ออสโล่และอเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ ทำท่าราวกับเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังอดขำไม่ได้ และเมื่อพวกเขาหัวเราะใส่เธอเกินพอดี โทสะเริ่มเดือด และพอมันเดือด เธอห้ามปากตัวเองไม่อยู่
“มันไม่ตลกนะ! บางครั้งฉันเห็นเหตุการณ์ผ่านภาพในหัว มันผุดขึ้นมาเอง” หยุดพูดได้แล้วเบ็กกี้ หยุดพูด “ฉันพูดความจริง ฉันเคยฝันถึงเพื่อนคนหนึ่ง ฉันอยู่ในร่างของเธอ เห็นทุกสิ่งผ่านดวงตาของเธอ เธอลืมล็อกประตูห้องนอนและพ่อเลี้ยงก็เข้ามา ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว แต่เธอบอกว่าฉันมันบ้า ประสาท เพี้ยน ฉันไม่ใช่เพื่อนของเธอ และพ่อเลี้ยงของเธอก็เข้ามาในห้องนอนจริง ๆ สุดท้าย เพื่อนคนนั้นก็เอาแต่โทษว่าฉันสาปแช่งเธอ”
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเหมือนครั้งเรมี เสียงหัวเราะหายไป แต่พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเหมือนที่เชื่อเรมี สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่าเห็นใจ แต่เธอไม่ต้องการความเห็นใจนั้น เด็กสาวร้องไห้ในใจ ทำไมถึงไม่หุบปากให้สนิท เธอรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร พวกเขาคงนึกถึงสายรัดข้อมือเมื่อครู่และคงคิดว่า อ้อ อย่างนี้นี่เอง เธอเป็นคนป่วย เธอสมควรอยู่ที่นั่นต่อไป
“เธอเป็นแม่หมอเหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อย” เธอตวาดใส่เวด เขานิสัยไม่ดีเหมือนกับคนตาสีอำพัน ถึงจะร้ายน้อยกว่าแต่ก็ยังนิสัยไม่ดีอยู่ดี
“เธอทายอนาคตของฉันได้ไหม” เทสซ่าถามแต่น้ำเสียงแฝงนัยล้อเลียน เบ็กกี้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดในตอนแรกถูกต้อง คนกลุ่มนี้ไม่ต่างอะไรจากพวกแก๊งอันธพาลในโรงเรียน พวกเขาแกล้งเธอเหมือนกับที่พลูทักซ์ทำ
“ฉันทำนายอนาคตไม่ได้ ฉันแค่เห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ฉันไม่สนหรอก ถ้าหากพวกเธอจะไม่เชื่อฉัน”
“เฮ้ ใจเย็น ๆ” เรมีกระตุกแขน เขาเป็นคนเดียวในนี้ที่เธอรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ด้วย แต่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมง เธอจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปเหมือนคนพวกนี้ แต่เพราะตัวเธอไม่มีเพื่อนคนอื่นแล้ว จะผิดหรือไม่หากเธอหวังว่าเขาจะอยู่ข้างเธอ
“เบ็กกี้ นั่นอะไรเหรอ” มินนี่ชี้นิ้วไปยังรอยแผลเป็นที่คอ “รอยช้ำหรือเปล่า”
“เห็นมาตั้งนานละ มีรอยแบบนั้นใต้แขนเธอด้วยนะ” เบนเสริม
เบ็กกี้ลุกขึ้นยืน
“นี่ ไม่มีอะไรหรอกน่า ใจเย็นก่อน”
“ฉันไม่ใช่คนบ้านะที่นั่งเฉย ๆ แล้วปล่อยให้คนพวกนี้ปากพล่อยพูดอะไรก็ได้”
“โห...แรงนะนั่น” ใครสักคนว่า
“ขอโทษ พวกเราขอโทษ ไม่มีใครอยากให้เธอรู้สึกแบบนั้น พวกเขาหัวเราะฉันเหมือนกัน เรามาคุยกันดี ๆ ดีกว่า อย่าเพิ่งโมโหเลย” อเล็กซิสทำเหมือนปลอบแต่คำพูดไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น เบ็กกี้รู้ดีว่ามันเป็นการแสดง บางครั้ง คนบางคนก็หยิบยื่นน้ำใจ ปากบอกว่า “ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร” แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาแค่พยายามสร้างภาพให้ดูดีขึ้นมาเท่านั้น
“อย่าเสแสร้งเลย คนอย่างเธอยังถือปืนคิดฆ่าคนได้ ดวงตาเธอมันไร้ความรู้สึก เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ฉันเห็นตัวตนของเธอทุกอย่าง อย่าแกล้งทำเป็นปลอบ ข้างในเธอก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ”
ทุกคนเงียบไปนานก่อนที่เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกรอบ เบ็กกี้คิดว่า ตอนนี้หน้าของเธอคงแดงมากกว่าผมตัวเอง
“เอาจริงเหรอเนี่ย” ซาร่าห์พึมพำ แต่เสียงที่ใสกลับฟังดูน่ารำคาญขึ้นมา และตอนนี้ในสายตาเธอ หญิงสาวคนนี้คือราชินีจอมวายร้าย
“อเล็กซิสฆ่าใครไม่ได้หรอก” เวดแย้ง “อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”
“เธอทำได้...จะทำแน่ ๆ ฉันรู้ว่านายคงไม่เชื่อ ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่เพื่อนของนายจะทำแบบนั้นจริง ๆ ดวงตาของเธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่ตั้งใจจะฆ่า...ฉันเห็น”
“เด็กคนนี้มาจากสถานพักฟื้นจิตเวช แถมยังมาจากแคสติโมเนีย” เทสซ่าย้ำเตือนกลุ่มตัวเอง “เธอพูดจาไร้สาระ”
“เทส ไม่ต้องใช้คำแรงขนาดนั้นก็ได้”
“พี่ก็ ดูสายตาที่เธอมองพวกเราสิ เหมือนเห็นพวกวายร้ายอะไรแบบนั้นเลย”
“เธอยังเด็ก” เรมีแทรก เหมือนพยายามจะหาข้อแก้ตัวให้เธอ แต่เธอไม่ต้องการ เขาก็เหมือนกับอเล็กซิส ไม่อยากทำตัวแย่ ๆ ต่อหน้าคนอื่น นายก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับคนกลุ่มนี้
“บางที มันอาจจะเป็นพลังของเธอก็ได้ มองเห็นอนาคตอะไรแบบนั้น” คำพูดของมินนี่ทำให้ทุกคนขบขัน อย่างไรก็ตาม มินนี่ไม่ได้โกรธคนอื่นเหมือนเบ็กกี้ เธอจ้องหน้าเด็กสาวอีกคนนิ่ง แล้วยิ้มอย่างใสซื่อ
“เธอคิดว่าอเล็กซิสฆ่าคนได้งั้นเหรอ” เวดโต้น้องสาวเพื่อน “เทสซ่าพูดถูกแล้ว ไร้สาระ อเล็กซ์ เธออย่าไปฟังคำพูดของเด็กคนนี้เลย ฉันพูดกับเพื่อนของฉัน ไม่ใช่นายนะโวลคอฟ”
“เออ รู้โว้ย” อเล็กซ์ตวาดกลับ
“อเล็กซิส อย่าไปฟังคำเด็กคนนี้” เทสซ่าเตือนเพื่อน
“ไม่หรอก ฉันไม่ถือ ความจริงอยากรู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะฆ่าใคร”
เด็กสาวเริ่มไม่ชอบอเล็กซิสมากขึ้นเรื่อย ๆ “เธอไม่อยากรู้หรอก เธอก็แค่...พยายามจะแกล้งฉันเหมือนคนอื่น”
“เฮ้ ฉันอยากรู้จริง ๆ”
“อย่าปล่อยให้เด็กคนนี้ว่าเธอฝ่ายเดียวได้ไหม ฉันไม่อยากจะพูดอะไรแบบนี้หรอกนะ หนูน้อย แต่ถ้าเธอไม่เข้าใจมุกตลกและไม่เห็นว่าขำ ในเมื่อเธอตัดสินพวกเราไปแล้วว่าเลวร้ายขนาดไหน ไปซะ ไปให้พ้น”
