ห้างสรรพสินค้าภาพสองหนุ่มสาวที่เดินควงแขนกันเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมามองด้วยความสนใจดวงหน้างดงามที่แย้มยิ้มสดใสตลอดเวลาที่คนรักก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบพูดคุยหยอกล้อกันราวกับว่าที่ตรงนี้เวลานี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นชวนให้คนโสดที่เดินสวนไปสวนมารู้สึกอิจฉาตาร้อนจนไม่น้อยคนโสดที่กำลังเดินสวนไปสวนมา T_T โปรดส่งใครมารักฉันทีอยู่ตรงนี้เหงาจนทนแทบไม่ไหวแล้ว“วันนี้กอหญ้าอยากกินไอศกรีมค่ะกอหญ้าจะกินหลายๆรสให้จุใจไปเลย”กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาบอกภีมวัจน์ด้วยรอยยิ้มสดใสดวงตาที่งดงามเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนบ่งบอกอารมณ์ของกอหญ้าได้เป็นอย่างดีว่าวันนี้เธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ออกมาเดินเที่ยวเล่น“ไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอคะ? ไหนบอกว่าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านน้ำหนักขึ้นตั้งสองโล”ภีมวัจน์เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเมื่อเห็นว่าวันนี้กอหญ้าอยากจะทานไอศกรีมทั้ง ๆ ที่พยายามจะไม่สนใจของหวานที่หอมละมุนฉ่ำปากมาได้ตั้งสองอาทิตย์แล้ว“ถ้าน้ำหนักขึ้นกอหญ้าก็แค่ชวนพี่ภีมออกกำลังกายก่อนนอนบ่อยๆแค่นั้นไขมันก็หนีกระเจิงแล้วค่ะ”คำพูดทะลึ่งตึงตังที่กำลังกระซิบ
ดวงตาคู่คมของภีมวัจน์ค่อยๆหรี่ลงและจ้องมองไปยังประตูทางเข้าที่มีร่างสูงของคนสองคนกำลังเดินคุยกันเข้ามาภายในร้านอาหารซึ่งทั้งสองคนที่กำลังมีสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดีทันใดนั้นสัญญาณบางอย่างก็ร้องเตือนขึ้นมาในหัวของภีมวัจน์ทันทีใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่เดิมทียังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าค่อยๆเลือนหายไปจนเหลือเพียงความเย็นชาเข้ามาแทนที่“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”กอหญ้าที่มองเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเอ่ยถามภีมวัจน์อย่างต้องการหยั่งเชิงเพราะสิ่งที่เธอต้องการให้เขาได้เห็นในที่สุดเขาก็ได้เห็นแล้วตอนนี้เธออยากจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่บังเอิญเห็นคนรู้จักเท่านั้น”สีหน้าเย็นชาพลันพลิกเปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือภีมวัจน์เผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กอหญ้าก่อนที่เขาจะตักอาหารตรงหน้าลงบนจานของเธออย่างเอาอกเอาใจเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอที่กำลังรอคอยคำตอบของเขาอยู่ด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“คนรู้จักที่ว่าใช่น้องชายคนละพ่อคนละแม่ที่ชื่อดนัยหรือเปล่าคะ?”ดวงตาของภีมวัจน์พลันไหววูบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาของกอหญ้าดวงตาคู่คมของเขาแสร้งหลุบตาลงมองพื
วันต่อมา หลังจากที่ภีมวัจน์ออกไปส่งกอหญ้าขึ้นรถไปทำงานเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบเดินทางมายังด้านหลังของคฤหาสน์ซึ่งเป็นสนามยิงปืนส่วนตัวขนาดใหญ่เมื่อเขาเดินมาถึงก็พบเข้ากับร่างสูงของนายแพทย์วายุพ่อตาของเขาที่กำลังยืนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลายสบายใจช่างเป็นภาพที่งดงามชวนมองยิ่งกว่าอะไรเสียอีก อืม หล่อเหลาขนาดนี้ไม่แปลกที่แม่ยายของเขาจะคลั่งรักขนาดนี้“มาแล้วเหรอ?”“ครับคุณพ่อ”ภีมวัจน์ตอบรับวายุด้วยน้ำเสียงนอบน้อมก่อนที่เขาจะเดินตามพ่อตาไปยังบริเวณที่ฝึกซ้อมสายตาของภีมวัจน์หยุดลงบนปืนหลายขนาดที่วางอยู่ใต้พรมบนโต๊ะข้างๆที่ฝึกซ้อม ตอนอยู่ที่ต่างประเทศภีมวัจน์เคยเรียนยิงปืนมาก่อนซึ่งความแม่นยำของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองแต่ชนิดของปืนที่เขาเรียนนั้นมีเพียงแค่ปืนสั้นและปืนพกแบบซุกซ่อนเท่านั้นแต่บนโต๊ะที่เขากำลังมองอยู่กลับมีปืนมากมายหลายชนิดที่แยกประเภทของมันวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบภีมวัจน์ “_” นี่จะทดสอบเขาหรือฝึกให้เขาไปเป็นนักฆ่ากันแน่?“ตอนอยู่ที่ต่างประเทศเคยเรียนยิงปืนสั้นกับปืนพกแบบซุกซ่อนมาแล้วใช่ไหม?”คำถามของพ่อตาทำเอาภีมวัจน์ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เข
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังฝึกฝนความแข็งแกร่งกับวายุด้วยความตั้งใจทางด้านกอหญ้าเองก็เริ่มลงมือจัดการทำลายของแผนของดนัยด้วยวิธีของพวกอันธพาลที่เธอถนัดในเมื่อเขากล้าแตะต้องผู้ชายของเธอเธอก็จะทำให้พวกมันทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดและทรมานใจจนถึงที่สุด มุมปากของกอหญ้าพลันกระตุกเล็กน้อยเมื่อคิดมาถึงตรงนี้มือเรียวบางค่อยๆยกแก้วไวน์ขึ้นจิบพอเป็นพิธีก่อนที่เธอจะนั่งฟังคนสองคนที่อยู่ด้านหลังสนทนากันด้วยน้ำเสียงที่หนักเบาสลับกันไปมายิ่งฟังนานเท่าไรมุมปากของกอหญ้าก็ยิ่งกดลึกมากเท่านั้นโทสะที่อยู่ในใจพลันพลุ่งพล่านจนแทบอยากจะลุกขึ้นไปกระชากทั้งสองคนออกไปซ้อมให้ฟันร่วงหน้าบวมเหมือนหมูเพื่อระบายอารมณ์โกรธที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นใจผู้ชายของเธอไม่เคยทำร้ายใครแล้วทำไมพวกมันถึงต้องทำร้ายผู้ชายของเธอขนาดนี้ด้วย “นายไม่กลัวไอ้ภีมมันจับได้หรือไง น้องชายต่างแม่ของนายคนนี้ไม่ได้โง่นะเผื่อนายลืม” ภรัณเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างดนัยที่กำลังพ่นควันสีเทาหม่นให้ล่องลอยไปในอากาศอย่างไม่เคารพและเกรงใจกฎของสถานที่ที่ปิดป้ายเตือนอย่างชัดเจนว่าห้ามสูบบุหรี่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ“จับได้ตอนนี้ก็สายเ
หลังจากที่จัดการกับภรัณเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็ลงมือจัดการกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆโดยการขุดเรื่องราวที่เหม็นเน่าฉาวโฉ่ของแต่ละคนออกมาและใช้สิ่งเหล่านี้ข่มขู่ทุกคนด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายคล้ายว่าตัวเองกำลังเล่นสนุกตรงข้ามกับคนเหล่านั้นที่บางคนถึงกับตอบตกลงแทบจะทันทีโดยที่เธอไม่ต้องพูดมากเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงและเกียรติยศของตัวเอง เพราะถ้าหากเรื่องราวที่สาวสวยคนนี้ใช้มาข่มขู่พวกเขาหลุดรอดออกไปทุกคนจบเห่แน่นอนผลประโยชน์ที่ดนัยเคยใช้จูงใจไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีค่าเท่าชื่อเสียงและฐานอำนาจที่กำลังจะสูญเสียไปเลยแม้แต่น้อยต่อให้เป็นคนโลภที่ตาลุกวาวกับเงินทองแต่พวกเขาก็ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าตนเองต้องทำอย่างไรเมื่อจัดการกับพวกคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์พวกนี้เรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็บังคับแกมข่มขู่ให้ทุกคนขายหุ้นที่มีอยู่ในมือให้กับเธอด้วยราคาที่ทำเอาบางคนแทบจะกระอักเลือดสิ้นสติอยู่ตรงหน้าเพราะถูกกดราคาจนแทบจะมองไม่เห็นทุน แต่ในเมื่อมองไม่เห็นหนทางที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของเด็กสาวคนนี้เหล่าตาเฒ่าและยายเฒ่าเจ้าเล่ห์บางคนก็จำต้องยอมกัดฟันข่มความขมฝาดในใจและขายหุ้นให้กอหญ้าด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวเพราะถูกบังคับให้
หลังจากที่เกราะกำบังของกอหญ้าอย่างคุณตากฤษฎิ์ยอมถอนตัวออกไปแล้วไม่ว่าลูกสาวจะทำอะไรที่ไหนคนของแก้มใสที่คอยตามดูแลกอหญ้าอยู่ก็จะกลับมารายงานเรื่องราวของลูกสาวให้เธอฟังตลอดจนกระทั่งวันนี้เมื่อน้ำเสียงนิ่งเรียบของลูกน้องหยุดลงแก้มใสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจแกมขบขันเมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอนั้นช่างรักมั่นคงต่อภีมวัจน์จริงๆ ถึงเธอกับบิดาจะขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งรักแต่ก็ไม่ได้ทุ่มเทมากเหมือนกอหญ้าที่ทั้งรักและพร้อมจะปกป้องภีมวัจน์จากคนที่จ้องจะทำร้ายเขาเสมอทำให้คนที่เป็นมารดาอย่างเธอทั้งนับถือและเลื่อมใสลูกสาวจากใจจริงโดยที่เธอไม่คิดจะตำหนิหรือต่อว่ากับการกระทำของลูกสาวที่ได้ล่วงเกินคนใหญ่คนโตพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยเพราะถ้าหากว่ามีคนมารังแกพี่หมอวายุเธอเองก็จะไม่อยู่เฉยเช่นกันหลังจากที่ลูกน้องของเธอกลับไปแล้วแก้มใสก็ยังคงนั่งทอดอารมณ์มองผืนฟ้าที่กว้างใหญ่มือก็หยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดแก้วอย่างมีความสุขก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นใบหน้างดงามของลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“ไปก่อเรื่องที่ไหนมาอีกล่ะถึงได้ยิ้มไม่ยอมหุบแบบนี้”คำพูดรู้
“เหนื่อยไหมคะ?”กอหญ้าเอ่ยถามภีมวัจน์ที่เดินเช็ดผมมาหยุดลงข้างๆเตียงนอนก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงสองมือนุ่มนิ่มของกอหญ้าพลันรีบจับคว้าผ้าผืนเล็กมาจากมือของเขาพร้อมลงมือเช็ดผมให้เขาเบาๆอย่างรักใคร่ทะนุถนอม“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะวันนี้ซ้อมวันสุดท้ายคุณพ่อเข้มงวดน่าดู กว่าจะยอมให้ผ่านสองตาเล็งเป้าจนล้าไปหมดแล้ว”น้ำเสียงท้ายประโยคที่แฝงไปด้วยการออดอ้อนของภีมวัจน์ทำให้กอหญ้าถึงกับใจละลายในขณะที่ภีมวัจน์เองก็ค่อยๆขยับเข้าไปพิงบนตัวของเธอซึ่งถ้าใครมาเห็นภาพนี้เข้าคงจะพากันงุนงงไม่น้อยที่ทั้งสองคนนั้นดูเหมือนว่ากำลังสลับตำแหน่งที่นั่งกันชายผู้มีร่างกายแข็งแรงบึกบึนกลับนั่งพิงอกอวบอิ่มของสาวงามผู้มีร่างกายบอบบางประหนึ่งภาพวาดของจิตรกรชื่อด“ขอบคุณนะคะที่ยอมทุ่มเทเพื่อกอหญ้ามากขนาดนี้”กอหญ้าเอ่ยขอบคุณภีมวัจน์ด้วยความจริงใจในใจพลันคิดว่าถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่นที่ตกหลุมรักและอยากจะเข้ามาเป็นลูกเขยของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกหากได้ฟังเงื่อนไขของแม่แก้มใสแล้วจะต้องไม่มีใครยอมทำเพื่อเธอขนาดนี้แน่นอน เพราะเธอรู้ดีว่าการฝึกเพื่อให้ผ่านการทดสอบเหล่านั้นยากลำบากและต้องใ
เมื่อเห็นลูกสาวกับลูกเขยเดินจูงมือออกมาจากป่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจมุมปากแก้มใสถึงกับกระตุกริกด้วยความโมโหเมื่อเห็นลูกสาวของเธออยู่ในชุดสีดำรัดกุมตามร่างกายเต็มไปด้วยอาวุธปืนที่ถูกเหน็บไว้ที่ขาและแขนทั้งสองข้างแถมยังมีช่องลับที่เอาไว้ใส่อาวุธอย่างอื่นอีกด้วยนี่อย่าบอกนะว่า? “จะลักพาตัวกอหญ้าทั้งทีทำไมไม่เอาคนที่เก่งกว่านี้ล่ะคะ ? คนที่แม่แก้มส่งมาไม่เอาไหนซะเลย” เมื่อลูกสาวเอ่ยคำนี้ออกมาแก้มใสก็เดาเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วมุมปากของเธอเบ้ออกด้วยความหมั่นไส้ เฮอะ อุตส่าห์วางแผนไว้เป็นอย่างดีสุดท้ายกลับพังไม่เป็นท่าลูกสาวตัวดีของเธอชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันถึงขั้นสามารถตลบหลังซ้อนแผนเธอได้อย่างแนบเนียนหลังจากนี้ไปเธอจะประมาทลูกสาวคนเล็กไม่ได้เด็ดขาด“เหอะ ทนเห็นตาภีมเจ็บตัวไม่ได้เลยนะ”คำพูดประเหน็บแนมของมารดาไม่ได้ทำให้กอหญ้านึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแต่อย่างใดใบหน้าเนียนสวยใสไร้เครื่องสำอางกลับฉีกยิ้มกว้างให้มารดาราวกับต้องการยั่วอารมณ์โมโหของแก้มใสที่แต่เดิมก็โมโหแทบตายอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีก“แน่นอนค่ะ พี่ภีมเป็นผู้ชายของกอหญ้าใครจะยอมทนเห็นคนร