“แล้ววันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถึงแวะมาหาพี่ถึงที่ทำงาน”คุณหมอเอ่ยถามน้องสาวคนสวยที่มองหน้าพี่ชายยิ้ม ๆ อย่างมีเลศนัย ทำเอากองทัพรู้สึกระแวงน้องสาวอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่พราวฟ้าจะขยับเข้ามากอดแขนพี่ชายเอาไว้ แต่พี่ชายคนดีกลับขยับถอยหนี ทว่าคนน้องก็ดึงดันพยายามกอดรัดแขนแกร่งเอาไว้แน่นไม่ปล่อย“พ่อเก้าบอกให้เราสองคนออกงานด้วยกันพรุ่งนี้ วันนี้พ่อเก้าก็เลยให้น้องพราวมาพาพี่ทัพไปลองชุดค่ะ”คำบอกเล่าของน้องสาวทำเอาคุณหมอรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะเขาเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน แต่บิดากลับจะให้เขาออกงานสังคมที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย มันเลยทำให้เขาอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้“พี่ทัพเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นานเอง พ่อเก้าก็จะให้พี่ทัพออกงานแล้วเหรอคะ”เอ่ยถามน้องสาวตัวน้อยที่ได้แต่ยิ้มให้เขาแทนคำตอบ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบิดากำลังคิดอะไรอยู่ พี่ชายของเธอเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน แต่บิดากลับให้เขาไปออกงานสังคม ที่ต้องพบปะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงและฐานะทางสังคมทั้งหลาย แต่พี่ชายของเธอไม่ได้มีความคุ้นเคยกับบุคคลเหล่านั้นเอาเสียเลยซึ่งผิดกับเธอที่บิดามักจะควงออกงานสังคมอย
งานเลี้ยงรถยนต์คันหรูหยุดลงหน้าทางเข้างานซึ่งเต็มไปด้วยบรรดานักข่าว จากหลาย ๆ สำนักที่เตรียมมาทำข่าวแขกที่ถูกเชิญมาในงานเดินแบบเครื่องเพชรครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง เซเลบริตี้ ไฮโซชื่อดัง หรือนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักของสังคม ประตูรถถูกเปิดออกก่อนพราวฟ้าจะเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ผิดกับใครบางคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดกล้องในมือของสำนักข่าวถูกลดลงอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อพบว่าผู้ที่ลงมาจากรถ คือพราวฟ้าลูกสาวคนเล็กของเก้าทัพ นักธุรกิจชื่อดังที่หลายคนต่างยำเกรง และเป็นหลานสาวของคุณกฤษฎิ์ ท่านประธานโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขามากมายทั่วโลก กิตติศัพท์ของสองพ่อลูกคู่นี้ล้วนไม่ธรรมดา ด้วยเป็นผู้มีอิทธิพลที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากต่อกรด้วย แม้กระทั่งสำนักข่าวชื่อดังก็ยังถูกห้ามทำข่าวและถ่ายรูปลูกหลานของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลก“ยิ้มหน่อยสิคะ พี่ทัพทำหน้าเหมือนอึไม่ออกมาเป็นสิบปีไปได้ เดี๋ยวสาว ๆ เห็นจะไม่ประทับใจเอานะคะ”พราวฟ้าที่เดินมาควงแขนพี่ชายกระซิบข้างใบหูอย่างแซว ๆ หากแต่กองทัพกลับทำหน้าเซ็งไร้อารมณ์สุนทรีย์ มางานที่ไม่ชอบและหาความสนุกไม่เจอแบบนี้ เขา
หลังจากที่เดินกลับเข้ามายังหลังเวทีแล้ว พี่เอมมี่ก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมกับชะเง้อคอมองไปที่หน้าเวทีที่มีกองทัพนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าขาจะเดินมาลงบนเก้าอี้ที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ให้พร้อมกับหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มแก้กระหาย“เป็นไง เซอร์ไพรส์ไหมจ๊ะลูกสาว คุณไคหล่อมากเลยอะเนอะ คนอะไรไม่รู้ล้อหล่อนั่งไกลขนาดนั้น แต่ออร่าความหล่อนี่เด่นมาแต่ไกลเชียว นี่ถ้าได้เข้าวงการนะ คุณแม่รับรองว่าดังพลุแตกแน่นอนค่ะ”พี่เอมมี่จีบปากจีบคอพูดชมคุณไคไม่หยุดปาก ส่วนเจ้าขาก็ได้แต่เสมองไปทางอื่นราวกับว่าไม่ได้สนใจหรือตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่เอมมี่พูด ผิดกับเพลงพิณที่นั่งอยู่ไม่ไกล แต่กลับเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งคู่อย่างสอดรู้สอดเห็น จนกระทั่งถึงช่วงเวลาของการประมูลชุดเครื่องเพชร นางแบบหลายคนทยอยออกไปเดินโชว์เครื่องเพชรตามลำดับ จนมาถึงเครื่องเพชรชุดสุดท้ายซึ่งผู้ที่สวมมันอยู่ก็คือเจ้าขานั่นเองครั้งนี้เจ้าขาเดินออกมาด้วยความมั่นใจไร้อาการเคอะเขินต่อสายตาคมกริบที่จ้องมายังเธอไม่วางตา ร่างระหงเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเวทีซึ่งห่างกับร่างสูงเพียงแค่เอื้อม ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเผลอสบเข้ากับดวงตาของคนเจ้าเล่ห์อย่างไม่ตั้งใจ แ
“อากาศดีจังเลยนะคะ”เพลงพิณที่แอบเดินตามกองทัพออกมาเอ่ยขึ้นอย่างจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน ซึ่งคนที่กำลังพ่นควันบุหรี่ก็ทำเพียงแค่ปรายตามามองสาวสวยที่เดินนวยนาดมาหยุดยืนข้าง ๆ เขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ตอบกลับเธอแม้แต่น้อยอย่างเย็นชา ความสุภาพอ่อนโยนที่ใครหลายคนเห็น สิ่งเหล่านั้นเขามีให้แค่เพียงกับคนไข้เท่านั้น ส่วนผู้หญิงที่เข้ามาเพื่อหวังจะทำความรู้จักกับเขาน่ะ จะไม่ได้อะไรกลับไปเลยแม้แต่นิด ถ้าเขาไม่คิดจะสนใจด้วยตัวเอง“ปกติออกงานบ่อยหรือเปล่าคะ เพลงเดินแบบมาหลายงาน แต่ไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย”เมื่อไร้การตอบสนองจากคนข้างกาย เพลงพิณก็หันหน้ามาตั้งคำถามกับกองทัพเสียเลย เพื่อให้เขารู้ว่าเธอกำลังชวนคุยอยู่ เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เธอยิงคำถามรัว ๆ กับเขาขนาดนี้จะยังกล้าเมินกันอยู่ไหม เพราะถ้าเขากล้าเมินแบบนั้น ผู้ชายคนนี้ก็คงเป็นคนที่มารยาทติดลบพอสมควรเลยแหละ เพราะไม่เคยมีใครปฎิเสธเพลงพิณคนนี้เลยสักครั้งแทนที่จะตอบคำถาม แต่กองทัพกลับหันมาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหญิงสาวที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แทน ด้วยความไม่ทันตั้งตัวสาวเจ้าเลยเผลอสูดควันสีเทาเข้าไปเต็มปอดจนสำลักไอออกมาแค่ก แค่ก แค่ก“น
คอนโด Aเจ้าขาจัดการเปิดประตูห้องเข้ามา แต่กองทัพยังคงยืนอยู่หน้าห้องที่เดิมไม่ขยับ การกระทำนั้นชวนให้เจ้าขาเผลอเม้มปากด้วยความไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมเดินตามเธอเข้ามา ในขณะที่คนขี้แกล้งได้แต่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า มาถึงขั้นนี้แล้วถ้าเขาบอกเจ้าขาว่า เขาแค่มาส่งแล้วขอตัวกลับเจ้าตัวจะยอมรั้งเขาไว้ไหม“ผมก็แค่อยากมาส่งคุณถึงหน้าห้องเท่านั้น นี่ก็ดึกมากแล้วผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ขอให้คืนนี้นอนหลับฝันดี อย่าลืมฝันถึงผมล่ะ”กองทัพขยิบตาให้เจ้าขาอย่างทะเล้น ส่วนเจ้าขาได้แต่ยืนนิ่งกัดปากอย่างรู้สึกลังเล เธอทำตัวไม่ถูกเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของกองทัพ ตอนอยู่ในงานเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเธอ แต่พอมาถึงหน้าห้องเขากลับบอกว่าแค่มาส่งเธอเท่านั้น...จะบ้าเหรอกองทัพมองคนหน้ามุ่ยอย่างขำ ๆ แล้วส่งยิ้มอย่างน่ารักให้ทิ้งท้าย ก่อนที่จะหันหลังเตรียมเดินจากไป โดยที่แอบนับเลขอยู่ในใจไปด้วย123หมับและก็เป็นไปตามคาด มือบางของเจ้าขายื่นมารั้งมือหนาเอาไว้ ทำเอาคนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เมื่อในที่สุดคนปากแข็งก็รั้งเขาเอาไว้ตามคาด เพราะแววตาของเจ้าขามันบอกเขาว
“อะ ออนท็อป เหรอคะ เจ้าขาทำไม่เป็น”เจ้าขาบอกกองทัพตามความจริง เพราะเธอไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน มันทำให้เธอไม่รู้ว่าการ On Top คืออะไร จึงได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณไคร้องขอ จนกระทั่งกองทัพกระทุ้งท่อนเอ็นเข้ามาในร่องรัก จนต้องจิกเล็บลงบนต้นแขนแกร่งด้วยความเสียว“ยะ อย่าเพิ่งดันเข้ามาสิคะ เจ้าขาเสียว”เอ่ยร้องขออย่างอ้อน ๆ ก่อนที่คนเจ้าเล่ห์จะขยับมานั่งพิงหัวเตียง โดยไม่ลืมดึงรั้งร่างบางให้เข้ามาแนบชิดอกแกร่ง ทำเอาหัวใจดวงน้อย ๆ เต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นและหวั่นไหวจนกองทัพสัมผัสได้ ซึ่งจังหวะแบบนี้เขารู้ได้ในทันทีว่าเจ้าขากำลังตื่นเต้น จนไม่สามารถควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจได้“On Top ไม่ได้ยากเลยสักนิด เจ้าขาก็แค่ขย่มตัวลงมาเหมือนที่ผมกระแทกเจ้าขาก็แค่นั้นเอง”คำพูดที่ตรงไปตรงมาของกองทัพทำคนตัวเล็กหน้าแดง ไม่พอนะมือใหญ่ยังจับที่เอวคอดของเธอโยกขึ้นลงเบา ๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง แค่สาธิตก็ทำเจ้าขาเสียวทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งเสร็จสมไปจนต้องข่มกัดฟันกลั้นเสียง“อยากเสียวน้อย ๆ ก็ขย่มเบา ๆ แต่ถ้าอยากเสียวนาน ๆ ก็ให้ขย่มแรง ๆ เน้น ๆ”คำพูดที่สุดแสนจะทะลึ่งตึงตังหลุดออกมาจา
เช้าวันต่อมาครืด ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่บนหัวเตียงเรียกให้กองทัพที่พยายามลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความง่วง คว้าโทรศัพท์มากดรับสายด้วยอาการสะลึมสะลือ โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าโทรศัพท์สีหวานเครื่องนั้นเป็นของเจ้าขา“ฮัลโหล ครับ”น้ำเสียงแหบห้าวกรอกลงไปในโทรศัพท์ทำเอาปลายสายถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เพราะโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของพี่สาวต่างมารดาของเธอ แต่ทำไมคนที่รับสายกลับกลายเป็นเสียงผู้ชายไปได้นะ จอมขวัญยกยิ้มมุมปากอย่างร้าย ๆ ก่อนที่จะแกล้งกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ เพื่อให้คนทั้งโต๊ะอาหารได้ยิน เพราะตอนนี้เป็นเธอกำลังทานมื้อเช้ากับบิดามารดาอยู่(นี่ใช่เบอร์พี่เจ้าขาหรือเปล่าคะ)คำถามของจอมขวัญที่ถามปลายสาย ทำเอาบิดาอย่างท่านอธิปที่กำลังทานข้าวต้มอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวคนเล็ก ที่กำลังคุยสายอยู่กับลูกสาวคนโตตามคำสั่งของเขา ประมุขของบ้านขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ปลายสายกลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อาการง่วงงุนพลันหายเป็นปลิดทิ้ง พร้อมกับมองโทรศัพท์ที่ตนเองหยิบมารับสายอย่างเต็มตา แล้วพบว่าโทรศัพท์สีหวานเครื่องนี้ไม่ใช่ของตนเอง กองทัพจิ๊ปากเบา ๆ ด้วยความหัวเสียที่ดันหยิบโท
แกรก แอดเจ้าขาเปิดประตูห้องให้บิดาพร้อม ๆ กับใบหน้าที่ยิ้มแย้มค่อย ๆ หุบลง เมื่อพบว่าบิดาไม่ได้แวะมาเยี่ยมเธอเพียงคนเดียว หากแต่ท่านกลับพาคุณดารินแม่เลี้ยงของเธอและจอมขวัญน้องสาวต่างมารดามาด้วย ดารินยิ้มให้เจ้าขาด้วยความดีใจที่ได้แวะมาหาลูกสาวคนโตเด็กสาวที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและเจ้าขาก็เรียกเธอว่า “แม่ดา”“สวัสดีค่ะคุณพ่อ แม่ดา”เจ้าขายกมือไหว้บิดากับมารดาเลี้ยง ก่อนที่ท่านอธิปจะเดินเข้ามาในห้องพักของเธอและนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างสำรวจตรวจตรา เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเยียนลูกสาวคนโต เจ้าขารีบเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วและยกมาให้ทุกคน ก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามกับบิดา โชคดีที่วันนี้เธอใส่เสื้อไหมพรมที่คอเสื้อปกปิดทั้งลำคอ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงตกใจกับรอยแดงที่คอของเธออย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะพี่เจ้าขา เมื่อเช้าขวัญโทรมาแล้วแต่เพื่อนพี่เจ้าขาที่ชื่อไทน์นี่เป็นคนรับสาย เขาบอกว่าพี่เจ้าขาหลับอยู่ ขวัญเลยฝากบอกว่าขวัญโทรมา”จอมขวัญแสร้งบอกพี่สาวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เจ้าขาขมวดคิ้วน้อย ๆ ด้วยความแปลกใจเมื่ออยู่ ๆ จอมขวัญก็บอกว่าเพื่อนของเธอเป็นคนรับสาย แล้วไทน์นี