“ใจสั่งให้มาเพราะคิดถึงใครบางคน”คำตอบของรามสูรทำให้ลมหายใจของหม่อนไหมสะดุดไปเฮือกหนึ่งสีหน้าตกตะลึงก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนเป็นดีใจแวบหนึ่งก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาของคนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่หยุด“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไปหาคนที่กำลังคิดถึงไม่ใช่มายืนขวางทางหนูหม่อนแบบนี้”“แล้วทำไมพี่จะต้องไปหาคนอื่นด้วยในเมื่อคนที่พี่กำลังคิดถึงยืนอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว”แพขนตาดกหนาของเด็กสาวพลันกระพือเบาๆดุจปีกผีเสื้อด้วยความเขินอายเมื่อคนที่เขากำลังคิดถึงนั้นคือเธอก่อนที่หม่อนไหมจะก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกร้อนที่แก้มจบแทบไหม้พร้อมกับเม้มริมฝีปากจนแทบห้อเลือดเมื่อไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรในยามที่เขาโปรยคำหวานใส่เธอแบบนี้“ไหนคะคนไหนหนูหม่อนมองไม่เห็นใครเลย”หม่อนไหมแกล้งเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองซ้ายมองขวาหาคนที่รามสูรกำลังคิดถึงเพื่อกลบเกลื่อนความเขินที่ทำให้เธอแทบอยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ติดตรงที่เขาไม่ยอมหลีกทางให้เธอหนีไปไหนได้น่ะสิ“หึ แต่พี่มองเห็นหนูหม่อนเต็มสองตาเลย”คำพูดที่มีผลกระทบต่อจังหวะและอัตราการเต้นของหัวใจเธอทำให้หม่อนไหมหยุดท่าทีเสแสร้งนั้นทันทีก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อ
คฤหาสน์วายุ“ว่ายังไงจ๊ะลูกรักทำไมวันนี้โทรมาหาแม่แก้มแต่เช้าเลย”น้ำเสียงหวานใสของคนปลายสายทำให้รามสูรยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความคิดถึงมารดาที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบสองเดือนหลังจากที่เขาโกหกว่าช่วงนี้กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานวิจัยส่งอาจารย์ก่อนที่จะเรียนจบทำให้แก้มใสลดการโทรหาลูกชายลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานวิจัยของลูกชาย“ไม่ได้ยินเสียงแม่แก้มหลายวันแล้วคิดถึงจังเลยครับ”คำตอบของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำให้ใบหน้าที่ยังคงความอ่อนเยาว์ของแก้มใสค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็คิดถึงลูกชายไม่ต่างกัน“แม่แก้มก็คิดถึงพี่รามมากๆครับเมื่อไหร่คนเก่งของแม่แก้มจะกลับเมืองไทยสักทีน้า”คำถามของมารดาทำให้รามสูรเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรไม่รู้ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาจะโกหกมารดาหลายครั้งแต่มารดาก็มักจะรู้ทันเขาเสมอ ยกเว้นครั้งนี้ที่มารดาไม่ระแคะระคายหรือสงสัยเขาเลยสักนิดหรือมารดากำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่นะชื่อเสียงเรื่องการละครของมารดาคุณตาเคยบอกว่าถ้าแม่แก้มใสเลือกเดินสายนักแสดงคงดังเป็นพลุแตก“เดี๋ยวพี่รามก็กลับแล้วครับอีกแค่สองเดือนเอง”
“พะ พี่เข้ามาได้ยังไงนี่มันห้องเรียนของหนูหม่อนนะคะ” หม่อนไหมเอ่ยถามรามสูรด้วยความตกใจหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่นก่อนที่เธอจะกวาดสายตามองไปรอบๆห้องด้วยความกังวลใจเพราะนี่คือวิชาหลักไม่ใช่วิชาเลือกนักศึกษาที่เข้ามาเรียนล้วนเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมสาขาคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น “ก็เดินเข้ามาทางประตูนั่นไงคะ” รามสูรไม่พูดเปล่าหากแต่เขายังยกมือขึ้นชี้ไปทางประตูทางเข้าทำให้หม่อนไหมต้องรีบคว้าแขนของเขากลับลงมาคืนทันทีลำพังหน้าตาที่หล่อเหลาโดดเด่นเกินใครก็ทำให้เพื่อนนักศึกษาต่างพากันมองมาด้วยความสนใจแล้ว โดยเฉพาะสาวๆที่พากันส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้เขาทำให้หม่อนไหมรู้สึกไม่พอใจแต่ก็พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้คนข้างๆจับได้ว่าเธอกำลังคิดไม่ซื่อกับเขาอยู่ “หนูหม่อนรู้แล้วค่ะว่าพี่รามเข้ามาทางประตูแต่นี่มันห้องเรียนของหนูหม่อนนะคะที่นั่งอยู่ก็มีแต่เพื่อนๆร่วมชั้นมีพี่รามคนเดียวที่เป็นคนแปลกหน้า” “คนแปลกหน้าที่ไหนจะนอน...อุ๊ปส์” หมับ หม่อนไหมยกมือขึ้นปิดปากรามสูรเอาไว้ทันทีเมื่อเขากำลังจะพูดถึงเรื่องระหว่างเขาและเธอในวันนั้น “พี่รามไม่ต้องย้ำหลายรอบก็ได้หนูห
“ตกลงพี่รามจะตามหม่อนทั้งวันเลยใช่ไหมคะ”หม่อนไหมหันมาถามร่างสูงที่เดินตามเธอต้อย ๆไม่หยุดตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเที่ยงซึ่งตอนนี้เธอกับเตยหอมกำลังเดินไปที่โรงอาหารของคณะเพื่อทานมื้อเที่ยงหลังจากที่วิชาสุดท้ายของภาคเช้าจบลงแล้ว“แน่นอนค่ะ หนูหม่อนไปไหนพี่รามไปด้วย”คำตอบของรามสูรทำให้คนที่แสร้งทำหน้าไม่พอใจในครั้งแรกได้แต่ก้มหน้าลงพร้อมกับอมยิ้มด้วยความดีใจเพราะลึกๆในใจเธอเองก็อยากให้เขาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้ทั้งวัน แต่เธอจะทำให้เขารู้ไม่ได้ว่าความคิดของเธอและความต้องการของเขานั้นตรงกันเมื่อสมการ X และสมการ Y เป็นของคู่กันแล้วทำไมจะต้องแยกจากกันด้วยจริงไหมว้าย!!หม่อนไหมนี่เธอคิดกับพี่มันไปถึงขั้นไหนแล้วเนี่ยปากบอกว่าไม่แต่ทำไมใจถึงได้โหยหาเขามากขนาดนี้“แล้วงานล่ะคะทิ้งมาแบบนี้จะไม่ขาดทุนแย่เหรอคะ”หม่อนไหมเอ่ยถามรามสูรด้วยความเป็นห่วงเพราะเธอเคยได้ยินคืนน์พูดให้เพื่อนๆฟังว่าเขาเปิดร้านนำเข้ารถบิ๊กไบค์จากต่างประเทศและรับซ่อมรถด้วยแต่เขากลับหนีงานมาตามติดเธอแบบนี้แล้วใครจะดูแลร้านกันล่ะ“ถ้าหนูหม่อนเป็นห่วงกลัวว่าพี่จะเสียการเสียงานสนใจไปเป็นเจ้ที่ร้านพี่ไหมคะตำแหน่งนี้พี่ยกให้หนูคนเดียวเลยน้
บ้านหม่อนไหมหม่อนไหมเปิดประตูเข้ามาในบ้านด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเมื่อเธอเผลอพยักหน้าตอบตกลงอนุญาตให้รามสูรเข้ามาในบ้านเพื่อดื่มน้ำแก้วเดียวตามที่เขาร้องขอทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเปิดบ้านต้อนรับใครมาก่อน นอกจากแก๊งเพื่อนสนิทที่มักจะมาทานมื้อเย็นฝีมือน้าสาวของเธอแต่ตอนนี้น้าเมษาไปดูงานที่ต่างประเทศกับเจ้านายทำให้เธอต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะเดี๋ยวหนูหม่อนไปเอาน้ำมาให้”หม่อนไหมหันมาบอกรามสูรที่พยักหน้ารับด้วยแววตาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงบนโซฟานุ่มด้วยท่าทีสบายๆพร้อมกับมองตามแผ่นหลังบอบบางของหม่อนไหมไปด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ หม่อนไหมเดินมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมารินใส่แก้วก่อนที่เธอจะเดินกลับมาหารามสูรที่กำลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มที่ชวนให้ใจสั่น“น้ำค่ะ รีบดื่มแล้วก็รีบกลับไปได้แล้วค่ะ”หม่อนไหมวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะรับแขกพร้อมทั้งเอ่ยไล่เขาทันทีคล้ายกำลังรู้สึกรำคาญแต่รามสูรกลับยิ้มรับคำของเธออย่างไม่สะทกสะท้านราวกับว่าเขาไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดอย่างไรอย่างนั้น“ฮ่า ชื่นใจจังเลยค่ะ”รามสูรวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะรับแขกพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้หม่อนไหมที่เริ
อากาศหนาวเย็นในยามเช้าทำให้หม่อนไหมค่อยๆขยับตัวไปด้านข้างเพื่อควานหาความอบอุ่นที่เธออิงแอบแนบชิดมาตลอดทั้งคืนแต่สัมผัสที่แสนเย็นเยียบทำให้เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นนั่งและกวาดสายตาไปรอบๆห้องเพื่อมองหารามสูรที่อาจจะอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมองหายังไงหม่อนไหมก็พบเพียงความว่างเปล่า “หรือว่าเขาจะอยู่ในห้องน้ำกันนะ” หม่อนไหมพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนที่เธอจะก้าวลงจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำเมื่อคิดว่าเขาอาจจะอยู่ในนั้นแต่เมื่อเธอเดินไปถึงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเด็กสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจพร้อมกับรีบวิ่งไปที่หน้าต่างและมองลงไปยังด้านล่างทันทีรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเธอหายไปแล้วหัวใจดวงน้อยคล้ายกับถูกบีบรัดจนหดเกร็งให้รู้สึกเจ็บปวดอีกทั้งเธอยังสัมผัสได้ถึงเสี้ยวของความขมขื่นที่กำลังจู่โจมเข้าสู่หัวใจของเธออย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่หม่อนไหมจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องที่แสนเย็นเยียบอย่างหมดแรง“หม่อนไหมนะหม่อนไหม ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้”หม่อนไหมรำพึงขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ฟังแล้วปวดร้าววังเวงสุดจะเปรียบหยาดน้ำ
Red-Eye PUBกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นเหล้าที่ลอยมาแตะจมูกของหม่อนไหมยามที่เธอก้าวเข้ามาในผับทำให้เด็กสาวรู้สึกพะอืดพะอมจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา สองมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวพลันยกขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้สร้างความแปลกใจให้กับเตยหอมที่เดินอยู่ข้างๆกันเป็นอย่างมาก“ทำไมสาวๆที่นี่ถึงได้พากันฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฉุนขนาดนี้นะ”หม่อนไหมพึมพำเสียงเบาเพียงลำพังก่อนที่เธอจะเดินต่อไปโดยที่มีเตยหอมเดินตามหลังมาติดๆจนกระทั่งสองสาวเดินมาถึงโต๊ะประจำที่มีเพื่อนซี้สี่เทพบุตรที่กำลังรอคอยการมาของเธออย่างใจจดใจจ่อเพราะนี่คือครั้งแรกที่หม่อนไหมออกมาเที่ยวกลางคืนหลังจากที่เธอเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้านนานนับเดือนเพื่อรักษาแผลใจที่ไม่ว่าจะพยายามลบหรือลืมมากเท่าไหร่ใบหน้าของรามสูรก็ยังคงชัดเจนในความทรงจำมากขึ้นเท่านั้น“ฮาย เพื่อนรักในที่สุดมึงก็ยอมมาดื่มกับพวกกูแล้ว”คินน์เอ่ยทักหม่อนไหมด้วยความดีใจก่อนที่สองสาวจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มแก้วเหล้าที่เพื่อนๆเตรียมเอาไว้ให้หม่อนไหมก็ถูกวางลงตรงหน้าทันทีอย่างไม่รีรอ“นี่ใจคอพวกมึงกะจะให้กูดื่มตั้งแต่มาถึงเลยเหรอเพื่อนเวร”หม่อนไหมเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มที่แฝงแววเสียดสีอันคุ้นตาในขณ
เอี๊ยดตุ้บรถซุปเปอร์คาร์คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงหยุดลงห่างจากร่างบางของเด็กสาวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่ร่างของหม่อนไหมจะค่อยๆเอนล้มไปด้านหน้าส่งผลให้ศีรษะของเด็กสาวกระแทกกับกระโปรงรถเต็มแรง เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาบนใบหน้าของหม่อนไหมที่ตอนนี้นอนหมดสติอยู่บนพื้นถนนก่อนที่เจ้าของรถซุปเปอร์คาร์คันหรูจะรีบเปิดประตูลงจากรถมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง มือที่เตรียมจะแตะลงตรงจุดชีพจรของเด็กสาวพลันต้องชะงักไปเมื่อมีมือของใครบางคนยื่นมาขวางเอาไว้ทำให้เจ้าของมือใหญ่ถึงกับเงยหน้ามองผู้ที่ขัดขวางการตรวจดูอาการของเด็กสาวด้วยความรู้สึกไม่พอใจ“ผมโทรเรียกรถโรงพยาบาลแล้วครับอีกไม่กี่นาทีก็คงจะมาถึงแล้ว ระหว่างที่รอรบกวนไม่แตะต้องร่างกายของคู่กรณีนะครับ”เด็กหนุ่มนักศึกษาที่วิ่งเข้ามาดูหม่อนไหมเป็นคนแรกเอ่ยบอกเจ้าของรถคันหรูที่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคำพูดของคนตรงหน้าแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะปัดมือของเด็กหนุ่มทิ้งอย่างไม่ใยดี“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมคงจะทำตามคำสั่งของคุณไม่ได้เพราะผมเป็นหมอ”กฤษฎิ์เอ่ยบอกเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มยียวนพร้อมกับหยิบบัตรประจำตัวที่อยู่ในประเป๋าเสื้อ
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั