“แกท่าจะบ้านะยัยเพลย์” ใครที่ไหนจะบ้าเท่าฉันที่รอคำสัญญาที่ตัวเองเป็นคนพูดเองเออเองอยู่คนเดียวจนตอนนี้มันผ่านมาถึง 17 ปีแล้ว
ฉันคือใครน่ะเหรอ ฉันชื่อ เพลย์เยอร์ นางสาวพิณณิการ์ สวัสดิ์รุ่งโรจน์
ลูกสาวคนเดียวของท่านทูต เศกอนันต์ สวัสดิ์รุ่งโรจน์ ผู้ร่ำรวยอันดับสามของประเทศนี้
ก๊อก ก๊อก ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนฉันก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียง แกร๊ก เปิดประตูเข้ามาของผู้มาเยือน
“คุณหนูตื่นแล้วเหรอคะ” ป้าหวานแม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลฉัน
ผู้ที่เปรียบเสมือนแม่อีกคนของฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจนิดหน่อยที่เห็นฉันนั่งอยู่แบบนี้
“แหม! ป้าหวานก็ การเห็นเพลย์ตื่นเช้าแบบนี้ทำให้ป้าถึงกับตกใจเลยเหรอคะ” ฉันแกล้งพูดแหย่ป้าหวาน พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ท่าน
ที่ป้าหวานท่านดูตกใจเพราะปกติฉันเป็นคนตื่นสายน่ะ ถ้าไม่เก้าโมงเช้าฉันไม่มีทางแหกขี้ตาตื่นแน่นอน ยกเว้นวันไหนเรียนเช้าและก็เป็นวิชาที่สำคัญ
“ก็นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเองนี่ค่ะ ไม่ให้ป้าตกใจไหวเหรอ” ฉันนั่งอมยิ้มขำให้กับป้าหวาน หญิงวัยห้าสิบปลายๆ
“แล้วป้ามาหาเพลย์แต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” การที่ป้าหวานบุกห้องฉันแต่เช้าตรู่แบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน
“คุณท่านให้มาปลุกคุณหนูน่ะค่ะ เห็นบอกวันนี้จะพาคุณหนูไปเข้าเรียนที่มหาลัยเปิดแห่งใหม่” เห็นมั้ยบอกแล้วว่าการมาเยือนแต่เช้าตรู่แบบนี้ต้องมีเรื่องอะไร
อีกแล้วเหรอ? ทำไมป๊าถึงชอบย้ายที่เรียนให้ฉันบ่อยนักนะ นี่ฉันย้ายที่เรียนมาสามที่ภายในเวลาสามเดือนแล้วเหอะ!
“น่าเบื่อชะมัด! ทำไมป๊าต้องคอยเปลี่ยนที่เรียนให้เพลย์บ่อยๆ แบบนี้ด้วยคะ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เพลย์จะเรียนจบกับเขาสักที” ฉันนั่งทำหน้าง้ำหน้างอ เมื่อรับรู้ถึงชะตากรรมตัวเองต่อจากนี้
การเปลี่ยนที่เรียนบ่อยๆ ไม่เป็นผลดีหรอกนะ ไหนจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่เรียน กฎระเบียบต่างๆ ของแต่ละที่เหมือนกันที่ไหนล่ะ ไหนจะต้องหาเพื่อนใหม่ ต้องตามเก็บผลการเรียนให้ทันคนอื่นเขา โอ๊ย! แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
“คุณหนูดรอปเรียนมาหนึ่งปีแล้วนะคะ คุณท่านคงอยากให้คุณหนูได้เรียนในสถานที่ดีๆ มีเพื่อนดีๆ ก็อาจเป็นได้ค่ะ” ฉันนั่งคิดตามสิ่งที่ป้าหวานพูด
มันก็จริงนะ ฉันดรอปเรียนมาหนึ่งปีเต็ม บางทีที่ป๊าพยายามเปลี่ยนที่เรียนให้ฉันบ่อยๆ เพราะที่ผ่านมาคงไม่ตอบโจทย์กับเด็กซิ่วอย่างฉันล่ะมั้ง
หลังจากที่ป้าหวานบอกธุระของตัวเองเสร็จ ท่านก็ออกจากห้องฉันไปทำงานท่านต่อ ฉันเลยคว้าผ้าคลุมอาบน้ำ เข้าไปล้างหน้าล้างตา อาบน้ำชำระล้างร่างกายเพิ่มความสดชื่น ให้ร่างกายตื่นตัว
“กว่าจะเสด็จนะคะ คนสวยของป๊า” ทันทีที่เท้าเรียวยาวของฉันเหยียบย่างเข้ามาภายในห้องทานอาหาร ป๊าก็ทักฉันเชิงแขวะน้อยๆ
“คุณก็... เฮ้อ!” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนแต่หน้าตายังเยาวัยที่นั่งข้างป๊าฉันพูดแบบเอือมๆ ให้กับผู้เป็นสามี
“แม่เล็กต้องจัดการป๊าให้เพลย์นะคะ ทำไมป๊าถึงชอบบงการเรื่องที่เรียนเพลย์นักก็ไม่รู้” ฉันทำปากยู่ เบ้ปากทำหน้าจะร้องไห้เรียกร้องความสงสารจากแม่เล็ก
ผู้ที่เป็นแม่อีกคนของฉัน แต่ท่านไม่ได้เป็นคนคลอดฉันหรอกนะ เพราะแม่แท้ๆ ที่ให้กำเนิดฉันป่วยแล้วเสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น
ป๊าเลยจ้างพยาบาลพิเศษ นั่นก็คือแม่เล็กให้เลี้ยงฉันตั้งแต่นั้นมา และเริ่มปิ๊งปั๊งกันตอนไหนฉันก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ฉันไม่เคยรังเกียจแม่เล็กเลยนะ ท่านดีกับฉันมาก ทำเหมือนกับฉันเป็นลูกแท้ๆ ของท่านเลยล่ะ
อีกอย่าง ที่ฉันเรียกแม่เล็ก ท่านไม่ได้ชื่อ เล็ก หรอกนะ ท่านน่ะชื่อ พิณพา
แต่ท่านบอกว่าไม่อยากให้ฉันลืมแม่บังเกิดเกล้าตัวเอง เลยไม่อยากให้ฉันเรียกท่านว่าแม่เฉยๆ ท่านให้เกียรติคุณแม่ฉันเป็นแม่ใหญ่ แล้วให้ฉันเรียกท่านว่าแม่เล็กแทน
“อ้าว! ป๊าก็อยากให้หนูเจอที่เรียนดีๆ ไง” ป๊าบอกถึงเหตุผลที่ฉันฟังมานับครั้งไม่ถ้วนให้ฉันฟัง
“ป๊าก็บอกแบบนี้มากี่ครั้งแล้วคะ หวังว่าที่ใหม่จะเป็นที่สุดท้ายสำหรับเพลย์ที่ต้องย้ายแล้วนะ ไม่งั้นเพลย์จะไม่รงไม่เรียนมันแล้ว!” ฉันกอดอกทำหน้าเบ้ใส่ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ทำเอาแม่เล็กที่นั่งข้างๆ ฉัน ตีแขนฉันเบาๆ พร้อมกับส่งสายตาดุๆ เป็นเชิงค้อนว่า ‘ทำนิสัยแบบนี้กับคุณพ่อไม่ดีเลยนะคะ’ อะไรทำนองนั้น
“ป๊ารับรอง ที่นี่จะเป็นที่สุดท้าย และน้องเพลย์ต้องชอบมันที่สุด ฮ่าๆ”
ดูเหมือนที่เรียนใหม่ของฉันจะแลดูถูกอกถูกใจป๊ามากเลยสินะ ดูสิ! หัวเราะลั่นโต๊ะทานข้าว พร้อมกับทำตัวตรงยืดอกภูมิใจว่าในที่สุดก็หาที่เรียนที่ตอบโจทย์ชีวิตยัยเพลย์เยอร์คนนี้ได้แล้วงั้นล่ะ
พวกเราใช้เวลารับประทานอาหารเช้ากันค่อนข้างนานนิดหน่อย เพราะว่ามัวแต่เถียงกันเรื่องที่เรียนใหม่ฉันตลอดเวลาของการทานข้าว และก็เหมือนเดิม...คนที่ห้ามทัพของเราสองพ่อลูกก็คือแม่เล็ก ผู้มีนิสัยสุขุมและมีเหตุผลที่สุดที่ป๊าฉันยังไม่กล้าขัด“เบื่อจัง! โทรบอกเรื่องเปลี่ยนที่เรียนให้ยัยยีนส์รู้สักหน่อยดีกว่า” หลังจากที่นั่งอุดอู้อยู่ในห้องตัวเองมานานสองนาน ฉันเลยนึกถึงเพื่อนรัก เพื่อนสนิทในมหาลัยเก่าอย่างยัยยีนส์ขึ้นมาถ้าฉันไม่บอกมันก่อนล่วงหน้าว่าฉันต้องลาออกจากที่นั่นเพื่อไปเรียนที่ใหม่มีหวังยัยนี่ได้โกรธฉันไปสามชาติแน่ๆก็ฉันมีเพื่อนสนิทกับเขาแค่คนเดียวนี่เนอะ คนอื่นๆ ที่เข้ามาหาฉันก็เพราะว่าฉันรวยกันทั้งนั้น ยกเว้น! ยัยยีนส์ เพราะนางทั้งสวยและรวยเท่าๆ กับฉันตู๊ด~ ฉันที่นั่งต่อสายหาเพื่อนสนิทอยู่ไม่ถึงสิบวินาทีปลายสายก็กดรับพร้อมกับคำทักทายที่ฉันไม่คิดว่ายัยนี่ก็รู้แล้วเหมือนกัน[ฉันเก็บของอยู่ ป๊าแกนี่จะรีบย้ายที่เรียนเร็วไปไหนห๊ะยัยเพลย์]ได้ไงอะ!? นี่ป๊าบอกยัยยีนส์เรื่องย้ายที่เรียนก่อนแล้วเหรอ แล้วที่หล่อนบอกว่าเก็บกระเป๋าอยู่คืออะไร?“แกเก็บกระเป๋าทำไม แล้วทำไมป๊าถึงต้องบอกแกเรื่องนี้
“กว้างชะมัด เล่นเอาขาล้าไปหมดเลย”หลังจากที่กิจกรรมทัวร์มหาลัย RNN ครบทุกซอกทุกมุม พวกเราสองคนก็นั่งรถลีมูซีนของป๊าคันเดิมมาที่คอนโดที่ป๊าซื้อไว้ให้ฉันกับยัยยีนส์พักตอนเรียนอยู่ที่นี่ แล้วท่านก็รีบกลับบ้านเพื่อที่จะไปทำงานต่อ“นั่นน่ะสิ แล้วนี่เมื่อไหร่คนที่บ้านฉันจะเอา นินจา ลูกรักฉันมาส่งสักทีเนี่ย”ฉันรีบหันขวับไปมองหน้ายัยยีนส์ทันที ที่ได้ยินเธอพูดถึงลูกรักของเธอ“นี่แกอย่าบอกนะจะขับไอ้มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ยักษ์นั่นไปเรียนน่ะ”ฉันรีบถามยัยยีนส์ออกไปแทบเสียงดังลั่น เคยบอกยัยนี่ไปหลายครั้งแล้วว่าผู้หญิงตัวเล็กจิ้ดเดียวแบบเธอไม่เหมาะที่จะขับไอ้รถมอเตอร์ไซค์คันบักเอ๊กแบบนั้นหรอก เกิดวันดีคืนดีมันเกิดพาแหกโค้งขึ้นมาจะทำยังไงเอ่อ... คือฉันไม่ได้แช่งเพื่อนรักนะ แต่ที่พูดเพราะเป็นห่วงต่างหาก“นี่! อย่าเรียกนินจาลูกรักฉันแบบนั้นสิ” “นั่นน่ะ Kawasaki ZX10R คันโปรดฉันเลยนะเว้ย!”ไม่ไหวจะเคลียร์กับเพื่อนคนนี้ คนอะไรชอบผาดโผนเสียจริงๆ เจ็บตัวเพราะไอ้นินจาลูกรักคันนั้นมาเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ไปดูดำดูดีเลยคอยดูเหอะ“นี่แหนะๆ”“โอ๊ย! ทำอะไรของแกเนี่ย เจ็บนะ” อยู่ๆ ยัยยีนส์ก็เล่นอะไรไม่รู้ผลักหัวฉันตั้
หลังจากที่จัดเตรียมเอกสารการเรียนเสร็จ พวกเราก็ลงมาจากชั้นเจ็ด ตรงมาที่ลานจอดรถของคอนโด ซึ่งอยู่ชั้นล่างสุด สองเท้าฉันแข็งทื่อแบบอัตโนมัติ เมื่อสายตามองเห็นสิ่งที่จอดอยู่ตรงหน้าอึก~ ฉันยืนกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ มองเจ้านินจาลูกรักยัยยีนส์คันสีเขียวใบตองที่สงสัยคนที่บ้านเธอคงจะเพิ่งเอามาให้เมื่อเช้า“แกจะให้ฉันซ้อนแมงกะไซค์คันยักษ์นี่จริงเหรอ” ฉันว่าพร้อมกับชี้นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปยังเจ้ามอเตอร์ไซค์คันเขื่องลูกรักของยีนส์“ตามใจแกนะ จะเดินไป หรือจะไปเรียกแท็กซี่เองก็แล้วแต่”ชิ! ช่างประชดประชัน รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่กล้าเรียกใช้บริการแท็กซี่ เพราะเคยไม่ประทับใจกับการบริการที่สุดแสนจะสร้างความร้าวฉานให้กับใบหน้างามๆ ของฉันด้วยการที่‘อีหนู... เดี๋ยวลุงจอดข้างหน้านะ’‘อ้าว! ทำไมล่ะคะ ยังไม่ถึงที่หมายเลย’‘พอดี... เอ่อ ลุงไม่ชอบกลิ่นทุเรียนน่ะ ในถุงนั่นคือทุเรียนใช่มั้ย’ปรี้ดแตกมั้ยถามใจฉันดู! แค่ฉันซื้อทุเรียนแล้วนั่งแท็กซี่ แล้วดันไปเรียกใช้บริการคันที่ไม่ถูกกับทุเรียน แล้วลุงแกก็อันเชิญฉันลงจากรถแกทันที แล้วดันจอดให้ฉันในที่ๆ ฉันต้องรอคันต่อไปถึงชั่วโมงเต็มๆพูดแล้วของขึ้น! หลังจากนั้นฉันเลย
“โอ๊ย! แทงเบาๆ สิวะ”หืม!? เท้าฉันหยุดกึกโดยอัตโนมัติ พร้อมกับเงี่ยหูฟังบทสนทนาต่อไปแบบมีมารยาทที่สุด“ไอ้ห่า! แทงทีละนิดมันจะไปเสร็จอะไร เนี่ยแบบนี้แหละดีแล้ว” “แทงครั้งเดียวมิดเลย เจ็บ แสบดีมั้ยล่ะ ฮ่าๆ”เฮ้ย! บทสนทนาของสองคนในห้องน้ำทำไมมันทะแม่งๆ แบบนี้นะ แถมเสียงที่คุยกันดันเป็นเสียงผู้ชายไม่ได้การๆ เข้าใจนะว่าสังคมสมัยนี้มันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เรื่องรักเพศเดียวกันอะไรพวกนี้มันเหมือนเรื่องธรรมชาติเข้าทุกวันแต่นี่!! มันสถานศึกษา แถมยังอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้อีก“ไอ้พวกทุเรส ไม่รู้จักกาลเทศะ ได้!! เดี๋ยวแม่เพลย์สุดสวยจะสั่งสอนเอง” พูดเสร็จก็หน้าด้าน ไม่สนอะไรแล้วในนาทีนี้ เปิดประตูห้องน้ำชายเข้าไป โป๊ก!!“เหี้ยตัวไหนขว้างมาวะ!”เหี้ยตัวนี้ล่ะ แถมสวยด้วย ฉันคิดในใจ ยืนกอดอกมองดูผลงานการปาขวดโค้กที่มันเคยอยู่ในกระเป๋าสะพายของตัวเองแต่ตอนนี้มันลอยระริ้วและดันแม่น ตรงเข้ากลางกระบานของไอ้ผู้ชายหัวขาวที่ยืนหันหลังให้ฉันอยู่ แล้วดูสิ ท่าทางอุบาจ บัดสีบัดเถลิงนั่นมันอะไรฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ติดกับอ่างล้างหน้าแถมยังหันหลังให้ไอ้หัวขาวนี่อีก แต่ฉันมองไม่เห็นหน้าเขาหรอกนะ เพราะมีร่างห
@หน้าตึกคณะศิลป์ - เอกออกแบบ“กว่าจะเสด็จมาได้นะ ไอ้ลูกเจ้าของมหาลัย” ผมยังก้าวขาไม่ถึงโต๊ะที่มีมนุษย์หน้าหล่อสามตัวนั่งอยู่ ไอ้เคซิส ก็เริ่มกัดผมเป็นคนแรก จะรอให้ผมก้นถึงเก้าอี้ก่อนไม่ได้หรือไงวะ‘เคซิส’ คือเพื่อนอีกคนในกลุ่มผมอีกคน มันเป็นถึงนักเรียนนอก แต่ดันมาซิ่วต่อที่ไทย ผมก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน เรียนที่เมืองนอกจบแล้ว แต่ดันอยากมาลองเข้าเรียนที่มหาลัยเมืองไทยดูอีกที เหตุผลเพราะ... ‘กูอยากจีบสาวไทยในชุดนักศึกษา’ไอ้เคซิส เป็นเจ้าของผับ S นิสัยค่อนข้างสุขุมและเยือกเย็น ใบหน้าคมเข้มออกแนวลูกครึ่งเยอรมัน แถมอายุเยอะกว่าพวกผมตั้งสองปีแต่ด้วยความที่ซิ่วกับซิ่วมาเจอกัน คบกันมาถึงสามปี เลยไม่ค่อยจะเรียกมันว่าพี่เท่าไหร่ แต่ถามว่าพวกเราเคารพมันมั้ยก็... เคารพนะ แต่ไม่อยากเรียกพี่ มีไรป้ะ?“ได้ข่าวเจอดีเหรอมึง” ไอ้การ์เซียถามผมเสียงนิ่งๆ แบบไม่มองหน้า‘การ์เซีย’ หนุ่มหล่อ รวย คมเข้ม ดีกรีเจ้าของสนามแข่งรถเถื่อน ขอเตือนเลยนะ อย่าคิดอยากไปรู้จักมันเด็ดขาด เพราะมันค่อนข้างเลือดเย็น ใจแม่งหิน!“ไอ้ขันแม่งมาฟ้องอีกละสิ” ปากผมพูด แต่ตานี่กำลังก่นด่าไอ้ขันที ที่แท้ที่รีบวิ่งออกจากห้องน้ำมาก่
“ยัยเพลย์!!” เสียงตะโกนแสบแก้วหูของยีนส์ดังลั่นพื้นที่ของโรงอาหาร ที่ตอนนี้ฉันกำลังนั่งรอมันอยู่ “จะตะโกนทำซากอะไร หูจะแตก”เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงโต๊ะอยู่แล้ว จะมาตะโกนเรียกให้เจ็บคอทำไมก็ไม่รู้“อย่ามาเนียน” ยีนส์นั่งลงเก้าอี้ม้าหินอ่อนอีกตัวหนึ่งฝั่งตรงข้าม ฉันเลยยิ้มแหยๆ พร้อมกับก้มหน้าเล่นมือถือต่อ“แกปล่อยให้ฉันเดินไปที่ห้องเรียนนั่น โดยที่ไม่ยอมบอกว่ามันไม่มีคลาสเรียนอะไรของเช้านี้แล้ว แถมยังให้ฉันเดินวนหาแกทั่วมหาลัย...”ยีนส์เว้นจังหวะเพื่อหอบหายใจ แล้วเริ่มบ่นให้ฉันต่อ“สุดท้ายแกเพิ่งส่งไลน์หาฉันเมื่อห้านาทีก่อน ว่าแกนั่งหน้าบานอยู่ตรงนี้”ยีนส์ชี้นิ้วเรียวยาวของเธอลงที่โต๊ะที่เราสองคนนั่ง พร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นทำหน้าเชิงหาเรื่องฉัน “ยีนส์ เพลย์ขอโทษ เพลย์ลืม~”ฉันทำเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมส่งสายตาฟรุ้งฟริ้งที่ชอบทำเวลาตัวเองทำความผิด เพราะยีนส์น่ะเธอแพ้สายตาขี้อ้อนของฉันตลอดแหละ“หึ้ย! มันน่ามั้ย เก็บไปเลยนะ ไอ้สายตาฟรุ้งฟริ้งของแกน่ะ เห็นแล้ว..”“ใจอ่อนชิมิ~” ฉันแกล้งพูดแซวเพื่อนรักที่นั่งเมินหน้าหนีฉันไปอีกทาง พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ เหมือนกลั้นขำที่มุมปากของยีนส์พวกเร
เรานั่งเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างงานโฆษณาไปได้ประมาณห้าสิบนาที อาจารย์สมรศรีก็ปล่อยพวกเราเลิกคลาสเร็วกว่ากำหนดเกือบสี่สิบนาทีมหาลัยนี้มันเป็นมหาลัยเปิดจริงๆ สินะ อยากเลิกตอนไหนก็เลิก เกิดอินดี้ไม่อยากเข้าสอน ฉันก็ไม่สอน เชิญคุณๆ เรียนรู้เอง ดีชะมัด!!“เพลย์ ยีนส์ จะกลับเลยมั้ย เพราะหลังจากนี้ก็ไม่มีเรียนต่อแล้ว”เสียงหวานๆ ของตาหวานถามพวกเรา“เอาไงดียีนส์ จะกลับเลยมั้ย” ฉันหันไปถามแนวร่วม“ไปห้างกัน แถวนี้มีห้างใกล้ๆ เปล่า” ยีนส์หันไปถามตาหวาน“มีสิ เดี๋ยวหวานพาไป จะพาทัวร์ให้ครบทุกชั้นของห้างเลย”ตาหวานพูดพร้อมกับดึงแขนพวกฉันสองคนเดินตามเธอมา“เดี๋ยว!!” ยีนส์ขืนตัวไว้พร้อมกับตะโกนหยุดตาหวานที่กำลังลากพวกเราสองคน “ทำไมเหรอ หรือว่าเกิดเปลี่ยนใจ”ตาหวานรีบหันหน้าใสๆ พร้อมกับทำตาบ๊องแบ๊วเหมือนแมวขี้สงสัยถาม“เปล่า... จะถามว่าหวานจะไปยังไง คือเราขี่มอไซค์มา”เออ! เกือบลืมไปเลย เรามีกันสามคน แต่รถดันเป็นมอเตอร์ไซค์ แล้วแบบนี้จะซ้อนสามไหวเหรอ “อ้าวเหรอ! งั้นยีนส์กับเพลย์ขับตามรถหวานมาแล้วกัน”“ยีนส์ฝากเพลย์ไปรถหวานได้เปล่าอะ ไม่อยากให้ยัยนี่นั่งตากแดด”ซึ้งค่ะ ฮือๆ ซึ้งในน้ำใจเพื่อนรักที่เป็น
“ซาดีนส์ เขาเป็นลูกเจ้าของมหาลัย หล่อ สูง ผิวขาวเหมือนผิวเด็ก ที่เด่นชัดเลยคือ สีผมบรอนด์ขาวที่โดดเด่นเพราะมีเพียงคนเดียวในมหาลัยนี้ที่ทำสีนี้”แว้บ!! ผมสีบรอนด์ขาวงั้นเหรอ? ทำไมจู่ๆ ภาพไอ้คู่เกย์ที่เมื่อเช้าฉันเพิ่งเจอในห้องน้ำชายมามันถึงได้ฉายภาพซ้ำให้ฉันเห็นนะ“เมื่อกี้เธอบอกว่า มีแค่คนเดียวที่ทำผมสีนี้งั้นเหรอ” เพราะอยากรู้ว่าจะเป็นไอ้โรคจิตสายเหลืองคนเดียวกันหรือเปล่าเลยถามตาหวานออกไป“อื้อ ทำไมเหรอ?” ตาหวานเอียงคอทำหน้าสงสัยถามฉัน“งั้นก็ไอ้โรคจิตสายเหลืองชัวร์” ฉันตบโต๊ะดัง ปึก! พร้อมกับโผล่งสิ่งที่คิดในใจออกมา กะจะคิดแค่ในใจไหงถึงกลายเป็นมีเสียงได้เนี่ย“อะไรของแกยัยเพลย์ พูดให้พวกฉันสองคนเข้าใจดิ” ยีนส์ประสานมือเอาคางวางไว้พร้อมกับหันหน้ามาถามฉันลืมไปเลยว่ายังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ยัยเพื่อนสนิทคนนี้ฟัง“ก็ถ้าหวานบอกว่าคนที่ทำผมสีบรอนด์ขาวอะไรนั่นมีอยู่คนเดียวในมหาลัยฉันว่าก็ต้องเป็นไอ้โรคจิตที่กำลัง เอ่อ นั่นแหละ ในห้องน้ำชายเมื่อเช้าแน่เลย”ไม่อยากเอ่ยการกระทำที่มันอุจาดตาให้ตาหวานกับยีนส์ฟัง เลยเลี่ยงที่จะให้พวกเธอสองคนคิดกันไปเอง และคาดว่าคงจะพอเดากันได้ เพราะดูจาก
[รู้ได้ไงฉันชอบ ‘เล่น’ ลิ้น]กรี้ด!!!ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ถ้าฉันปรี้ดแตกตอนนี้ สามคนที่นั่งร่วมโต๊ะที่เลิกสนใจการคุยโทรศัพท์ของฉันต้องหันกลับมาถามแน่นอนว่า ‘เป็นอะไร’ ‘ใครโทรมา’“ไอ้ทุเรส ไม่ต้องมาหื่นใส่ ฉันรู้ว่านายชอบผู้ชาย” ปรี้ดแตกไม่ได้ใช่ว่าฉันจะด่าหมอนี่ไม่ได้[…] เฮอะ! เป็นไงเจอฉันแทงใจดำละสิถึงได้เงียบ“เงียบทำไม ตกลงจะพูดได้ยัง ก่อนหน้านั้นนายเรียกฉันว่าอะไร”[อยากรู้ก็มาถามตัวต่อตัว เอาแบบซึ่งๆ หน้า ฉันรออยู่xxx]ซาดีนส์บอกสถานที่ตัวเองอยู่เสร็จสรรพหมอนั่นก็วางสายฉันทันทีอะไรกันเนี่ย บ้าไปแล้ว อยู่ๆ โทรมาหาเรื่องกวนประสาทฉันแล้วก็ให้ฉันออกไปหาที่คณะตัวเองเนี่ยนะ“คุยกับใครนานสองนาน แถมคิ้วแทบจะผูกโบว์อยู่แล้ว”ยีนส์เปิดปากถามฉันคนแรก จากนั้นก็มีเอฟเฟคพยักหน้าอยากรู้ของสองพี่น้อง ตาหวานและตาโตตามมา“เปล่าไม่มีอะไร พอดีที่บ้านโทรให้ออกไปเอาของนิดหน่อย เดี๋ยวขึ้นเรียนคาบต่อไปก่อนเลยนะ เพลย์ตามไปทีหลังเอง”ว่าจบฉันก็ไม่รอให้ใครซักไซ้อะไรต่อ รีบเดินสะบัดก้นงอนๆ ออกไปจากโรงอาหารของคณะตัวเอง มุ่งหน้าไปยังหน้าลานนั่งเล่นของตึกศิลป์สถานที่ที่ไอ้บ้าซาดีนส์มันนัดไว้ก่อนวางสายไป[
[อ้าว! ยีนส์ก็..] ทว่าพ่อของยีนส์เหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง เสียงใสๆ ของคนที่เป็นประเด็นก็ดังขึ้น“เฮลโหลวว สาวๆ”“ยีนส์ / ยัยบ้ายีนส์” ตาหวานและฉันโพล่งเรียกชื่อผู้มาใหม่พร้อมกัน“ขอโทษที่รบกวนนะคะคุณลุง ตอนนี้ยีนส์อยู่ที่นี่แล้วค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะคะ เพลย์อาจจะทึกทักเอาไปเอง ขอโทษมากๆ อีกครั้งนะคะ สวัสดีค่ะ”ฉันร่ายยาวขอโทษขอโพยผู้เป็นพ่อเพื่อน ที่ตอนนี้เธอนั่งหย่อนก้นลงเก้าอี้ตัวข้างๆ ฉันเป็นที่เรียบร้อย“แกหายไปไหนมา” เสียงสั่นเครือของฉันถามเพื่อนสนิทออกไป“เป็นไร ร้องไห้?” ยีนส์ทำสีหน้าตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือมาโอบไหล่ฉันเข้าไปซบอกเธอ“พวกเราเป็นห่วงยีนส์นะ โดยเฉพาะเพลย์ นั่งเรียนแทบไม่มีสติเลยล่ะ” เสียงตาหวานดังเจื้อยแจ้วเล่าอาการของฉันตอนเรียนคาบแรกจบไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน“โอ๋ๆ เพลย์น้อยขี้แย น้องยีนส์ขอโทษนะคะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย อ้อ... ส่วนตัวนิดนะคะคนดี” ยีนส์รู้ทันว่าฉันจะถามอะไรเธอถึงได้รีบเบรกไว้ก่อนถ้ายีนส์ได้บอกว่า ‘ส่วนตัว’ นี่คือไม่อยากบอกจริงๆ ฉันจะไม่ถือว่ามันคือความลับ เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้รู้ได้เช่นกันแต่ฉันเชื่อ... เมื่
“ไหนๆ พี่ก็เดินคนเดียวแล้ว อีกอย่างไม่ค่อยชอบสายตาพวกตึกศิลป์เท่าไหร่ มองมาเหมือนกับจะกินพี่งั้นล่ะ เราไปส่งพี่ขึ้นตึกหน่อยแล้วกัน”ที่ฉันพูดไม่ได้เกินจริงเลยนะ ตึกนิเทศฯ กับ ตึกศิลป์มันอยู่ติดกันไง แล้วเมื่อกี้ฉันสังเกตได้ว่ารอบๆ ข้าง มีคนจ้องอยู่ตลอดเวลา มีครั้งหนึ่งฉันเผลอหันไปมองก็เห็นพวกผู้ชายที่นั่งอยู่ตึกศิลป์จ้องมองแล้วก็ซุปซิบๆ อะไรสักอย่าง สายตานะมองเหมือนกับสามารถสแกนทะลุเสื้อผ้าฉันได้ยังไงยังงั้นเลย“ได้สิฮะ เรื่องแค่นี้เอง” ตาโตไม่ปฏิเสธแถมยังตอบแบบเต็มใจฉันเลยอดที่จะเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่ได้ ยกมือขึ้นกอดคอน้องมันแล้วเดินไปยังจุดหมายที่เดินไปอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงแล้วปึก!จังหวะที่เราสองคนกำลังจะก้าวถึงตีนบันได ก็มีใครสักคนเดินมากระแทกด้านหลังตาโตค่อนข้างแรงเอาเรื่องที่ฉันรับรู้ได้เพราะฉันกอดคอน้องมันอยู่ไง แถมตัวน้องมันยังกระเด็นไปข้างหน้าทำให้มือที่ฉันกอดคอน้องมันอยู่หลุด ตัวฉันเองก็เซนิดหน่อย“อ๊ะ! โทษทีมองไม่เห็น” น้ำเสียงเชิงขอโทษที่ฉันรับรู้ได้ว่าไม่ค่อยเต็มใจเอ่ยออกมา พลันตั้งหลักได้ฉันเลยมองเห็นว่าคนที่เอ่ยและชนพวกเราเป็นใคร“ไม่เป็นไรฮะ” ตาโตเกาหัวแกรกๆ แล้วก้มหัวนิ
พวกมันสามตัวก็คิดเหมือนผมนั่นแหละ แต่ถ้าไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้หรอกความรู้สึกตอนอยู่ในสถานการณ์นั้นมันอึดอัดแค่ไหน“มึงไม่คิดจะพาว่าที่คู่หมั้นมาแนะนำพวกกูหน่อยเหรอวะ” เคซิสถามผมรู้นะว่ามันคิดอะไร ไอ้นี่เห็นน่าดุๆ เงียบๆ แต่ฟาดเรียบนะครับ“เฮ้ย! อย่ามองกูแบบนั้นสิวะ ไหนบอกไม่จริงจังไง” รีบแก้ตัวเชียวนะไอ้ห่า“กูเปล่ามอง” ไม่ยอมรับมีไรมั้ย?“แหล!” เสียงแดกดันเรียบๆ จากไอ้การ์เซียที่นั่งอยู่ม้านั่งตรงข้ามผมดังขึ้นผมที่กำลังจะง้างปากเปล่งคำด่าการ์เซียออกไปก็ดันโดนมันชิงพูดขัดขึ้นมาอีกรอบ “ใช่คนนั้นมั้ยนะ?” มันพูดพร้อมเพยิดหน้าไปทางด้านหลังผมและเมื่อโฟกัสไปตามสายตาไอ้การ์เซียก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า มันหมายถึงใคร“เออ! ยัยตัวแสบนั่นแหละ” เพลย์เยอร์ คือคนที่ไอ้การ์เซียถามเมื่อครู่ยัยนั่นกำลังเดินมากับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูๆ แล้วน่าจะเด็กกว่าสักปีสองปี แล้วไอ้ท่าทางที่กำลังกอดคอไอ้หน้าอ่อนแบบสนิทชิดเชื้อนั่นคืออะไรวะ“เก็บอาการหน่อยเพื่อนซีนส์” ไอ้ขันทีเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ เรียกสติให้กลับมาประจำที่ เมื่อกี้เกือบเดินไปกระชากยัยตัวแสบนั่นออกมาจากไอ้เด็กนั่นแล้ว“ไหนบอกไม่หวง ไม่จริงจัง แต่ทำไมอากา
วูบ~และสักพักไอ้หัวใจบ้าก็เกือบจะหยุดเต้นลงซะงั้น“ก็ฉันเป็นคนแบบนี้ ตกลงแผนนายคืออะไร รีบๆ พูดจะได้รีบกลับ” น้ำเสียงหงุดหงิดนี่หวังว่าเขาคงไม่เอะใจกับมันหรอกนะ“ฉันตกลงกับคุณหญิง เอ่อ แม่ฉันน่ะ” หมอนี่คงชินกับการเรียกแม่ตัวเองแบบนั้น พอเห็นฉันทำคิ้วขมวดเพราะงงในชื่อที่เรียกเลยรีบเฉลย“แล้ว?” เพราะเขาไม่ยอมพูดต่อฉันเลยเร่งเร้า“ฉันตกลงกับแม่ฉันไว้ ว่าจะทดสอบเธอนิดหน่อย ถ้าเธอแกล้งทนฉันไม่ได้สักสองเดือนเรื่องงานหมั้นเราก็จะไม่เกิดขึ้น”แปร๊บ!ทำไมพอได้ยินคำว่า ‘งานหมั้นจะไม่เกิดขึ้น’ ฉันถึงรู้สึกเจ็บปวดที่อกข้างซ้ายแปลกๆ สรุปเขาคือเจ้าชายในวัยเด็กของฉันจริงหรือเปล่า?“ถามไรอย่างสิ!” บอกแล้วฉันเป็นคนตรงๆ ถ้าอยากรู้อะไรจะถามเลย แต่พอคนที่ฉันกำลังจะตั้งคำถามหันมามอง ปากมันก็หยุดทำงานซะงั้น“ว่า?” ไอ้หัวขาวเอียงคอหน่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นเหมือนเร่งเร้ารอฟังคำถาม“ที่นายไม่อยากหมั้นเพราะว่า... เพราะ เอ่อ” ทำไมกลับกรอกแบบนี้เพลย์เยอร์ ความตรงไปตรงมาของแกไปไหนหมด เปลี่ยนคำถามซะงั้น!“เพราะอะไร?” คนรอฟังยังคงเร่งเร้าสิ่งที่ฉันยังถามไม่จบ“นายมีคนที่ชอบแล้วเหรอ?” ฉันตัดสินใจถามออกไป แต่กลับไม่มองหน้
“นี่! จะพาฉันไปไหน นิสัยไม่ดี ฉันเป็นผู้หญิงนะเว้ย!” เมื่อถูกลากเข้ามาในลิฟต์ได้สำเร็จ ฉันก็ทั้งดิ้นทั้งยกเท้าเตะไอ้สายเหลืองทันที“เลิกดิ้น! แล้วก็เลิกมโนว่าฉันจะลากเธอไปทำไม่ดี ฉันไม่พิศวาสผู้หญิงแก่นๆ แบบเธอ” วาจาร้ายกาจไม่พอ แต่ดูปากที่เบ้เหมือนกับรังเกียจฉันสิ“คิดว่าฉันอยากให้ไอ้สายเหลืองล่อลวงเพศเดียวกันแบบนายมาถึงเนื้อถึงตัวเหรอยะ เสนียดน่ะรู้จักเปล่า!” ด่ามาด่ากลับไม่โกง คอนเซ็ปเพลย์เยอร์เองค่ะ“เธอนี่มัน!” นึกคำด่าฉันไม่ทันล่ะสิ ถึงได้ทำท่าทางฟึดฟัดหัวเสียแบบนั้นสมน้ำหน้า!อยากเล่นกับเพลย์เยอร์ดีนัก มวยคนละชั้นเหอะ ไปเรียนมาใหม่ไป!หลังจากที่ลิฟต์พาฉันกับไอ้หัวขาวขึ้นมาถึงฉันสามสิบแปดชั้นบนสุดของโรงแรมนี้ ไอ้หัวขาวก็ลากฉันออกมาและเดินขึ้นบันไดมาอีกสิบกว่าขึ้นเพื่อมายังชั้นดาดฟ้า“พาฉันมาที่นี่ทำไม คิดจะผลักฉันตกตึกงั้นหรอ?” ฉันทำท่าทางหวาดระแวงเมื่อสมองมันคิดได้แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว“นี่จะมโนไปถึงไหน ใครจะไปฆ่าแกงกันได้ง่ายๆ” ผู้ชายตรงหน้าที่สวมชุดสูทสีขาวมีเสื้อคลุมปลายแหลมสีดำทับข้างนอกอีกชั้นพูดขึ้น“ถ้าจะคุยเฉยๆ จำเป็นมั้ยที่จะลากขึ้นมาดาดฟ้าขนาดนี้” ปากน่ะต่อปากต่อคำ
ก๊อก ก๊อกฉันที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีคนมาเคาะประตูห้อง ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าได้เวลาที่จะต้องไปเจอกับเจ้าชายในวัยเด็กแล้ว“สวยมากค่ะน้องเพลย์” แม่เล็กคือคนที่เคาะประตูห้องฉันก่อนหน้า ท่านเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังจากที่เห็นชุดที่อยู่บนตัวฉัน“เพลย์ว่ามันดูเวอร์ไปไหมคะแม่เล็ก” ฉันก้มมองสำรวจตัวเองตั้งแต่ช่วงอกลงไปยันเท้าน้อยๆเดรสสีขาวลายลูกไม้ กระโปรงด้านหน้าสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ปล่อยชายด้านหลังยาวลากดิน ช่วงบนเป็นเสื้อแขนยาวปักลายฉลุที่ดูเรียบแต่หรูหรา ชุดที่ส่งตรงจากแม่เล็กแน่นอนล้านเปอร์เซนต์ เพราะนี่ไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ของฉันแม้แต่น้อย“แม่เล็กว่าเข้ากับน้องเพลย์ออก หรือว่าน้องเพลย์ไม่ชอบที่แม่เล็กยุ่งย่ามเรื่องชุดกัน แม่เล็กขะ...” ดราม่ามาอีกแล้วแม่เล็กของฉัน“โอ๋ๆ แม่เล็กอย่าน้อยใจสิคะ เพลย์ชอบค่ะ สวยดี แต่แบบว่ามันจะไม่ดูเวอร์ไปหน่อยเหรอคะ”“ไม่เลยค่ะ ชุดนี้เหมาะกับน้องเพลย์คนสวยของแม่เล็กที่สุด ใส่แล้วดูเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก” แม่เล็กพูดแล้วก็ทำหน้าล้อเลียนฉันเบาๆท่านคงจะกำลังบอกฉันมันเป็นพวกแก่นแก้วหรือเปล่านะหลังจากที่เสียเวลากับเรื่องชุดฉันไม่นาน ตอนนี้พวกเราสามคนก็มารอฝ
[Sadins’s part]เครียด! เซงค์! หงุดหงิด!อารมณ์ผมตอนนี้แม่งหลากหลายบอกเลย มันบอกไม่ถูกทำไมชีวิตอิสระของหนุ่มโสดของไอ้ซาดีนส์ที่ได้ฉายาว่าเสือร้อยรักต้องมาเจอเรื่องคลุมถุงชนแบบนี้ด้วย นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ทำไมต้องเอาชีวิตอิสระอันมีค่าของผมมาล้อเล่นแบบนี้“ว่าไงตาซีนส์ ตกลงลูกจะไปดูตัวน้องกับคุณหญิงมั้ย?” คำถามที่ร้อยได้แล้วมั้ง ตั้งแต่ที่แม่เรียกผมกลับมาบ้านเมื่อเช้านี้ ท่านก็เอาแต่พร่ำถามว่าผมจะไปดูตัวกับว่าที่คู่หมั้นมั้ย ถ้าไม่ไปท่านจะยึดบัตรทุกอย่างที่เป็นของผม จะกักขังผมไม่ให้ออกไปหาผู้หญิงที่ไหนสามเดือนให้ตายเถอะ! ขาดเงินไอ้ซาดีนส์คนนี้ไม่ตายครับ (มีเพื่อนให้เกาะ)แต่ถ้าให้ผมขาดนารีถึงสามเดือนมีหวังซีนส์น้อยผมเป็นหมันแน่นอน“คุณหญิง~” ผมเรียกชื่อแม่ตัวเองเสียงลากยาว ทำตาเหมือนแมวขี้อ้อน“ไม่ค่ะ!” นั่นคือการบอกว่า ‘ไม่สงสาร’ ของแม่ผมครับเอาไงดีวะ! จังหวะที่ผมกำลังระดมสมองอันชาญฉลาดหาทางเอาตัวรอดในนาทีฉุกระหุกแบบนี้ ความคิดดีๆ ก็แวบขึ้นมาหึ! เอาสิ ได้เลย! ถ้าแม่อยากให้ผมไปดูตัวว่าที่คู่หมั้นนักผมก็จะไป“โอเค ผมไปก็ได้ แต่...”“ไม่มีข้อแม้ค่ะ” ผมยังพูดไม่ทันจบเลย ยังไม่ได้บอกเล
แปะ~จบคำแซวฉัน เสียงฝ่ามือน้อยๆ ของแม่เล็กที่ตีเบาๆ ที่ต้นแขนฉันเป็นเชิงปรามสิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้า ท่านจ้องฉันเขม็งบอกทางสายตาว่า‘นิสัยไม่ดีเลยค่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมย้อนคุณพ่อแบบนั้น’ ฉันคิดว่านะ“แฮร่ๆ” ยกมือลูบต้นแขนจุดที่แม่เล็กตีเบาๆ เหมือนมันเจ็บมากมายแก้อายที่ตัวเองเผลอทำนิสัยไม่ดีออกไปจริงๆ“ช่างลูกเถอะ!” คุณพ่อพูดกับแม่เล็กปนยิ้มขำให้กับความเจ้าระเบียบของแม่เล็กน้อยๆ“ค่ะคุณ” แม่เล็กยิ้มกลับให้คุณพ่อ พร้อมกับเขยิบเข้ามาใกล้ฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่าน“ตอนนี้น้องเพลย์ยังตามหาเจ้าชายในฝันคนนั้นอยู่มั้ยคะ?” แม่เล็กเล่นเปิดด้วยคำถามที่รู้ทั้งรู้ว่าฉันจะตอบอะไรออกไปแบบนี้เลยเหรอ“แน่นอนสิคะ เพลย์ไม่มีทางลืมเจ้าชายคนนั้นได้หรอกค่ะ” เสียงจริงจังของฉันทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมองหน้าพร้อมกับยิ้มให้กันเหมือนถูกอกถูกใจอะไรสักอย่าง“มีอะไรเหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วแบบงงงวยถามออกไป“แม่เล็กจะบอกว่าคุณพ่อเราหาเจ้าชายน้องเพลย์เจอแล้วไงคะ”คำบอกเล่าของแม่เล็กทำให้ฉันสตั้นไปหลายวินาทีเหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งแล้วคิดว่าฝันไปน่ะ เคยเป็นกันมั้ย?“วะ ว่าไงนะคะ... แม่เล็กหาเขาเจอแล้วเหรอ? เรื่อง