คอนโด Aเจ้าขาจัดการเปิดประตูห้องเข้ามา แต่กองทัพยังคงยืนอยู่หน้าห้องที่เดิมไม่ขยับ การกระทำนั้นชวนให้เจ้าขาเผลอเม้มปากด้วยความไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมเดินตามเธอเข้ามา ในขณะที่คนขี้แกล้งได้แต่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า มาถึงขั้นนี้แล้วถ้าเขาบอกเจ้าขาว่า เขาแค่มาส่งแล้วขอตัวกลับเจ้าตัวจะยอมรั้งเขาไว้ไหม“ผมก็แค่อยากมาส่งคุณถึงหน้าห้องเท่านั้น นี่ก็ดึกมากแล้วผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ขอให้คืนนี้นอนหลับฝันดี อย่าลืมฝันถึงผมล่ะ”กองทัพขยิบตาให้เจ้าขาอย่างทะเล้น ส่วนเจ้าขาได้แต่ยืนนิ่งกัดปากอย่างรู้สึกลังเล เธอทำตัวไม่ถูกเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของกองทัพ ตอนอยู่ในงานเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเธอ แต่พอมาถึงหน้าห้องเขากลับบอกว่าแค่มาส่งเธอเท่านั้น...จะบ้าเหรอกองทัพมองคนหน้ามุ่ยอย่างขำ ๆ แล้วส่งยิ้มอย่างน่ารักให้ทิ้งท้าย ก่อนที่จะหันหลังเตรียมเดินจากไป โดยที่แอบนับเลขอยู่ในใจไปด้วย123หมับและก็เป็นไปตามคาด มือบางของเจ้าขายื่นมารั้งมือหนาเอาไว้ ทำเอาคนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เมื่อในที่สุดคนปากแข็งก็รั้งเขาเอาไว้ตามคาด เพราะแววตาของเจ้าขามันบอกเขาว
“อะ ออนท็อป เหรอคะ เจ้าขาทำไม่เป็น”เจ้าขาบอกกองทัพตามความจริง เพราะเธอไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน มันทำให้เธอไม่รู้ว่าการ On Top คืออะไร จึงได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณไคร้องขอ จนกระทั่งกองทัพกระทุ้งท่อนเอ็นเข้ามาในร่องรัก จนต้องจิกเล็บลงบนต้นแขนแกร่งด้วยความเสียว“ยะ อย่าเพิ่งดันเข้ามาสิคะ เจ้าขาเสียว”เอ่ยร้องขออย่างอ้อน ๆ ก่อนที่คนเจ้าเล่ห์จะขยับมานั่งพิงหัวเตียง โดยไม่ลืมดึงรั้งร่างบางให้เข้ามาแนบชิดอกแกร่ง ทำเอาหัวใจดวงน้อย ๆ เต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นและหวั่นไหวจนกองทัพสัมผัสได้ ซึ่งจังหวะแบบนี้เขารู้ได้ในทันทีว่าเจ้าขากำลังตื่นเต้น จนไม่สามารถควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจได้“On Top ไม่ได้ยากเลยสักนิด เจ้าขาก็แค่ขย่มตัวลงมาเหมือนที่ผมกระแทกเจ้าขาก็แค่นั้นเอง”คำพูดที่ตรงไปตรงมาของกองทัพทำคนตัวเล็กหน้าแดง ไม่พอนะมือใหญ่ยังจับที่เอวคอดของเธอโยกขึ้นลงเบา ๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง แค่สาธิตก็ทำเจ้าขาเสียวทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งเสร็จสมไปจนต้องข่มกัดฟันกลั้นเสียง“อยากเสียวน้อย ๆ ก็ขย่มเบา ๆ แต่ถ้าอยากเสียวนาน ๆ ก็ให้ขย่มแรง ๆ เน้น ๆ”คำพูดที่สุดแสนจะทะลึ่งตึงตังหลุดออกมาจา
เช้าวันต่อมาครืด ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่บนหัวเตียงเรียกให้กองทัพที่พยายามลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความง่วง คว้าโทรศัพท์มากดรับสายด้วยอาการสะลึมสะลือ โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าโทรศัพท์สีหวานเครื่องนั้นเป็นของเจ้าขา“ฮัลโหล ครับ”น้ำเสียงแหบห้าวกรอกลงไปในโทรศัพท์ทำเอาปลายสายถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เพราะโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของพี่สาวต่างมารดาของเธอ แต่ทำไมคนที่รับสายกลับกลายเป็นเสียงผู้ชายไปได้นะ จอมขวัญยกยิ้มมุมปากอย่างร้าย ๆ ก่อนที่จะแกล้งกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ เพื่อให้คนทั้งโต๊ะอาหารได้ยิน เพราะตอนนี้เป็นเธอกำลังทานมื้อเช้ากับบิดามารดาอยู่(นี่ใช่เบอร์พี่เจ้าขาหรือเปล่าคะ)คำถามของจอมขวัญที่ถามปลายสาย ทำเอาบิดาอย่างท่านอธิปที่กำลังทานข้าวต้มอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวคนเล็ก ที่กำลังคุยสายอยู่กับลูกสาวคนโตตามคำสั่งของเขา ประมุขของบ้านขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ปลายสายกลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อาการง่วงงุนพลันหายเป็นปลิดทิ้ง พร้อมกับมองโทรศัพท์ที่ตนเองหยิบมารับสายอย่างเต็มตา แล้วพบว่าโทรศัพท์สีหวานเครื่องนี้ไม่ใช่ของตนเอง กองทัพจิ๊ปากเบา ๆ ด้วยความหัวเสียที่ดันหยิบโท
แกรก แอดเจ้าขาเปิดประตูห้องให้บิดาพร้อม ๆ กับใบหน้าที่ยิ้มแย้มค่อย ๆ หุบลง เมื่อพบว่าบิดาไม่ได้แวะมาเยี่ยมเธอเพียงคนเดียว หากแต่ท่านกลับพาคุณดารินแม่เลี้ยงของเธอและจอมขวัญน้องสาวต่างมารดามาด้วย ดารินยิ้มให้เจ้าขาด้วยความดีใจที่ได้แวะมาหาลูกสาวคนโตเด็กสาวที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและเจ้าขาก็เรียกเธอว่า “แม่ดา”“สวัสดีค่ะคุณพ่อ แม่ดา”เจ้าขายกมือไหว้บิดากับมารดาเลี้ยง ก่อนที่ท่านอธิปจะเดินเข้ามาในห้องพักของเธอและนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างสำรวจตรวจตรา เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเยียนลูกสาวคนโต เจ้าขารีบเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วและยกมาให้ทุกคน ก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามกับบิดา โชคดีที่วันนี้เธอใส่เสื้อไหมพรมที่คอเสื้อปกปิดทั้งลำคอ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงตกใจกับรอยแดงที่คอของเธออย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะพี่เจ้าขา เมื่อเช้าขวัญโทรมาแล้วแต่เพื่อนพี่เจ้าขาที่ชื่อไทน์นี่เป็นคนรับสาย เขาบอกว่าพี่เจ้าขาหลับอยู่ ขวัญเลยฝากบอกว่าขวัญโทรมา”จอมขวัญแสร้งบอกพี่สาวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เจ้าขาขมวดคิ้วน้อย ๆ ด้วยความแปลกใจเมื่ออยู่ ๆ จอมขวัญก็บอกว่าเพื่อนของเธอเป็นคนรับสาย แล้วไทน์นี
โรงพยาบาล Nแกรก แอดกองทัพเปิดประตูห้องทำงานออกอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ ไปด้วยโดยที่ไม่ทันสังเกตว่า มีใครบางคนมานั่งรอตัวเองอยู่ในห้องทำงานก่อนหน้าแล้ว ร่างสูงเดินเอาของไปเก็บในตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหยิบเสื้อกราวน์ออกมาสวมก่อนที่จะหันกลับมาและพบว่า...“อุ้ย!! ตกใจหมดเลย”กฤษฎิ์นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของหลานชายพร้อมกับมองคนที่ส่งยิ้มแหย ๆ มาให้ตน ก่อนที่กองทัพจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างสงบเสงี่ยม เพราะสายตาของปู่ที่มองมายังตัวเองเต็มไปด้วยสายตาที่กำลังจับผิดอย่างชัดเจน“เห็นว่าเมื่อวานลาป่วย ปู่ก็รีบมาทำงานแต่เช้าเพื่อมาดูว่าวันนี้หลานปู่หายดีหรือยัง แต่ดูจากท่าทางอารมณ์ดีที่ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงหูแล้ว หลานปู่ท่าทางจะป่วยการเมืองสินะ”คำทักท้วงของผู้เป็นปู่ทำเอากองทัพได้แต่นั่งเม้มปากอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้าสู่อาชีพของหมอกองทัพไม่เคยลาป่วยเลยสักครั้ง เมื่อวานคือครั้งแรกที่การลาป่วยของเขาถูกบันทึกลงในประวัติการทำงานซึ่งมันก็ไม่แปลกที่ปู่จะแวะมาเพื่อจับผิดเขา เพราะสายตาของปู่ไม่ได้บอกเลยสักนิดว่าเป็นห่วงที่เขาป่วย แต่แววตาของปู่กำลังบอกชัดว่า“อย่าคิดว่าปู่ไม่
หลายวันต่อมา“เวียนหัวจังเลย”เจ้าขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวและวิงเวียนศีรษะจนแทบลุกไม่ขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ฝืนตัวเองลุกขึ้นมาจนได้ วันนี้เจ้าขามีถ่ายรายการตั้งแต่เช้า ซึ่งงานนี้เธอจะไม่ไปก็ไม่ได้เพราะได้รับปากพิธีกรซึ่งเป็นพี่สาวคนสนิทในวงการของเธอเอาไว้ว่า ถ้าคิวว่างเมื่อไหร่เธอต้องไปเยือนรายการอย่างแน่นอนซึ่งก็คือวันนี้นั่นเอง“อุ๊บ อื้อ”อาการเวียนหัวยังไม่ทันหายอาการคลื่นไส้ก็เข้ามาแทรก เจ้าขายกมือขึ้นปิดปากก่อนที่จะลุกพรวดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที ด้วยเธอไม่สามารถกลั้นอาเจียนเอาไว้ได้จริง ๆ แต่เมื่อเข้าห้องน้ำมาเจ้าขากลับอาเจียนออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อาการพะอืดพะอมก็ยังคงเล่นงานเธอไม่หยุด จนเจ้าขาต้องโก่งคออาเจียนต่อ ทว่าก็ไร้สิ่งใดออกมาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วบ้วนทำความสะอาดช่องปากดวงตากลมโตมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก ใบหน้าของเธอช่างซีดเซียวไร้เลือดฝาดเพราะอาการนี้ไม่ได้เกิดกับเธอแค่เพียงวันเดียว แต่หลังจากวันนั้นวันที่เจ้าขาได้กลิ่นกุยช่าย ตั้งแต่นั้นอาการนี้ก็ยังคงมีมาเรื่อย ๆ ในทุก ๆ เช้าหรือบางวันที่เธอเพิ่งทานมื้อเช้าได้เพียงคำเดียว ก็ต้องวิ่ง
โรงพยาบาล N“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 8 สัปดาห์แล้วค่ะ”คำบอกเล่าของคุณหมอวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าทำเอามือของเจ้าขาสั่นระริกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ หยาดน้ำตาพลันไหลรินลงมา จนหน้ากากผ้าที่เธอสวมอยู่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเธอต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ที่เกิดขึ้นจากความสะเพร่าและอารมณ์เพียงชั่ววูบของเธอ ถ้าหากคืนนั้นเธอไม่หลงใหลไปกับเจ้าของแววตาสีน้ำตาลคู่นั้น เธอก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจในวันนี้“ฮึก ฮือ”ไหล่บอบบางสะท้านขึ้นลงไปมาพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสาย เจ้าขาเป็นดาราที่ขึ้นชื่อในเรื่องการเข้าถึงอารมณ์การแสดงได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะบทดราม่าเคล้าน้ำตาเธอตีทุกบทแตกได้ทุกบทบาทการแสดง แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่ได้กำลังแสดงอยู่ หากแต่เธอกำลังร้องไห้ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเรื่องที่ไม่คาดคิดและตั้งรับมาก่อนกำลังเกิดขึ้นกับเธอ“คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ”แพทย์หญิงเจ้าของไข้รีบกุลีกุจอหยิบกระดาษทิชชูยื่นให้คุณแม่มือใหม่ เธอกลั้นสะอื้นพลางยื่นมือที่สั่นเทาไปรับกระดาษมาซับน้ำตาที่ทำอย่างไรก็ไม่ยอมหยุดไหล เพราะความรู้สึกของเจ้าขาในตอนนี้ราวกับโลกแห่งความสุขที่เธอกำลังย
“อะ เอ่อ คุณไค”น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยความตกใจและแปลกใจ เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแท้ที่จริงแล้ว ไค แมคคินสัน พ่อของลูกในท้องเธอจะเป็นถึงคุณหมอ ในขณะที่ร่างสูงของกองทัพรีบเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ เจ้าขาบนเตียงและจับไปตามเนื้อตัวของเธออย่างลืมตัวด้วยความเป็นห่วง“ป่วยเป็นอะไรครับ ทำไมถึงได้เข้าโรงพยาบาล”น้ำเสียงอ่อนโยนที่ถามเจ้าขาทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหว ไหนจะสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดนั่นอีก แต่เธอก็พยายามกล้ำกลืนทุกความรู้สึกที่มีเก็บไว้ในใจ แล้วดึงมือของเขาออกช้า ๆ กองทัพที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำตัวรุ่มร่ามกับเธอก็รีบปล่อยมือบางให้เป็นอิสระทันที แต่ยังคงไม่ยอมลุกจากเตียงคนไข้ทั้ง ๆ ที่ข้างเตียงก็มีเก้าอี้ให้นั่ง“พอดีเจ้าขาตากฝนนิดหน่อยน่ะค่ะเลยรู้สึกไม่สบายตัว อีกอย่างเจ้าขาก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมานอนเล่นที่โรงพยาบาลบ้าง อยากลองอู้งานมานานแล้ว”เอ่ยอย่างติดตลกให้คุณหมอหลุดขำออกมา ซึ่งรอยยิ้มนั้นของร่างสูงทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่หยุด เพราะทุกครั้งที่เขายิ้ม มันเหมือนกับโลกทั้งใบสว่างสดใสขึ้นมา ทำเอาเจ้าขาอดที่จะยิ้มตามเขาไม่ได้ผู้ชายคนน