“เทสซ่า!” พี่ชายของเธอร้อง “เธอยังเด็ก อย่าพูดอะไรรุนแรง ไม่เอาน่า ไม่ทะเลาะกัน ฉันขอโทษนะสาวน้อย”
“ทำไมล่ะ เพราะเธอเด็กกว่าพวกเราเหรอ ถึงทำตัวร้าย ๆ ได้”
ฉันร้ายเหรอ
“พูดกันไปไกลเกินแล้ว” โนเอลลุกขึ้น เดินตรงมาหาเบ็กกี้ เด็กสาวผงะถอย “อย่าเข้ามานะ”
“เฮ้ ใจเย็นน่า ฉันไม่ทำอะไรหรอก สูดหายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ คุยกัน”
แต่พอเธอสบตากับเขา ฉันพลันภาพบางอย่างปรากฏในหัว เธอเห็นเขานอนจมกองเลือดจากนั้น...ไฟ เด็กสาวพยายามจดจ่อกับสถานการณ์ตรงหน้าแต่สติพ่ายแพ้ให้กับอาการที่กำเริบขึ้น มันเป็นอาการปวดหัวที่รุนแรง “ออกไป”
“เบ็กกี้?”
“เพี้ยนชัดๆ”
“เบ็กกี้?”
เธอไม่รู้ว่าใครพูดอะไรบ้าง เพราะความเจ็บปวดครอบงำจนไม่รับรู้สถานการณ์รอบด้าน เสียงปืนดังสนั่นข้างหูทั้งสองข้าง อาการปวดศีรษะนั้นรุนแรงเกินทนราวกับสมองของเธอกำลังจะปริออกจากกัน สาวน้อยผมแดงกรีดร้อง จากนั้นทุกอย่างมืดสนิท
สาวน้อยผมแดงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ โนเอลอุ้มร่างเล็กมาที่ห้องพยาบาล ข้างเตียงปรากฏเครื่องวินิจฉัยอาการที่ทำหน้าที่เสมือนคุณหมอรายงานอาการว่าเธอแค่เป็นลมไปเท่านั้น โดยไม่มีการกล่าวถึงอาการเจ็บปวดทางศีรษะแต่อย่างใด ไม่มีใครทราบว่าทำไมเบ็กกี้ถึงหมดสติกะทันหัน และก่อนหน้านั้น ทำไมเธอถึงกรีดร้องทุรนทุรายราวกับอาการปวดหัวรุนแรงสาหัสจนทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ร้องแบบนั้น อเล็กซิสจำเสียงนั้นได้ดีทีเดียว เพราะพอได้ยินก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาทันที เด็กสาวกลัวอะไรบางอย่าง...หรือบางที เธออาจจะกลัวอเล็กซิสอเล็กซิสและออสโล่นั่งมองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอยังเด็กมาก เบ็กกี้สวมชุดกระโปรงสีครีมออกเหลืองที่น่าจะเคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์มาก่อน ทั้งยังถักเปียสองข้าง ทั้งยังดวงตาสีเขียวเข้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา อเล็กซิสสังเกตเห็นรอยช้ำตามลำตัวของเธอเหมือนกับที่มินนี่และเบนเห็น ทำไมเธอจะจำรอยแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันคล้ายกับรอยที่คาเมรอนเคยฝากไว้สาวน้อยผมแดงมาจากสถานพักฟื้นผู้ป่วยจิตเวชในแคสติโมเนีย เมืองที่รายการข่าวมักเล่าว่าผู้คนที่นั่นชอบประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแบบสุดโต่ง อเล็กซิสนึกส
“เบ็กกี้ ฉันรู้นะว่าการเจอกันครั้งแรกของพวกเราไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไร แต่เพื่อนของฉันไม่ใช่พวกนิสัยไม่ดีอย่างที่เธอเคยเจอแน่ พวกเขาไม่ทำร้ายเธอหรอก จำที่เธอตะโกนใส่หน้าฉันได้ไหม เธอโกรธที่ทุกคนตัดสินเธอ ถูกไหม มันเหมือนกันแหละ เธอก็ตัดสินพวกเราไปแล้ว แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พวกเราทำกับเธอมันถูกหรอกนะ เรื่องตลกบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนอื่น พวกเราเสียใจจริง ๆ นะที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น”ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ สายตาของเด็กสาวมองต่ำลง “ฉันขอโทษเหมือนกัน ฉันขอโทษที่พูดแบบนั้นกับเธอ”แน่นอน เธอโล่งอก อเล็กซิสมีบทเรียนกับการที่เธอไม่สนใจที่จะพูด ไม่ยอมสังเกตคนรอบข้าง เพราะเหตุนี้เธอเลยเสียจูนไป แม้ว่าเธอเพิ่งเจอเบ็กกี้ แต่เพราะเห็นว่าเด็กสาวเจอเรื่องเลวร้ายมามากพอสมควร เธอไม่อยากปล่อยเด็กคนนี้อยู่คนเดียว แล้วในสภาพเหมือนถูกขับไล่ออกจากกลุ่มแบบนั้น เบ็กกี้เป็นแค่เด็กผู้หญิงและเป็นเหยื่อของพวกความเชื่อสุดโต่งกับพวกคนเลว“เอาล่ะ พวกเราจะไปกันได้แล้วหรือยัง”“ไปไหนเหรอ”อเล็กซิสกระ
พวกเพื่อนต้อนรับเบ็กกี้อย่างอบอุ่น (แก้ตัวจากครั้งแรก) โดยเฉพาะเทสซ่า เพื่อนสาวคนนี้มีนิสัยแบบนี้แหละ ออกหน้าลุยใส่ทุกคนที่คิดร้ายต่อเพื่อนตัวเอง และเมื่อสาวน้อยผมแดงกลายเป็นเพื่อนก็ละอคติซึ่งกันและกัน ความบาดหมางก็จบลง สิ่งเดียวที่อเล็กซิสสอนให้เบ็กกี้คุ้นเคยไว้ก็คือมุกตลกเจ็บแสบของเวดกับเบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาแท็กทีมในห้อง อเล็กซิสนั่งค้นหาเครื่องเล่นซีดีที่อเล็กซ์ขอยืมเขาจะชวนฉันอีกไหมเด็กสาวเขกศีรษะตัวเองเบา ๆ อยู่หลายที พอแล้วกับคำถามมากมายในหัว เธอรื้อหาเครื่องเล่นที่ว่าต่อ มันอยู่ลึกสุดใต้กระเป๋า เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ อเล็กซิสไม่ได้หยิบใช้เลย โดยเฉพาะช่วงที่ยังหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง แม้แต่อัลบั้มรูปครอบครัวและเพื่อนที่ตอนแรกอยู่ข้างบน ตอนนี้ลงไปอยู่ก้นกระเป๋าเช่นกัน แน่นอนว่าเธอคิดถึงพวกเขาจะแย่แต่กลัวที่จะเปิดดูภาพเหล่านั้น เพราะถ้าเธอเปิดดู ความรู้สึกสูญเสียก็จะกลับมาเล่นงานอีกพอนึกถึงข้อกำหนดการเคลื่อนย้าย แม้มีคำสั่งห้าม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอต้องนำเอาของพวกนี้ไปด้วยให้ได้ อย่างน้อยเธอยังได้พกพวกเขาไปด้วย อเล็กซิสได
พอมองรอบกายจึงรู้ว่าตัวเองวิ่งไล่มาจนถึงหน้าห้องสปา วิ่งอย่างกับรถแข่งเลยแฮะ สายตาสังเกตเห็นสาวบางคนส่งสายตาสื่อความนัยให้ชายหนุ่มทั้งสอง อเล็กซ์นั้นปิดกล่องรับข้อความ ส่วนเบนเปิดรับทุกช่องทางแถมส่งกลับอีกต่างหาก ไม่ว่าจะอ่อนกว่าหรือโตกว่า เขาต้อนรับทุกคน บางครั้งเขาได้รับข้อความแย่ ๆ เช่นกัน ที่เธอเห็นบ่อย ๆ คือ ‘สารเลว’ กับ ‘ไปตายซะ’ แต่คำพวกนี้ไม่ได้ทำให้เบนระคายเลย“ว่าอะไรไปก็ไม่เข้าหูนายหรอก เหมือนพูดใส่กำแพง นายไม่เบื่อเหรอไง รู้อะไรไหม ตอนแรกนายโคตรจะดูดีเลย อย่างกับเจ้าชายจำแลง แต่ตอนนี้...”“แต่อะไร” เขาหรี่ตา“นายทำลายภาพนั้นเสียย่อยยับ เลิกทำตัวเป็นหมาป่าสักที ฉันไม่ใช่หนูน้อยหมวกแดงนะ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าแบมบี้ด้วย ฉันไม่ชอบ”“ถ้าฉันเป็นหมาป่า เวดเป็นอะไรดี หมีขี้โมโหดีไหม”ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน เห็นเป็นเรื่องตลก“นิสัยปกติของนายเป็นแบบนี้เหรอ ชอบล่อลวงผู้หญิงทุกคนที่นายเจอ” อเล็กซิสถาม สงสัยอย่างจริงจัง“ไม่ทุกคนห
ม้าเหล็กสีแดงพุ่งทะยานรอบภูเขา เด็กหนุ่มวัยละอ่อนผู้มีดวงตาสีอำพันคุมบังเหียนลูกรักคันใหม่ โมเดลรุ่นล่าสุดที่กลุ่มบริษัทโวลคอฟเรียกมันว่า สปีดโบลท์ ความเร็วในระดับที่สื่อทุกแขนงยกยอว่ามันเป็นเทพเจ้าสายฟ้า นวัตกรรมใหม่ที่ไม่ว่าเจ้าไหนก็ตามไม่ทัน คงไม่แปลกนักหากโวลคอฟจะเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์อันดับหนึ่ง พ่อเป็นคนมอบของขวัญชิ้นนี้ให้เขาเอง นั่นเพราะว่าเบนเป็นลูกคนโปรดเท้าข้างขวากระทืบคันเร่งเพิ่มระดับความเร็วจนเข็มมาตรวัดหมุนไปยังเลขที่สูงขึ้น สูงขึ้น แม้มันยังไม่ถึงระดับสูงสุด อันเนื่องจากยังมีผู้โดยสารอีกสองคนซึ่งก็คืออเล็กซ์และนาตาเลียนั่งอยู่ ทว่าความเร็วระดับนี้สามารถทำให้ผู้โดยสารทั้งสองหวั่นไหวพอสมควร นาตาเลียยืนกรานจะนั่งด้วย เพราะเด็กหนุ่มทั้งสองอายุแค่สิบห้าปีเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเบนกำลังฝ่าฝืนกฎหมายการจราจร แต่ด้วยฐานะทางสังคมที่จัดว่าอยู่ในระดับชนชั้นสูงของชนชั้นสูงอีกที ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล ถ้าตำรวจกล้าเรียกให้เขาหยุด ก็เพียงแค่จ่ายเงินปิดปากสักก้อน ต่อให้รู้นามสกุลหรือไม่รู้ พวกตำรวจจะเดินออกไปเอง ยิ้มร่าพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งสำหรับจ่ายหนี้ต่าง ๆ หรืออาจจะพอรับประทานม
เบนยืนมองร่างอเล็กซ์บนเตียงโรงพยาบาล ห้อมล้อมไปด้วยสมาชิกในครอบครัว เขารอจนกระทั่งพวกโวลคอฟทำท่าจะกลับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไป วลาด ผู้มีหน้าตาและรูปร่างคล้ายคลึงกับน้องชายเดินเข้ามาจับไหล่เบน ปลอบโยน“เบน มันเป็นอุบัติเหตุ”ไม่ใช่ มันเป็นฝีมือของผมเด็กหนุ่มกลั้นน้ำตา เขารู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของเพื่อนกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงมาจากใคร และเขากำลังพูดอยู่กับฆาตกร“ผมขอโทษ ผมไม่ระวังเอง ผมผิด ความผิดของผมคนเดียว”“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า นายช่วยชีวิตน้องชายของฉันเอาไว้นะ เข้มแข็งไว้สิ ขอบคุณที่ดูแลน้องของฉันระหว่างรอพวกเรา เบน ตอนนี้นายพักได้แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันกับนิคสลับมาเฝ้าเจ้านี่เอง นิคมาพรุ่งนี้ ฉันจองคืนนี้”“ผมเฝ้าเขาเอง พี่ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”“บ้าน่า นี่น้องชายฉันนะ นายไม่ต้องห่วงหรอก แต่ถ้านายอยากจะนั่งเล่นก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งพวกเขาก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมา”เขากอดเด็กห
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”“ฝันดีต่างหาก”“ฝันถึงแม่ฉันใช่ไหมล่ะ”“อื้อ ฝันดีที่สุดเลย” เบนเน้นเสียงในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ต้องจากหอพักแห่งนี้ วันที่จะได้รู้ความจริง (หรือเปล่า) วันที่...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดห้องโถงอยู่ชั้นล่างสุด ครั้งก่อนมันเป็นที่สำหรับตรวจสุขภาพ บูทคลินิกถมที่ว่างจนเต็ม วันนี้ทั้งห้องกลับเปิดออกโล่ง มีเพียงประตูเหล็กบานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนกำแพงฝั่งตรงข้ามกับทางเข้า และใช่ เมื่อก่อนไม่มีประตูบานนี้ ทุกคนตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน เรียงลำดับจากการเข้าพักอาศัยก่อนหลัง สายตาแต่ละคนล้วนเฝ้ารอคำอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ บ้างยืนไม่สุข บ้างยืนนิ่งแต่ภายในใจกลับกระวนกระวายว้าวุ่นเบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ยืนอยู่แถวหน้าเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มแรก เจ้าหนุ่มหัวเงินยืนอยู่ข้างอเล็กซ์ด้วยเช่นกัน พวกโธมัสยืนอยู่แถวที่สองข้างหลังกลุ่มพวกเขาอีกที ส่วนพวกเด็กซานโบซ่าอยู่แถวกลางห้อง เบนยืนหาวพลางกวาดสายตาไปนู้นทีทางนี้ที คนส่วนใหญ่นำกระเป๋าใบเล็กมาด้วยเพื่อเก็บของสำคัญไว้กับตัว ส่วนเขาไม่แบก
...เงียบ! ฉันยังพูดไม่จบเลย! (ถอนหายใจ) ตั้งแต่วันนี้ จงเอาตัวรอดไปจนถึงจุดหมายให้ได้ พวกเรามีแผนที่และเสบียงเตรียมไว้ให้ เห็นไหม ไม่ยากเลย ยังมีอาวุธและอุปกรณ์อื่นดำรงชีพอื่น ๆ อีก จะหยิบหรือขนไปเท่าไรก็ได้ เราไม่จำกัด อย่าห่วงเรื่องอาหารหมด เพราะเรามีบริการเติมอยู่ทุกจุดเซฟโซน อย่าเพิ่งพูดเวลาฉันพูดอยู่”แขนของเบนเกร็งจนเส้นเลือดขึ้น มือทั้งสองกำแน่น หากมีเล็บแบบผู้หญิงคงจิกเข้าเนื้อไปแล้ว อาวุธ อาหาร จุดเซฟโซน เอาชีวิตให้รอด จะทดสอบเกมเซอร์ไววอลแบบเรียลไทม์อาร์พีจีกันหรือ ฟังดูก็รู้พวกเขาต้องต่อสู้กับบางสิ่งในนั้น และมันคงไม่ใช่หุ่นเป้านิ่งแน่นอน สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้ เบนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับข้าวของหรูหราอยู่เป็นเดือน! ถ้าเขาเขียนพล็อตเองได้ คงจะเขียนว่า เจ้าหน้าที่กำลังประกาศว่าพวกเขาเป็นแค่ร่างโคลนนิ่ง และเบนคนนี้คือร่างโคลนของ เบนจามิน โรซิเยร์ที่กำลังจะตายและต้องการอวัยวะใหม่ไปเปลี่ยนใหม่ทดแทนเดี๋ยวก่อน แต่เบนที่กำลังจะตายฟังดูไม่ดีเลยนะเขาสูด
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย