ร่างสูงของรามสูรที่เดินตามหลังโอมไปเงียบๆเรียกสายตาของหม่อนไหมที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนให้มองตามไปด้วยความสนใจมุมปากของสาวน้อยพลันคลี่ยิ้มละมุนตาพร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังกว้างของรามสูรอย่างเบิกบานใจเมื่อเธอได้พบกับเขาอีกครั้งที่นี่ด้วยความบังเอิญ“มึงยิ้มอะไรของมึงว่ะไอ้หม่อน กูเห็นมึงเอาแต่มองไอ้โอมแล้วก็นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า ฮันแน่ หรือว่ามึงแอบชอบไอ้โอมอยู่สารภาพออกมาเดี๋ยวนี้นะ”คำแซวของเจย์ทำให้อารมณ์สุนทรีของหม่อนไหมหายไปในชั่วพริบตารอยยิ้มหวานละมุนตาที่น้อยคนนักจะได้เห็นหุบยิ้มลงทันทีอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถึงโอมที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอมาตลอดทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“กูขอคนที่หล่อกว่านี้ได้ไหมวะไอ้เจย์หน้ากวนตีนอย่างไอ้โอมกูชอบไม่ลงจริงๆ”หม่อนไหมหันมาบอกเจย์ที่เอาแต่ยิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นเธอจ้องมองโอมไม่วางตา“หล่อกว่าไอ้โอมก็ผู้ชายที่เดินตามหลังมันไงลูกพี่ใหญ่ของพวกไอ้วัตร เอ๊ะ หรือจริง ๆแล้วคนที่มึงแอบมองจะเป็นผู้ชายคนนั้นว่ะ นี่อย่าบอกนะว่ามึงแอบชอบลูกพี่ใหญ่ของศัตรูคู่อริพวกเราอยู่”คำพูดของคินน์ทำให้เพื่อนทุกคนต่างจ้องมองมาที่หม่อนไหมเป็นตาเดียวก่อนที่แก้
Red-Eye PUBหลังจากเคลียร์งานที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วรามสูรก็เดินทางมาที่ผับประจำทันทีโดยที่ไม่ได้บอกสามหนุ่มเพราะวันนี้เขาตั้งใจจะมาทวงสัญญาเดิมพันที่ได้ตกลงกับหม่อนไหมเอาไว้ ซึ่งเขามั่นใจว่าผู้หญิงที่นิสัยแมนๆอย่างหม่อนไหมไม่มีทางผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขาอย่างแน่นอนและก็เป็นจริงดังคาดเมื่อเขาเดินเข้ามาถึงโต๊ะประจำสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างโต๊ะประจำของเขาเพียงลำพังความไม่พอใจฉายชัดอยู่ในดวงตาของรามสูรเพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อวันนี้เด็กสาวแต่งกายด้วยชุดสายเดี่ยวที่เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มและกระโปรงยีนส์สั้นที่โชว์เรียวขาเนียนขาวชวนให้ผู้ชายทั้งผับมองตามจนคอแทบหักทีเดียว“พี่นึกว่าหนูหม่อนคนแมนจะไม่มาแล้วซะอีก”รามสูรเอ่ยขึ้นอย่างต้องการยั่วโมโหสาวน้อยที่ยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วด้วยความหมั่นไส้คนที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอ“คนอย่างหม่อนไหมพูดคำไหนคำนั้นไม่เคยผิดสัญญา”ชื่อเรียกแทนตัวเองที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้รามสูรที่กำลังจะยกวิสกี้ขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจใบหน้าของใครบางคนที่อยู่ในค
เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมนะหม่อนไหมได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นดวงตากลมโตเอาแต่จ้องมองความใหญ่โตของเขาไม่วางตาเธอตื่นเต้นจนไหล่เกร็งริมฝีปากเม้มแน่นขึ้นเรื่อย ๆขนสันหลังพลันลุกเกรียวอย่างไม่มีสาเหตุ ในขณะที่สายตาวาววับของรามสูรตรึงอยู่ที่นัยน์ตาคู่งามที่ใสซื่อและตื่นกลัวรอยยิ้มมาดมั่นค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้หัวใจดวงน้อยของหม่อนไหมยิ่งเต้นระรัว“อื้อ”เสียงครางเบาหวิวหลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อรามสูรถูไถส่วนหัวเห็ดไปมากับร่องรักสีหวานส่งผลให้น้ำหวานจากดอกไม้งามค่อยๆไหลออกมาชโลมความใหญ่โตจนชุ่มฉ่ำ ก่อนที่รามสูรจะก้มลงจูบกลีบปากจิ้มลิ้มของหม่อนไหมอีกครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอที่กำลังรู้สึกตื่นกลัวให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะตอนนี้เขามาไกลเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับได้แล้วเมื่อร่างนุ่มนิ่มหอมหวานละมุนขนาดนี้คนที่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนแบบเขาความอดทนอดกลั้นย่อมเท่าศูนย์ปลายลิ้นเร่าร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของหม่อนไหมอย่างหยอกเย้าจนทำให้เธอหลงเคลิ้มไปกับจุมพิตที่ดูดดื่มจนลืมความตื่นกลัวไปจนหมดสิ้นกว่าจะรู้ตัวความใหญ่โตที่เธอนึกกลัวในทีแรกก็กระแทกเข้ามาภายในค
เช้าวันต่อมาอากาศเย็นสบายในยามเช้าทำให้ร่างบางของหม่อนไหมซุกใบหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างของรามสูรอย่างต้องการความอบอุ่นส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองใบหน้าเนียนของเด็กสาวที่หลับตาพริ้มพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆราวกับว่าเธอกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ ความน่ารักเย้ายวนที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความไร้เดียงสาชวนให้รามสูรยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนไปมาเบาๆด้วยความเอ็นดูทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับแก้มขาวซีดของหม่อนไหมรามสูรก็รีบชักมือกลับทันทีด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่แผ่มายังมือใหญ่ของเขา“นี่เรามือหนักขนาดนี้เลยเหรอวะ”รามสูรพึมพำเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิดก่อนที่เขาจะรีบลงจากเตียงไปเตรียมน้ำอุ่นเพื่อมาเช็ดตัวลดไข้ให้หม่อนไหมหลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วรามสูรก็ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดไปตามผิวขาวเนียนละเอียดที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากฝีมือของเขาอย่างเบามือ ยามที่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลากผ่านรอยแดงช้ำรามสูรจะเบามือเป็นพิเศษในใจนึกตำหนิตนเองที่เผลอรุนแรงกับหม่อนไหมจนผิวเนื้อขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยช้ำ ส่วนคนป่วยที่กำลังนอนหลับสนิทเม
ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสงบและอ่อนโยนราวกับเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับฝันดีดึงดูดให้หม่อนไหมที่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นยื่นหน้าไปมองใกล้ๆพร้อมระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากเชิญชวนให้มือเรียวบางของเด็กสาวยื่นไปใกล้ๆเพื่อที่จะปัดเส้นผมออกให้แต่ในขณะที่มือของหม่อนไหมกำลังจะแตะลงบนหน้าผากของรามสูรฝ่ามือใหญ่ของคนที่หม่อนไหมคิดว่ากำลังนอนหลับสนิทพลันยกขึ้นกุมมือของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว“คิดจะลักหลับกันหรือไงเด็กดื้อ”คำพูดหยอกเหย้าของคนข้างกายทำให้หม่อนไหมหน้าง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่เธอจะพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของคนข้างกายที่จับมือเธอไม่ยอมปล่อย ถ้าหากเขาคิดว่าเธอกำลังจะลักหลับเขาตอนนี้เขาก็กำลังแต๊ะอั๋งเธออยู่ด้วยการไม่ยอมปล่อยมือเช่นกัน“แล้วนี่คิดจะแต๊ะอั๋งหนูหม่อนหรือไง”“หึ แล้วทำไมพี่ต้องทำแบบนั้นด้วยในเมื่อมากกว่าแต๊ะอั๋งเราสองคนก็ทำด้วยกันมาแล้ว”คำพูดชวนโมโหของรามสูรทำให้หม่อนไหมยกมืออีกข้างทุบลงบนแผงอกกว้างของคนข้างกายเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ซึ่งรามสูรก็ยอมให้หม่อนไหมทุบแต่โดยดีแถมใบหน้าของเขายังพราวระยับไปด้วยรอยยิ้มทั้ง ๆที่กำลังถูกเธอประทุษร้ายอยู่
“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของหนูหม่อนนี่คะ”หม่อนไหมเอ่ยท้วงรามสูรที่กำลังตั้งใจขับรถด้วยความแปลกใจพร้อมกับหันมามองคนข้างกายที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอเมื่อสองข้างทางที่รถกำลังวิ่งผ่านมาไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอ“นี่ก็เที่ยงแล้วหนูไม่หิวข้าวเหรอคะ”เสียงทุ้มของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลแต่หม่อนไหมกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่เขามักจะบอกเธออีกอย่างและทำอีกอย่างเสมอนี่เธอจะกลับไม่ถึงบ้านจริงๆใช่ไหม“ไม่หิวค่ะ หนูหม่อนอยากกลับบ้าน”“อ้อ ไม่หิวเพราะว่ากินพี่จนอิ่มแล้วใช่ไหมคะ”รามสูรจงใจลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนหม่อนไหมที่พวงแก้มแดงวาบทันตาเห็นเมื่อนึกถึงเซ็กซ์ที่เร่าร้อนระหว่างเธอและเขาที่กว่าจะจบลงก็เกือบรุ่งสางของเช้าวันนี้แต่เธอจำได้ว่าก่อนที่เธอจะหลับไปเขาดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้อย่างแนบแน่นทำให้เธอนอนหลับฝันดีจนแทบไม่อยากตื่น“พี่เป็นคนนะคะไม่ใช่อาหารหนูหม่อนจะอิ่มได้ไง อีกอย่างหนูหม่อนไม่ชอบกินคนค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าตอนนี้หนูหม่อนกำลังหิวเหมือนกันใช่ไหมคะ”“ไม่ได้หิว...สักหน่อย”จ๊อก จ๊อก จ๊อกประโยคสุดท้ายของหม่อนไหมนั้นแผ่วเบาราวกับสายลมเมื่อจู่ ๆท้องเจ้ากรรมดันไม่รักดีร้องขึ้นมาเ
มหาวิทยาลัย Mสายลมแผ่วพลิ้วพัดเส้นผมเล็กละเอียดดุจใยไหมของเด็กสาวให้พลิ้วไหวทำให้นักศึกษาหนุ่มๆที่กำลังนั่งสนทนาหยอกล้อกันอยู่ต่างเหลียวหลังมามองสาวงามแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เจ้าของฉายา สวยห้าวตีนที่หนุ่มๆพร้อมใจกันตั้งให้เพราะใบหน้ารูปไข่ที่สวยหวานราวกับภาพวาดนั้นกลับซ่อนความห้าวเอาไว้อย่างมิดชิด “สวยมาแต่ไกลเชียวนะเพื่อนรัก”เตยหอมเอ่ยแซวหม่อนไหมด้วยสายตาพราวระยับเมื่อเธอเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนในขณะที่คนถูกแซวยักไหล่น้อยๆอย่างไม่แยแสเพราะหม่อนไหมเคยชินเสียแล้วกับสายตาของใครหลายๆคนที่คอยจ้องมองเธอทุกครั้งที่เดินผ่าน“ก็สวยทุกวันอยู่แล้วไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”คำพูดชวนหมั่นไส้ของเพื่อนสนิททำให้เตยหอมได้แต่มองบนก่อนที่เธอจะขยับเข้ามาใกล้ๆหม่อนไหมที่กำลังเปิดขวดนมและเตรียมยกขึ้นดื่ม“ว่าแต่เมื่อวานแอบไปกินข้าวกับใครมานี่เห็นนะ”พรวดดดดดนมที่เพิ่งดื่มเข้าไปพุ่งตกลงบนโต๊ะม้านั่งทันทีด้วยความตกใจก่อนที่หม่อนไหมจะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาเพื่อนสนิทอีกสี่คนที่อาจจะกำลังเดินมาที่ม้านั่งประจำของพวกเธอ แต่เมื่อไม่พบใครหม่อนไหมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับหันมามองเตยหอมที่ฉีกยิ้มหวานให้
“ใจสั่งให้มาเพราะคิดถึงใครบางคน”คำตอบของรามสูรทำให้ลมหายใจของหม่อนไหมสะดุดไปเฮือกหนึ่งสีหน้าตกตะลึงก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนเป็นดีใจแวบหนึ่งก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาของคนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่หยุด“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไปหาคนที่กำลังคิดถึงไม่ใช่มายืนขวางทางหนูหม่อนแบบนี้”“แล้วทำไมพี่จะต้องไปหาคนอื่นด้วยในเมื่อคนที่พี่กำลังคิดถึงยืนอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว”แพขนตาดกหนาของเด็กสาวพลันกระพือเบาๆดุจปีกผีเสื้อด้วยความเขินอายเมื่อคนที่เขากำลังคิดถึงนั้นคือเธอก่อนที่หม่อนไหมจะก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกร้อนที่แก้มจบแทบไหม้พร้อมกับเม้มริมฝีปากจนแทบห้อเลือดเมื่อไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรในยามที่เขาโปรยคำหวานใส่เธอแบบนี้“ไหนคะคนไหนหนูหม่อนมองไม่เห็นใครเลย”หม่อนไหมแกล้งเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองซ้ายมองขวาหาคนที่รามสูรกำลังคิดถึงเพื่อกลบเกลื่อนความเขินที่ทำให้เธอแทบอยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ติดตรงที่เขาไม่ยอมหลีกทางให้เธอหนีไปไหนได้น่ะสิ“หึ แต่พี่มองเห็นหนูหม่อนเต็มสองตาเลย”คำพูดที่มีผลกระทบต่อจังหวะและอัตราการเต้นของหัวใจเธอทำให้หม่อนไหมหยุดท่าทีเสแสร้งนั้นทันทีก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อ
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั