อากาศหนาวเย็นในยามเช้าทำให้หม่อนไหมค่อยๆขยับตัวไปด้านข้างเพื่อควานหาความอบอุ่นที่เธออิงแอบแนบชิดมาตลอดทั้งคืนแต่สัมผัสที่แสนเย็นเยียบทำให้เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นนั่งและกวาดสายตาไปรอบๆห้องเพื่อมองหารามสูรที่อาจจะอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมองหายังไงหม่อนไหมก็พบเพียงความว่างเปล่า “หรือว่าเขาจะอยู่ในห้องน้ำกันนะ” หม่อนไหมพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนที่เธอจะก้าวลงจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำเมื่อคิดว่าเขาอาจจะอยู่ในนั้นแต่เมื่อเธอเดินไปถึงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเด็กสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจพร้อมกับรีบวิ่งไปที่หน้าต่างและมองลงไปยังด้านล่างทันทีรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเธอหายไปแล้วหัวใจดวงน้อยคล้ายกับถูกบีบรัดจนหดเกร็งให้รู้สึกเจ็บปวดอีกทั้งเธอยังสัมผัสได้ถึงเสี้ยวของความขมขื่นที่กำลังจู่โจมเข้าสู่หัวใจของเธออย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่หม่อนไหมจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องที่แสนเย็นเยียบอย่างหมดแรง“หม่อนไหมนะหม่อนไหม ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้”หม่อนไหมรำพึงขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ฟังแล้วปวดร้าววังเวงสุดจะเปรียบหยาดน้ำ
Red-Eye PUBกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นเหล้าที่ลอยมาแตะจมูกของหม่อนไหมยามที่เธอก้าวเข้ามาในผับทำให้เด็กสาวรู้สึกพะอืดพะอมจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา สองมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวพลันยกขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้สร้างความแปลกใจให้กับเตยหอมที่เดินอยู่ข้างๆกันเป็นอย่างมาก“ทำไมสาวๆที่นี่ถึงได้พากันฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฉุนขนาดนี้นะ”หม่อนไหมพึมพำเสียงเบาเพียงลำพังก่อนที่เธอจะเดินต่อไปโดยที่มีเตยหอมเดินตามหลังมาติดๆจนกระทั่งสองสาวเดินมาถึงโต๊ะประจำที่มีเพื่อนซี้สี่เทพบุตรที่กำลังรอคอยการมาของเธออย่างใจจดใจจ่อเพราะนี่คือครั้งแรกที่หม่อนไหมออกมาเที่ยวกลางคืนหลังจากที่เธอเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้านนานนับเดือนเพื่อรักษาแผลใจที่ไม่ว่าจะพยายามลบหรือลืมมากเท่าไหร่ใบหน้าของรามสูรก็ยังคงชัดเจนในความทรงจำมากขึ้นเท่านั้น“ฮาย เพื่อนรักในที่สุดมึงก็ยอมมาดื่มกับพวกกูแล้ว”คินน์เอ่ยทักหม่อนไหมด้วยความดีใจก่อนที่สองสาวจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มแก้วเหล้าที่เพื่อนๆเตรียมเอาไว้ให้หม่อนไหมก็ถูกวางลงตรงหน้าทันทีอย่างไม่รีรอ“นี่ใจคอพวกมึงกะจะให้กูดื่มตั้งแต่มาถึงเลยเหรอเพื่อนเวร”หม่อนไหมเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มที่แฝงแววเสียดสีอันคุ้นตาในขณ
เอี๊ยดตุ้บรถซุปเปอร์คาร์คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงหยุดลงห่างจากร่างบางของเด็กสาวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่ร่างของหม่อนไหมจะค่อยๆเอนล้มไปด้านหน้าส่งผลให้ศีรษะของเด็กสาวกระแทกกับกระโปรงรถเต็มแรง เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาบนใบหน้าของหม่อนไหมที่ตอนนี้นอนหมดสติอยู่บนพื้นถนนก่อนที่เจ้าของรถซุปเปอร์คาร์คันหรูจะรีบเปิดประตูลงจากรถมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง มือที่เตรียมจะแตะลงตรงจุดชีพจรของเด็กสาวพลันต้องชะงักไปเมื่อมีมือของใครบางคนยื่นมาขวางเอาไว้ทำให้เจ้าของมือใหญ่ถึงกับเงยหน้ามองผู้ที่ขัดขวางการตรวจดูอาการของเด็กสาวด้วยความรู้สึกไม่พอใจ“ผมโทรเรียกรถโรงพยาบาลแล้วครับอีกไม่กี่นาทีก็คงจะมาถึงแล้ว ระหว่างที่รอรบกวนไม่แตะต้องร่างกายของคู่กรณีนะครับ”เด็กหนุ่มนักศึกษาที่วิ่งเข้ามาดูหม่อนไหมเป็นคนแรกเอ่ยบอกเจ้าของรถคันหรูที่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคำพูดของคนตรงหน้าแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะปัดมือของเด็กหนุ่มทิ้งอย่างไม่ใยดี“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมคงจะทำตามคำสั่งของคุณไม่ได้เพราะผมเป็นหมอ”กฤษฎิ์เอ่ยบอกเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มยียวนพร้อมกับหยิบบัตรประจำตัวที่อยู่ในประเป๋าเสื้อ
“คุณตา”“พี่ราม”น้ำเสียงที่อุทานร้องเรียกชื่อกันและกันของคุณตาสุดเฟียร์สกับหลานชายสุดแสบทำให้เตยหอมที่กำลังนอนหลับฝันหวานถึงกับสะดุ้งตื่นผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ ในขณะที่หม่อนไหมนั้นรีบดึงเข็มน้ำเกลือบนมือออกทันทีโดยไม่สนใจหยดเลือดที่ไหลลงมาตามข้อมือและรีบลงจากเตียงตรงเข้าไปประคองรามสูรให้ลุกขึ้นยืนด้วยความเป็นห่วงทั้ง ๆที่เธอนั้นกำลังไม่สบายอยู่“พี่รามไม่เป็นอะไรนะคะ”น้ำเสียงที่ยังคงไพเราะน่าฟังเอ่ยถามรามสูรด้วยความห่วงใยก่อนที่คนเจ้าเล่ห์จะเริ่มทำการแสดงละครอ้อนสาวต่อหน้าต่อตาของผู้เป็นตาทันทีโดยที่ไม่สนใจใยดีดวงตาสีดำลุ่มลึกเกินที่เขาจะหยั่งถึงของผู้เป็นตาที่กำลังมองมาที่ตัวเองตาไม่กระพริบ“อูย เจ็บจังเลยค่ะหนูหม่อนดูนี่สิคะปากแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้”รามสูรยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปแนบชิดแก้มเนียนของหม่อนไหมด้วยความตั้งใจทำให้หม่อนไหมถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาเล่นออดอ้อนเธอต่อหน้าเตยหอมที่กำลังเบิกตากว้างมองมาที่เธอด้วยความตกใจเมื่อเธอเพียงแค่เผลอหลับไปแต่กลับต้องตื่นขึ้นมาพบภาพที่บาดตาบาดใจเช่นนี้กฤษฎิ์ยกยิ้มมุมปากน้อยๆมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับการกระท
“หนูหม่อนอยากออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”น้ำเสียงยามที่เอ่ยบอกคนที่กำลังป้อนอาหารมื้อเย็นเธอเต็มไปด้วยเสี้ยวของการเว้าวอนอย่างห้ามไม่อยู่ใบหน้าที่เริ่มสดใสมีชีวิตชีวามองรามสูรอย่างออดอ้อน แต่รามสูรกลับส่ายหน้าไปมาช้าๆเป็นเชิงปฏิเสธถึงแม้ว่าหม่อนไหมจะไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงถึงขั้นต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแต่เขาก็อยากให้เธอนอนพักที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้ถึงค่อยเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้าน“นอนพักที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านนะคะเด็กดี”เมื่อเธอใช้น้ำเสียงออดอ้อนเขาให้เห็นใจรามสูรก็ขอใช้น้ำเสียงออดอ้อนเธอกลับเพื่อให้เธอเชื่อฟังเขาเช่นกันซึ่งก็ได้ผลน้ำเสียงอ่อนโยนของรามสูรทำให้หม่อนไหมยอมพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังเขาแต่โดยดีทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาลให้ได้“พี่รามจะอยู่เฝ้าหนูหม่อนใช่ไหมคะ”“เมียไม่สบายทั้งคนผัวที่แสนดีคนนี้จะทิ้งให้เมียต้องนอนคนเดียวได้ยังไงคะ”ความเคอะเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้าเนียนของหม่อนไหมทันทีก่อนที่เธอจะหลุบตาลงมองมือที่ประสานกันนิ่งอยู่บนตักเพื่อซ่อนรอยยิ้มที่เผยออกมาด้วยความดีใจ แต่ยังไม่ทันได้ยิ้มด้วยความสุขใจอย่างเต็มที่คางมนขอ
หลังจากที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนเช้าวันต่อมารามสูรก็ทำเรื่องพาหม่อนไหมออกจากโรงพยาบาลทันทีโดยที่มีพยาบาลนำยาบำรุงครรภ์และใบนัดพบแพทย์มาให้หม่อนไหมที่ห้องพักผู้ป่วยตามคำสั่งของท่านประธานโรงพยาบาล N ที่ไม่อยากให้คนของวายุหรือแก้มใสที่แฝงตัวอยู่ในโรงพยาบาลนำเรื่องที่พบกับหลานชายของเขาไปบอกแก้มใสถึงแม้กฤษฎิ์จะรู้ดีว่าแก้มใสรู้อยู่แล้วเรื่องที่รามสูรบินกลับมาเมืองไทยก่อนกำหนดที่แจ้งไว้แต่ยังคงทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวเพื่อให้หลานชายตัวดีของเขาตายใจ แต่เขาก็ยังไม่อยากให้ลูกสาวของเขารู้เรื่องที่รามสูรกำลังจะมีลูกอยู่ดีเพราะถ้าขืนแก้มใสรู้รับรองว่างานนี้บันเทิงแน่นอน“พี่รามกำลังมองหาอะไรหรือเปล่าคะ”หม่อนไหมที่อยู่ในชุดเดรสสีหวานเอ่ยถามรามสูรด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเขาเอาแต่มองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลาราวกับกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้าอย่างไรอย่างนั้นเลย“เปล่าครับพี่รามก็แค่มองไปเรื่อยเปื่อย”รามสูรหันกลับมาตอบคำถามของหม่อนไหมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติทั้ง ๆที่ในใจรู้สึกกังวลไม่น้อยลำพังเรื่องที่เขาแอบหนีมารดากลับเมืองไทยก่อนกำหนดก็โทษหนักอยู่แล้ว ถ้าเกิดมารดาของเขารู้ว่าเขากำลังจะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ้าเล่ห์ของเขาหรือเป็นเธอเองที่ใจไม่แข็งพอถึงได้ยอมตอบตกลงย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดอย่างง่ายดายทั้ง ๆที่เขาเพิ่งอ้างเหตุผลเพียงแค่ไม่กี่คำหัวใจของหม่อนไหมที่หวั่นไหวเพราะเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เอ่ยปากตอบตกลงเขาไปในทันที ทำให้คำพูดมากมายที่รามสูรเตรียมไว้เพื่อที่จะโน้มน้าวให้หม่อนไหมยอมมาอยู่กับเขาหยุดลงเพียงแค่เหตุผลข้อที่สองเท่านั้น สำหรับหม่อนไหมแล้วเหตุผลที่รามสูรยกมาอ้างนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับการตัดสินใจของเธอเลยแม้แต่น้อยเสียงเรียกร้องของหัวใจต่างหากที่ทำให้เธอตัดสินใจพูดคำว่า ตกลง ออกไปโดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด ที่ผ่านมาไม่ว่าเธอจะทำอะไรเธอมักจะเชื่อในความรู้สึกของตัวเองเสมอและครั้งนี้ก็เช่นกันเธอขอเชื่อใจในความรู้สึกของตัวเองอีกสักครั้งไม่ว่าผลของการเชื่อความรู้สึกตัวเองจะจบด้วยความหวานล้ำหรือขมจนแทบคายไม่ได้หม่อนไหมก็จะยินยอมรับผลนั้นแต่โดยดี คอนโด K เมื่อเหยียบย่างเข้ามาภายในห้องกว้างหม่อนไหมก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเรียบหรูที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ให้รู้สึกสบายตาและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งสายตาของหม่อนไหมหยุดลงที่แผ่นหลังกว้างของรามสูรใบ
เช้าวันต่อครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงทำให้รามสูรที่กำลังนอนหลับสบายค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีด้วยความเคยชิน แรงโอบรัดที่ช่วงเอวทำให้รามสูรเหลือบมองใบหน้าเนียนสวยของหม่อนไหมที่กำลังนอนซบอยู่บนอกแกร่งของเขาใบหน้าหล่อเหลาพลันยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนหวานละมุนหลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆขยับตัวออกจากเรียวแขนที่โอบรัดเขาแน่นมากขึ้นคล้ายไม่ยินยอมที่จะปล่อยให้ความอบอุ่นที่เธออิงแนบแนบชิดมาทั้งคืนหายไปแต่ถึงอย่างนั้นรามสูรก็จำต้องตัดใจจับมือของเธอที่โอบเอวของเขาออกเพื่อที่จะลุกขึ้นไปทำมื้อเช้าให้เธอ“ไม่ต้องรีบตื่นนะคะเด็กดีพักผ่อนให้เยอะๆ”น้ำเสียงหวานละมุนเอ่ยบอกหม่อนไหมที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก่อนที่รามสูรจะก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆและลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปเตรียมมื้อเช้าให้หม่อนไหม ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าหม่อนไหมทานมื้อเช้าทุกวันหรือเปล่าแต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปเขาจะตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารให้เธอทานทุกวัน“หอมจังเลยค่ะ”หม่อนไหมเอ่ยขึ้นด้วยความหิวเมื่อกลิ่นหอมของน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่เด็กสาวจะนั่งลงบนเก้าอ
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั