หลังจากที่จัดการกับภรัณเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็ลงมือจัดการกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆโดยการขุดเรื่องราวที่เหม็นเน่าฉาวโฉ่ของแต่ละคนออกมาและใช้สิ่งเหล่านี้ข่มขู่ทุกคนด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายคล้ายว่าตัวเองกำลังเล่นสนุกตรงข้ามกับคนเหล่านั้นที่บางคนถึงกับตอบตกลงแทบจะทันทีโดยที่เธอไม่ต้องพูดมากเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงและเกียรติยศของตัวเอง เพราะถ้าหากเรื่องราวที่สาวสวยคนนี้ใช้มาข่มขู่พวกเขาหลุดรอดออกไปทุกคนจบเห่แน่นอนผลประโยชน์ที่ดนัยเคยใช้จูงใจไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีค่าเท่าชื่อเสียงและฐานอำนาจที่กำลังจะสูญเสียไปเลยแม้แต่น้อยต่อให้เป็นคนโลภที่ตาลุกวาวกับเงินทองแต่พวกเขาก็ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าตนเองต้องทำอย่างไรเมื่อจัดการกับพวกคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์พวกนี้เรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็บังคับแกมข่มขู่ให้ทุกคนขายหุ้นที่มีอยู่ในมือให้กับเธอด้วยราคาที่ทำเอาบางคนแทบจะกระอักเลือดสิ้นสติอยู่ตรงหน้าเพราะถูกกดราคาจนแทบจะมองไม่เห็นทุน แต่ในเมื่อมองไม่เห็นหนทางที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของเด็กสาวคนนี้เหล่าตาเฒ่าและยายเฒ่าเจ้าเล่ห์บางคนก็จำต้องยอมกัดฟันข่มความขมฝาดในใจและขายหุ้นให้กอหญ้าด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวเพราะถูกบังคับให้
หลังจากที่เกราะกำบังของกอหญ้าอย่างคุณตากฤษฎิ์ยอมถอนตัวออกไปแล้วไม่ว่าลูกสาวจะทำอะไรที่ไหนคนของแก้มใสที่คอยตามดูแลกอหญ้าอยู่ก็จะกลับมารายงานเรื่องราวของลูกสาวให้เธอฟังตลอดจนกระทั่งวันนี้เมื่อน้ำเสียงนิ่งเรียบของลูกน้องหยุดลงแก้มใสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจแกมขบขันเมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอนั้นช่างรักมั่นคงต่อภีมวัจน์จริงๆ ถึงเธอกับบิดาจะขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งรักแต่ก็ไม่ได้ทุ่มเทมากเหมือนกอหญ้าที่ทั้งรักและพร้อมจะปกป้องภีมวัจน์จากคนที่จ้องจะทำร้ายเขาเสมอทำให้คนที่เป็นมารดาอย่างเธอทั้งนับถือและเลื่อมใสลูกสาวจากใจจริงโดยที่เธอไม่คิดจะตำหนิหรือต่อว่ากับการกระทำของลูกสาวที่ได้ล่วงเกินคนใหญ่คนโตพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยเพราะถ้าหากว่ามีคนมารังแกพี่หมอวายุเธอเองก็จะไม่อยู่เฉยเช่นกันหลังจากที่ลูกน้องของเธอกลับไปแล้วแก้มใสก็ยังคงนั่งทอดอารมณ์มองผืนฟ้าที่กว้างใหญ่มือก็หยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดแก้วอย่างมีความสุขก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นใบหน้างดงามของลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“ไปก่อเรื่องที่ไหนมาอีกล่ะถึงได้ยิ้มไม่ยอมหุบแบบนี้”คำพูดรู้
“เหนื่อยไหมคะ?”กอหญ้าเอ่ยถามภีมวัจน์ที่เดินเช็ดผมมาหยุดลงข้างๆเตียงนอนก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงสองมือนุ่มนิ่มของกอหญ้าพลันรีบจับคว้าผ้าผืนเล็กมาจากมือของเขาพร้อมลงมือเช็ดผมให้เขาเบาๆอย่างรักใคร่ทะนุถนอม“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะวันนี้ซ้อมวันสุดท้ายคุณพ่อเข้มงวดน่าดู กว่าจะยอมให้ผ่านสองตาเล็งเป้าจนล้าไปหมดแล้ว”น้ำเสียงท้ายประโยคที่แฝงไปด้วยการออดอ้อนของภีมวัจน์ทำให้กอหญ้าถึงกับใจละลายในขณะที่ภีมวัจน์เองก็ค่อยๆขยับเข้าไปพิงบนตัวของเธอซึ่งถ้าใครมาเห็นภาพนี้เข้าคงจะพากันงุนงงไม่น้อยที่ทั้งสองคนนั้นดูเหมือนว่ากำลังสลับตำแหน่งที่นั่งกันชายผู้มีร่างกายแข็งแรงบึกบึนกลับนั่งพิงอกอวบอิ่มของสาวงามผู้มีร่างกายบอบบางประหนึ่งภาพวาดของจิตรกรชื่อด“ขอบคุณนะคะที่ยอมทุ่มเทเพื่อกอหญ้ามากขนาดนี้”กอหญ้าเอ่ยขอบคุณภีมวัจน์ด้วยความจริงใจในใจพลันคิดว่าถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่นที่ตกหลุมรักและอยากจะเข้ามาเป็นลูกเขยของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกหากได้ฟังเงื่อนไขของแม่แก้มใสแล้วจะต้องไม่มีใครยอมทำเพื่อเธอขนาดนี้แน่นอน เพราะเธอรู้ดีว่าการฝึกเพื่อให้ผ่านการทดสอบเหล่านั้นยากลำบากและต้องใ
เมื่อเห็นลูกสาวกับลูกเขยเดินจูงมือออกมาจากป่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจมุมปากแก้มใสถึงกับกระตุกริกด้วยความโมโหเมื่อเห็นลูกสาวของเธออยู่ในชุดสีดำรัดกุมตามร่างกายเต็มไปด้วยอาวุธปืนที่ถูกเหน็บไว้ที่ขาและแขนทั้งสองข้างแถมยังมีช่องลับที่เอาไว้ใส่อาวุธอย่างอื่นอีกด้วยนี่อย่าบอกนะว่า? “จะลักพาตัวกอหญ้าทั้งทีทำไมไม่เอาคนที่เก่งกว่านี้ล่ะคะ ? คนที่แม่แก้มส่งมาไม่เอาไหนซะเลย” เมื่อลูกสาวเอ่ยคำนี้ออกมาแก้มใสก็เดาเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วมุมปากของเธอเบ้ออกด้วยความหมั่นไส้ เฮอะ อุตส่าห์วางแผนไว้เป็นอย่างดีสุดท้ายกลับพังไม่เป็นท่าลูกสาวตัวดีของเธอชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันถึงขั้นสามารถตลบหลังซ้อนแผนเธอได้อย่างแนบเนียนหลังจากนี้ไปเธอจะประมาทลูกสาวคนเล็กไม่ได้เด็ดขาด“เหอะ ทนเห็นตาภีมเจ็บตัวไม่ได้เลยนะ”คำพูดประเหน็บแนมของมารดาไม่ได้ทำให้กอหญ้านึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแต่อย่างใดใบหน้าเนียนสวยใสไร้เครื่องสำอางกลับฉีกยิ้มกว้างให้มารดาราวกับต้องการยั่วอารมณ์โมโหของแก้มใสที่แต่เดิมก็โมโหแทบตายอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีก“แน่นอนค่ะ พี่ภีมเป็นผู้ชายของกอหญ้าใครจะยอมทนเห็นคนร
AK Groupเมื่อทุกคนที่กำลังยืนรอลิฟต์หันมาเจอท่านประธานที่หายหน้าหายตาไปนานบางคนก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเนื่องจากเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่ท่านประธานของทุกคนไม่เข้าบริษัททำให้หลายคนต่างพากันคาดเดาเหตุผลไปต่างๆนานาบ้างก็ว่าท่านประธานป่วยจนไม่สามารถลุกขึ้นมาทำงานได้บ้างก็ว่าท่านประธานเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนดกลับแต่การคาดเดาที่ไร้สาระที่สุดก็คือบางคนกลับคิดว่าท่านประธานหลงแฟนจนถึงขั้นไม่ยอมมาทำงานแต่วันนี้เมื่อทุกคนได้เห็นท่านประธานที่ดูเหมือนรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยทำให้การคาดเดาที่ไร้สาระนั้นถูกปัดตกแทบจะทันที“แกดูเหมือนว่าท่านประธานจะหล่อขึ้นกว่าเดิมนะ อกผาย ไหล่ผึ่ง กล้ามเป็นมัดๆเลย”“นั่นนะสิเหมือนจะแน่นขึ้นมากกว่าเดิมด้วย ไม่รู้ว่าท่านหายไปทำอะไรมาถึงได้ดูดีมากขนาดนี้แต่ก่อนก็ว่าหน้าตาดีอยู่แล้วกลับมาครั้งนี้กร้าวใจชะมัดเลย”“ที่เขาพูดว่าท่านประธานป่วยนี่ไม่จริงใช่ไหมคนป่วยอะไรจะหล่อขึ้นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไปเอาข่าวนี้มาจากไหนกันพวกแกดูหุ่นท่านประธานสิเฟิร์มขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”“ไหนเขาบอกว่าท่านประธานไปต่างประเทศไม่มีกำหนดกลับไงนึกว่าถูกแม่เล
วันประชุมผู้ถือหุ้น AK Group“จะไม่เข้าประชุมด้วยกันจริงๆเหรอคะ”น้ำเสียงออดอ้อนที่เอ่ยชิดริมใบหูของกอหญ้าทำให้ดวงตาที่เดิมทีกำลังจดจ้องตัวหนังสือที่อยู่ในมือพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักที่ตอนนี้กำลังกอดเธอไม่ยอมปล่อยแถมยังถูไถใบหน้าไปมาบนไหล่มนของกอหญ้าราวกับลูกแมวน้อยขี้อ้อนทำเอาเตชินทร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลเบือนหน้าหนีภาพความหวานชื่นตรงหน้าอย่างทนมองไม่ได้เขาไม่คิดเลยว่าเจ้านายของเขาจะหน้าไม่อายถึงเพียงนี้“ให้เตชินทร์เข้าไปด้วยน่ะถูกแล้วค่ะ กอหญ้าเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานเท่านั้นให้เข้าไปร่วมฟังการประชุมด้วยคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่?”เตชินทร์ที่หันหน้ากลับมามองคู่รักตรงหน้าพยักหน้ารัวๆราวกับลูกไก่จิกข้าวสารอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของกอหญ้า“แต่กอหญ้าเป็นแฟนพี่ภีมนะคะ”กอหญ้า “_”เตชินทร์ “_”ภีมวัจน์ T_Tนี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกันช่างไร้สาระสิ้นดีท่านประธานของเขาทำไมถึงได้หน้าไม่อายเพียงนี้เตชินทร์อยากจะบ้าตาย“นี่มันเรื่องงานนะคะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”กอหญ้าถลึงตาใส่ภีมวัจน์ที่เบ้ปากคล้ายเด็กน้อยเวลาถูกขัดใจดวงตาคู่คมแดงระเรื่อราวกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อยิ่งทำให้เตชินทร์รู้สึกว่าไ
“พิสิฐกุลวัตรดิลกซื้อหุ้นของใครกันทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”ใครบางคนที่อดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะเรื่องนี้สร้างความตกใจให้แก่เขาที่เอ่ยถามไม่น้อยตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกนั้นเป็นตระกูลมหาอำนาจอย่างแท้จริงไม่มีใครกล้าแตะต้องธุรกิจหรือคนในตระกูลนี้เช่นเดียวกับคนในตระกูลที่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนหรือยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจของคนอื่นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของตระกูลนี้ล้วนเป็นชาวต่างชาติน้อยมากที่จะเปิดขายหุ้นให้กับคนไทยแล้วอยู่ ๆเกิดอะไรขึ้นพิสิฐกุลวัตรดิลกถึงได้ยอมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในผู้ถือหุ้นธุรกิจของอภิรักษวัฒนกุลคนที่เอ่ยถามได้แต่ขบคิดจนหัวแทบแตกแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงคิดหาเหตุผลมาตอบตัวเองไม่ได้อยู่ดีสงสัยดวงอาทิตย์คงขึ้นทางฝั่งทิศตะวันตกสองตระกูลนี้ถึงได้ยอมร่วมมือกัน“ใครหายไปไม่มาเข้าประชุมก็ของคนนั้นแหละค่ะ”กอหญ้าไขข้อสงสัยให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมที่อยากรู้อยากเห็นซึ่งสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนอีกครั้งคนที่ไม่เข้าร่วมประชุมคือผู้อาวุโสทั้งห้าคนที่พวกเขารอคอยแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงานี่คงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นขายหุ
“ฮึก ฮือ เราจะทำยังไงกันดีนัย ? ทำยังไงดี ? ทำไมอยู่ ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ? แม่เกลียดพวกมันเกลียดจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว เกลียด เกลียด กรี๊ด”คำถามของมารดาที่มาพร้อมเสียงร้องตะโกนอย่างคลุ้มคลั่งทำให้ดนัยค่อยๆดึงรั้งดารัณเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อปลอบประโลมไหล่บอบบางที่สะอื้นไห้จนตัวโยนทำให้ดวงตาสีดำหม่นแสงความเจ็บปวดฉายวาบอยู่ในนั้นก่อนที่จะค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นความแค้นฝังลึกถึงกระดูกที่ค่อย ๆเข้ามาแทนที่เมื่อหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำมารดาของเขานั้นคลุ้มคลั่งตั้งแต่อยู่ในห้องประชุมมาจนถึงตอนนี้“ไม่ร้องนะครับแม่ ถึงวันนี้เราจะล้มเหลวแต่นัยสัญญาว่าวันหน้ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”ดนัยให้คำมั่นสัญญาแก่มารดาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ดารัณรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยเสียงกรีดร้องร่ำไห้ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสองมือที่ถูกดนัยกอดเอาไว้พลันคว้าจับสิ่งของที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงลงบนพื้นสุดแรงด้วยความแค้นใจเจียนคลั่งเมื่อแผนที่เธอและลูกชายวางเอาไว้ถูกภีมวัจน์ทำลายจนพังย่อยยับสุดท้ายวันที่เธอรอคอยที่จะจัดการกับเด็กเหลือขออย่างภีมวัจน์ก็พลันห่างไกลออกไปท