนจะแอบแซ่บกับเมียจ๋าต้องหันไปมองลูกชายด้วยสายตาตัดพ้อ ส่วนน้องกรรฐ์กับพี่เกรย์ที่ไม่รู้เท่าทันแผนของบิดาได้แต่หันมายิ้มร่าให้กับกองทัพอย่างไร้เดียงสา“ไม่ต้องมายิ้มให้พ่อเลยนะเจ้าแฝด นี่ก็สี่ทุ่มแล้วทำไมตาใสแจ๋วแบบนี้ ง่วงบ้างไหมลูก ง่วงหน่อยนะ ง่วงสักนิดก็ยังดีลูกจ๋า ไปนอนกันดีไหมเดี๋ยวพ่อร้องเพลงกล่อมนอน”กองทัพถามลูกชายที่มองหน้าบิดาพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดากำลังพูดกับตนเอง ก่อนที่เด็กชายทั้งสองคนจะเมินพ่อและหันกลับไปนั่งเล่นของเล่นกันต่อทำเอาคุณพ่อได้แต่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ที่สองแฝดไม่ยอมง่วงนอนสักทีจันทร์กนกที่เดินลงบันไดมามองลูกเขยด้วยความเห็นใจ ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้ลูกเขยน่าจะอยากใช้เวลากับลูกสาวของเธอสองต่อสองสินะ คิดได้ดังนั้นสองเท้าก็ไม่รอช้าที่จะเดินลงมาหาหลานชายทั้งสองที่พากันเล่นของเล่นอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงเลยแม้แต่น้อย พลังเยอะเหลือเกินนะหลานยาย“ทัพไปนอนเถอะลูก เดี๋ยววันนี้สองแฝดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เองอยู่กับยายเจ้าแ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากหนึ่งวันสู่หนึ่งเดือนและหนึ่งเดือนเดินทางมาจนครบหนึ่งปี พี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ต่างได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากกองทัพและเจ้าขา รวมไปถึงเด็กหญิงของขวัญที่รักและเอ็นดูน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนมากระหว่างทางของการเติบโตจากวัยทารกก้าวไปสู่วัยหนึ่งขวบ เด็กชายฝาแฝดทั้งสองคนต่างได้รับความรักจากคุณทวดทั้งสองคนที่หลงรักหลานชายที่ขี้อ้อนจนหมดใจ หากแต่เมื่อไหร่ที่แฝดอยู่กับย่าแก้มแล้วนั้น เด็กชายทั้งสองคนเป็นต้องหาเรื่องงอแงใส่ผู้เป็นย่าจนแก้มใสถึงกับกุมขมับทุกครั้งที่แวะมาหาหลานรักทั้งสองคน พร้อมกับตบท้ายด้วยการงอนหลานกลับบ้านทุกครั้งอยู่ร่ำไปเมื่อเด็ก ๆ เติบโตพอที่จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว กองทัพกับเจ้าขาก็พาลูกชายทั้งสองคนกับลูกสาวคนโตบินมาเที่ยวที่ประเทศอิตาลีอีกครั้ง และถือโอกาสแวะมาเยี่ยมคุณยายจันทร์กนกที่ตอนนี้มีคนรู้ใจไม่ต้องอยู่คนเดียวอย่างเหงา ๆ อีกต่อไป “น้องกรรฐ์ครับมาใส่เสื้อผ้าก่อนเร็ว”กองทัพร้องเรียกลูกชายตัวน้อยที่วิ่งเล่นไปทั่วห้องด้วยความเหนื่อยใจ เพราะกว่าที่เขาจะจับสองแฝดอาบน้ำได้ก็แทบหมดแรงเพราะลูกชายทั้งสองคนของเขานั้นซนมาก ถ้าเทียบกับ
เมื่อลิ้นเล็ก ๆ เลียไปตามรอบฐานท่อนเอ็นใหญ่กองทัพก็อดไม่ได้ที่จะขยำผ้าปูที่นอนจนมันยับยู่ยี่ไปหมดด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่เจ้าขาจะอ้าปากครอบครองความใหญ่โตที่เกินมาตรฐานชายไทยจนเกือบสุดความยาวพร้อมกับดูดเลียเล่นลิ้นเพื่อต้องการปรนเปรอสามีให้มีความสุข“อ๊า ที่รักจ๋าพี่ทัพเสียว อูย ตะ ตรงนั้น อ๊า”กองทัพร้องครางเสียงสั่นเมื่อเจ้าขาแกล้งเขาด้วยการเลียวนไปวนมาตรงส่วนหัวเห็ดจุดอ่อนไหวของผู้ชายที่กองทัพไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตอนนี้เขาเสียวจนแทบเสร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามกลั้นเอาไว้สุดฤทธิ์เพราะนี่ก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“อืม เมียจ๋าดีเหลือเกิน”กองทัพยังคงร้องครางเสียงเบา ๆ ด้วยความเสียวก่อนที่เจ้าขาจะรัวลิ้นใส่ส่วนหัวเห็ดที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานให้อย่างไม่นึกรังเกียจ เวลาผ่านไปสักพักสุดท้ายกองทัพก็ไม่สามารถต้านทานลิ้นเล็ก ๆ ที่แตะไปตรงไหนก็เสียวตรงนั้นได้อีกต่อไป“อ๊า ที่รักจ๋าพี่ทัพไม่ไหวแล้ว ลิ้นหนูดีเหลือเกิน”จบประโยคกองทัพก็ร้องขึ้นเสียงดังอย่างสุขสมก่อนที่เขาจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำรักใส่ปากของภรรยาจนมันไหลเยิ้มลงมาที่ขอบปาก ก่อนที่กองทัพจะลุกขึ้นนั่งและยื่นมือไป