ร่างสูงเดินเข้ามาภายในตัวอาคาร ตาคู่คมก็สอดส่องมองหาจุดที่น่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ ก่อนที่สองเท้าจะเดินไปเรื่อย ๆ โดยที่กองทัพไม่รู้ตัวเลยว่า รูปร่างและหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นขนาดไหน ขนาดผู้ชายด้วยกันยังเหลียวหลังมองจนคอแทบเคล็ด เพราะส่วนประกอบบนใบหน้าของเขาไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่โดดเด่นกองทัพเดินเข้ามาข้างในเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอกับบริเวณลานกว้าง ที่เต็มไปด้วยสตาฟกองถ่ายและกล้องตัวใหญ่ รวมถึงมีคนหลายคนที่อยู่ ณ บริเวณนั้น ลานกว้างถูกจัดตกแต่งใหม่มีพร็อพประกอบวางอยู่เรียงราย ส่วนคนที่เขาตามหาก็กำลังนั่งตัวตรงให้ช่างแต่งหน้าบรรจงปัดแก้ม พร้อมจัดแต่งทรงผมให้อย่างสวยงาม มุมปากหนาเผลอยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเจ้าขาที่แย้มยิ้มพูดคุยกับช่างแต่งหน้าด้วยความสดใสร่าเริง คุณหมอหนุ่มเดินไปนั่งลงที่มุมหนึ่ง เพื่อรอเวลาให้เจ้าขาทำงานเสร็จ แล้วเขาค่อยเดินเข้าไปขอเสื้อคืน เพราะถ้าเข้าไปตอนนี้คงเป็นการเสียมารยาทน่าดู“น้องเจ้าขาสวยมาก ๆ เลยค่ะลูกสาว”พี่แยมช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายชมเปาะไม่ขาดสาย เป็นช่างแต่งหน้าที่อยูในวงการนี้มานาน แต่เจ้าขาคือคนแรกที่ไม่ว่าจะแต่งหน้าโทนไหนก็สวยไม่
หลังจากที่เที่ยวเล่นพักผ่อนเป็นเวลากว่าสัปดาห์ วันนี้กองทัพก็ยอมเข้ามาที่โรงพยาบาล N เพื่อสัมภาษณ์งานกับอาจารย์หมอของแผนกศัลยกรรมเสียที โดยชื่อที่เขาใช้ในการสมัครเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของปู่คือ ไค แมคคินสัน เพราะเขาอยากให้ทุกคนรู้จักและยอมรับเขาที่ฝีมือ มากกว่าที่จะยอมรับและคอยเอาอกเอาใจเขาในฐานะหลานชายเจ้าของโรงพยาบาล N“เรียนจบที่อิตาลีเกียรตินิยมอับดับหนึ่ง ประสบการณ์ทำงานสามปี แต่ได้รับการยอมรับจากทางโรงพยาบาลเดิมให้เป็นหมอมือหนึ่งของแผนกศัลยกรรม อืม ประวัติดีมากทีเดียว”อาจารย์หมออินทัช แพทย์อาวุโสประจำโรงพยาบาล N ได้รับหน้าที่ให้มาสัมภาษณ์นายแพทย์รุ่นลูก ที่อิมพอร์ตมาจากต่างประเทศและเลือกที่จะมาร่วมงานกับทางโรงพยาบาล N ซึ่งหลังจากที่อ่านประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าโรงพยาบาล N จะมีนายแพทย์ฝีมือดีเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน“ทำไมถึงเลือกกลับมาทำงานที่เมืองไทยล่ะครับ ทั้ง ๆ ที่รายได้จากโรงพยาบาลเดิมแตกต่างจากที่นี่ค่อนข้างเยอะพอสมควร”อาจารย์หมอถามเด็กหนุ่มที่นั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะที่กองทัพไม่หยุดคิดแม้แต่วินาทีเดียว ในการคิดหาคำตอบของคำถามนี้ เพราะคำตอบ
“พี่ทัพขา”เสียงเรียกที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลทำเอากองทัพที่เพิ่งออกเวรหยุดชะงักอยู่กับที่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง พร้อมกับมองสาวสวยที่วิ่งอ้าแขนกว้างตรงมาที่เขาจนกระทั่งหมับ“พี่ทัพของน้อง คิดถึงจังเลย ฮือ ๆ”ไทน์นี่กอดพี่ทัพของตัวเองด้วยความคิดถึง ในขณะที่กองทัพได้แต่ยืนอึ้งให้หญิงสาวกอดโดยไร้การปัดป้อง น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นหูแต่หน้าตาทำไมช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยส่วนไทน์นี่เมื่อไร้การตอบสนองจากพี่กองทัพ ใบหน้าสวยที่มีหยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนด้วยความคิดถึงคนที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมองกองทัพ ที่ก้มหน้ามองเธอด้วยสายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้จักเธอ“อะไรกันเนี่ย อย่าบอกนะคะว่าพี่ทัพจำไทน์นี่ไม่ได้”ไทน์นี่ถามอีกฝ่ายอย่างงอน ๆ ใบหน้าสวยที่เปื้อนด้วยหยาดน้ำตาบึนปากอย่างงอแง ก่อนที่กองทัพจะมีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย เพราะไทน์นี่ในอดีตกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนเขาจำไม่ได้จริง ๆ“ก็เล่นสวยกว่าพราวขนาดนี้พี่ทัพจะจำได้ไงล่ะ”พราวฟ้าที่เดินตามหลังมาแซวไทน์นี่ยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มออกมาน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดูไทน์นี่ ที่ตอนนี้กลายเป็น
“พราวโต๊ะข้าง ๆ นั่นใช่คุณเจ้าขาปะ”ไทน์นี่ที่เหลือบมาเห็นดาราสาวในดวงใจ ก็รีบยื่นหน้าไปกระซิบถามพราวฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที ได้ยินแบบนั้นพราวฟ้าจึงแสร้งทำเป็นหันไปมองทางอื่น แต่สายตากลับชำเลืองแอบมองดาราสาวสวยชื่อดัง ที่เธอชื่นชอบและติดตามอินสตาแกรมอยู่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจ มือบางยื่นมาจิกเล็บลงบนมือของเพื่อนจนคนข้าง ๆ ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ“พราวเบา ๆ หน่อยไทน์นี่เจ็บนะ”ไทน์นี่กระซิบบอกเพื่อนเสียงเบาด้วยความเจ็บ ก่อนที่พราวฟ้าจะสะดุ้งน้อย ๆ แล้วรีบปล่อยมือบางอย่างรู้สึกผิด แต่ดวงตากลมโตยังแอบเหล่มองโต๊ะข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง นั่นทำให้เจ้าขาที่กำลังทานอาหารอยู่ ค่อย ๆ หันมามองด้านข้าง เมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังมีคนแอบมองอยู่ แล้วก็พบเข้ากับสาวสวยโต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความดีใจ เจ้าขาก้มหัวทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่ถือตัว สองสาววัยใสยิ่งยิ้มปลื้มที่ดาราสาวไม่เย่อหยิ่งอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน“น้องพราวชอบคุณเจ้าขาเหรอคะ”กองทัพที่เห็นน้องสาวจ้องเจ้าขาไม่วางตา เอ่ยถามด้วยความสนใจใคร่รู้ พราวฟ้าที่เขินอายอยู่รีบดึงสายตากลับมาสบตา
โรงพยาบาล Nร่างสูงเดินถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างมีความสุขเพราะเมื่อวานได้จูบใครบางคน มันทำให้กองทัพรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ปากนุ่ม ๆ ที่ตอบสนองจูบเขาอย่างอ่อนหวาน มันทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเจือไปด้วยรอยยิ้มจนพยาบาลสาว ๆ ที่เดินสวนกันได้แต่มองตามด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เพราะรอยยิ้มของหมอกองทัพ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใครที่ได้พบเห็นเป็นต้องโดนตกไปตาม ๆ กันอ้อ ยกเว้นไว้หนึ่งคนแล้วกัน จะเป็นใครถ้าไม่ใช่คนที่กำลังเดินเข้ามาในโรงพยาบาลโดยที่มีลูกน้องคู่ใจเดินตามมาติด ๆ“อะ แฮ่ม”กฤษฎิ์กระแอมเสียงดังทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดได้สติ พร้อมกับมองหาเสียงกระแอมที่ดังอยู่ข้างหู พลันหันมาเจอกับรอยยิ้มที่แลดูมีเลศนัยของผู้เป็นปู่ กองทัพก็ถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ เพราะกฤษฎิ์ยืนอยู่ข้าง ๆ หลานชายนั่นเอง“อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะละ...เอ่อ คุณหมอไค”คำว่าหลานชายเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับเป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการแทน เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้ว่ากองทัพคือหลานชายแท้ ๆ ของเขา ทุกคนรู้เพียงแค่ว่ากองทัพเป็นหมอที่มีความสามารถคนหนึ่ง ที่ย้ายกลับมาทำงานที่ประเทศไทยบ
“แล้ววันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถึงแวะมาหาพี่ถึงที่ทำงาน”คุณหมอเอ่ยถามน้องสาวคนสวยที่มองหน้าพี่ชายยิ้ม ๆ อย่างมีเลศนัย ทำเอากองทัพรู้สึกระแวงน้องสาวอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่พราวฟ้าจะขยับเข้ามากอดแขนพี่ชายเอาไว้ แต่พี่ชายคนดีกลับขยับถอยหนี ทว่าคนน้องก็ดึงดันพยายามกอดรัดแขนแกร่งเอาไว้แน่นไม่ปล่อย“พ่อเก้าบอกให้เราสองคนออกงานด้วยกันพรุ่งนี้ วันนี้พ่อเก้าก็เลยให้น้องพราวมาพาพี่ทัพไปลองชุดค่ะ”คำบอกเล่าของน้องสาวทำเอาคุณหมอรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะเขาเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน แต่บิดากลับจะให้เขาออกงานสังคมที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย มันเลยทำให้เขาอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้“พี่ทัพเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานเอง พ่อเก้าก็จะให้พี่ทัพออกงานแล้วเหรอคะ”เอ่ยถามน้องสาวตัวน้อยที่ได้แต่ยิ้มให้เขาแทนคำตอบ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบิดากำลังคิดอะไรอยู่ พี่ชายของเธอเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน แต่บิดากลับให้เขาไปออกงานสังคม ที่ต้องพบปะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงและฐานะทางสังคมทั้งหลาย แต่พี่ชายของเธอไม่ได้มีความคุ้นเคยกับบุคคลเหล่านั้นเอาเสียเลยซึ่งผิดกับเธอที่บิดามักจะควงออกงานสังคมอย
งานเลี้ยงรถยนต์คันหรูหยุดลงหน้าทางเข้างานซึ่งเต็มไปด้วยบรรดานักข่าว จากหลาย ๆ สำนักที่เตรียมมาทำข่าวแขกที่ถูกเชิญมาในงานเดินแบบเครื่องเพชรครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง เซเลบริตี้ ไฮโซชื่อดัง หรือนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักของสังคม ประตูรถถูกเปิดออกก่อนพราวฟ้าจะเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ผิดกับใครบางคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดกล้องในมือของสำนักข่าวถูกลดลงอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อพบว่าผู้ที่ลงมาจากรถ คือพราวฟ้าลูกสาวคนเล็กของเก้าทัพ นักธุรกิจชื่อดังที่หลายคนต่างยำเกรง และเป็นหลานสาวของคุณกฤษฎิ์ ท่านประธานโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขามากมายทั่วโลก กิตติศัพท์ของสองพ่อลูกคู่นี้ล้วนไม่ธรรมดา ด้วยเป็นผู้มีอิทธิพลที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากต่อกรด้วย แม้กระทั่งสำนักข่าวชื่อดังก็ยังถูกห้ามทำข่าวและถ่ายรูปลูกหลานของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลก“ยิ้มหน่อยสิคะ พี่ทัพทำหน้าเหมือนอึไม่ออกมาเป็นสิบปีไปได้ เดี๋ยวสาว ๆ เห็นจะไม่ประทับใจเอานะคะ”พราวฟ้าที่เดินมาควงแขนพี่ชายกระซิบข้างใบหูอย่างแซว ๆ หากแต่กองทัพกลับทำหน้าเซ็งไร้อารมณ์สุนทรีย์ มางานที่ไม่ชอบและหาความสนุกไม่เจอแบบนี้ เขา
หลังจากที่เดินกลับเข้ามายังหลังเวทีแล้ว พี่เอมมี่ก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมกับชะเง้อคอมองไปที่หน้าเวทีที่มีกองทัพนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าขาจะเดินมาลงบนเก้าอี้ที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ให้พร้อมกับหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มแก้กระหาย“เป็นไง เซอร์ไพรส์ไหมจ๊ะลูกสาว คุณไคหล่อมากเลยอะเนอะ คนอะไรไม่รู้ล้อหล่อนั่งไกลขนาดนั้น แต่ออร่าความหล่อนี่เด่นมาแต่ไกลเชียว นี่ถ้าได้เข้าวงการนะ คุณแม่รับรองว่าดังพลุแตกแน่นอนค่ะ”พี่เอมมี่จีบปากจีบคอพูดชมคุณไคไม่หยุดปาก ส่วนเจ้าขาก็ได้แต่เสมองไปทางอื่นราวกับว่าไม่ได้สนใจหรือตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่เอมมี่พูด ผิดกับเพลงพิณที่นั่งอยู่ไม่ไกล แต่กลับเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งคู่อย่างสอดรู้สอดเห็น จนกระทั่งถึงช่วงเวลาของการประมูลชุดเครื่องเพชร นางแบบหลายคนทยอยออกไปเดินโชว์เครื่องเพชรตามลำดับ จนมาถึงเครื่องเพชรชุดสุดท้ายซึ่งผู้ที่สวมมันอยู่ก็คือเจ้าขานั่นเองครั้งนี้เจ้าขาเดินออกมาด้วยความมั่นใจไร้อาการเคอะเขินต่อสายตาคมกริบที่จ้องมายังเธอไม่วางตา ร่างระหงเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเวทีซึ่งห่างกับร่างสูงเพียงแค่เอื้อม ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเผลอสบเข้ากับดวงตาของคนเจ้าเล่ห์อย่างไม่ตั้งใจ แ
ที่รักค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องนอนของสามีโดยที่มีชมพู่เด็กรับใช้คอยช่วยพยุง ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียงใหญ่ที่มีร่างที่ไร้ลมหายใจของคู่ชีวิตนอนอยู่ มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือของสามีขึ้นมาแนบแก้ม ก่อนที่หยดน้ำตาจะหลั่งรินกระทบฝ่ามือใหญ่ที่เคยตอบรับสัมผัสกัน แต่บัดนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว“หลับให้สบายนะคะพี่หมอของที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ๆ หลาน ๆ แล้วนะ ที่รักสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีให้เหมือนตอนที่พี่หมอยังอยู่”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย หัวใจที่เคยมีความสุขก่อนหน้านี้กลับเศร้าหมอง ทั้ง ๆ ที่ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะสามีของเธอนั้นบอกกับเธอเสมอว่า เขาอายุมากแล้วและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอให้เธอเข้มแข็งและทำใจให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอไม่อยากให้เดินทางมาถึง กลับมาถึงเร็วกว่าที่คิดมันเลยทำให้เธอนั้นทำใจยากเหลือเกิน“หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสองคนได้เกิดมาคู่กันและเป็นสามีภรรยากันแบบนี้ตลอดไป แต่ชาติหน้าอย่าทำให้ที่รักเสียใจอีกนะคะ ชาตินี้ที่รักรักพี่หมอก่อน ชาติหน้าขอให้พี่หมอรักที่รักก่อนนะคะ ที่รักสัญญาว่าจะรักพี่
วันหยุดสุดสัปดาห์คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก“กราบครับคุณทวด”น้องเกรย์กับน้องกรรฐ์ประนมมือขึ้นก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของคุณทวดที่รัก ที่ยกมือขึ้นลูบหัวของเหลนชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนที่เหลนทั้งสองคนจะเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คุณทวดเมื่อท่านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต“พี่ขวัญล่ะครับ ทำไมถึงไม่มากับพวกเราด้วย”ที่รักถามเหลนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานเช่นเคย ก่อนที่น้องเกรย์จะหยิบตะกร้าที่บรรจุด้วยขนมหวานขึ้นมาวางเอาไว้บนตักและตอบคำถามของคุณทวดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“พ่อทัพพาพี่ขวัญไปส่งที่บ้านย่าแก้มครับ คุณย่าโทรมาหาตั้งแต่เช้า บอกว่าคิดถึงพี่ขวัญมากไม่มีเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอก พ่อทัพก็เลยพาพี่ขวัญไปหาคุณย่าครับ ส่วนพวกเราสองคนวันนี้ตั้งใจมาหาคุณทวดครับ นี่ครับคุณทวด ขนมที่พ่อทัพกับพี่ขวัญตื่นมาช่วยกันทำตั้งแต่เช้า กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้แฝดนำมาให้ทวดชิม พ่อทัพบอกว่าคุณทวดชอบกินขนมเทียนแก้วมาก ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบทำให้พ่อทัพกินบ่อย ๆ”น้องเกรย์ตอบคำถามคุณทวดจบก็หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและแกะออกจากห่อใบตองที่ห่ออย่างประณีตสวยงาม ก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของคุณทวดที่อ้
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ของขวัญที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่กำลังวิ่งดุกดิกเข้ามาหาเธอก็คือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่นเอง“ดึกแล้วทำไมยังไม่พากันนอนอีกครับ พี่เกรย์น้องกรรฐ์”ของขวัญถามน้องชายทั้งสองคนที่กำลังกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของเธอคนละฝั่ง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่เกรย์จะตบหมอนของพี่สาวเบา ๆ ของขวัญก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องชายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข“พี่เกรย์ชวนน้องกรรฐ์มานอนเป็นเพื่อนพี่ขวัญครับ”คำตอบของน้องชายคนเล็กทำเอาของขวัญถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่เธอขึ้นชั้นมัธยม สองแฝดก็ไม่เคยมานอนกับเธออีกเลย ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเขินเธอหรือเปล่า ทั้งคู่ถึงไม่ยอมมานอนด้วยกันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ“เกรย์ไม่อยากให้พี่ขวัญต้องนอนเหงาคนเดียวครับ อย่างน้อย ๆ มีน้องกรรฐ์กับเกรย์มานอนด้วยคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี”ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากน้องชายคนโต ทำเอาของขวัญถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจกับค
5 ปีผ่านไปห้องเรียน“โอเคค่ะทุกคน วันนี้คุณครูก็ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งคุณครูด้วยนะคะ ใครช้าได้ออกมาแก้โจทย์ให้เพื่อน ๆ ดูแน่ ๆ”เมื่อคุณครูสาวกล่าวจบและเก็บของออกจากห้องเรียนไปแล้วพี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็รีบเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะเรียนทันที ก่อนที่สองพี่น้องจะหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องเรียนเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารแต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เด็กหญิงน้ำหวานกับเด็กหญิงลูกพีช เพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบสองแฝดก็รีบวิ่งมายืนดักหน้าทั้งสองหนุ่มทันที ทำเอาสองพี่น้องรีบกระโดดถอยหลัง ราวกับว่าสองสาวตรงหน้า คือตัวเชื้อโรคที่ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ใกล้อย่างไรอย่างนั้น“เกรย์ กรรฐ์วันนี้ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”น้ำหวานเอ่ยปากชวนสองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แต่สองแฝดกลับส่ายหน้าไปมาพร้อม ๆ กันราวกับนัดหมาย ทำเอารอยยิ้มของเด็กหญิงน้ำหวานค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยสิบขวบ เมื่อเพื่อนชายที่เธอแอบชอบมาตลอดปฏิเสธที่จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน“แต่พวกเราสองคนชวนกรรฐ์กับเกรย์ท
โรงพยาบาล Nวันหยุดสุดสัปดาห์กองทัพจูงมือลูกชายทั้งสองคนมาตามทางเดินของโรงพยาบาลของครอบครัว เนื่องจากวันนี้เขากับเจ้าขาต้องออกงานสังคม จึงพาลูกชายทั้งสองคนมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาล เพราะพอถึงวันหยุดทีไรพี่เกรย์มักจะชอบมาขลุกอยู่ที่นี่ เพื่อดูคุณทวดทำงานและนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่เสมอ ส่วนน้องกรรฐ์ส่วนใหญ่แล้วจะชอบไปเล่นกับคุณปู่คุณย่า แต่วันนี้น้องชายฝาแฝดกลับอยากมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาลกับพี่ชายมากกว่าที่จะไปเล่นกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านใหญ่“’งื้อ เลือดเต็มเลยอะ พี่เกรย์น้องกรรฐ์กลัว”แฝดน้องยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายที่เดินจูงมือกันมาด้วยความกลัว เพราะเด็กชายตัวน้อยนั้นไม่ชอบเลือดเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหกล้มจนได้เลือด เจ้าคนเล็กของบ้านก็จะไม่ยอมมองแผลของตนเองเลย ในขณะที่แฝดพี่ยกมือขึ้นกอดน้องชายเอาไว้หลวม ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ้มออกมาน้อย ๆ กับความรักของสองพี่น้อง ที่พี่เกรย์นั้นมักจะเป็นที่พึ่งพิงให้น้องชายเสมอ“ไม่เห็นน่ากลัวเลยน้องกรรฐ์ มันก็แค่เลือดเอง”เกรย์บอกน้องชายเมื่อรถเข็นเตียงพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่น้องกรรฐ์จะค่อย ๆ หันหน้ากลับมาแล้วส่งยิ้มแหย ๆ ให้บิดาที่กำลัง
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จากเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเติบโตขึ้นเป็นเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบที่บุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่พี่เกรย์นั้นนิ่งมากขึ้นไม่ซุกซน เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในขณะที่น้องกรรฐ์นั้นดื้อและซนจนกองทัพกับเจ้าขาถึงกับกุมขมับแทบจะทุกวัน“อะ เราให้”เด็กชายกรรฐ์ยื่นอมยิ้มรสโปรดให้กับชมพูเพื่อนสาวต่างห้องที่น้องกรรฐ์แอบปลื้มอยู่ในระหว่างที่รอบิดากับมารดามารับหลังเลิกเรียน ชมพูมองอมยิ้มของเพื่อนต่างห้องที่ยื่นมาให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่สาวน้อยมองว่าน่ารักมาก ก่อนที่ชมพูจะยื่นมือไปหยิบอมยิ้มมาจากมือของกรรฐ์“ขอบใจนะ”เด็กหญิงชมพูเอ่ยขอบคุณเพื่อนต่างห้องก่อนที่เด็กน้อยจะเปิดกระเป๋านักเรียนและเก็บอมยิ้มเอาไว้ในนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนต่างห้องอีกครั้ง “ถ้าชมพูชอบกรรฐ์จะเอามาฝากทุกวันเลย”เด็กชายกรรฐ์บอกเพื่อนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มือเล็กของ ๆ พี่เกรย์จะบิดเข้าที่หูของน้องชายทำเอาน้องกรรฐ์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ เพราะแรงบิดของพี่ชายนั้นไม่ใช่เบา ๆ เลยสักนิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันที่น้องกรรฐ์หนีพี่ชายมาเต๊าะสาว ๆ ในระหว่างที
หลังกลับมาจากท่องเที่ยวสองแฝดที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยก็พากันนั่งเล่นของเล่นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ทำเอากองทัพที่วางแผนจะแอบแซ่บกับเมียจ๋าต้องหันไปมองลูกชายด้วยสายตาตัดพ้อ ส่วนน้องกรรฐ์กับพี่เกรย์ที่ไม่รู้เท่าทันแผนของบิดาได้แต่หันมายิ้มร่าให้กับกองทัพอย่างไร้เดียงสา“ไม่ต้องมายิ้มให้พ่อเลยนะเจ้าแฝด นี่ก็สี่ทุ่มแล้วทำไมตาใสแจ๋วแบบนี้ ง่วงบ้างไหมลูก ง่วงหน่อยนะ ง่วงสักนิดก็ยังดีลูกจ๋า ไปนอนกันดีไหมเดี๋ยวพ่อร้องเพลงกล่อมนอน”กองทัพถามลูกชายที่มองหน้าบิดาพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดากำลังพูดกับตนเอง ก่อนที่เด็กชายทั้งสองคนจะเมินพ่อและหันกลับไปนั่งเล่นของเล่นกันต่อทำเอาคุณพ่อได้แต่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ที่สองแฝดไม่ยอมง่วงนอนสักทีจันทร์กนกที่เดินลงบันไดมามองลูกเขยด้วยความเห็นใจ ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้ลูกเขยน่าจะอยากใช้เวลากับลูกสาวของเธอสองต่อสองสินะ คิดได้ดังนั้นสองเท้าก็ไม่รอช้าที่จะเดินลงมาหาหลานชายทั้งสองที่พากันเล่นของเล่นอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงเลยแม้แต่น้อย พลังเยอะเหลือเกินนะหลานยาย“ทัพไปนอนเถอะลูก เดี๋ยววันนี้สองแฝดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เองอยู่กับยายเจ้าแ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากหนึ่งวันสู่หนึ่งเดือนและหนึ่งเดือนเดินทางมาจนครบหนึ่งปี พี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ต่างได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากกองทัพและเจ้าขา รวมไปถึงเด็กหญิงของขวัญที่รักและเอ็นดูน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนมากระหว่างทางของการเติบโตจากวัยทารกก้าวไปสู่วัยหนึ่งขวบ เด็กชายฝาแฝดทั้งสองคนต่างได้รับความรักจากคุณทวดทั้งสองคนที่หลงรักหลานชายที่ขี้อ้อนจนหมดใจ หากแต่เมื่อไหร่ที่แฝดอยู่กับย่าแก้มแล้วนั้น เด็กชายทั้งสองคนเป็นต้องหาเรื่องงอแงใส่ผู้เป็นย่าจนแก้มใสถึงกับกุมขมับทุกครั้งที่แวะมาหาหลานรักทั้งสองคน พร้อมกับตบท้ายด้วยการงอนหลานกลับบ้านทุกครั้งอยู่ร่ำไปเมื่อเด็ก ๆ เติบโตพอที่จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว กองทัพกับเจ้าขาก็พาลูกชายทั้งสองคนกับลูกสาวคนโตบินมาเที่ยวที่ประเทศอิตาลีอีกครั้ง และถือโอกาสแวะมาเยี่ยมคุณยายจันทร์กนกที่ตอนนี้มีคนรู้ใจไม่ต้องอยู่คนเดียวอย่างเหงา ๆ อีกต่อไป “น้องกรรฐ์ครับมาใส่เสื้อผ้าก่อนเร็ว”กองทัพร้องเรียกลูกชายตัวน้อยที่วิ่งเล่นไปทั่วห้องด้วยความเหนื่อยใจ เพราะกว่าที่เขาจะจับสองแฝดอาบน้ำได้ก็แทบหมดแรงเพราะลูกชายทั้งสองคนของเขานั้นซนมาก ถ้าเทียบกับ
เมื่อลิ้นเล็ก ๆ เลียไปตามรอบฐานท่อนเอ็นใหญ่กองทัพก็อดไม่ได้ที่จะขยำผ้าปูที่นอนจนมันยับยู่ยี่ไปหมดด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่เจ้าขาจะอ้าปากครอบครองความใหญ่โตที่เกินมาตรฐานชายไทยจนเกือบสุดความยาวพร้อมกับดูดเลียเล่นลิ้นเพื่อต้องการปรนเปรอสามีให้มีความสุข“อ๊า ที่รักจ๋าพี่ทัพเสียว อูย ตะ ตรงนั้น อ๊า”กองทัพร้องครางเสียงสั่นเมื่อเจ้าขาแกล้งเขาด้วยการเลียวนไปวนมาตรงส่วนหัวเห็ดจุดอ่อนไหวของผู้ชายที่กองทัพไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตอนนี้เขาเสียวจนแทบเสร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามกลั้นเอาไว้สุดฤทธิ์เพราะนี่ก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“อืม เมียจ๋าดีเหลือเกิน”กองทัพยังคงร้องครางเสียงเบา ๆ ด้วยความเสียวก่อนที่เจ้าขาจะรัวลิ้นใส่ส่วนหัวเห็ดที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานให้อย่างไม่นึกรังเกียจ เวลาผ่านไปสักพักสุดท้ายกองทัพก็ไม่สามารถต้านทานลิ้นเล็ก ๆ ที่แตะไปตรงไหนก็เสียวตรงนั้นได้อีกต่อไป“อ๊า ที่รักจ๋าพี่ทัพไม่ไหวแล้ว ลิ้นหนูดีเหลือเกิน”จบประโยคกองทัพก็ร้องขึ้นเสียงดังอย่างสุขสมก่อนที่เขาจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำรักใส่ปากของภรรยาจนมันไหลเยิ้มลงมาที่ขอบปาก ก่อนที่กองทัพจะลุกขึ้นนั่งและยื่นมือไป