“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ”
กองทัพเอ่ยทักทายอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นยาดมที่หล่นเมื่อครู่คืนให้เธอ ซึ่งเจ้าขาก็รับมันไปแต่โดยดี ใบหน้าสวยฉายแวววิตกกังวลเล็กน้อย ด้วยไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ จะเจอกับผู้ชายที่ตัวเองมีความสัมพันธ์ด้วยแค่เพียงชั่วคืนบนเครื่องบินลำนี้ หลังจากนั่งฮึบอยู่นานเจ้าขาก็ตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับคนหล่อตรง ๆ เพื่อถามในสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่
“นี่...คุณกำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทยใช่ไหมคะ”
คุณนางเอกยิงคำถามใส่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้ทันที ในขณะที่กองทัพเลิกคิ้วน้อย ๆ กับคำถามนั้น และในวินาทีต่อมาใบหน้าหล่อเหลาก็เผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มที่ว่ามันช่างมีอานุภาพร้ายแรงเหลือเกินสำหรับหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอ สายตาว่าร้ายแล้วแต่รอยยิ้มกลับร้ายยิ่งกว่า ยิ้มแต่ละทีทำเอาเธอหายใจแทบไม่ทั่วท้องเลยแน่ะ
“เปล่าครับ ผมเป็นคนไทย พอดีเพิ่งเรียนจบจากอิตาลี แล้วตอนนี้ก็กำลังเดินทางกลับบ้านเกิด”
คราวซวยคงมาเยือนเธอจริง ๆ สินะ เจ้าขาลมแทบจับ รีบหมุนฝาเปิดยาดมแล้วจับยัดเข้าจมูกทันที โดยที่ไม่ได้นึกถึงภาพลักษณ์สาวงามล่มเมืองของตัวเองเลยสักนิด ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มขำออกมากับท่าทีนั้นทันที อะไรกัน แค่บอกว่าเป็นคนไทยนี่ถึงกับต้องดมยากันเลยทีเดียว
“แล้วทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะคะว่าเป็นคนไทย”
เมื่อสูดยาดมจนรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว เจ้าขาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนที่จะยิงคำถามใหม่ใส่ทันที แต่ครั้งนี้เจ้าขาเลือกที่จะพูดภาษาไทยกับเขาแทนภาษาอังกฤษ ก็แหม...ในเมื่อเขาเป็นคนไทย เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขาอีกต่อไปน่ะสิ
“ก็คุณไม่ได้ถามนี่ครับ จะว่าไปก็ไม่เห็นคุณถามอะไรผมเลยสักนิด นอกจากร้อง...อื้อ”
กองทัพยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เจ้าขาก็รีบยกมือขึ้นปิดปากคนลามกเอาไว้ทันที เมื่อเขากำลังจะหลุดพูดในสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า ในขณะที่พี่เอมมี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ เมื่อลูกสาวคนสวยยกมือขึ้นปิดปากผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งข้าง ๆ กัน ราวกับว่ารู้จักกันมาก่อน ส่วนกองทัพเมื่อมีมือนุ่มหอม ๆ ยกมือขึ้นมาปิดปากเขาไว้ ก็จำต้องหุบปากไปตามระเบียบ
กองทัพสบตากับดวงตากลมโตของคนข้างกาย ที่กำลังมองเขาราวกับลูกแมวน้อยกำลังแยกเขี้ยวขู่เสือ ซึ่งมันดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยในความรู้สึกของกองทัพ ทางฝั่งคุณนางเอกเมื่อเห็นคนข้าง ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะพูดต่อก็ยอมลดมือลง พลางลอบมองซ้ายมองขวาอย่างกังวล เพราะเที่ยวบินนี้ไม่แน่อาจจะมีคนที่รู้จักเธออยู่ก็เป็นได้
“ถึงเมืองไทยเมื่อไหร่เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันค่ะ”
เจ้าขายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูของคู่กรณี ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับน้อย ๆ โดยไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น เห็นแบบนั้นเธอก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง จึงทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ก่อนที่จะหลับตาลงช้า ๆ ตอนนี้สมองน้อย ๆ ของเธอรู้สึกสับสนและวุ่นวายไปหมด ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอเข้าใจว่าเขาเป็นคนอิตาลีกลับเป็นคนไทยเสียนี่ เธออยากจะบ้าตายเสียจริง
หลังจากนั้นก็ไร้ซึ่งบทสนทนาของคนทั้งคู่ ต่างคนต่างเงียบและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่จุดหมายปลายทางคือ ประเทศไทย เป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมงของการเดินทาง ในที่สุดเครื่องบินลำใหญ่ก็แลนดิ้งลงจอดยังจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ เสียงประกาศขอบคุณของเจ้าหน้าที่สายการบินปลุกให้เจ้าขาที่นอนหลับลืมตาตื่นขึ้น
ส่วนกองทัพก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเอมมี่ที่หันมาเจอชายหนุ่มเข้าเต็ม ๆ คุณผู้จัดการสาว (สอง) แทบหยุดหายใจกับความหล่อของผู้ชายที่นั่งข้างลูกสาวของเธอ ส่วนคุณนักแสดงก็รีบลุกขึ้นเดินตามร่างสูงไปติด ๆ เพราะเธอมีเรื่องที่ต้องคุยและตกลงกับเขา
ไม่อย่างนั้นถ้าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเกิดมีคนรู้ขึ้นมา เธอได้ตกเป็นขี้ปากของคนทั้งวงการบันเทิงแน่ ๆ โดยเฉพาะคนที่พร้อมจะเหยียบย่ำเธอตลอดเวลา
“พี่เอมมี่ขาเดี๋ยวเจ้าขามานะคะ”
เจ้าขาบอกผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังจะเดินไปรอรับกระเป๋า แต่เหมือนแค่มาบอกกล่าวไม่ได้มาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เอมมี่ได้เอ่ยถามอะไร นักแสดงในสังกัดก็รีบเดินตามใครบางคนออกไปเสียแล้ว
เดินไวเสียจริง...ในใจเธอก็นึกสงสัยว่าเขาจะไม่รอรับกระเป๋าหรืออย่างไร แต่เมื่อเห็นร่างสูงนั้นอยู่แวบ ๆ ก็รีบวิ่งไปคว้ามือหนาให้เดินตามเธอไปอีกทางทันที ซึ่งกองทัพก็ยอมให้ร่างบางจูงมือเขาแต่โดยดี โดยที่เจ้าขาไม่รู้เลยว่าภาพที่เธอเดินจูงมือกับชายหนุ่ม ได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยฝีมือของใครบางคน
“ถ้าเราบังเอิญเจอกันอีก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไหร่ รบกวนทำเป็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้ไหมคะ”
เมื่อเดินมาถึงมุมลับตาคน เจ้าขาก็เปิดปากขอร้องอีกฝ่ายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อคนตรงหน้าให้เขาทำเป็นไม่รู้จักกับเธอ แต่จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รู้จักเธอมาก่อนนี่นา อ้อ...จะมีก็แค่เพียงร่างกายของเธอที่เขารู้จักเป็นอย่างดีทุกซอกทุมมุมเชียวล่ะ
“แล้วทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะครับ ก็ในเมื่อเราเคยเจอกันมาก่อน ถ้าบังเอิญเจอกันอีกครั้ง ผมก็แค่อยากทักทายคุณตามประสาคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี”
คำพูดที่แฝงไปด้วยนัยของกองทัพทำเอาเจ้าขาหนักใจและกังวลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเธอคุณหมอก็สงสัยไม่น้อยว่า ทำไมเขาถึงต้องทำเป็นไม่รู้จักเธอด้วยเล่า มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทำอย่างนั้นกัน
“ที่นี่กับที่อิตาลีมันไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเจ้าขาขอร้องนะคุณไค แมคคินสัน ถ้าเราบังเอิญเจอกันให้ทำเป็นไม่รู้จักกันด้วยนะคะ พลีส”
เจ้าขาทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งกองทัพให้อยู่กับความสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินตามเธอไป แต่เดินไปได้แค่เพียงสองก้าวขาของเขาก็เหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง ร่างสูงก้มลงเก็บสิ่งของที่เขารู้สึกคุ้นตาราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ในขณะที่กำลังคิดว่าตัวเองเคยเจอของสิ่งนี้ที่ไหนมาก่อน ภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็กก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เขากำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่อิตาลี
หมับ
กองทัพคว้ามือเด็กสาวที่เพิ่งเดินสวนกันก่อนหน้านี้เอาไว้มั่น ก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะหันกลับมามองคนที่วิ่งมาจับมือเธอเอาไว้ด้วยความตกใจ ครั้งแรกที่ทั้งคู่สบตากันกองทัพนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยกับความน่ารักสดใสของเด็กสาวตรงหน้า ในขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
พี่ผู้ชายคนนี้วิ่งมาจับมือเธอทำไมเนี่ย
“น้องทำของหล่นไว้ครับ พี่ทัพเก็บได้เลยเอามาคืน”
เด็กชายกองทัพคลายมือที่กำของสิ่งนั้นออกจากกัน เผยให้เห็นสร้อยล็อกเก็ตรูปหัวใจ เด็กหญิงเจ้าขาทำหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ของสำคัญขนาดนี้เธอทำมันหล่นหายได้อย่างไรนะเจ้าขา ถ้าหายไปมีหวังเธอได้เสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน
“ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะที่เก็บมาคืนเจ้าขา ถ้าหายไปเจ้าขาคงเสียใจแย่เลย ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
เด็กสาวกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดีจากใจ แล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน กองทัพในวัยเยาว์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เจ้าขา”
คุณหมอกองทัพพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่เดินจากไป มุมปากหนากระตุกยิ้มออกมาน้อย ๆ เจ้าของรอยยิ้มที่สดใสในวัยเด็กก็คือเธอนั่นเอง คนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกแปลก ๆ คล้ายกำลังตกหลุมรัก ทำไมโลกมันช่างกลมขนาดนี้ คนที่เคยพบกันด้วยเรื่องบังเอิญในวัยเยาว์ กลับมาพบกันอีกครั้งและอยู่ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า One Night Stand
“หึ ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะสาวน้อย”
ร่างสูงเอ่ยพึมพำเสียงเบา พลางก้มเก็บของสิ่งนั้นใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเพื่อเดินทางกลับบ้าน บ้านที่มีพ่อเก้า แม่นับ แล้วก็น้องพราวรออยู่ ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขา
พี่ทัพกลับมาแล้วครับ
กองทัพเดินมาถึงทางออกของสนามบินก็ให้นึกแปลกใจ เมื่อเห็นคนหลายคนที่กำลังยืนถือกล้องพร้อมกับมองเข้าไปด้านในเกต ราวกับว่ากำลังรอการมาของใครอยู่ กองทัพเลิกให้ความสนใจกับคนเหล่านั้น แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดรอรับเขาอยู่ไม่ไกล แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ใครบางคนก็แทรกตัวเข้ามา แล้วรีบขึ้นไปนั่งด้านในทันที กองทัพได้แต่มองคนตัวเล็กที่ใส่หมวกสวมแว่นตาอย่างมิดชิดด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเธอกำลังขึ้นรถผิดอยู่หรือเปล่านะแต่คนบนรถกลับดึงมือกองทัพให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน พร้อมกับยื่นมือมาปิดประตูรถด้วยความรวดเร็ว โดยที่ตัวเธอแทบจะเกยมานั่งตักเขาอยู่แล้ว ความใกล้ชิดนั้นทำให้กองทัพเผลอสูดกลิ่นหอมอันคุ้นเคยจากกายสาวเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนที่เจ้าขาจะถอดหมวกและแว่นตาออก เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใส กองทัพถึงกับเลิกคิ้วมองนิด ๆ ด้วยความแปลกใจกับพฤติกรรมของเจ้าขา ที่จู่ ๆ ก็พรวดพราดมาขึ้นรถของเขา“ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งบอกว่า ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วนี่คือ...”“ตอนนี้ออกรถก่อนเลยค่ะ ไปเลยค่ะพี่ ซิ่งเลยค่ะซิ่งเลย”เจ้าขาไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม หากแต่เธอกลับตะโกนสั่งคนขับรถให้ออกรถ แต่รถกลับไม่ขยับตามคำสั
กองทัพเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ พลางคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข บ้านที่เขาจากไปนานหลายสิบปี กลับมาวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวเหมือนเช่นเคย น้องสาวของเขาโตขึ้นมาก ทั้งแสบและซนจนแม่นับถึงกับส่ายหน้าหนี ในขณะที่พ่อเก้าดูจะชอบใจกับความห้าวของพราวฟ้า ที่มีป้าแก้มใสเป็นต้นแบบความเฟียร์สส่วนคุณป้าสุดสวยของเขา กลับมาครั้งนี้ทำอาหารรสชาติกลมกล่อมถูกปากเขายิ่งนัก อีกทั้งบัวลอยไข่หวานที่ป้าแก้มลงมือทำเอง เพื่อต้อนรับการกลับมาของเขา ยังรสชาติดีมากอีกด้วย มิน่าล่ะสายตาของลุงวายุที่มองป้าแก้มถึงมีแต่ความภาคภูมิใจ หลายปีผ่านไปทุกคนต่างมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่รู้ว่าปีนี้จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเหมือนคนอื่น ๆ บ้างหรือเปล่า“ดึกแล้วทำไมลูกชายของพ่อเก้าถึงยังไม่นอน”เก้าทัพที่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ เดินออกมาหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน โดยที่บนโต๊ะมีแก้วนมที่ยังไม่พร่องเลยแม้แต่น้อยวางอยู่ ก่อนที่เก้าทัพจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับลูกชายที่หันมาส่งยิ้มน้อย ๆ ให้บิดา“ทัพยังปรับตัวกับเวลาไม่ได้น่ะครับ ตอนนี้เมืองไทยสี่ทุ่มกว่าแล้วก็จริ
ครืด ครืด ครืดอยู่ ๆ รถยนต์คันหรูที่กำลังโลดแล่นอยู่บนท้องถนนก็เกิดเสียงดังแปลก ๆ ขึ้น ก่อนที่รถจะกระตุกสองสามครั้งและดับไปในที่สุด เจ้าขากับเอมมี่ได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างงุนงงและสงสัยว่า ทำไมรถคันเก่งที่ใช้งานเป็นประจำและได้รับการดูแลรักษาอย่างดี วันนี้ถึงเกิดอาการงอแง แล้วมาดับอยู่กลางถนนแบบนี้“รถเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ”เอมมี่บ่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะเปิดประตูรถและลงไปสำรวจหาสาเหตุที่ทำให้รถเสีย เธอจัดการเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อตรวจดูว่าตรงไหนที่มีปัญหา ถึงเธอจะมีร่างกายที่เป็นบุรุษเพศ แต่เอมมี่กลับไร้ความรู้เรื่องเครื่องยนต์สิ้นดี ฝั่งคุณนางเอกที่นั่งรอในรถ จึงรีบเปิดประตูรถลงมาถามไถ่ด้วยความกังวลใจไม่แพ้กัน เพราะนี่ก็เหลือเวลาอีกเพียงชั่วโมงกว่าที่เธอต้องไปถึงยังสถานที่ถ่ายทำแล้ว“เป็นไงบ้างคะพี่เอมมี่”“ไม่น่าจะรอดอะเจ้าขา เดี๋ยวพี่เอมมี่ขอโทรหาศูนย์รถก่อนนะ หนูไปนั่งรอพี่ในรถเถอะ ข้างนอกแดดร้อนเดี๋ยวผิวจะเสียหมด”เอมมี่ไล่ดาราในสังกัดให้กลับเข้าไปนั่งในรถ แต่เจ้าขากลับไม่ยอมเข้าไปตามคำสั่งของเธอ ร่างบางในชุดเดรสสีหวานได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังพี่เอมมี่คุยกับศ
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในตัวอาคาร ตาคู่คมก็สอดส่องมองหาจุดที่น่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ ก่อนที่สองเท้าจะเดินไปเรื่อย ๆ โดยที่กองทัพไม่รู้ตัวเลยว่า รูปร่างและหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นขนาดไหน ขนาดผู้ชายด้วยกันยังเหลียวหลังมองจนคอแทบเคล็ด เพราะส่วนประกอบบนใบหน้าของเขาไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่โดดเด่นกองทัพเดินเข้ามาข้างในเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอกับบริเวณลานกว้าง ที่เต็มไปด้วยสตาฟกองถ่ายและกล้องตัวใหญ่ รวมถึงมีคนหลายคนที่อยู่ ณ บริเวณนั้น ลานกว้างถูกจัดตกแต่งใหม่มีพร็อพประกอบวางอยู่เรียงราย ส่วนคนที่เขาตามหาก็กำลังนั่งตัวตรงให้ช่างแต่งหน้าบรรจงปัดแก้ม พร้อมจัดแต่งทรงผมให้อย่างสวยงาม มุมปากหนาเผลอยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเจ้าขาที่แย้มยิ้มพูดคุยกับช่างแต่งหน้าด้วยความสดใสร่าเริง คุณหมอหนุ่มเดินไปนั่งลงที่มุมหนึ่ง เพื่อรอเวลาให้เจ้าขาทำงานเสร็จ แล้วเขาค่อยเดินเข้าไปขอเสื้อคืน เพราะถ้าเข้าไปตอนนี้คงเป็นการเสียมารยาทน่าดู“น้องเจ้าขาสวยมาก ๆ เลยค่ะลูกสาว”พี่แยมช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายชมเปาะไม่ขาดสาย เป็นช่างแต่งหน้าที่อยูในวงการนี้มานาน แต่เจ้าขาคือคนแรกที่ไม่ว่าจะแต่งหน้าโทนไหนก็สวยไม่
หลังจากที่เที่ยวเล่นพักผ่อนเป็นเวลากว่าสัปดาห์ วันนี้กองทัพก็ยอมเข้ามาที่โรงพยาบาล N เพื่อสัมภาษณ์งานกับอาจารย์หมอของแผนกศัลยกรรมเสียที โดยชื่อที่เขาใช้ในการสมัครเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของปู่คือ ไค แมคคินสัน เพราะเขาอยากให้ทุกคนรู้จักและยอมรับเขาที่ฝีมือ มากกว่าที่จะยอมรับและคอยเอาอกเอาใจเขาในฐานะหลานชายเจ้าของโรงพยาบาล N“เรียนจบที่อิตาลีเกียรตินิยมอับดับหนึ่ง ประสบการณ์ทำงานสามปี แต่ได้รับการยอมรับจากทางโรงพยาบาลเดิมให้เป็นหมอมือหนึ่งของแผนกศัลยกรรม อืม ประวัติดีมากทีเดียว”อาจารย์หมออินทัช แพทย์อาวุโสประจำโรงพยาบาล N ได้รับหน้าที่ให้มาสัมภาษณ์นายแพทย์รุ่นลูก ที่อิมพอร์ตมาจากต่างประเทศและเลือกที่จะมาร่วมงานกับทางโรงพยาบาล N ซึ่งหลังจากที่อ่านประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าโรงพยาบาล N จะมีนายแพทย์ฝีมือดีเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน“ทำไมถึงเลือกกลับมาทำงานที่เมืองไทยล่ะครับ ทั้ง ๆ ที่รายได้จากโรงพยาบาลเดิมแตกต่างจากที่นี่ค่อนข้างเยอะพอสมควร”อาจารย์หมอถามเด็กหนุ่มที่นั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะที่กองทัพไม่หยุดคิดแม้แต่วินาทีเดียว ในการคิดหาคำตอบของคำถามนี้ เพราะคำตอบ
“พี่ทัพขา”เสียงเรียกที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลทำเอากองทัพที่เพิ่งออกเวรหยุดชะงักอยู่กับที่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง พร้อมกับมองสาวสวยที่วิ่งอ้าแขนกว้างตรงมาที่เขาจนกระทั่งหมับ“พี่ทัพของน้อง คิดถึงจังเลย ฮือ ๆ”ไทน์นี่กอดพี่ทัพของตัวเองด้วยความคิดถึง ในขณะที่กองทัพได้แต่ยืนอึ้งให้หญิงสาวกอดโดยไร้การปัดป้อง น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นหูแต่หน้าตาทำไมช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยส่วนไทน์นี่เมื่อไร้การตอบสนองจากพี่กองทัพ ใบหน้าสวยที่มีหยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนด้วยความคิดถึงคนที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมองกองทัพ ที่ก้มหน้ามองเธอด้วยสายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้จักเธอ“อะไรกันเนี่ย อย่าบอกนะคะว่าพี่ทัพจำไทน์นี่ไม่ได้”ไทน์นี่ถามอีกฝ่ายอย่างงอน ๆ ใบหน้าสวยที่เปื้อนด้วยหยาดน้ำตาบึนปากอย่างงอแง ก่อนที่กองทัพจะมีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย เพราะไทน์นี่ในอดีตกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนเขาจำไม่ได้จริง ๆ“ก็เล่นสวยกว่าพราวขนาดนี้พี่ทัพจะจำได้ไงล่ะ”พราวฟ้าที่เดินตามหลังมาแซวไทน์นี่ยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มออกมาน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดูไทน์นี่ ที่ตอนนี้กลายเป็น
“พราวโต๊ะข้าง ๆ นั่นใช่คุณเจ้าขาปะ”ไทน์นี่ที่เหลือบมาเห็นดาราสาวในดวงใจ ก็รีบยื่นหน้าไปกระซิบถามพราวฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที ได้ยินแบบนั้นพราวฟ้าจึงแสร้งทำเป็นหันไปมองทางอื่น แต่สายตากลับชำเลืองแอบมองดาราสาวสวยชื่อดัง ที่เธอชื่นชอบและติดตามอินสตาแกรมอยู่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจ มือบางยื่นมาจิกเล็บลงบนมือของเพื่อนจนคนข้าง ๆ ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ“พราวเบา ๆ หน่อยไทน์นี่เจ็บนะ”ไทน์นี่กระซิบบอกเพื่อนเสียงเบาด้วยความเจ็บ ก่อนที่พราวฟ้าจะสะดุ้งน้อย ๆ แล้วรีบปล่อยมือบางอย่างรู้สึกผิด แต่ดวงตากลมโตยังแอบเหล่มองโต๊ะข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง นั่นทำให้เจ้าขาที่กำลังทานอาหารอยู่ ค่อย ๆ หันมามองด้านข้าง เมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังมีคนแอบมองอยู่ แล้วก็พบเข้ากับสาวสวยโต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความดีใจ เจ้าขาก้มหัวทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่ถือตัว สองสาววัยใสยิ่งยิ้มปลื้มที่ดาราสาวไม่เย่อหยิ่งอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน“น้องพราวชอบคุณเจ้าขาเหรอคะ”กองทัพที่เห็นน้องสาวจ้องเจ้าขาไม่วางตา เอ่ยถามด้วยความสนใจใคร่รู้ พราวฟ้าที่เขินอายอยู่รีบดึงสายตากลับมาสบตา
โรงพยาบาล Nร่างสูงเดินถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างมีความสุขเพราะเมื่อวานได้จูบใครบางคน มันทำให้กองทัพรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ปากนุ่ม ๆ ที่ตอบสนองจูบเขาอย่างอ่อนหวาน มันทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเจือไปด้วยรอยยิ้มจนพยาบาลสาว ๆ ที่เดินสวนกันได้แต่มองตามด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เพราะรอยยิ้มของหมอกองทัพ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใครที่ได้พบเห็นเป็นต้องโดนตกไปตาม ๆ กันอ้อ ยกเว้นไว้หนึ่งคนแล้วกัน จะเป็นใครถ้าไม่ใช่คนที่กำลังเดินเข้ามาในโรงพยาบาลโดยที่มีลูกน้องคู่ใจเดินตามมาติด ๆ“อะ แฮ่ม”กฤษฎิ์กระแอมเสียงดังทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดได้สติ พร้อมกับมองหาเสียงกระแอมที่ดังอยู่ข้างหู พลันหันมาเจอกับรอยยิ้มที่แลดูมีเลศนัยของผู้เป็นปู่ กองทัพก็ถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ เพราะกฤษฎิ์ยืนอยู่ข้าง ๆ หลานชายนั่นเอง“อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะละ...เอ่อ คุณหมอไค”คำว่าหลานชายเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับเป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการแทน เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้ว่ากองทัพคือหลานชายแท้ ๆ ของเขา ทุกคนรู้เพียงแค่ว่ากองทัพเป็นหมอที่มีความสามารถคนหนึ่ง ที่ย้ายกลับมาทำงานที่ประเทศไทยบ