โรงแรม A
แกรก แอด
เจ้าขาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักด้วยท่าทางอิดโรย ก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง เอมมี่ที่รอคอยการกลับมาของนักแสดงในสังกัดอยู่นาน เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาก็รีบออกมาดูทันทีด้วยความโมโห แต่เมื่อผู้จัดการสาวได้เห็นสภาพของแม่นางเอกตัวดีก็ต้องยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
ใบหน้าที่ซีดเซียวไร้การแต่งแต้ม แถมตามลำคอยังเต็มไปด้วยร่องรอยแดงช้ำอีก ไหนจะท่าทางที่ราวกับโดนใครรังแกมานั่นอีก ทำให้เอมมี่รีบเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วงทันที เพราะเข้าใจว่าที่เจ้าขาหายไปทั้งคืนต้องเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นกับเธอแน่ ๆ
“เจ้าขาทำไมสภาพเป็นแบบนี้เนี่ยลูก ใครมันทำกับเจ้าขาแบบนี้ บอกพี่เอมมี่มาเดี๋ยวนี้นะ พี่จะไปแจ้งความจับมันเข้าคุก”
มือที่ผอมบางราวกับมือของผู้หญิงจับไปตามเนื้อตัวของนักแสดงในสังกัดด้วยความเป็นห่วง แต่เจ้าขาจะส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมกับปิดตาลงด้วยความง่วง เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบเช้าของวันใหม่แล้ว และด้วยนิสัยที่ชอบตื่นเช้าตามความเคยชิน ทำให้เธอไม่สามารถนอนต่อไปได้ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายบอกว่าไม่ไหว
ก็นะ...จะให้นอนต่อในห้องของผู้ชายแปลกหน้ามันก็แปลก ๆ อยู่
“ก็แค่...หลงไปนอนค้างคืนที่ห้องของคนแปลกหน้ามาแค่นั้นเองค่ะ”
คำตอบของเจ้าขาทำเอาเอมมี่ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ โดยที่เจ้าขาไม่ต้องขยายความต่อ เธอก็เดาได้ในทันทีว่าเมื่อคืนหญิงสาวต้องไปฟัดกับใครบนเตียงมาอย่างแน่นอน เพราะรอยแดงตามลำคอถือเป็นหลักฐานชั้นดี แบบที่ไม่ต้องสอบสวนให้มากความ
แล้วไป...เธอก็คิดว่าเจ้าขาโดนฉุดไปทำมิดีมิร้ายมาเสียอีก ที่ไหนได้ลูกสาวเธอดันหลงทางกลับห้องไม่ถูกเสียนี่ แม่เจ้าโว้ย กะเทยอยากจะบ้าตายทำไมลูกสาวเธอดื้อแบบนี้นะ
“นี่อย่าบอกนะ ว่าเสียใจเรื่องละครที่ไปแคสมาจนต้องออกไปดื่มแล้วเลยเถิดกลับมาในสภาพแบบนี้ แล้วไหนจะ เอ่อ ไหนจะ แง...เจ้าขาทำไมหนูเหลวไหลแบบนี้ล่ะลูก แม่อุตส่าห์ดูแลทะนุถนอมหนูราวกับไข่ในหิน แล้วนี่อะไร ไปฟัดกับผู้ชายที่ไหนมาคะ บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ”
เอมมี่ถามเจ้าขาด้วยความโมโห แต่แม่นางเอกในสังกัดได้แต่ยิ้มหวานอย่างออดอ้อน พลางขยับเข้าไปกอดแขนผู้จัดการไว้ แต่กลับถูกสะบัดแขนออกด้วยความโกรธ เธอรู้ว่าเจ้าขาโตแล้ว เพราะเจ้าตัวก็เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากให้เจ้าขาเรียนรู้เรื่องพวกนี้เร็วเกินไป อายุเท่านี้ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ แต่ดูเจ้าขาสิ มันน่าไหมเล่า เล่นกลับมาสภาพนี้ ไม่ต้องพูดเยอะกะเทยก็รู้ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าความซิงของลูกสาวเธอโดนโจรกรรมไปเสียแล้ว
แง...กะเทยเสียใจ
“พี่เอมมี่ขา เมื่อคืนเจ้าขาเมามากจนจำอะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้องของเขาแล้ว”
เอ่ยบอกคำตอบที่แถจนสีข้างถลอก พร้อมกับตีหน้าสำนึกผิดด้วยความใสซื่อ เพื่อยืนยันว่าเธอจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เจ้าขาจำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่วินาทีที่เธอลุกเดินตามเขาออกไป จนกระทั่งจบลงด้วยความร้อนแรงบนเตียง ถึงจะเป็นประสบการณ์ครั้งแรก แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำให้เธอมีความสุขมากจนลืมความเจ็บปวดยามที่เขาช่วงชิงความสาวของเธอไปเสียสนิท
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าที่ซีดเซียวก็เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาจนกลายเป็นแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เอมมี่ที่เห็นแบบนั้นรีบฟาดฝ่ามือลงบนตัวของเด็กสาวด้วยความโมโหปนหมั่นไส้
เพียะ
“โอ๊ย พี่เอมมี่เจ้าขาเจ็บนะคะ”
ร่างบางร้องขึ้นมาเสียงหลงด้วยความเจ็บ พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบตรงรอยแดงที่ถูกฟาดป้อย ๆ แต่เอมมี่กลับแยกเขี้ยวใส่ ทว่าคนถูกตีกลับไม่ได้รู้สึกสลดเลยสักนิด ถึงจะรู้สึกเสียดายกับความสาวที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ในเมื่อมันพลาดไปแล้ว แถมพลาดด้วยความเต็มใจของตัวเอง เธอก็ต้องยอมรับผลของมันให้ได้สิถูกไหม
“ก็ตั้งใจตีให้เจ็บไงล่ะ มีที่ไหนไปฟัดกับผู้ชายแปลกหน้ามาแล้วยังมาทำหน้าฟินให้เห็นอีก แล้วตอนนั้น คิดอะไรอยู่ ทำไมคนที่หวงตัวไม่ยอมให้ผู้ชายได้เขาใกล้ง่าย ๆ นอกจากเวลาเล่นละคร ถึงยอมให้คนที่เพิ่งเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวช่วงชิงความสาวไปได้ หืม แม่ขอถามหน่อย”
เอมมี่ถามเจ้าขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง เธอเข้าใจอารมณ์หนุ่มสาวในช่วงวัยนี้ดี เพราะเพื่อนสาวหลายคนของเธอ ก็มักจะมีคนที่ชอบแบบถูกใจก็ไปต่อ แล้วจบลงแค่เพียงชั่วข้ามคืน แต่สำหรับเจ้าขาแล้วมันไม่ใช่ เด็กคนนี้หวงตัวมาก นอกจากละครที่ต้องเข้าฉากแล้ว เจ้าขาไม่ชอบที่จะอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย แม้กระทั่งพระเอกชื่อดังที่แอบชอบเธออยู่ก็ตามที
“เสน่ห์ของเขามันทำให้เจ้าขาไม่สามารถละสายตาไปได้เลย ดวงตาของเขามีเสน่ห์มากนะพี่เอมมี่ โดนจ้องทีเหมือนถูกโดนสะกดเลย รู้ตัวอีกทีก็ลุกขึ้นเดินตามเขาออกจากผับไปแล้ว แหะ ๆ”
เจ้าขาบอกเหตุผลที่ทำเอาผู้จัดการคนสวยต้องยกมือขึ้นกุมขมับ แม่นางเอกของเธอเจอคนหล่อมานักต่อนัก บางคนนี่ระดับพระเอกชื่อดัง แต่ก็ไม่เคยหวั่นไหวอะไรกับเขาหรอก แล้วอยู่ ๆ มาโดนผู้ชายแปลกหน้าที่อิตาลีตกเนี่ยนะ เฮ้อ กะเทยจะเป็นลม เอมมี่ได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ
แต่ในเมื่อเจ้าขาพลาดไปแล้ว เธอก็ได้แต่ทำใจแหละนะ หวังว่าคงไม่มีปาปารัชซี่ตามมาถ่ายภาพของเจ้าขากับผู้ชายคนนั้นเอาไว้หรอกนะ เพราะการเดินทางมาที่อิตาลีในครั้งนี้ เจ้าขาเดินทางมาแบบเงียบ ๆ เพื่อมาเยี่ยมมารดาโดยที่ไม่ได้ให้ข่าวหรือออกสื่อที่ไหนเลย
“ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ นี่คงไม่ได้นอนสินะ จัดเต็มมาซะขนาดนี้”
เอมมี่มิวายเหน็บนักแสดงสาวที่ยิ้มอย่างทะเล้น ก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไป พร้อมกับทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มด้วยความอ่อนเพลีย โดยที่เธอหลงลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท
หลายวันต่อมา
หลังจากที่ทำเรื่องลาออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว กองทัพก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิด ที่ตนได้จากมานานหลายปีเหลือเกิน แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ ก็ขอออกไปเที่ยวเล่นตามแหล่งท่องเที่ยวที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ ไหน ๆ ก็จะกลับแล้วก็อยากเก็บภาพบรรยากาศเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนโบกมือลาอิตาลี
สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเวนิสเป็นอีกที่ที่กองทัพชอบมาก วันนี้เขามาล่องเรือเพื่อชื่นชมและเก็บภาพสถาปัตยกรรมงดงามที่เรียงรายอยู่สองริมฝั่งคลอง ในขณะที่เรือกำลังล่องไปเรื่อย ๆ คุณหมอก็ยกกล้องขึ้นมาเพื่อเตรียมถ่ายภาพพระราชวังที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับมีเรือล่องผ่านมาพอดีในช่วงจังหวะที่กำลังกดชัตเตอร์
แชะ
ภาพที่ตั้งใจถ่ายกลับกลายเป็นภาพเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังหันมาทางเขา มือหนาเหมือนถูกสะกดมันทำหน้าที่กดรัวชัตเตอร์อย่างห้ามไม่อยู่ จนกระทั่งใบหน้าที่สวยราวกับเทพธิดาหันมาทางเขาเต็มตา มือที่กำลังกดถ่ายรูปอยู่ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย เพราะผู้หญิงที่กำลังยิ้มอย่างสดใสอยู่ตรงหน้า คือคนเดียวกันกับคนที่เพิ่งเดินจากไป พร้อมกับร่องรอยของความสุขที่เหลือเพียงความทรงจำ
วินาทีที่เจ้าขายิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง กองทัพก็ไม่รอช้าที่จะกดชัตเตอร์เก็บภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเธอเอาไว้ ก่อนที่เรือของเขาจะล่องผ่านเรือของสาวเจ้าไป โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มนั้นถูกใครบางคนบันทึกภาพเอาไว้ กองทัพมองเรือที่ล่องผ่านไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะหันกลับมามองด้านหน้าแล้วถ่ายภาพสองริมคลองอย่างมีความสุข
สนามบิน
“เดินทางปลอดภัยนะเพื่อน มีโอกาสก็กลับมาเยี่ยมฉันบ้าง ที่นี่ยินดีต้อนรับนายเสมอกองทัพ”
เควินอวยพรเพื่อนสนิทให้เดินทางปลอดภัย ด้วยใบหน้าที่ติดจะเศร้าเล็กน้อย เมื่อเพื่อนรักของเขาต้องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเมืองนอน กองทัพค่อย ๆ สวมกอดเพื่อนที่กอดตอบด้วยความเศร้าใจ
เราอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่เด็ก เควินเป็นเด็กกำพร้าที่กองทัพบังเอิญผ่านไปเจอและรู้สึกถูกชะตา จึงพากลับมาอยู่ด้วยที่คฤหาสน์ของปู่เรย์ ก่อเกิดเป็นความสนิทสนมของมิตรสหายวัยเยาว์จนถึงทุกวันนี้
ซึ่งปู่เรย์ก็ไม่ขัดข้อง ทั้งยังส่งเสียให้เควินเรียนหนังสือไปพร้อม ๆ กับเขา เพียงแต่เรียนคนละสายอาชีพเท่านั้น เพราะเควินชอบออกแบบ ส่วนกองทัพชอบทางด้านการแพทย์ ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้กลายเป็นหนุ่มวัย 27 ปี มันทำให้ทั้งคู่รักและผูกพันกันมาก
“อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ อย่าดื่มหนักจนลืมคิดถึงสุขภาพล่ะ ช่วงไหนที่ลาพักร้อนยาว สัญญาว่าจะบินกลับมาเยี่ยมนายทุกปีเพื่อนรัก”
กองทัพตบบ่าเควินเบา ๆ อย่างปลอบโยน พร้อมกับส่งยิ้มให้เพื่อนเป็นการตบท้าย ก่อนที่คุณหมอจะตัดใจหันหลังเดินจากไป โดยที่มีลูกน้องของบิดาเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ตามหลังมา เควินยืนส่งเพื่อนจนร่างสูงนั้นหายลับไปจากสายตา เขาจึงเดินออกมาจากสนามบินด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
หลังจากที่ขึ้นมาบนเครื่องเรียบร้อยแล้ว กองทัพก็เดินหาที่นั่งของตัวเองจนเจอจากการช่วยเหลือของแอร์โฮสเตสสาว ข้าง ๆ กันมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งเบา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ของที่อยู่ในมือของผู้หญิงคนนั้นดันตกลงมาบนพื้นตรงหน้า กองทัพจึงรีบก้มลงเก็บของสิ่งนั้น เพื่อวางคืนให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันที
แต่เมื่อคุณหมอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเตรียมคืนของให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขากลับต้องชะงักไป เมื่อพบว่าผู้หญิงคนนี้คือ เจ้าขา ส่วนหญิงสาวที่เพิ่งงัวเงียตื่นก็ตกใจไม่แพ้กัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างราวกับเห็นผี เพราะผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาเป็นคนอิตาลีและคงไม่มีวันได้พบกันอีก กลับกลายเป็นเพื่อนร่วมทางบนเครื่องบินลำนี้ ที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยเสียได้
คุณหมอหนุ่มยิ้มออกมาน้อย ๆ ราวกับถูกใจ เมื่อบังเอิญเจอคนที่เคยมีความสัมพันธ์กันทางกายอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาคงต้องขอเรียกมันว่า พรหมลิขิตแล้วแหละ ส่วนเจ้าขาเองก็กำลังทำหน้าราวกับจะร้องไห้
ให้ตายเถอะ ถ้ากลับไปที่เมืองไทยเขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าเธอเป็นดาราชื่อดัง ไหนจะความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์นั่นอีก นี่มันถึงคราวซวยของเธอหรืออย่างไรกันนะยัยเจ้าขา
“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ”กองทัพเอ่ยทักทายอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นยาดมที่หล่นเมื่อครู่คืนให้เธอ ซึ่งเจ้าขาก็รับมันไปแต่โดยดี ใบหน้าสวยฉายแวววิตกกังวลเล็กน้อย ด้วยไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ จะเจอกับผู้ชายที่ตัวเองมีความสัมพันธ์ด้วยแค่เพียงชั่วคืนบนเครื่องบินลำนี้ หลังจากนั่งฮึบอยู่นานเจ้าขาก็ตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับคนหล่อตรง ๆ เพื่อถามในสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่“นี่...คุณกำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทยใช่ไหมคะ”คุณนางเอกยิงคำถามใส่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้ทันที ในขณะที่กองทัพเลิกคิ้วน้อย ๆ กับคำถามนั้น และในวินาทีต่อมาใบหน้าหล่อเหลาก็เผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มที่ว่ามันช่างมีอานุภาพร้ายแรงเหลือเกินสำหรับหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอ สายตาว่าร้ายแล้วแต่รอยยิ้มกลับร้ายยิ่งกว่า ยิ้มแต่ละทีทำเอาเธอหายใจแทบไม่ทั่วท้องเลยแน่ะ“เปล่าครับ ผมเป็นคนไทย พอดีเพิ่งเรียนจบจากอิตาลี แล้วตอนนี้ก็กำลังเดินทางกลับบ้านเกิด”คราวซวยคงมาเยือนเธอจริง ๆ สินะ เจ้าขาลมแทบจับ รีบหมุนฝาเปิดยาดมแล้วจับยัดเข้าจมูกทันที โดยที่ไม่ได้นึกถึงภาพลักษณ์สาวงามล่มเมืองของตัวเองเลยสักนิด ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มขำออกมากับท่าทีนั้นทันที อะไรกัน
กองทัพเดินมาถึงทางออกของสนามบินก็ให้นึกแปลกใจ เมื่อเห็นคนหลายคนที่กำลังยืนถือกล้องพร้อมกับมองเข้าไปด้านในเกต ราวกับว่ากำลังรอการมาของใครอยู่ กองทัพเลิกให้ความสนใจกับคนเหล่านั้น แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดรอรับเขาอยู่ไม่ไกล แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ใครบางคนก็แทรกตัวเข้ามา แล้วรีบขึ้นไปนั่งด้านในทันที กองทัพได้แต่มองคนตัวเล็กที่ใส่หมวกสวมแว่นตาอย่างมิดชิดด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเธอกำลังขึ้นรถผิดอยู่หรือเปล่านะแต่คนบนรถกลับดึงมือกองทัพให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน พร้อมกับยื่นมือมาปิดประตูรถด้วยความรวดเร็ว โดยที่ตัวเธอแทบจะเกยมานั่งตักเขาอยู่แล้ว ความใกล้ชิดนั้นทำให้กองทัพเผลอสูดกลิ่นหอมอันคุ้นเคยจากกายสาวเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนที่เจ้าขาจะถอดหมวกและแว่นตาออก เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใส กองทัพถึงกับเลิกคิ้วมองนิด ๆ ด้วยความแปลกใจกับพฤติกรรมของเจ้าขา ที่จู่ ๆ ก็พรวดพราดมาขึ้นรถของเขา“ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งบอกว่า ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วนี่คือ...”“ตอนนี้ออกรถก่อนเลยค่ะ ไปเลยค่ะพี่ ซิ่งเลยค่ะซิ่งเลย”เจ้าขาไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม หากแต่เธอกลับตะโกนสั่งคนขับรถให้ออกรถ แต่รถกลับไม่ขยับตามคำสั
กองทัพเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ พลางคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข บ้านที่เขาจากไปนานหลายสิบปี กลับมาวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวเหมือนเช่นเคย น้องสาวของเขาโตขึ้นมาก ทั้งแสบและซนจนแม่นับถึงกับส่ายหน้าหนี ในขณะที่พ่อเก้าดูจะชอบใจกับความห้าวของพราวฟ้า ที่มีป้าแก้มใสเป็นต้นแบบความเฟียร์สส่วนคุณป้าสุดสวยของเขา กลับมาครั้งนี้ทำอาหารรสชาติกลมกล่อมถูกปากเขายิ่งนัก อีกทั้งบัวลอยไข่หวานที่ป้าแก้มลงมือทำเอง เพื่อต้อนรับการกลับมาของเขา ยังรสชาติดีมากอีกด้วย มิน่าล่ะสายตาของลุงวายุที่มองป้าแก้มถึงมีแต่ความภาคภูมิใจ หลายปีผ่านไปทุกคนต่างมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่รู้ว่าปีนี้จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเหมือนคนอื่น ๆ บ้างหรือเปล่า“ดึกแล้วทำไมลูกชายของพ่อเก้าถึงยังไม่นอน”เก้าทัพที่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ เดินออกมาหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน โดยที่บนโต๊ะมีแก้วนมที่ยังไม่พร่องเลยแม้แต่น้อยวางอยู่ ก่อนที่เก้าทัพจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับลูกชายที่หันมาส่งยิ้มน้อย ๆ ให้บิดา“ทัพยังปรับตัวกับเวลาไม่ได้น่ะครับ ตอนนี้เมืองไทยสี่ทุ่มกว่าแล้วก็จริ
ครืด ครืด ครืดอยู่ ๆ รถยนต์คันหรูที่กำลังโลดแล่นอยู่บนท้องถนนก็เกิดเสียงดังแปลก ๆ ขึ้น ก่อนที่รถจะกระตุกสองสามครั้งและดับไปในที่สุด เจ้าขากับเอมมี่ได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างงุนงงและสงสัยว่า ทำไมรถคันเก่งที่ใช้งานเป็นประจำและได้รับการดูแลรักษาอย่างดี วันนี้ถึงเกิดอาการงอแง แล้วมาดับอยู่กลางถนนแบบนี้“รถเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ”เอมมี่บ่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะเปิดประตูรถและลงไปสำรวจหาสาเหตุที่ทำให้รถเสีย เธอจัดการเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อตรวจดูว่าตรงไหนที่มีปัญหา ถึงเธอจะมีร่างกายที่เป็นบุรุษเพศ แต่เอมมี่กลับไร้ความรู้เรื่องเครื่องยนต์สิ้นดี ฝั่งคุณนางเอกที่นั่งรอในรถ จึงรีบเปิดประตูรถลงมาถามไถ่ด้วยความกังวลใจไม่แพ้กัน เพราะนี่ก็เหลือเวลาอีกเพียงชั่วโมงกว่าที่เธอต้องไปถึงยังสถานที่ถ่ายทำแล้ว“เป็นไงบ้างคะพี่เอมมี่”“ไม่น่าจะรอดอะเจ้าขา เดี๋ยวพี่เอมมี่ขอโทรหาศูนย์รถก่อนนะ หนูไปนั่งรอพี่ในรถเถอะ ข้างนอกแดดร้อนเดี๋ยวผิวจะเสียหมด”เอมมี่ไล่ดาราในสังกัดให้กลับเข้าไปนั่งในรถ แต่เจ้าขากลับไม่ยอมเข้าไปตามคำสั่งของเธอ ร่างบางในชุดเดรสสีหวานได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังพี่เอมมี่คุยกับศ
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในตัวอาคาร ตาคู่คมก็สอดส่องมองหาจุดที่น่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ ก่อนที่สองเท้าจะเดินไปเรื่อย ๆ โดยที่กองทัพไม่รู้ตัวเลยว่า รูปร่างและหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นขนาดไหน ขนาดผู้ชายด้วยกันยังเหลียวหลังมองจนคอแทบเคล็ด เพราะส่วนประกอบบนใบหน้าของเขาไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่โดดเด่นกองทัพเดินเข้ามาข้างในเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอกับบริเวณลานกว้าง ที่เต็มไปด้วยสตาฟกองถ่ายและกล้องตัวใหญ่ รวมถึงมีคนหลายคนที่อยู่ ณ บริเวณนั้น ลานกว้างถูกจัดตกแต่งใหม่มีพร็อพประกอบวางอยู่เรียงราย ส่วนคนที่เขาตามหาก็กำลังนั่งตัวตรงให้ช่างแต่งหน้าบรรจงปัดแก้ม พร้อมจัดแต่งทรงผมให้อย่างสวยงาม มุมปากหนาเผลอยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเจ้าขาที่แย้มยิ้มพูดคุยกับช่างแต่งหน้าด้วยความสดใสร่าเริง คุณหมอหนุ่มเดินไปนั่งลงที่มุมหนึ่ง เพื่อรอเวลาให้เจ้าขาทำงานเสร็จ แล้วเขาค่อยเดินเข้าไปขอเสื้อคืน เพราะถ้าเข้าไปตอนนี้คงเป็นการเสียมารยาทน่าดู“น้องเจ้าขาสวยมาก ๆ เลยค่ะลูกสาว”พี่แยมช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายชมเปาะไม่ขาดสาย เป็นช่างแต่งหน้าที่อยูในวงการนี้มานาน แต่เจ้าขาคือคนแรกที่ไม่ว่าจะแต่งหน้าโทนไหนก็สวยไม่
หลังจากที่เที่ยวเล่นพักผ่อนเป็นเวลากว่าสัปดาห์ วันนี้กองทัพก็ยอมเข้ามาที่โรงพยาบาล N เพื่อสัมภาษณ์งานกับอาจารย์หมอของแผนกศัลยกรรมเสียที โดยชื่อที่เขาใช้ในการสมัครเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของปู่คือ ไค แมคคินสัน เพราะเขาอยากให้ทุกคนรู้จักและยอมรับเขาที่ฝีมือ มากกว่าที่จะยอมรับและคอยเอาอกเอาใจเขาในฐานะหลานชายเจ้าของโรงพยาบาล N“เรียนจบที่อิตาลีเกียรตินิยมอับดับหนึ่ง ประสบการณ์ทำงานสามปี แต่ได้รับการยอมรับจากทางโรงพยาบาลเดิมให้เป็นหมอมือหนึ่งของแผนกศัลยกรรม อืม ประวัติดีมากทีเดียว”อาจารย์หมออินทัช แพทย์อาวุโสประจำโรงพยาบาล N ได้รับหน้าที่ให้มาสัมภาษณ์นายแพทย์รุ่นลูก ที่อิมพอร์ตมาจากต่างประเทศและเลือกที่จะมาร่วมงานกับทางโรงพยาบาล N ซึ่งหลังจากที่อ่านประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าโรงพยาบาล N จะมีนายแพทย์ฝีมือดีเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน“ทำไมถึงเลือกกลับมาทำงานที่เมืองไทยล่ะครับ ทั้ง ๆ ที่รายได้จากโรงพยาบาลเดิมแตกต่างจากที่นี่ค่อนข้างเยอะพอสมควร”อาจารย์หมอถามเด็กหนุ่มที่นั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะที่กองทัพไม่หยุดคิดแม้แต่วินาทีเดียว ในการคิดหาคำตอบของคำถามนี้ เพราะคำตอบ
“พี่ทัพขา”เสียงเรียกที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลทำเอากองทัพที่เพิ่งออกเวรหยุดชะงักอยู่กับที่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง พร้อมกับมองสาวสวยที่วิ่งอ้าแขนกว้างตรงมาที่เขาจนกระทั่งหมับ“พี่ทัพของน้อง คิดถึงจังเลย ฮือ ๆ”ไทน์นี่กอดพี่ทัพของตัวเองด้วยความคิดถึง ในขณะที่กองทัพได้แต่ยืนอึ้งให้หญิงสาวกอดโดยไร้การปัดป้อง น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นหูแต่หน้าตาทำไมช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยส่วนไทน์นี่เมื่อไร้การตอบสนองจากพี่กองทัพ ใบหน้าสวยที่มีหยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนด้วยความคิดถึงคนที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ ก็เงยหน้าขึ้นมองกองทัพ ที่ก้มหน้ามองเธอด้วยสายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้จักเธอ“อะไรกันเนี่ย อย่าบอกนะคะว่าพี่ทัพจำไทน์นี่ไม่ได้”ไทน์นี่ถามอีกฝ่ายอย่างงอน ๆ ใบหน้าสวยที่เปื้อนด้วยหยาดน้ำตาบึนปากอย่างงอแง ก่อนที่กองทัพจะมีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย เพราะไทน์นี่ในอดีตกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนเขาจำไม่ได้จริง ๆ“ก็เล่นสวยกว่าพราวขนาดนี้พี่ทัพจะจำได้ไงล่ะ”พราวฟ้าที่เดินตามหลังมาแซวไทน์นี่ยิ้ม ๆ ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มออกมาน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดูไทน์นี่ ที่ตอนนี้กลายเป็น
“พราวโต๊ะข้าง ๆ นั่นใช่คุณเจ้าขาปะ”ไทน์นี่ที่เหลือบมาเห็นดาราสาวในดวงใจ ก็รีบยื่นหน้าไปกระซิบถามพราวฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที ได้ยินแบบนั้นพราวฟ้าจึงแสร้งทำเป็นหันไปมองทางอื่น แต่สายตากลับชำเลืองแอบมองดาราสาวสวยชื่อดัง ที่เธอชื่นชอบและติดตามอินสตาแกรมอยู่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจ มือบางยื่นมาจิกเล็บลงบนมือของเพื่อนจนคนข้าง ๆ ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ“พราวเบา ๆ หน่อยไทน์นี่เจ็บนะ”ไทน์นี่กระซิบบอกเพื่อนเสียงเบาด้วยความเจ็บ ก่อนที่พราวฟ้าจะสะดุ้งน้อย ๆ แล้วรีบปล่อยมือบางอย่างรู้สึกผิด แต่ดวงตากลมโตยังแอบเหล่มองโต๊ะข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง นั่นทำให้เจ้าขาที่กำลังทานอาหารอยู่ ค่อย ๆ หันมามองด้านข้าง เมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังมีคนแอบมองอยู่ แล้วก็พบเข้ากับสาวสวยโต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความดีใจ เจ้าขาก้มหัวทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่ถือตัว สองสาววัยใสยิ่งยิ้มปลื้มที่ดาราสาวไม่เย่อหยิ่งอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน“น้องพราวชอบคุณเจ้าขาเหรอคะ”กองทัพที่เห็นน้องสาวจ้องเจ้าขาไม่วางตา เอ่ยถามด้วยความสนใจใคร่รู้ พราวฟ้าที่เขินอายอยู่รีบดึงสายตากลับมาสบตา
ที่รักค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องนอนของสามีโดยที่มีชมพู่เด็กรับใช้คอยช่วยพยุง ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียงใหญ่ที่มีร่างที่ไร้ลมหายใจของคู่ชีวิตนอนอยู่ มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือของสามีขึ้นมาแนบแก้ม ก่อนที่หยดน้ำตาจะหลั่งรินกระทบฝ่ามือใหญ่ที่เคยตอบรับสัมผัสกัน แต่บัดนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว“หลับให้สบายนะคะพี่หมอของที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ๆ หลาน ๆ แล้วนะ ที่รักสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีให้เหมือนตอนที่พี่หมอยังอยู่”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย หัวใจที่เคยมีความสุขก่อนหน้านี้กลับเศร้าหมอง ทั้ง ๆ ที่ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะสามีของเธอนั้นบอกกับเธอเสมอว่า เขาอายุมากแล้วและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอให้เธอเข้มแข็งและทำใจให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอไม่อยากให้เดินทางมาถึง กลับมาถึงเร็วกว่าที่คิดมันเลยทำให้เธอนั้นทำใจยากเหลือเกิน“หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสองคนได้เกิดมาคู่กันและเป็นสามีภรรยากันแบบนี้ตลอดไป แต่ชาติหน้าอย่าทำให้ที่รักเสียใจอีกนะคะ ชาตินี้ที่รักรักพี่หมอก่อน ชาติหน้าขอให้พี่หมอรักที่รักก่อนนะคะ ที่รักสัญญาว่าจะรักพี่
วันหยุดสุดสัปดาห์คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก“กราบครับคุณทวด”น้องเกรย์กับน้องกรรฐ์ประนมมือขึ้นก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของคุณทวดที่รัก ที่ยกมือขึ้นลูบหัวของเหลนชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนที่เหลนทั้งสองคนจะเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คุณทวดเมื่อท่านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต“พี่ขวัญล่ะครับ ทำไมถึงไม่มากับพวกเราด้วย”ที่รักถามเหลนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานเช่นเคย ก่อนที่น้องเกรย์จะหยิบตะกร้าที่บรรจุด้วยขนมหวานขึ้นมาวางเอาไว้บนตักและตอบคำถามของคุณทวดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“พ่อทัพพาพี่ขวัญไปส่งที่บ้านย่าแก้มครับ คุณย่าโทรมาหาตั้งแต่เช้า บอกว่าคิดถึงพี่ขวัญมากไม่มีเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอก พ่อทัพก็เลยพาพี่ขวัญไปหาคุณย่าครับ ส่วนพวกเราสองคนวันนี้ตั้งใจมาหาคุณทวดครับ นี่ครับคุณทวด ขนมที่พ่อทัพกับพี่ขวัญตื่นมาช่วยกันทำตั้งแต่เช้า กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้แฝดนำมาให้ทวดชิม พ่อทัพบอกว่าคุณทวดชอบกินขนมเทียนแก้วมาก ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบทำให้พ่อทัพกินบ่อย ๆ”น้องเกรย์ตอบคำถามคุณทวดจบก็หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและแกะออกจากห่อใบตองที่ห่ออย่างประณีตสวยงาม ก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของคุณทวดที่อ้
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ของขวัญที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่กำลังวิ่งดุกดิกเข้ามาหาเธอก็คือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่นเอง“ดึกแล้วทำไมยังไม่พากันนอนอีกครับ พี่เกรย์น้องกรรฐ์”ของขวัญถามน้องชายทั้งสองคนที่กำลังกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของเธอคนละฝั่ง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่เกรย์จะตบหมอนของพี่สาวเบา ๆ ของขวัญก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องชายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข“พี่เกรย์ชวนน้องกรรฐ์มานอนเป็นเพื่อนพี่ขวัญครับ”คำตอบของน้องชายคนเล็กทำเอาของขวัญถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่เธอขึ้นชั้นมัธยม สองแฝดก็ไม่เคยมานอนกับเธออีกเลย ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเขินเธอหรือเปล่า ทั้งคู่ถึงไม่ยอมมานอนด้วยกันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ“เกรย์ไม่อยากให้พี่ขวัญต้องนอนเหงาคนเดียวครับ อย่างน้อย ๆ มีน้องกรรฐ์กับเกรย์มานอนด้วยคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี”ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากน้องชายคนโต ทำเอาของขวัญถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจกับค
5 ปีผ่านไปห้องเรียน“โอเคค่ะทุกคน วันนี้คุณครูก็ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งคุณครูด้วยนะคะ ใครช้าได้ออกมาแก้โจทย์ให้เพื่อน ๆ ดูแน่ ๆ”เมื่อคุณครูสาวกล่าวจบและเก็บของออกจากห้องเรียนไปแล้วพี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็รีบเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะเรียนทันที ก่อนที่สองพี่น้องจะหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องเรียนเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารแต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เด็กหญิงน้ำหวานกับเด็กหญิงลูกพีช เพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบสองแฝดก็รีบวิ่งมายืนดักหน้าทั้งสองหนุ่มทันที ทำเอาสองพี่น้องรีบกระโดดถอยหลัง ราวกับว่าสองสาวตรงหน้า คือตัวเชื้อโรคที่ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ใกล้อย่างไรอย่างนั้น“เกรย์ กรรฐ์วันนี้ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”น้ำหวานเอ่ยปากชวนสองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แต่สองแฝดกลับส่ายหน้าไปมาพร้อม ๆ กันราวกับนัดหมาย ทำเอารอยยิ้มของเด็กหญิงน้ำหวานค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยสิบขวบ เมื่อเพื่อนชายที่เธอแอบชอบมาตลอดปฏิเสธที่จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน“แต่พวกเราสองคนชวนกรรฐ์กับเกรย์ท
โรงพยาบาล Nวันหยุดสุดสัปดาห์กองทัพจูงมือลูกชายทั้งสองคนมาตามทางเดินของโรงพยาบาลของครอบครัว เนื่องจากวันนี้เขากับเจ้าขาต้องออกงานสังคม จึงพาลูกชายทั้งสองคนมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาล เพราะพอถึงวันหยุดทีไรพี่เกรย์มักจะชอบมาขลุกอยู่ที่นี่ เพื่อดูคุณทวดทำงานและนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่เสมอ ส่วนน้องกรรฐ์ส่วนใหญ่แล้วจะชอบไปเล่นกับคุณปู่คุณย่า แต่วันนี้น้องชายฝาแฝดกลับอยากมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาลกับพี่ชายมากกว่าที่จะไปเล่นกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านใหญ่“’งื้อ เลือดเต็มเลยอะ พี่เกรย์น้องกรรฐ์กลัว”แฝดน้องยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายที่เดินจูงมือกันมาด้วยความกลัว เพราะเด็กชายตัวน้อยนั้นไม่ชอบเลือดเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหกล้มจนได้เลือด เจ้าคนเล็กของบ้านก็จะไม่ยอมมองแผลของตนเองเลย ในขณะที่แฝดพี่ยกมือขึ้นกอดน้องชายเอาไว้หลวม ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ้มออกมาน้อย ๆ กับความรักของสองพี่น้อง ที่พี่เกรย์นั้นมักจะเป็นที่พึ่งพิงให้น้องชายเสมอ“ไม่เห็นน่ากลัวเลยน้องกรรฐ์ มันก็แค่เลือดเอง”เกรย์บอกน้องชายเมื่อรถเข็นเตียงพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่น้องกรรฐ์จะค่อย ๆ หันหน้ากลับมาแล้วส่งยิ้มแหย ๆ ให้บิดาที่กำลัง
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จากเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเติบโตขึ้นเป็นเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบที่บุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่พี่เกรย์นั้นนิ่งมากขึ้นไม่ซุกซน เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในขณะที่น้องกรรฐ์นั้นดื้อและซนจนกองทัพกับเจ้าขาถึงกับกุมขมับแทบจะทุกวัน“อะ เราให้”เด็กชายกรรฐ์ยื่นอมยิ้มรสโปรดให้กับชมพูเพื่อนสาวต่างห้องที่น้องกรรฐ์แอบปลื้มอยู่ในระหว่างที่รอบิดากับมารดามารับหลังเลิกเรียน ชมพูมองอมยิ้มของเพื่อนต่างห้องที่ยื่นมาให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่สาวน้อยมองว่าน่ารักมาก ก่อนที่ชมพูจะยื่นมือไปหยิบอมยิ้มมาจากมือของกรรฐ์“ขอบใจนะ”เด็กหญิงชมพูเอ่ยขอบคุณเพื่อนต่างห้องก่อนที่เด็กน้อยจะเปิดกระเป๋านักเรียนและเก็บอมยิ้มเอาไว้ในนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนต่างห้องอีกครั้ง “ถ้าชมพูชอบกรรฐ์จะเอามาฝากทุกวันเลย”เด็กชายกรรฐ์บอกเพื่อนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มือเล็กของ ๆ พี่เกรย์จะบิดเข้าที่หูของน้องชายทำเอาน้องกรรฐ์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ เพราะแรงบิดของพี่ชายนั้นไม่ใช่เบา ๆ เลยสักนิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันที่น้องกรรฐ์หนีพี่ชายมาเต๊าะสาว ๆ ในระหว่างที
หลังกลับมาจากท่องเที่ยวสองแฝดที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยก็พากันนั่งเล่นของเล่นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ทำเอากองทัพที่วางแผนจะแอบแซ่บกับเมียจ๋าต้องหันไปมองลูกชายด้วยสายตาตัดพ้อ ส่วนน้องกรรฐ์กับพี่เกรย์ที่ไม่รู้เท่าทันแผนของบิดาได้แต่หันมายิ้มร่าให้กับกองทัพอย่างไร้เดียงสา“ไม่ต้องมายิ้มให้พ่อเลยนะเจ้าแฝด นี่ก็สี่ทุ่มแล้วทำไมตาใสแจ๋วแบบนี้ ง่วงบ้างไหมลูก ง่วงหน่อยนะ ง่วงสักนิดก็ยังดีลูกจ๋า ไปนอนกันดีไหมเดี๋ยวพ่อร้องเพลงกล่อมนอน”กองทัพถามลูกชายที่มองหน้าบิดาพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดากำลังพูดกับตนเอง ก่อนที่เด็กชายทั้งสองคนจะเมินพ่อและหันกลับไปนั่งเล่นของเล่นกันต่อทำเอาคุณพ่อได้แต่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ที่สองแฝดไม่ยอมง่วงนอนสักทีจันทร์กนกที่เดินลงบันไดมามองลูกเขยด้วยความเห็นใจ ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้ลูกเขยน่าจะอยากใช้เวลากับลูกสาวของเธอสองต่อสองสินะ คิดได้ดังนั้นสองเท้าก็ไม่รอช้าที่จะเดินลงมาหาหลานชายทั้งสองที่พากันเล่นของเล่นอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงเลยแม้แต่น้อย พลังเยอะเหลือเกินนะหลานยาย“ทัพไปนอนเถอะลูก เดี๋ยววันนี้สองแฝดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เองอยู่กับยายเจ้าแ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากหนึ่งวันสู่หนึ่งเดือนและหนึ่งเดือนเดินทางมาจนครบหนึ่งปี พี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ต่างได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากกองทัพและเจ้าขา รวมไปถึงเด็กหญิงของขวัญที่รักและเอ็นดูน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนมากระหว่างทางของการเติบโตจากวัยทารกก้าวไปสู่วัยหนึ่งขวบ เด็กชายฝาแฝดทั้งสองคนต่างได้รับความรักจากคุณทวดทั้งสองคนที่หลงรักหลานชายที่ขี้อ้อนจนหมดใจ หากแต่เมื่อไหร่ที่แฝดอยู่กับย่าแก้มแล้วนั้น เด็กชายทั้งสองคนเป็นต้องหาเรื่องงอแงใส่ผู้เป็นย่าจนแก้มใสถึงกับกุมขมับทุกครั้งที่แวะมาหาหลานรักทั้งสองคน พร้อมกับตบท้ายด้วยการงอนหลานกลับบ้านทุกครั้งอยู่ร่ำไปเมื่อเด็ก ๆ เติบโตพอที่จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว กองทัพกับเจ้าขาก็พาลูกชายทั้งสองคนกับลูกสาวคนโตบินมาเที่ยวที่ประเทศอิตาลีอีกครั้ง และถือโอกาสแวะมาเยี่ยมคุณยายจันทร์กนกที่ตอนนี้มีคนรู้ใจไม่ต้องอยู่คนเดียวอย่างเหงา ๆ อีกต่อไป “น้องกรรฐ์ครับมาใส่เสื้อผ้าก่อนเร็ว”กองทัพร้องเรียกลูกชายตัวน้อยที่วิ่งเล่นไปทั่วห้องด้วยความเหนื่อยใจ เพราะกว่าที่เขาจะจับสองแฝดอาบน้ำได้ก็แทบหมดแรงเพราะลูกชายทั้งสองคนของเขานั้นซนมาก ถ้าเทียบกับ
เมื่อลิ้นเล็ก ๆ เลียไปตามรอบฐานท่อนเอ็นใหญ่กองทัพก็อดไม่ได้ที่จะขยำผ้าปูที่นอนจนมันยับยู่ยี่ไปหมดด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่เจ้าขาจะอ้าปากครอบครองความใหญ่โตที่เกินมาตรฐานชายไทยจนเกือบสุดความยาวพร้อมกับดูดเลียเล่นลิ้นเพื่อต้องการปรนเปรอสามีให้มีความสุข“อ๊า ที่รักจ๋าพี่ทัพเสียว อูย ตะ ตรงนั้น อ๊า”กองทัพร้องครางเสียงสั่นเมื่อเจ้าขาแกล้งเขาด้วยการเลียวนไปวนมาตรงส่วนหัวเห็ดจุดอ่อนไหวของผู้ชายที่กองทัพไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตอนนี้เขาเสียวจนแทบเสร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามกลั้นเอาไว้สุดฤทธิ์เพราะนี่ก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ“อืม เมียจ๋าดีเหลือเกิน”กองทัพยังคงร้องครางเสียงเบา ๆ ด้วยความเสียวก่อนที่เจ้าขาจะรัวลิ้นใส่ส่วนหัวเห็ดที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานให้อย่างไม่นึกรังเกียจ เวลาผ่านไปสักพักสุดท้ายกองทัพก็ไม่สามารถต้านทานลิ้นเล็ก ๆ ที่แตะไปตรงไหนก็เสียวตรงนั้นได้อีกต่อไป“อ๊า ที่รักจ๋าพี่ทัพไม่ไหวแล้ว ลิ้นหนูดีเหลือเกิน”จบประโยคกองทัพก็ร้องขึ้นเสียงดังอย่างสุขสมก่อนที่เขาจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำรักใส่ปากของภรรยาจนมันไหลเยิ้มลงมาที่ขอบปาก ก่อนที่กองทัพจะลุกขึ้นนั่งและยื่นมือไป