Episode 20

EPISODE 20

สิบปีที่ฉัน พิงค์ และเจนนี่คบกันนั้นเป็นสิบปีที่คุ้มค่ามากที่สุด และหกปีหลังมานี้เราทั้งสามคนได้เข้าวงการบันเทิง เป็นดารากันทั้งสามคน และฉันก็ยังได้เพื่อนใหม่ในวงการมาอีกหนึ่งคนด้วยชื่อ ‘ชยากร พงษ์พันธ์เกียรติ’ มีชื่อเล่นแบบชายชาตรีว่า ‘ชาย’ แต่ชายชอบบอกว่าชื่อ ‘ชายด์’ ที่เหมือนในหนังภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit หรือไม่ก็เรื่อง The lord of the rings มากกว่า

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่เคนก็อยู่ในระดับเกณฑ์ที่ดี ฟังดูแล้วอาจเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกดีใช่มั้ย แต่เปล่าเลย ฉันยังรู้สึกแปลกกับพี่เคนเหมือนเดิม และยิ่งตอนที่พี่เคนมาค้างกับฉันที่คอนโดด้วยแล้ว อ่อ โปรดอย่าเข้าใจผิดนะ ‘ค้าง’ ที่ฉันหมายถึงมานอนจริงๆ ไม่ใช่ทำเรื่องแบบนั้น

ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่พี่เคนมาค้างที่คอนโดฉันคือ วันเกิดของฉัน จำตอนนั้นที่ครีมถามฉันเรื่องวันเกิดของฉันในอีกห้าวันได้มั้ย นั่นแหละคือวันแรกที่มาหาฉันที่เมืองไทย เขาบอกที่นี่น่าอยู่ดี...แต่ฉันภาวนาขอให้เขาไม่อยากอยู่ หรืออยู่ที่นี้ไม่นาน แต่เหมือนบุญที่ฉันสะสมมาตั้งแต่ชาติที่แล้วจะหมด เพราะนอกจากสิ่งที่ฉันขอจะไม่เป็นจริงแล้ว พี่เคนยังอยู่ที่ไทยอาทิตย์หนึ่งเต็มๆหลังจากวันเกิดฉัน

และหลังจากนั่นเขาก็มาเยี่ยมหาฉันบ่อยๆ โดยสลับกับที่ฉันกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ญี่ปุ่นบ้าง แต่ส่วนมากแล้วพี่เคนจะมาอยู่กับฉันบ่อยกว่า ฉันยังจำประโยคนั่นที่เขาบอกฉันได้ดี ‘...ฝึกไว้จะได้ชิน’

ฉันไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าไง หมายถึงเขาจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือต้องการจะสื่อออกมาในรูปแบบไหนกันแน่ ฉันไม่อาจคาดเดาอารมณ์เวลาเขาพูดคุยกับฉันได้เลย และมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นพี่เคนจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ เขาหนีงานที่ดูแลมาอยู่กับฉันหนึ่งเดือน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาทำงานเกี่ยวกับอะไร แต่เวลาที่เขาไม่ได้ใสเสื้อฉันมักจะเห็นแผลเป็นหลายขนาดอยู่ตามลำตัวของเขา

ฉันเคยถามเขาเพราะความอยากรู้ ...แต่เขาก็ตอบกลับมาทุกครั้งว่า ‘หนูแพรไม่สมควรรู้สิ่งที่พี่ทำ’ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ฉันก็แค่ปล่อยผ่านไป ในเมื่อพี่เคนไม่อยากให้ฉันรู้ว่าเขาทำอะไร ฉันก็จะไม่ถามให้เขาลำบากใจ...

“วันนี้ตอนสายๆหนูมีถ่ายละครเรื่อง ‘รักซ่อนเล่ห์’ นะค่ะ” ‘เจ๊พอล’ ผู้จัดการของฉันเธอเป็นสาวประเภทสอง ที่จัดการแปลงโฉมตัวเองจนสวยกว่าผู้หญิงบางคนเรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็ยังใช่ชื่อที่พ่อแม่ของเธอตั้งให้อย่าง ‘ปิยะพงษ์’ เห็นไหมชื่อจริงเธอเหมือนผู้ชาย แต่หน้าตาและรูปร่างเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชื่อเลย

“วันนี้มีคิวใครถ่ายบ้างค่ะ”

ฉันถามตอนที่นั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ใช่ ไม่ผิดหรอกฉันกำลังนั่งแต่งตัวอยู่ในห้องของฉัน ซึ่งเป็นคอนโดที่ใหม่เป็นของขวัญจากพี่เคนเหมือนเดิม และมันก็มีสองห้องนอนเอาไว้สำหรับเวลาที่พี่เคนมาเยี่ยมฉัน ไม่อยากจะบอก...แต่ก็ต้องบอก เดี๋ยวนี้พี่เคนมาหาฉันทุกเดือน เดือนละสองครั้ง มากสุดก็สามครั้งต่อเดือน

“คุณเคลวินจ้ะ วันนี้หนูต้องถ่ายละครกับพระเอกของเรื่องเลย...” เจ๊พอลบอกเสียงดี๊ด๊า

“ค่ะ...งั้นเราไปกันเลยดีกว่า แพรไม่อยากไปสาย”

“โอเคร...เลสโก้!”

พูดจบเจ๊พอลก็เดินนำหน้าฉันไปที่ลิฟต์พร้อมกดลิฟต์ให้อีกต่างหาก ก่อนที่เราทั้งสองจะเข้าไปอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมหลังจากเรียกลิฟต์เสร็จแล้ว ฉันลืมบอกไปละครที่ฉันเล่นเป็นนางเอกอยู่นี่ เจนนี่ก็เล่นอยู่ด้วย เธอเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง ก่ำกึ่งระหว่างดีและไม่ดีน่ะ

เมื่อลิฟต์เปิดชั้นใต้ดินสำหรับเป็นโรงจอดรถ ฉันกับเจ๊พอลก็เดินไปยังรถสปอร์ตคันหรูสีขาว ที่จอดนิ่งอยู่ทางบล็อกด้านในสุด เพราะฉันบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อยากไปสาย เพราะที่กองละครนั่นมีดาราหลายคนเลย ที่เข้าคิวถ่ายวันนี้และหนึ่งในนั้นมีดาราสาวหน้าหวานที่เป็นรุ่นพี่อย่าง ‘อลิสา สุทธิรักษ์’ หรือที่ฉันเรียกว่า ‘พี่เฟรช’ อยู่ด้วย…แต่อันที่จริงเธอไม่ได้มีบทแสดงหรอก แค่พาลูกชายวัยสองขวบครึ่งมาเข้าฉากแค่นั้นแหละ

และที่ฉันรู้เพราะเธอพาน้อง ‘เตชินทร์’ ลูกชายของเธอมาเข้าฉากแล้วครั้งหนึ่ง และอีกครั้งก็น่าจะหมดแล้ว ในเรื่องนี้ใช้เด็กไม่นาน มีแค่บางฉากเท่านั้น...

“แดดประเทศไทยนี่ร้อนนะค่ะ” ฉันพูดขึ้นมาอย่างต้องการชวนเจ๊พอลคุยฆ่าเวลา ระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินทางไปกองถ่าย

“ใช่ค่ะ ร้อนมากนี่ยังดีนะที่เราปิดประทุนไว้” เจ๊พอลที่ขับรถอยู่บอกกับฉัน ก่อนจะค่อยๆเหยียบเบรกเมื่อติดไฟแดง

“แล้วเจนนี่ไปยังไงค่ะ เจ๊พอลมีคนไปบอกแล้วหรือยัง”

“เดี๋ยวตามไปทีหลังค่ะ ของเจนนี่มีถ่ายตอนกลางคืน” เธอหันมาบอกอย่างเป็นการเป็นงาน ก่อนจะถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นมาว่า “...หนูช่วยคุยกับเจนนี่ให้เจ๊หน่อยได้มั้ย เดือนนี้เจ๊ไม่อยากให้เจนนี่เป็นข่าว มันส่งผลต่องาน”

“...เจนนี่มีเรื่องอีกแล้วหรอค่ะ หลายวันมานี่แพรยังเห็นข่าวเรื่องเจนนี่เงียบไปอยู่เลย แถบจะไม่มีข่าวเลยนะ”

ฉันบอกกับเจ๊พอล ตามความจริงที่รู้มา เมื่อหลายวันมานี้ฉันไม่เห็นมีข่าวของเจนนี่สักข่าว แล้วทำไมเจ๊พอลถึงมาบอกให้ฉันเตือนเจนนี่ได้ล่ะ หรือเจ๊พอลจะมีสายสืบเลยรู้ความเคลื่อนไหวของเพื่อนฉัน แบบนี้คงต้องเตือนเจนนี่เรื่องข่าว ‘ฉาว’ บอกให้เธอเพลาๆลง

“มันก็ใช่ แต่เจ๊ได้ยินคนเขาพูดกันเรื่องของเจนนี่ในทางที่ไม่ดี เลยอยากให้หนูช่วยเตือนเจนนี่บ้าง อย่างน้อยหนูก็เป็นเพื่อนที่สนิทและไว้ใจมากที่สุด”

“งั้นแพรจะช่วยเตือนให้อีกแรงนะค่ะ” ฉันบอกแค่นั้น ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถที่ติดอยู่รอบด้านต่างพากันเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และรถที่ฉันนั่งอยู่ก็เคลื่อนตัวออกไป...จุดหมายปลายทางคือกองถ่ายละคร ที่ทีมงานต่างพาไปถ่ายกันถึงในวัด ยังดีที่คอนโดฉันอยู่ไม่ไกลอย่างที่กังวลจึงขับรถของฉันออกมาได้ เพราะโดยปกติฉันจะไปรถยนต์ของเจ๊พอลมากกว่ารถของฉัน อย่างตอนนี้

นั่งรถมาได้สามสิบห้านาที ก็ถึงกองถ่ายละครที่ตอนที่เหล่าทีมงานต่างพากัน จัดสถานที่และเรียกนักแสดงบางส่วนที่มีคิวถ่ายก่อนเข้าไปแต่งหน้าทำผม เพื่อเตรียมความพร้อมและหนึ่งในนั้นก็มีดาราดังชายอย่าง ‘เคลวิน หลุยด์’ เขาเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-อเมริกัน แต่พูดไทยชัดอย่างกับคนไทย ต่างก็แค่มีรูปร่างหน้าตาไปทางตะวันตก ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ในแบบดาราฮอลลีวูล ไม่ใช่สูงเพรียวแบบชาวเอเชีย

วันนี้ฉันจะต้องเข้าฉากกับเขา เป็นฉากที่พระ-นางมาเจอกกันเป็นครั้งแรก โดยที่นางเอกตามครอบครัวมาทำบุญ และพระเอกก็เริ่มชอบนางเอกตั้งแต่ตอนนี้ ฉันขอเล่าประมาณนี้แหละ ไม่อยากสปอยให้มากความ