สาวน้อยผมแดงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ โนเอลอุ้มร่างเล็กมาที่ห้องพยาบาล ข้างเตียงปรากฏเครื่องวินิจฉัยอาการที่ทำหน้าที่เสมือนคุณหมอรายงานอาการว่าเธอแค่เป็นลมไปเท่านั้น โดยไม่มีการกล่าวถึงอาการเจ็บปวดทางศีรษะแต่อย่างใด ไม่มีใครทราบว่าทำไมเบ็กกี้ถึงหมดสติกะทันหัน และก่อนหน้านั้น ทำไมเธอถึงกรีดร้องทุรนทุรายราวกับอาการปวดหัวรุนแรงสาหัสจนทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ร้องแบบนั้น อเล็กซิสจำเสียงนั้นได้ดีทีเดียว เพราะพอได้ยินก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาทันที เด็กสาวกลัวอะไรบางอย่าง...หรือบางที เธออาจจะกลัวอเล็กซิส
อเล็กซิสและออสโล่นั่งมองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอยังเด็กมาก เบ็กกี้สวมชุดกระโปรงสีครีมออกเหลืองที่น่าจะเคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์มาก่อน ทั้งยังถักเปียสองข้าง ทั้งยังดวงตาสีเขียวเข้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา อเล็กซิสสังเกตเห็นรอยช้ำตามลำตัวของเธอเหมือนกับที่มินนี่และเบนเห็น ทำไมเธอจะจำรอยแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันคล้ายกับรอยที่คาเมรอนเคยฝากไว้
สาวน้อยผมแดงมาจากสถานพักฟื้นผู้ป่วยจิตเวชในแคสติโมเนีย เมืองที่รายการข่าวมักเล่าว่าผู้คนที่นั่นชอบประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแบบสุดโต่ง อเล็กซิสนึกสงสัยว่าชีวิตของเบ็กกี้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร และทำไมเธอถึงกลัวอเล็กซิสขนาดนี้ หรือเพราะว่าเธอเห็นฉันฆ่าใครสักคน แต่ประเด็นคือ เธอเห็นแบบนั้นจริงเหรอ
“ฉันกลับห้องก่อนได้ไหม” ออสโล่ถามเหมือนขออนุญาต เขาดูท่าทางไม่สบาย
“นายเป็นอะไร” พลันเห็นมือของเขากุมบริเวณหน้าท้องแน่น “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื่มนมตอนท้องว่าง”
“รู้แล้ว ๆ อย่าบ่นเหมือนแม่เลยน่า”
“รีบไปสิ!” เธอเร่ง ออสโล่จึงวิ่งออกไป แต่ไม่ลืมหันกลับมาบอกทิ้งท้าย “เจอกันที่ห้องอาหารเลยนะ” แล้วเขาก็หายไป พอเธอหันกลับมา เบ็กกี้กำลังกะพริบตา และเมื่อเด็กสาวเห็นว่าตัวเองอยู่กับอเล็กซิสตามลำพังก็รีบเขยิบตัวถอยร่นจนแทบจะฝังร่างกับกำแพง
“ทำไมเธออยู่ที่นี่”
ไม่มีใครอยากนั่งเฝ้าเด็กคนนี้นอกจากเธอกับโนเอล แต่เทสซ่าไม่เห็นด้วย ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา สองพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ทะเลาะกันเลย (ตั้งแต่เบนเข้ากลุ่ม เทสซ่าชอบถูกเบนแกล้งเป็นประจำ เธอจึงใช้เวลาไปกับการป้องกันตัวเองจากหมอนี่) เพราะเหตุนี้ โนเอลจึงไม่อยากก่อบรรยากาศอึมครึมระหว่างพี่น้องขึ้นมาอีก เขาจึงปล่อยให้พวกอเล็กซิสเฝ้าเด็กแทน ส่วนเรมีลังเลว่าตัวเองควรอยู่หรือเปล่า เพราะเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเบ็กกี้ แต่สุดท้าย เบนกับอเล็กซ์ก็ลากเรมีไปสัมภาษณ์เรื่องแฮกระบบจนได้ จึงเหลืออเล็กซิสกับออสโล่ที่นั่งอยู่ อีกเหตุผลหนึ่งคือเธออยากพูดกับเด็กคนนี้ให้รู้เรื่อง
อเล็กซิสนึกถึงวิธีที่พ่อรับมือกับเจสซี่เมื่อตอนจับได้ว่าเขาแอบซ่อนขวดเหล้าไว้ใต้เตียง เธอเลือกวิธีนี้เพื่อเอาชนะความกลัวของเบ็กกี้ที่มีต่อเธอ อเล็กซิสเดินไปที่เครื่องจ่ายยา “ครีมลดรอยแผลเป็น”
หน้าต่างตรงช่องจ่ายของเลื่อนขึ้น กล่องจิ๋วขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสตกลงบนฝ่ามือ มันเป็นสีเขียวพาสเทลซึ่งข้างในจะบรรจุเนื้อเจลสีฟ้า อเล็กซิสส่งมันให้เบ็กกี้
“ใช้นี่สิ ไม่กี่วันหรอก พวกรอยนั้นก็หายแล้ว”
เบ็กกี้ลังเล เหมือนคิดว่าเธอยื่นยาพิษให้
“เวดกับฉันลองใช้แล้ว มันดีมากเลยนะ”
ใบหน้ากลมเงยขึ้น ดวงตาสีเขียวฉายแววสนใจ สีเขียวที่เหมือนกับป่าทึบในวันที่หดหู่ “เธอมีแผลด้วยเหรอ”
อเล็กซิสพยักหน้า “เหมือนกับที่เธอมีตรงคอและแขน” เมื่อเห็นว่าเบ็กกี้ยังคงตั้งใจฟัง เธอจึงเล่าเหตุการณ์น่ากลัวในตอนนั้นอย่างละเอียด แถมยังเพิ่มเนื้อหาเข้าไปนิดหน่อยเพื่ออรรถรส (และไม่ลืมไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง) “...มือของเขากุมไว้ที่คอของฉัน แล้วก็บีบ ๆ เขาตีฉันนับครั้งไม่ถ้วนเลย ฉันหายใจไม่ออก จำหน้าตัวเองแทบไม่ได้”
ดวงตาที่เคยมองเธออย่างหวาดระแวงเปลี่ยนเป็นความเห็นใจและอารมณ์ร่วม สาวน้อยผมแดงจึงเก็บยาทาผิวที่เธอให้ใส่กระเป๋ากระโปรง “ทำไมคนเราถึงชอบทำร้ายกัน คนที่ทำร้ายเธอก็เป็นถึงตำรวจ ส่วนคนที่ทำร้ายฉันเป็นหมอและพยาบาล”
“หา หมอกับพยาบาลเหรอ มันไม่ใช่วิธีการรักษาคนไข้นะ มันผิดกฎหมาย”
“ในแคสติโมเนีย บทกฎหมายเป็นรองธรรมเนียมเสมอ” เด็กสาวนั่งเงียบ แล้วทำท่าเหมือนนึกเรื่องสำคัญออกมาได้ “ไม่ ไม่ ฉันไม่ควรพูดแบบนั้น ได้โปรดลืมเถอะนะว่าฉันพูดอะไร เธอเจอคนเลว แต่สถานการณ์ของฉันมันต่างออกไป พวกเขาเป็นคนดี พวกเขาดูแลฉัน พยายามช่วยฉันให้หลุดพ้นจากคำสาป พ่อก็ตีฉันเหมือนกัน เพราะว่าฉันถูกสาป”
เมื่อได้ยินเด็กสาวตรงหน้าเล่าเรื่องของตัวเองราวกับมันเป็นเรื่องปกติที่เธอถูกทำร้าย ราวกับเธอสมควรถูกปฏิบัติเช่นนั้น ทั้งที่ลึก ๆ แล้ว เธอรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง ราวกับเธอรู้สึกว่าคนพวกนั้นจับจ้องเธออยู่ ทันใดนั้น อเล็กซิสเหมือนมีอาการหัวร้อน
“เธอเล่าความฝันอันนั้นให้ฉันฟังได้ไหม”
สาวน้อยมองซ้ายขวาเหมือนไม่แน่ใจ “เธออยากรู้จริง ๆ เหรอ เธอเชื่อฉันใช่ไหม”
“เอาจริงนะ ถ้าบอกว่าเชื่อก็คงเป็นการโกหก แต่ถ้าบอกว่าไม่เชื่อ ก็ไม่ใช่เหมือนกัน เอาเถอะ รู้ไว้ว่าฉันอยากฟังจริง ๆ โดยเฉพาะความฝันที่เธอเห็นฉัน ที่ถาม ไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝงเลยนะ”
เบ็กกี้ถอนหายใจ “ก็ได้ ฉันเห็นเธอในความฝัน เธอถือปืนเล็งมาที่ฉัน ไม่สิ คนอื่น คือเวลาที่ฉันฝัน ฉันจะมองเห็นผ่านสายตาเจ้าของร่างซึ่งเป็นคนอื่น ฉันไม่รู้ว่าหรอกว่าเธอจะฆ่าใคร ไม่รู้จริง ๆ ฉันเห็นแต่ตาคู่นั้น ตาของเธอ ฝันเห็นเหตุการณ์นี้ติดต่อกันหลายคืน แล้วฉันก็จะกรีดร้องจนตื่น เป็นแบบนี้จนพ่อและแม่ทนไม่ไหวเลยส่งฉันไปที่นั่น ดวงตาของเธอมันเย็นชาไปถึงกระดูก ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงกลัวดวงตาคู่นั้นนัก บางทีอาจเป็นเพราะฉันเห็นความกราดเกรี้ยวข้างในความเย็นชานั้นอีกที”
“ขอโทษ” อเล็กซิสพูด แม้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอจริง ๆ ใช่ไหม “ฉันเองก็อยากฆ่าไอ้ตำรวจสองคนนั้น เคยคิดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะฆ่าพวกนั้นได้ยังไง และฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันอยากฆ่าพวกเขาจริง ๆ หรือเปล่า หรือแค่อยากให้พวกเขาทรมานเหมือนที่เคยทำกับคนอื่นไว้” พลันสายตาตวัดไปทางเด็กสาวเพื่อจับกิริยา อย่างน้อย ตอนนี้อเล็กซิสประสบความสำเร็จในการซื้อใจเบ็กกี้ได้ประมาณหนึ่ง
แปลกเหลือเกิน เธอสัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้พูดความจริง แต่เรื่องที่เธอเล่าจริงแค่ไหนกันแน่ ถ้าเบ็กกี้เชื่อว่ามันเป็นความจริง คนฟังย่อมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่มันคือความจริงแน่เหรอ หรือว่ามินนี่พูดถูก ว่าเด็กคนนี้มีความสามารถในการมองเห็นอนาคตอันใกล้ แต่แม้เธอจินตนาการตัวเองสังหารคาเมรอนกับบรูซ อเล็กซิสยังสงสัยว่าเธอจะทำได้อย่างที่คิดหรือเปล่า
“ความฝันของเธอกลายเป็นความจริงบ่อยแค่ไหน”
“ไม่เคยนับด้วยสิ บางครั้งนะ”
บางครั้ง
“แล้วทำไมเธอถึงกรีดร้องจนเป็นลมด้วย”
“เพราะชายคนนั้น คนตัวใหญ่ ๆ”
“โนเอลเหรอ”
สาวน้อยพยักหน้า “ฉันเห็นเขาในหัว บางครั้งมันมีภาพปรากฏขึ้นมาแล้วเวลานั้น ฉันจะปวดหัวมาก...มาก...ฉันเห็นเขา เห็นเลือด ได้ยินเสียงปืนดังมาก...ดังเหมือนระเบิด”
คนฟังพูดไม่ออก โนเอลในมโนภาพของเบ็กกี้นั้นน่ากลัวกว่าของเธอมากมาย ฉันควรบอกโนเอลหรือเปล่า หรือคุยกับเทสซ่าก่อน พวกเขาคงคิดว่าฉันประสาทแน่ ๆ
“ฟังแล้ว...เธอว่าฉันแปลกหรือเปล่า” ในดวงตาของเด็กคนนี้มีแต่ความปวดร้าว ราวกับ
อเล็กซิสกำลังเดินเข้าไปในป่าในวันที่มืดมนที่สุด คนโตกว่าจับมือเล็ก ๆ ของแม่หนูน้อยแล้วถามกลับว่า “แล้วฉันดูน่ากลัวไหม”เด็กสาวสั่นหัว จากนั้นค่อย ๆ คลี่ยิ้มน้อย ๆ
นี่ถือวิธีที่พ่อทำให้เจสซี่คายความในใจออกจากมาได้ แม้มันจะเป็นความจริงครึ่งเดียวก็ตาม แต่ดูเหมือนมันจะได้ผลกับกรณีของเบ็กกี้พอสมควร
“เบ็กกี้ ฉันรู้นะว่าการเจอกันครั้งแรกของพวกเราไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไร แต่เพื่อนของฉันไม่ใช่พวกนิสัยไม่ดีอย่างที่เธอเคยเจอแน่ พวกเขาไม่ทำร้ายเธอหรอก จำที่เธอตะโกนใส่หน้าฉันได้ไหม เธอโกรธที่ทุกคนตัดสินเธอ ถูกไหม มันเหมือนกันแหละ เธอก็ตัดสินพวกเราไปแล้ว แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พวกเราทำกับเธอมันถูกหรอกนะ เรื่องตลกบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนอื่น พวกเราเสียใจจริง ๆ นะที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น”ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ สายตาของเด็กสาวมองต่ำลง “ฉันขอโทษเหมือนกัน ฉันขอโทษที่พูดแบบนั้นกับเธอ”แน่นอน เธอโล่งอก อเล็กซิสมีบทเรียนกับการที่เธอไม่สนใจที่จะพูด ไม่ยอมสังเกตคนรอบข้าง เพราะเหตุนี้เธอเลยเสียจูนไป แม้ว่าเธอเพิ่งเจอเบ็กกี้ แต่เพราะเห็นว่าเด็กสาวเจอเรื่องเลวร้ายมามากพอสมควร เธอไม่อยากปล่อยเด็กคนนี้อยู่คนเดียว แล้วในสภาพเหมือนถูกขับไล่ออกจากกลุ่มแบบนั้น เบ็กกี้เป็นแค่เด็กผู้หญิงและเป็นเหยื่อของพวกความเชื่อสุดโต่งกับพวกคนเลว“เอาล่ะ พวกเราจะไปกันได้แล้วหรือยัง”“ไปไหนเหรอ”อเล็กซิสกระ
พวกเพื่อนต้อนรับเบ็กกี้อย่างอบอุ่น (แก้ตัวจากครั้งแรก) โดยเฉพาะเทสซ่า เพื่อนสาวคนนี้มีนิสัยแบบนี้แหละ ออกหน้าลุยใส่ทุกคนที่คิดร้ายต่อเพื่อนตัวเอง และเมื่อสาวน้อยผมแดงกลายเป็นเพื่อนก็ละอคติซึ่งกันและกัน ความบาดหมางก็จบลง สิ่งเดียวที่อเล็กซิสสอนให้เบ็กกี้คุ้นเคยไว้ก็คือมุกตลกเจ็บแสบของเวดกับเบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาแท็กทีมในห้อง อเล็กซิสนั่งค้นหาเครื่องเล่นซีดีที่อเล็กซ์ขอยืมเขาจะชวนฉันอีกไหมเด็กสาวเขกศีรษะตัวเองเบา ๆ อยู่หลายที พอแล้วกับคำถามมากมายในหัว เธอรื้อหาเครื่องเล่นที่ว่าต่อ มันอยู่ลึกสุดใต้กระเป๋า เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ อเล็กซิสไม่ได้หยิบใช้เลย โดยเฉพาะช่วงที่ยังหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง แม้แต่อัลบั้มรูปครอบครัวและเพื่อนที่ตอนแรกอยู่ข้างบน ตอนนี้ลงไปอยู่ก้นกระเป๋าเช่นกัน แน่นอนว่าเธอคิดถึงพวกเขาจะแย่แต่กลัวที่จะเปิดดูภาพเหล่านั้น เพราะถ้าเธอเปิดดู ความรู้สึกสูญเสียก็จะกลับมาเล่นงานอีกพอนึกถึงข้อกำหนดการเคลื่อนย้าย แม้มีคำสั่งห้าม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอต้องนำเอาของพวกนี้ไปด้วยให้ได้ อย่างน้อยเธอยังได้พกพวกเขาไปด้วย อเล็กซิสได
พอมองรอบกายจึงรู้ว่าตัวเองวิ่งไล่มาจนถึงหน้าห้องสปา วิ่งอย่างกับรถแข่งเลยแฮะ สายตาสังเกตเห็นสาวบางคนส่งสายตาสื่อความนัยให้ชายหนุ่มทั้งสอง อเล็กซ์นั้นปิดกล่องรับข้อความ ส่วนเบนเปิดรับทุกช่องทางแถมส่งกลับอีกต่างหาก ไม่ว่าจะอ่อนกว่าหรือโตกว่า เขาต้อนรับทุกคน บางครั้งเขาได้รับข้อความแย่ ๆ เช่นกัน ที่เธอเห็นบ่อย ๆ คือ ‘สารเลว’ กับ ‘ไปตายซะ’ แต่คำพวกนี้ไม่ได้ทำให้เบนระคายเลย“ว่าอะไรไปก็ไม่เข้าหูนายหรอก เหมือนพูดใส่กำแพง นายไม่เบื่อเหรอไง รู้อะไรไหม ตอนแรกนายโคตรจะดูดีเลย อย่างกับเจ้าชายจำแลง แต่ตอนนี้...”“แต่อะไร” เขาหรี่ตา“นายทำลายภาพนั้นเสียย่อยยับ เลิกทำตัวเป็นหมาป่าสักที ฉันไม่ใช่หนูน้อยหมวกแดงนะ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าแบมบี้ด้วย ฉันไม่ชอบ”“ถ้าฉันเป็นหมาป่า เวดเป็นอะไรดี หมีขี้โมโหดีไหม”ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน เห็นเป็นเรื่องตลก“นิสัยปกติของนายเป็นแบบนี้เหรอ ชอบล่อลวงผู้หญิงทุกคนที่นายเจอ” อเล็กซิสถาม สงสัยอย่างจริงจัง“ไม่ทุกคนห
ม้าเหล็กสีแดงพุ่งทะยานรอบภูเขา เด็กหนุ่มวัยละอ่อนผู้มีดวงตาสีอำพันคุมบังเหียนลูกรักคันใหม่ โมเดลรุ่นล่าสุดที่กลุ่มบริษัทโวลคอฟเรียกมันว่า สปีดโบลท์ ความเร็วในระดับที่สื่อทุกแขนงยกยอว่ามันเป็นเทพเจ้าสายฟ้า นวัตกรรมใหม่ที่ไม่ว่าเจ้าไหนก็ตามไม่ทัน คงไม่แปลกนักหากโวลคอฟจะเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์อันดับหนึ่ง พ่อเป็นคนมอบของขวัญชิ้นนี้ให้เขาเอง นั่นเพราะว่าเบนเป็นลูกคนโปรดเท้าข้างขวากระทืบคันเร่งเพิ่มระดับความเร็วจนเข็มมาตรวัดหมุนไปยังเลขที่สูงขึ้น สูงขึ้น แม้มันยังไม่ถึงระดับสูงสุด อันเนื่องจากยังมีผู้โดยสารอีกสองคนซึ่งก็คืออเล็กซ์และนาตาเลียนั่งอยู่ ทว่าความเร็วระดับนี้สามารถทำให้ผู้โดยสารทั้งสองหวั่นไหวพอสมควร นาตาเลียยืนกรานจะนั่งด้วย เพราะเด็กหนุ่มทั้งสองอายุแค่สิบห้าปีเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเบนกำลังฝ่าฝืนกฎหมายการจราจร แต่ด้วยฐานะทางสังคมที่จัดว่าอยู่ในระดับชนชั้นสูงของชนชั้นสูงอีกที ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล ถ้าตำรวจกล้าเรียกให้เขาหยุด ก็เพียงแค่จ่ายเงินปิดปากสักก้อน ต่อให้รู้นามสกุลหรือไม่รู้ พวกตำรวจจะเดินออกไปเอง ยิ้มร่าพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งสำหรับจ่ายหนี้ต่าง ๆ หรืออาจจะพอรับประทานม
เบนยืนมองร่างอเล็กซ์บนเตียงโรงพยาบาล ห้อมล้อมไปด้วยสมาชิกในครอบครัว เขารอจนกระทั่งพวกโวลคอฟทำท่าจะกลับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไป วลาด ผู้มีหน้าตาและรูปร่างคล้ายคลึงกับน้องชายเดินเข้ามาจับไหล่เบน ปลอบโยน“เบน มันเป็นอุบัติเหตุ”ไม่ใช่ มันเป็นฝีมือของผมเด็กหนุ่มกลั้นน้ำตา เขารู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของเพื่อนกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงมาจากใคร และเขากำลังพูดอยู่กับฆาตกร“ผมขอโทษ ผมไม่ระวังเอง ผมผิด ความผิดของผมคนเดียว”“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า นายช่วยชีวิตน้องชายของฉันเอาไว้นะ เข้มแข็งไว้สิ ขอบคุณที่ดูแลน้องของฉันระหว่างรอพวกเรา เบน ตอนนี้นายพักได้แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันกับนิคสลับมาเฝ้าเจ้านี่เอง นิคมาพรุ่งนี้ ฉันจองคืนนี้”“ผมเฝ้าเขาเอง พี่ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”“บ้าน่า นี่น้องชายฉันนะ นายไม่ต้องห่วงหรอก แต่ถ้านายอยากจะนั่งเล่นก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งพวกเขาก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมา”เขากอดเด็กห
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”“ฝันดีต่างหาก”“ฝันถึงแม่ฉันใช่ไหมล่ะ”“อื้อ ฝันดีที่สุดเลย” เบนเน้นเสียงในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ต้องจากหอพักแห่งนี้ วันที่จะได้รู้ความจริง (หรือเปล่า) วันที่...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดห้องโถงอยู่ชั้นล่างสุด ครั้งก่อนมันเป็นที่สำหรับตรวจสุขภาพ บูทคลินิกถมที่ว่างจนเต็ม วันนี้ทั้งห้องกลับเปิดออกโล่ง มีเพียงประตูเหล็กบานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนกำแพงฝั่งตรงข้ามกับทางเข้า และใช่ เมื่อก่อนไม่มีประตูบานนี้ ทุกคนตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน เรียงลำดับจากการเข้าพักอาศัยก่อนหลัง สายตาแต่ละคนล้วนเฝ้ารอคำอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ บ้างยืนไม่สุข บ้างยืนนิ่งแต่ภายในใจกลับกระวนกระวายว้าวุ่นเบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ยืนอยู่แถวหน้าเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มแรก เจ้าหนุ่มหัวเงินยืนอยู่ข้างอเล็กซ์ด้วยเช่นกัน พวกโธมัสยืนอยู่แถวที่สองข้างหลังกลุ่มพวกเขาอีกที ส่วนพวกเด็กซานโบซ่าอยู่แถวกลางห้อง เบนยืนหาวพลางกวาดสายตาไปนู้นทีทางนี้ที คนส่วนใหญ่นำกระเป๋าใบเล็กมาด้วยเพื่อเก็บของสำคัญไว้กับตัว ส่วนเขาไม่แบก
...เงียบ! ฉันยังพูดไม่จบเลย! (ถอนหายใจ) ตั้งแต่วันนี้ จงเอาตัวรอดไปจนถึงจุดหมายให้ได้ พวกเรามีแผนที่และเสบียงเตรียมไว้ให้ เห็นไหม ไม่ยากเลย ยังมีอาวุธและอุปกรณ์อื่นดำรงชีพอื่น ๆ อีก จะหยิบหรือขนไปเท่าไรก็ได้ เราไม่จำกัด อย่าห่วงเรื่องอาหารหมด เพราะเรามีบริการเติมอยู่ทุกจุดเซฟโซน อย่าเพิ่งพูดเวลาฉันพูดอยู่”แขนของเบนเกร็งจนเส้นเลือดขึ้น มือทั้งสองกำแน่น หากมีเล็บแบบผู้หญิงคงจิกเข้าเนื้อไปแล้ว อาวุธ อาหาร จุดเซฟโซน เอาชีวิตให้รอด จะทดสอบเกมเซอร์ไววอลแบบเรียลไทม์อาร์พีจีกันหรือ ฟังดูก็รู้พวกเขาต้องต่อสู้กับบางสิ่งในนั้น และมันคงไม่ใช่หุ่นเป้านิ่งแน่นอน สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้ เบนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับข้าวของหรูหราอยู่เป็นเดือน! ถ้าเขาเขียนพล็อตเองได้ คงจะเขียนว่า เจ้าหน้าที่กำลังประกาศว่าพวกเขาเป็นแค่ร่างโคลนนิ่ง และเบนคนนี้คือร่างโคลนของ เบนจามิน โรซิเยร์ที่กำลังจะตายและต้องการอวัยวะใหม่ไปเปลี่ยนใหม่ทดแทนเดี๋ยวก่อน แต่เบนที่กำลังจะตายฟังดูไม่ดีเลยนะเขาสูด
“ในเมื่อไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร ฉันว่ายังไงเราก็ควรเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด ดูจากแผนที่แล้ว แค่หนึ่งวันก็น่าจะไปถึงทางออกได้...มั้ง แต่พวกเขาให้เวลาตั้งสิบวันแน่ะ แล้วยังอาวุธพวกนี้อีก คงมีอะไรรออยู่”“หรือว่าเราต้องสู้กับพวกหุ่นยนต์” หนุ่มผมบลอนด์เดา“หรือไม่ก็สัตว์ประหลาด” แม่หนูมินนี่สองเสริม พอทุกคนเงียบที่เธอโพล่งออกมาก็รีบบอก “ขอโทษ ๆ”“ฉันไม่เข้าใจ การทดลองบ้าอะไรก็ไม่รู้ มันดูน่ากลัว เบ็กกี้อาจพูดถูกก็ได้นะ” เทสซ่ารำพัน “แถมพวกเขายังปล่อยให้พวกเราอยู่สบายมาตั้งนาน เพื่ออะไรก็ไม่รู้ อย่างน้อยถ้าให้เตรียมใจสักหน่อยยังจะดีเสียกว่า”“แล้วแผนคืออะไร” เบนตัดบทคนอื่น“คนนั้นบอกว่าให้คอยระวังตัว เหมือนให้พวกเราตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น พวกเราก็ต้องพยายามเกาะกลุ่มกันไว้ มุ่งหน้าไปที่จุดเซฟโซนให้ได้ ดีไหม” โนเอลเสนอ พลางทำเครื่องหมายลงบนแผนที่ “ยึดแค่เส้นทางและจุดหมายก็พอ ถ้าเกิดใครหลงออกจากกลุ่ม ก็พยายามกลับทางเดิม ยังไงก็ต้องไปทางเดียวกัน อาจจะต
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส