อากาศหนาวเย็นในยามเช้าทำให้หม่อนไหมค่อยๆขยับตัวไปด้านข้างเพื่อควานหาความอบอุ่นที่เธออิงแอบแนบชิดมาตลอดทั้งคืนแต่สัมผัสที่แสนเย็นเยียบทำให้เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นนั่งและกวาดสายตาไปรอบๆห้องเพื่อมองหารามสูรที่อาจจะอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมองหายังไงหม่อนไหมก็พบเพียงความว่างเปล่า “หรือว่าเขาจะอยู่ในห้องน้ำกันนะ” หม่อนไหมพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนที่เธอจะก้าวลงจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำเมื่อคิดว่าเขาอาจจะอยู่ในนั้นแต่เมื่อเธอเดินไปถึงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเด็กสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจพร้อมกับรีบวิ่งไปที่หน้าต่างและมองลงไปยังด้านล่างทันทีรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเธอหายไปแล้วหัวใจดวงน้อยคล้ายกับถูกบีบรัดจนหดเกร็งให้รู้สึกเจ็บปวดอีกทั้งเธอยังสัมผัสได้ถึงเสี้ยวของความขมขื่นที่กำลังจู่โจมเข้าสู่หัวใจของเธออย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่หม่อนไหมจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องที่แสนเย็นเยียบอย่างหมดแรง“หม่อนไหมนะหม่อนไหม ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้”หม่อนไหมรำพึงขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ฟังแล้วปวดร้าววังเวงสุดจะเปรียบหยาดน้ำ
Red-Eye PUBกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นเหล้าที่ลอยมาแตะจมูกของหม่อนไหมยามที่เธอก้าวเข้ามาในผับทำให้เด็กสาวรู้สึกพะอืดพะอมจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา สองมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวพลันยกขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้สร้างความแปลกใจให้กับเตยหอมที่เดินอยู่ข้างๆกันเป็นอย่างมาก“ทำไมสาวๆที่นี่ถึงได้พากันฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฉุนขนาดนี้นะ”หม่อนไหมพึมพำเสียงเบาเพียงลำพังก่อนที่เธอจะเดินต่อไปโดยที่มีเตยหอมเดินตามหลังมาติดๆจนกระทั่งสองสาวเดินมาถึงโต๊ะประจำที่มีเพื่อนซี้สี่เทพบุตรที่กำลังรอคอยการมาของเธออย่างใจจดใจจ่อเพราะนี่คือครั้งแรกที่หม่อนไหมออกมาเที่ยวกลางคืนหลังจากที่เธอเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้านนานนับเดือนเพื่อรักษาแผลใจที่ไม่ว่าจะพยายามลบหรือลืมมากเท่าไหร่ใบหน้าของรามสูรก็ยังคงชัดเจนในความทรงจำมากขึ้นเท่านั้น“ฮาย เพื่อนรักในที่สุดมึงก็ยอมมาดื่มกับพวกกูแล้ว”คินน์เอ่ยทักหม่อนไหมด้วยความดีใจก่อนที่สองสาวจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มแก้วเหล้าที่เพื่อนๆเตรียมเอาไว้ให้หม่อนไหมก็ถูกวางลงตรงหน้าทันทีอย่างไม่รีรอ“นี่ใจคอพวกมึงกะจะให้กูดื่มตั้งแต่มาถึงเลยเหรอเพื่อนเวร”หม่อนไหมเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มที่แฝงแววเสียดสีอันคุ้นตาในขณ
เอี๊ยดตุ้บรถซุปเปอร์คาร์คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงหยุดลงห่างจากร่างบางของเด็กสาวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่ร่างของหม่อนไหมจะค่อยๆเอนล้มไปด้านหน้าส่งผลให้ศีรษะของเด็กสาวกระแทกกับกระโปรงรถเต็มแรง เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาบนใบหน้าของหม่อนไหมที่ตอนนี้นอนหมดสติอยู่บนพื้นถนนก่อนที่เจ้าของรถซุปเปอร์คาร์คันหรูจะรีบเปิดประตูลงจากรถมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง มือที่เตรียมจะแตะลงตรงจุดชีพจรของเด็กสาวพลันต้องชะงักไปเมื่อมีมือของใครบางคนยื่นมาขวางเอาไว้ทำให้เจ้าของมือใหญ่ถึงกับเงยหน้ามองผู้ที่ขัดขวางการตรวจดูอาการของเด็กสาวด้วยความรู้สึกไม่พอใจ“ผมโทรเรียกรถโรงพยาบาลแล้วครับอีกไม่กี่นาทีก็คงจะมาถึงแล้ว ระหว่างที่รอรบกวนไม่แตะต้องร่างกายของคู่กรณีนะครับ”เด็กหนุ่มนักศึกษาที่วิ่งเข้ามาดูหม่อนไหมเป็นคนแรกเอ่ยบอกเจ้าของรถคันหรูที่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคำพูดของคนตรงหน้าแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะปัดมือของเด็กหนุ่มทิ้งอย่างไม่ใยดี“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมคงจะทำตามคำสั่งของคุณไม่ได้เพราะผมเป็นหมอ”กฤษฎิ์เอ่ยบอกเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มยียวนพร้อมกับหยิบบัตรประจำตัวที่อยู่ในประเป๋าเสื้อ
“คุณตา”“พี่ราม”น้ำเสียงที่อุทานร้องเรียกชื่อกันและกันของคุณตาสุดเฟียร์สกับหลานชายสุดแสบทำให้เตยหอมที่กำลังนอนหลับฝันหวานถึงกับสะดุ้งตื่นผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ ในขณะที่หม่อนไหมนั้นรีบดึงเข็มน้ำเกลือบนมือออกทันทีโดยไม่สนใจหยดเลือดที่ไหลลงมาตามข้อมือและรีบลงจากเตียงตรงเข้าไปประคองรามสูรให้ลุกขึ้นยืนด้วยความเป็นห่วงทั้ง ๆที่เธอนั้นกำลังไม่สบายอยู่“พี่รามไม่เป็นอะไรนะคะ”น้ำเสียงที่ยังคงไพเราะน่าฟังเอ่ยถามรามสูรด้วยความห่วงใยก่อนที่คนเจ้าเล่ห์จะเริ่มทำการแสดงละครอ้อนสาวต่อหน้าต่อตาของผู้เป็นตาทันทีโดยที่ไม่สนใจใยดีดวงตาสีดำลุ่มลึกเกินที่เขาจะหยั่งถึงของผู้เป็นตาที่กำลังมองมาที่ตัวเองตาไม่กระพริบ“อูย เจ็บจังเลยค่ะหนูหม่อนดูนี่สิคะปากแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้”รามสูรยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปแนบชิดแก้มเนียนของหม่อนไหมด้วยความตั้งใจทำให้หม่อนไหมถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาเล่นออดอ้อนเธอต่อหน้าเตยหอมที่กำลังเบิกตากว้างมองมาที่เธอด้วยความตกใจเมื่อเธอเพียงแค่เผลอหลับไปแต่กลับต้องตื่นขึ้นมาพบภาพที่บาดตาบาดใจเช่นนี้กฤษฎิ์ยกยิ้มมุมปากน้อยๆมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับการกระท
“หนูหม่อนอยากออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”น้ำเสียงยามที่เอ่ยบอกคนที่กำลังป้อนอาหารมื้อเย็นเธอเต็มไปด้วยเสี้ยวของการเว้าวอนอย่างห้ามไม่อยู่ใบหน้าที่เริ่มสดใสมีชีวิตชีวามองรามสูรอย่างออดอ้อน แต่รามสูรกลับส่ายหน้าไปมาช้าๆเป็นเชิงปฏิเสธถึงแม้ว่าหม่อนไหมจะไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงถึงขั้นต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแต่เขาก็อยากให้เธอนอนพักที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้ถึงค่อยเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้าน“นอนพักที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านนะคะเด็กดี”เมื่อเธอใช้น้ำเสียงออดอ้อนเขาให้เห็นใจรามสูรก็ขอใช้น้ำเสียงออดอ้อนเธอกลับเพื่อให้เธอเชื่อฟังเขาเช่นกันซึ่งก็ได้ผลน้ำเสียงอ่อนโยนของรามสูรทำให้หม่อนไหมยอมพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังเขาแต่โดยดีทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาลให้ได้“พี่รามจะอยู่เฝ้าหนูหม่อนใช่ไหมคะ”“เมียไม่สบายทั้งคนผัวที่แสนดีคนนี้จะทิ้งให้เมียต้องนอนคนเดียวได้ยังไงคะ”ความเคอะเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้าเนียนของหม่อนไหมทันทีก่อนที่เธอจะหลุบตาลงมองมือที่ประสานกันนิ่งอยู่บนตักเพื่อซ่อนรอยยิ้มที่เผยออกมาด้วยความดีใจ แต่ยังไม่ทันได้ยิ้มด้วยความสุขใจอย่างเต็มที่คางมนขอ
หลังจากที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนเช้าวันต่อมารามสูรก็ทำเรื่องพาหม่อนไหมออกจากโรงพยาบาลทันทีโดยที่มีพยาบาลนำยาบำรุงครรภ์และใบนัดพบแพทย์มาให้หม่อนไหมที่ห้องพักผู้ป่วยตามคำสั่งของท่านประธานโรงพยาบาล N ที่ไม่อยากให้คนของวายุหรือแก้มใสที่แฝงตัวอยู่ในโรงพยาบาลนำเรื่องที่พบกับหลานชายของเขาไปบอกแก้มใสถึงแม้กฤษฎิ์จะรู้ดีว่าแก้มใสรู้อยู่แล้วเรื่องที่รามสูรบินกลับมาเมืองไทยก่อนกำหนดที่แจ้งไว้แต่ยังคงทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวเพื่อให้หลานชายตัวดีของเขาตายใจ แต่เขาก็ยังไม่อยากให้ลูกสาวของเขารู้เรื่องที่รามสูรกำลังจะมีลูกอยู่ดีเพราะถ้าขืนแก้มใสรู้รับรองว่างานนี้บันเทิงแน่นอน“พี่รามกำลังมองหาอะไรหรือเปล่าคะ”หม่อนไหมที่อยู่ในชุดเดรสสีหวานเอ่ยถามรามสูรด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเขาเอาแต่มองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลาราวกับกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้าอย่างไรอย่างนั้นเลย“เปล่าครับพี่รามก็แค่มองไปเรื่อยเปื่อย”รามสูรหันกลับมาตอบคำถามของหม่อนไหมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติทั้ง ๆที่ในใจรู้สึกกังวลไม่น้อยลำพังเรื่องที่เขาแอบหนีมารดากลับเมืองไทยก่อนกำหนดก็โทษหนักอยู่แล้ว ถ้าเกิดมารดาของเขารู้ว่าเขากำลังจะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ้าเล่ห์ของเขาหรือเป็นเธอเองที่ใจไม่แข็งพอถึงได้ยอมตอบตกลงย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดอย่างง่ายดายทั้ง ๆที่เขาเพิ่งอ้างเหตุผลเพียงแค่ไม่กี่คำหัวใจของหม่อนไหมที่หวั่นไหวเพราะเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เอ่ยปากตอบตกลงเขาไปในทันที ทำให้คำพูดมากมายที่รามสูรเตรียมไว้เพื่อที่จะโน้มน้าวให้หม่อนไหมยอมมาอยู่กับเขาหยุดลงเพียงแค่เหตุผลข้อที่สองเท่านั้น สำหรับหม่อนไหมแล้วเหตุผลที่รามสูรยกมาอ้างนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับการตัดสินใจของเธอเลยแม้แต่น้อยเสียงเรียกร้องของหัวใจต่างหากที่ทำให้เธอตัดสินใจพูดคำว่า ตกลง ออกไปโดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด ที่ผ่านมาไม่ว่าเธอจะทำอะไรเธอมักจะเชื่อในความรู้สึกของตัวเองเสมอและครั้งนี้ก็เช่นกันเธอขอเชื่อใจในความรู้สึกของตัวเองอีกสักครั้งไม่ว่าผลของการเชื่อความรู้สึกตัวเองจะจบด้วยความหวานล้ำหรือขมจนแทบคายไม่ได้หม่อนไหมก็จะยินยอมรับผลนั้นแต่โดยดี คอนโด K เมื่อเหยียบย่างเข้ามาภายในห้องกว้างหม่อนไหมก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเรียบหรูที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ให้รู้สึกสบายตาและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งสายตาของหม่อนไหมหยุดลงที่แผ่นหลังกว้างของรามสูรใบ
เช้าวันต่อครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงทำให้รามสูรที่กำลังนอนหลับสบายค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีด้วยความเคยชิน แรงโอบรัดที่ช่วงเอวทำให้รามสูรเหลือบมองใบหน้าเนียนสวยของหม่อนไหมที่กำลังนอนซบอยู่บนอกแกร่งของเขาใบหน้าหล่อเหลาพลันยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนหวานละมุนหลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆขยับตัวออกจากเรียวแขนที่โอบรัดเขาแน่นมากขึ้นคล้ายไม่ยินยอมที่จะปล่อยให้ความอบอุ่นที่เธออิงแนบแนบชิดมาทั้งคืนหายไปแต่ถึงอย่างนั้นรามสูรก็จำต้องตัดใจจับมือของเธอที่โอบเอวของเขาออกเพื่อที่จะลุกขึ้นไปทำมื้อเช้าให้เธอ“ไม่ต้องรีบตื่นนะคะเด็กดีพักผ่อนให้เยอะๆ”น้ำเสียงหวานละมุนเอ่ยบอกหม่อนไหมที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก่อนที่รามสูรจะก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆและลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปเตรียมมื้อเช้าให้หม่อนไหม ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าหม่อนไหมทานมื้อเช้าทุกวันหรือเปล่าแต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปเขาจะตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารให้เธอทานทุกวัน“หอมจังเลยค่ะ”หม่อนไหมเอ่ยขึ้นด้วยความหิวเมื่อกลิ่นหอมของน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่เด็กสาวจะนั่งลงบนเก้าอ