หลังจากที่รักษาตัวจนแผลบนใบหน้าค่อยๆจางลงไปจนแทบไม่เหลือรอยภีมวัจน์ก็ต้องกลับเข้าสู่การฝึกด่านที่สองอีกครั้งซึ่งครั้งนี้คนที่ฝึกซ้อมให้เขาไม่ใช่แม่ยายที่แสนร้ายกาจหรือครูฝึกที่แสนขี้เล่นจนแทบจะเล่นขี้ได้อยู่แล้วแต่กลับเป็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในการทดสอบเขาในครั้งนี้ด้วยก็คือพ่อตาสุดหล่อนายแพทย์วายุที่มักจะมีสีหน้าอ่อนโยนให้เห็นอยู่เป็นประจำทำเอาภีมวัจน์อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ จากที่เขารู้มาพ่อตาของเขานอกจากจะเป็นศัลยแพทย์ที่มีฝีมือร้ายกาจแล้วท่านยังเป็นถึงลูกชายของมาเฟียใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็คือคุณปู่ของกอหญ้าที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนครั้งแรกที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากปากของกอหญ้าสมองของภีมวัจน์ถึงกับรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากครอบครัวของแม่ยายที่เป็นมาเฟียแล้วครอบครัวทางฝั่งพ่อตาก็เป็นครอบครัวมาเฟียใหญ่ที่ไม่ได้ร้ายกาจน้อยหน้าครอบครัวของแม่ยายเลยแม้แต่น้อยที่สำคัญคุณปู่ของกอหญ้ายังเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกับคุณตากฤษฎิ์อีกด้วย “หน้ายังไม่หายดีเลย” กอหญ้ายกมือขึ้นลูบเบาๆตรงมุมปากของภีมวัจน์ที่ยังคงเหลื
ห้างสรรพสินค้าภาพสองหนุ่มสาวที่เดินควงแขนกันเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมามองด้วยความสนใจดวงหน้างดงามที่แย้มยิ้มสดใสตลอดเวลาที่คนรักก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบพูดคุยหยอกล้อกันราวกับว่าที่ตรงนี้เวลานี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นชวนให้คนโสดที่เดินสวนไปสวนมารู้สึกอิจฉาตาร้อนจนไม่น้อยคนโสดที่กำลังเดินสวนไปสวนมา T_T โปรดส่งใครมารักฉันทีอยู่ตรงนี้เหงาจนทนแทบไม่ไหวแล้ว“วันนี้กอหญ้าอยากกินไอศกรีมค่ะกอหญ้าจะกินหลายๆรสให้จุใจไปเลย”กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาบอกภีมวัจน์ด้วยรอยยิ้มสดใสดวงตาที่งดงามเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนบ่งบอกอารมณ์ของกอหญ้าได้เป็นอย่างดีว่าวันนี้เธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ออกมาเดินเที่ยวเล่น“ไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอคะ? ไหนบอกว่าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านน้ำหนักขึ้นตั้งสองโล”ภีมวัจน์เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเมื่อเห็นว่าวันนี้กอหญ้าอยากจะทานไอศกรีมทั้ง ๆ ที่พยายามจะไม่สนใจของหวานที่หอมละมุนฉ่ำปากมาได้ตั้งสองอาทิตย์แล้ว“ถ้าน้ำหนักขึ้นกอหญ้าก็แค่ชวนพี่ภีมออกกำลังกายก่อนนอนบ่อยๆแค่นั้นไขมันก็หนีกระเจิงแล้วค่ะ”คำพูดทะลึ่งตึงตังที่กำลังกระซิบ
ดวงตาคู่คมของภีมวัจน์ค่อยๆหรี่ลงและจ้องมองไปยังประตูทางเข้าที่มีร่างสูงของคนสองคนกำลังเดินคุยกันเข้ามาภายในร้านอาหารซึ่งทั้งสองคนที่กำลังมีสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดีทันใดนั้นสัญญาณบางอย่างก็ร้องเตือนขึ้นมาในหัวของภีมวัจน์ทันทีใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่เดิมทียังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าค่อยๆเลือนหายไปจนเหลือเพียงความเย็นชาเข้ามาแทนที่“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”กอหญ้าที่มองเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเอ่ยถามภีมวัจน์อย่างต้องการหยั่งเชิงเพราะสิ่งที่เธอต้องการให้เขาได้เห็นในที่สุดเขาก็ได้เห็นแล้วตอนนี้เธออยากจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่บังเอิญเห็นคนรู้จักเท่านั้น”สีหน้าเย็นชาพลันพลิกเปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือภีมวัจน์เผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กอหญ้าก่อนที่เขาจะตักอาหารตรงหน้าลงบนจานของเธออย่างเอาอกเอาใจเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอที่กำลังรอคอยคำตอบของเขาอยู่ด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“คนรู้จักที่ว่าใช่น้องชายคนละพ่อคนละแม่ที่ชื่อดนัยหรือเปล่าคะ?”ดวงตาของภีมวัจน์พลันไหววูบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาของกอหญ้าดวงตาคู่คมของเขาแสร้งหลุบตาลงมองพื
วันต่อมา หลังจากที่ภีมวัจน์ออกไปส่งกอหญ้าขึ้นรถไปทำงานเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบเดินทางมายังด้านหลังของคฤหาสน์ซึ่งเป็นสนามยิงปืนส่วนตัวขนาดใหญ่เมื่อเขาเดินมาถึงก็พบเข้ากับร่างสูงของนายแพทย์วายุพ่อตาของเขาที่กำลังยืนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลายสบายใจช่างเป็นภาพที่งดงามชวนมองยิ่งกว่าอะไรเสียอีก อืม หล่อเหลาขนาดนี้ไม่แปลกที่แม่ยายของเขาจะคลั่งรักขนาดนี้“มาแล้วเหรอ?”“ครับคุณพ่อ”ภีมวัจน์ตอบรับวายุด้วยน้ำเสียงนอบน้อมก่อนที่เขาจะเดินตามพ่อตาไปยังบริเวณที่ฝึกซ้อมสายตาของภีมวัจน์หยุดลงบนปืนหลายขนาดที่วางอยู่ใต้พรมบนโต๊ะข้างๆที่ฝึกซ้อม ตอนอยู่ที่ต่างประเทศภีมวัจน์เคยเรียนยิงปืนมาก่อนซึ่งความแม่นยำของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองแต่ชนิดของปืนที่เขาเรียนนั้นมีเพียงแค่ปืนสั้นและปืนพกแบบซุกซ่อนเท่านั้นแต่บนโต๊ะที่เขากำลังมองอยู่กลับมีปืนมากมายหลายชนิดที่แยกประเภทของมันวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบภีมวัจน์ “_” นี่จะทดสอบเขาหรือฝึกให้เขาไปเป็นนักฆ่ากันแน่?“ตอนอยู่ที่ต่างประเทศเคยเรียนยิงปืนสั้นกับปืนพกแบบซุกซ่อนมาแล้วใช่ไหม?”คำถามของพ่อตาทำเอาภีมวัจน์ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เข
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังฝึกฝนความแข็งแกร่งกับวายุด้วยความตั้งใจทางด้านกอหญ้าเองก็เริ่มลงมือจัดการทำลายของแผนของดนัยด้วยวิธีของพวกอันธพาลที่เธอถนัดในเมื่อเขากล้าแตะต้องผู้ชายของเธอเธอก็จะทำให้พวกมันทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดและทรมานใจจนถึงที่สุด มุมปากของกอหญ้าพลันกระตุกเล็กน้อยเมื่อคิดมาถึงตรงนี้มือเรียวบางค่อยๆยกแก้วไวน์ขึ้นจิบพอเป็นพิธีก่อนที่เธอจะนั่งฟังคนสองคนที่อยู่ด้านหลังสนทนากันด้วยน้ำเสียงที่หนักเบาสลับกันไปมายิ่งฟังนานเท่าไรมุมปากของกอหญ้าก็ยิ่งกดลึกมากเท่านั้นโทสะที่อยู่ในใจพลันพลุ่งพล่านจนแทบอยากจะลุกขึ้นไปกระชากทั้งสองคนออกไปซ้อมให้ฟันร่วงหน้าบวมเหมือนหมูเพื่อระบายอารมณ์โกรธที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นใจผู้ชายของเธอไม่เคยทำร้ายใครแล้วทำไมพวกมันถึงต้องทำร้ายผู้ชายของเธอขนาดนี้ด้วย “นายไม่กลัวไอ้ภีมมันจับได้หรือไง น้องชายต่างแม่ของนายคนนี้ไม่ได้โง่นะเผื่อนายลืม” ภรัณเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างดนัยที่กำลังพ่นควันสีเทาหม่นให้ล่องลอยไปในอากาศอย่างไม่เคารพและเกรงใจกฎของสถานที่ที่ปิดป้ายเตือนอย่างชัดเจนว่าห้ามสูบบุหรี่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ“จับได้ตอนนี้ก็สายเ
หลังจากที่จัดการกับภรัณเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็ลงมือจัดการกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆโดยการขุดเรื่องราวที่เหม็นเน่าฉาวโฉ่ของแต่ละคนออกมาและใช้สิ่งเหล่านี้ข่มขู่ทุกคนด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายคล้ายว่าตัวเองกำลังเล่นสนุกตรงข้ามกับคนเหล่านั้นที่บางคนถึงกับตอบตกลงแทบจะทันทีโดยที่เธอไม่ต้องพูดมากเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงและเกียรติยศของตัวเอง เพราะถ้าหากเรื่องราวที่สาวสวยคนนี้ใช้มาข่มขู่พวกเขาหลุดรอดออกไปทุกคนจบเห่แน่นอนผลประโยชน์ที่ดนัยเคยใช้จูงใจไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีค่าเท่าชื่อเสียงและฐานอำนาจที่กำลังจะสูญเสียไปเลยแม้แต่น้อยต่อให้เป็นคนโลภที่ตาลุกวาวกับเงินทองแต่พวกเขาก็ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าตนเองต้องทำอย่างไรเมื่อจัดการกับพวกคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์พวกนี้เรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็บังคับแกมข่มขู่ให้ทุกคนขายหุ้นที่มีอยู่ในมือให้กับเธอด้วยราคาที่ทำเอาบางคนแทบจะกระอักเลือดสิ้นสติอยู่ตรงหน้าเพราะถูกกดราคาจนแทบจะมองไม่เห็นทุน แต่ในเมื่อมองไม่เห็นหนทางที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของเด็กสาวคนนี้เหล่าตาเฒ่าและยายเฒ่าเจ้าเล่ห์บางคนก็จำต้องยอมกัดฟันข่มความขมฝาดในใจและขายหุ้นให้กอหญ้าด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวเพราะถูกบังคับให้
หลังจากที่เกราะกำบังของกอหญ้าอย่างคุณตากฤษฎิ์ยอมถอนตัวออกไปแล้วไม่ว่าลูกสาวจะทำอะไรที่ไหนคนของแก้มใสที่คอยตามดูแลกอหญ้าอยู่ก็จะกลับมารายงานเรื่องราวของลูกสาวให้เธอฟังตลอดจนกระทั่งวันนี้เมื่อน้ำเสียงนิ่งเรียบของลูกน้องหยุดลงแก้มใสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจแกมขบขันเมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอนั้นช่างรักมั่นคงต่อภีมวัจน์จริงๆ ถึงเธอกับบิดาจะขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งรักแต่ก็ไม่ได้ทุ่มเทมากเหมือนกอหญ้าที่ทั้งรักและพร้อมจะปกป้องภีมวัจน์จากคนที่จ้องจะทำร้ายเขาเสมอทำให้คนที่เป็นมารดาอย่างเธอทั้งนับถือและเลื่อมใสลูกสาวจากใจจริงโดยที่เธอไม่คิดจะตำหนิหรือต่อว่ากับการกระทำของลูกสาวที่ได้ล่วงเกินคนใหญ่คนโตพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยเพราะถ้าหากว่ามีคนมารังแกพี่หมอวายุเธอเองก็จะไม่อยู่เฉยเช่นกันหลังจากที่ลูกน้องของเธอกลับไปแล้วแก้มใสก็ยังคงนั่งทอดอารมณ์มองผืนฟ้าที่กว้างใหญ่มือก็หยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดแก้วอย่างมีความสุขก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นใบหน้างดงามของลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“ไปก่อเรื่องที่ไหนมาอีกล่ะถึงได้ยิ้มไม่ยอมหุบแบบนี้”คำพูดรู้
“เหนื่อยไหมคะ?”กอหญ้าเอ่ยถามภีมวัจน์ที่เดินเช็ดผมมาหยุดลงข้างๆเตียงนอนก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงสองมือนุ่มนิ่มของกอหญ้าพลันรีบจับคว้าผ้าผืนเล็กมาจากมือของเขาพร้อมลงมือเช็ดผมให้เขาเบาๆอย่างรักใคร่ทะนุถนอม“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะวันนี้ซ้อมวันสุดท้ายคุณพ่อเข้มงวดน่าดู กว่าจะยอมให้ผ่านสองตาเล็งเป้าจนล้าไปหมดแล้ว”น้ำเสียงท้ายประโยคที่แฝงไปด้วยการออดอ้อนของภีมวัจน์ทำให้กอหญ้าถึงกับใจละลายในขณะที่ภีมวัจน์เองก็ค่อยๆขยับเข้าไปพิงบนตัวของเธอซึ่งถ้าใครมาเห็นภาพนี้เข้าคงจะพากันงุนงงไม่น้อยที่ทั้งสองคนนั้นดูเหมือนว่ากำลังสลับตำแหน่งที่นั่งกันชายผู้มีร่างกายแข็งแรงบึกบึนกลับนั่งพิงอกอวบอิ่มของสาวงามผู้มีร่างกายบอบบางประหนึ่งภาพวาดของจิตรกรชื่อด“ขอบคุณนะคะที่ยอมทุ่มเทเพื่อกอหญ้ามากขนาดนี้”กอหญ้าเอ่ยขอบคุณภีมวัจน์ด้วยความจริงใจในใจพลันคิดว่าถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่นที่ตกหลุมรักและอยากจะเข้ามาเป็นลูกเขยของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกหากได้ฟังเงื่อนไขของแม่แก้มใสแล้วจะต้องไม่มีใครยอมทำเพื่อเธอขนาดนี้แน่นอน เพราะเธอรู้ดีว่าการฝึกเพื่อให้ผ่านการทดสอบเหล่านั้นยากลำบากและต้องใ
โรงเรียนอนุบาลมือเล็กขาวนุ่มนิ่มของเด็กชายตัวน้อยค่อยๆยื่นไปอุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กที่ส่งเสียงร้องด้วยความสงสารดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นจ้องมองแมวน้อยด้วยแววตาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เด็กชายจะยื่นเจ้าแมวสีขาวที่เลอะคราบดินให้เด็กชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกพร้อมกับหันกลับไปอุ้มเจ้าแมวน้อยอีกตัวมาไว้ในอ้อมแขนพีร์ รณพีร์ : เราจะพาเจ้าแมวน้อยสองตัวนี้กลับไปเลี้ยงจริงๆเหรอครับพี่ภาคย์ ?เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้ากังวลใจเพราะเขากลัวว่าบิดาและมารดาจะไม่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเหมือนเขากับพี่ชายที่รู้สึกสงสารลูกแมวน้อยที่กำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายของเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับไปด้วยเพื่อขออนุญาตบิดาและมารเลี้ยงเอาไว้ภาคย์ ภูบดินทร์ : อืม แมวน้อยน่าสงสารไม่มีแม่แล้วต่อไปเราสองคนต้องตั้งใจเลี้ยงให้ดีนะรู้ไหม ?ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกน้องชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อนั่งรอบิดากับมารดามารับระหว่างทางที่เดินไปเด็กสาวบางคนต่างก็หันมาจ้องมองพี่น้องฝาแฝดด้วยความสนใจบางคนถึงกับแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เด็กชายทั้งสอ
เวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดกำหนดคลอดของกอหญ้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีทุกคนในครอบครัวต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะบรรดาผู้อาวุโสอย่างคุณตากฤษฎิ์ คุณยายที่รัก รวมไปถึงคุณปู่ภาสกรของภีมวัจน์ที่ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเนื่องจากท้องของกอหญ้านั้นค่อนข้างใหญ่มากเพราะเจ้าเด็กตัวอ้วนในท้องนั้นเป็นเด็กแฝด ซึ่งตั้งแต่นั้นมาทุกคนต่างก็สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าครัวทำอาหารแต่มีหรือที่คนดื้อรั้นอย่างกอหญ้าจะฟังทันทีที่ไร้สายตาคอยจับจ้องกอหญ้าก็ยังคงเพลิดเพลินกับการเรียนรู้วิธีทำอาหารที่หลากหลายเหมือนเดิมจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงสามอาทิตย์ก่อนที่เธอจะคลอดกิจกรรมที่เธอชอบทำทุกอย่างจึงถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดซึ่งกอหญ้าก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไรเธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งๆนอนๆจนแทบจะขึ้นรากลายเป็นปลาเค็มตากแห้งอยู่แล้ววันนี้เธอจึงถือโอกาสที่ภีมวัจน์หยุดงานชวนเขาออกมาเดินเล่นด้านล่างเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ดีกว่านอนอุดอู้อยู่ภายในบ้าน“หืม ทำไมคุณตากับคุณยายถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ? แล้วนั่นใช่คุณปู่ของพี่ภีมไหมคะ ?”เมื่อเดินมาถึงบริเวณสวนดอกไม้สายตาของกอหญ้าก็พลัน
เมื่อเดินทางกลับมาจากฮันนีมูนภีมวัจน์ก็กลับไปทำงานตามปกติส่วนกอหญ้าที่อายุครรภ์เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆก็มองหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนฟุ้งซ่านเมื่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพังในช่วงที่เพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนกอหญ้าเคยขอตามภีมวัจน์ไปที่บริษัทเพื่อช่วยเขาทำงานแต่กลับถูกวาจาออดอ้อนอ่อนหวานที่บอกให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลครรภ์ใจของกอหญ้าพลันอ่อนยวบและยอมทำตามคำขอร้องของสามีอย่างว่าง่ายเพราะเธอเข้าใจดีว่าภีมวัจน์นั้นเป็นห่วงเธอกับลูกกิจกรรมที่กอหญ้าเลือกทำในระหว่างที่พักผ่อนอยู่บ้านส่วนใหญ่แล้วเธอจะเปิดเพลงฟังพร้อมทั้งทำอาหารไปด้วยซึ่งตั้งแต่ที่เดินทางกลับจากฮันนีมูนกอหญ้าก็เริ่มมีความสนใจอยากจะเรียนทำอาหารจีนแล้วเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่อิตาลีเธอเคยลงเรียนทำอาหารและขนมหลักสูตรระยะสั้นช่วงปิดเทอมทำให้กอหญ้ามีความรู้เรื่องการทำอาหารไม่น้อยและครั้งนี้กอหญ้าเริ่มเรียนรู้การทำอาหารด้วยตัวเองโดยการดูจากสื่อตามช่องทางต่างๆด้วยความที่เธอเป็นคนหัวไวเรียนรู้เพียงไม่นานฝีมือการทำอาหารของกอหญ้านั้นเรียกได้ว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากยิ่งกว่าแม่แก้มใสของเธอเสียอีกและวันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันที่ก
หลังจากที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยและส่งบรรดาคุณลุงคุณป้าคุณปู่คุณย่ารวมไปถึงน้อง ๆของกอหญ้ากลับต่างประเทศเรียบร้อยแล้วภีมวัจน์ก็จัดการโยนงานทั้งหมดให้เตชินทร์ดูแลทันทีทำเอาคนที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมาอย่างมีความสุขหน้าหงิกหน้างอไม่น่ามองไปหลายวันเลยทีเดียว ยังดีที่กลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้เตชินทร์มีเคทกลับมาด้วยในฐานะแฟนทำให้เขาที่เคยถูกทอดทิ้งให้ทำงานคนเดียวเพียงลำพังไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆอีกต่อไปอีกทั้งยังมีพ่อตากับแม่ยายของท่านประธานที่คอยช่วยงานเตชินทร์จึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไรมีเพียงความโมโหเล็กน้อยจากการที่ถูกท่านประธานช่วงชิงเวลาที่เขาจะสวีทหวานกับเคทไปเท่านั้นที่ทำให้เตชินทร์โมโหจนเผลอก่นด่าเจ้านายไปหลายคำทีเดียวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนอึกกอหญ้าลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหายเมื่อเห็นคนต่อแถวซื้อชานมชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยก่อนหน้าที่เธอจะเลือกเดินทางมาฮันนีมูนที่ประเทศจีนเธอได้หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมายหลายร้านทีเดียวและเมนูชานมไข่มุกก็คือเมนูแรกที่เธออยากจะลองชิมหลังจากที่เดินทางมาถึงที่นี่“พี่ภีมขากอหญ้าอยากกินชานมร้านนั้น”กอหญ้าเอ่ยบอกภีม
เมื่อขบวนเจ้าบ่าวมาถึงทุกคนถึงกับรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะกับด่านประตูเงินประตูทองที่ดูเหมือนเป็นด่านศูนย์รวมคนหน้าตาดีที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายยิ่งกว่าดาราชื่อดังเสียอีกสาวๆที่มากับขบวนแห่ขันหมากต่างพากันหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งเริ่มด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกสาวๆที่หน้าแดงก่อนหน้านี้พลันยิ้มไม่ออกในทันทีเมื่อเงื่อนไขของการผ่านด่านนั้นยากจนเกินไปรามสูร : จะถอยก็ได้นะถ้าสู้ไม่ไหวน้ำเสียงของรามสูรฟังดูเนือยๆก็จริงแต่สายตาที่เขากำลังมองไปที่ภีมวัจน์กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะในใจพลันลอบคิดว่านี่เป็นการมองข่มขู่อย่างไรสุ้มเสียงและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธซึ่งภีมวัจน์เองก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใดนี่คืองานแต่งของเขาเชียวน้ากว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมถอยขนาดด่านทดสอบความแข็งแกร่งของแม่แก้มใสเขายังผ่านมาได้เลยนับประสาอะไรกับแค่ด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกที่เขาต้องกินอาหารตรงหน้าให้หมดภาสกร : หลานจะกินหมดนี่จริงๆเหรอ ?ภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆภีมวัจน์เอ่ยถามด้วยความกังวลระคนห่วงใยเมื่อเห็นเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าซึ่งรสชาติอย่าใ
“ฮึก คุณปู่ขา ฮือ ฮือ”กอหญ้าโผเข้าสู่อ้อมกอดของเรียวอิจิที่อ้าแขนกว้างโอบรั้งหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจฝ่ามือใหญ่ที่คอยอุ้มชูเธอมาตั้งแต่เด็กค่อยๆลูบหลังที่สะสั่นท้านด้วยแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนในขณะที่กอหญ้ารีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลด้วยความดีใจอย่างลวกๆยังดีที่เครื่องสำอางที่ช่างใช้แต่งหน้าให้เธอคือชนิดกันน้ำไม่อย่างนั้นใบหน้าของเธอคงเลอะไปด้วยคราบเครื่องสำอางอย่างแน่นอน“ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่วันนี้หนูสวยมากๆขืนร้องไห้อีกคนสวยของปู่คงได้กลายเป็นคนขี้เหร่แน่ ๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนของเรียวอิจิเอ่ยชมหลานสาวด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เขามักจะใช้พูดคุยกับหลานสาวเป็นประจำเพราะว่าเรียวอิจิอยากให้กอหญ้าเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆเขาจึงมักจะใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยสนทนากับหลานสาวอยู่เสมอจนกระทั่งกอหญ้าค่อยๆซึมซับภาษาญี่ปุ่นทีละน้อยจนกลายเป็นว่าสามารถพูดได้คล่องในที่สุด“กอหญ้าแค่ดีใจมากไปหน่อยน่ะค่ะก็เลยกลั้นไว้ไม่อยู่ว่าแต่คุณปู่มาได้ยังไงคะเนี่ย ?”“เฮอะ แต่งงานทั้งทีก็ไม่คิดจะส่งข่าวไปบอกปู่บ้างเลยนะเรา”เรียวอิจิแค่นเสียงเฮอะขึ้นจมูกพร้อมตอบกลับหลานสาวด้วยน้ำเสียงแง่งอนทำให้กอหญ้าได้แ
เช้าวันต่อมารามสูรค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองคล้ายกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างทับอยู่ร่างสูงจึงลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจทำให้กอหญ้าที่ปีนขึ้นมานอนบนตัวของพี่ชายราวกับเด็กน้อยลื่นไถลลงบนที่นอนทันทีทำเอาคนขี้เซาถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาคู่งามกระพริบปริบๆด้วยความงุนงงก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาที่ดูไม่สบอารมณ์ของรามสูรทันใดนั้นกอหญ้าก็ตื่นเต็มตาทันทีในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากพี่ชายอย่างเนียนๆแต่ก็ช้ากว่ารามสูรที่ยื่นขามาถีบก้นของกอหญ้าเบาๆคนทั้งคนก็ถลาล้มลงไปนอนราบบนเตียงอย่างหมดสภาพ็ช้ากสวว่รมสรท“เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยปีนขึ้นมานอนบนตัวคนอื่นแล้วนอนน้ำลายไหลยืดสักที”น้ำเสียงดุดันที่แฝงไปด้วยความเอือมระอาเล็กน้อยทำให้กอหญ้าที่ล้มลงบนที่นอนรีบดีดตัวเองลุกขึ้นนั่งและจ้องหน้ารามสูรกลับคืนอย่างดุดันไม่แพ้กัน“พี่รามบ้าถีบมาได้กอหญ้าโตแล้วนะ”น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ต่อว่ารามสูรพร้อมถีบขารัวๆไปทางเขาที่กระโดดลงจากเตียงหลบฝ่าเท้าของน้องสาวได้อย่างหวุดหวิด“โตแล้วก็ควรจะเลิกปีนขึ้นมานอนน้ำลายไหลยืดบนตัวพี่รามสักทีเหอ
“พี่รามของยาย”ทันทีที่เห็นหน้าหลานชายที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปกอดรามสูรด้วยความดีใจใบหน้าของเธอในยามนี้แย้มยิ้มด้วยความยินดีเพราะเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่รามสูรไม่ได้กลับมาเมืองไทย“พี่รามเองก็คิดถึงคุณยายมากเหมือนกันครับ”รามสูรเอ่ยบอกผู้เป็นยายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทำให้กอหญ้าที่เดินตามหลังเข้ามาทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ทีกับเธอไม่เห็นว่าพี่ชายจะพูดจาออดอ้อนแบบนี้บ้างเลยเขานี่มันสองมาตรฐานชัดๆ“ปากบอกว่าคิดถึงแต่ตัวไม่ยอมกลับมาหายายบ้างเลยนะเราหรือว่าเดี๋ยวนี้พอมีสาวแล้วก็เลยลืมยาย”คำว่า มีสาวแล้ว ของที่รักทำให้รามสูรที่ไม่เคยคิดจะมีความรักพลันรีบส่ายหน้าปฏิเสธสุดชีวิตทันทีต่อให้เขาจะชอบมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับสาวๆมากหน้าหลายตาแต่เรื่องความรักก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาหรอกนะ ฮึ้ย คิดถึงเรื่องความรักแล้วขนลุกชะมัด“มีสาวที่ไหนกันคะคุณยายปากดีไม่มีใครเกินแบบนี้จะมีสาวที่ไหนมาชายตามองกันล่ะคะ ? ”กอหญ้าที่เดินไปนั่งลงข้างๆกฤษฎิ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในขณะที่รามสูรได้แต่หันขวับกลับไปถลึงตาใส่น้องสาวที่ลอยหน้าลอยตาหยิบองุ่นส่งเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยทั้งๆที่เพิ่งพูด
โรงพยาบาล K“ไปดื่มด้วยกันหน่อยไหมคะ ?”ฝีเท้าของคุณหมอหนุ่มที่กำลังก้าวเดินไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลพลันชะงักเล็กน้อยเขาเหลือบมองสาวสวยที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเพียงแวบเดียวก่อนที่จะดึงสายตากลับมาคืนและเดินไปยังรถ Rolls-Royce รุ่นล่าสุดที่ผลิตเพียงห้าคันในโลกโดยที่ไม่ตอบคำถามของสาวสวยที่มาดักรอพบเพื่อพูดคุยกับเขาแต่อย่างใดทำให้หญิงสาวที่หวังจะได้รับความสนใจจากคุณหมอหนุ่มได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ“หึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะราฟสักวันฉันจะทำให้คุณยอมสยบแทบเท้าฉันให้ได้”เรน่าได้แต่หมายหมาดอยู่ในใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถหรูราคาแพงและขับออกไปจากโรงพยาบาลทันทีVictoria PubRolls-Royce ที่ขับออกมาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของประเทศอิตาลีค่อยๆเลี้ยวเข้ามายังผับประจำที่เขาชอบมานั่งดื่มหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการผ่าตัดมาทั้งคืนก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูและโยนกุญแจรถให้พนักงานภายในผับอย่างสนิทสนมคุ้นเคยและเดินเข้าไปภายในผับทันทีเสียงเพลงที่เปิดเบาๆคลอไปกับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายทำให้ลำคอของรามสูรแห้งผากอย่างบอกไม่ถูกเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขายุ่งอยู่กับการผ่าตัดจนแทบไม่มีเวลามาพักผ