Red-Eye PUBหลังจากเคลียร์งานที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วรามสูรก็เดินทางมาที่ผับประจำทันทีโดยที่ไม่ได้บอกสามหนุ่มเพราะวันนี้เขาตั้งใจจะมาทวงสัญญาเดิมพันที่ได้ตกลงกับหม่อนไหมเอาไว้ ซึ่งเขามั่นใจว่าผู้หญิงที่นิสัยแมนๆอย่างหม่อนไหมไม่มีทางผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขาอย่างแน่นอนและก็เป็นจริงดังคาดเมื่อเขาเดินเข้ามาถึงโต๊ะประจำสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างโต๊ะประจำของเขาเพียงลำพังความไม่พอใจฉายชัดอยู่ในดวงตาของรามสูรเพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อวันนี้เด็กสาวแต่งกายด้วยชุดสายเดี่ยวที่เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มและกระโปรงยีนส์สั้นที่โชว์เรียวขาเนียนขาวชวนให้ผู้ชายทั้งผับมองตามจนคอแทบหักทีเดียว“พี่นึกว่าหนูหม่อนคนแมนจะไม่มาแล้วซะอีก”รามสูรเอ่ยขึ้นอย่างต้องการยั่วโมโหสาวน้อยที่ยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วด้วยความหมั่นไส้คนที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอ“คนอย่างหม่อนไหมพูดคำไหนคำนั้นไม่เคยผิดสัญญา”ชื่อเรียกแทนตัวเองที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้รามสูรที่กำลังจะยกวิสกี้ขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจใบหน้าของใครบางคนที่อยู่ในค
เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมนะหม่อนไหมได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นดวงตากลมโตเอาแต่จ้องมองความใหญ่โตของเขาไม่วางตาเธอตื่นเต้นจนไหล่เกร็งริมฝีปากเม้มแน่นขึ้นเรื่อย ๆขนสันหลังพลันลุกเกรียวอย่างไม่มีสาเหตุ ในขณะที่สายตาวาววับของรามสูรตรึงอยู่ที่นัยน์ตาคู่งามที่ใสซื่อและตื่นกลัวรอยยิ้มมาดมั่นค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้หัวใจดวงน้อยของหม่อนไหมยิ่งเต้นระรัว“อื้อ”เสียงครางเบาหวิวหลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อรามสูรถูไถส่วนหัวเห็ดไปมากับร่องรักสีหวานส่งผลให้น้ำหวานจากดอกไม้งามค่อยๆไหลออกมาชโลมความใหญ่โตจนชุ่มฉ่ำ ก่อนที่รามสูรจะก้มลงจูบกลีบปากจิ้มลิ้มของหม่อนไหมอีกครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอที่กำลังรู้สึกตื่นกลัวให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะตอนนี้เขามาไกลเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับได้แล้วเมื่อร่างนุ่มนิ่มหอมหวานละมุนขนาดนี้คนที่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนแบบเขาความอดทนอดกลั้นย่อมเท่าศูนย์ปลายลิ้นเร่าร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของหม่อนไหมอย่างหยอกเย้าจนทำให้เธอหลงเคลิ้มไปกับจุมพิตที่ดูดดื่มจนลืมความตื่นกลัวไปจนหมดสิ้นกว่าจะรู้ตัวความใหญ่โตที่เธอนึกกลัวในทีแรกก็กระแทกเข้ามาภายในค
เช้าวันต่อมาอากาศเย็นสบายในยามเช้าทำให้ร่างบางของหม่อนไหมซุกใบหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างของรามสูรอย่างต้องการความอบอุ่นส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองใบหน้าเนียนของเด็กสาวที่หลับตาพริ้มพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆราวกับว่าเธอกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ ความน่ารักเย้ายวนที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความไร้เดียงสาชวนให้รามสูรยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนไปมาเบาๆด้วยความเอ็นดูทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับแก้มขาวซีดของหม่อนไหมรามสูรก็รีบชักมือกลับทันทีด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่แผ่มายังมือใหญ่ของเขา“นี่เรามือหนักขนาดนี้เลยเหรอวะ”รามสูรพึมพำเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิดก่อนที่เขาจะรีบลงจากเตียงไปเตรียมน้ำอุ่นเพื่อมาเช็ดตัวลดไข้ให้หม่อนไหมหลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วรามสูรก็ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดไปตามผิวขาวเนียนละเอียดที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากฝีมือของเขาอย่างเบามือ ยามที่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลากผ่านรอยแดงช้ำรามสูรจะเบามือเป็นพิเศษในใจนึกตำหนิตนเองที่เผลอรุนแรงกับหม่อนไหมจนผิวเนื้อขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยช้ำ ส่วนคนป่วยที่กำลังนอนหลับสนิทเม
ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสงบและอ่อนโยนราวกับเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับฝันดีดึงดูดให้หม่อนไหมที่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นยื่นหน้าไปมองใกล้ๆพร้อมระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากเชิญชวนให้มือเรียวบางของเด็กสาวยื่นไปใกล้ๆเพื่อที่จะปัดเส้นผมออกให้แต่ในขณะที่มือของหม่อนไหมกำลังจะแตะลงบนหน้าผากของรามสูรฝ่ามือใหญ่ของคนที่หม่อนไหมคิดว่ากำลังนอนหลับสนิทพลันยกขึ้นกุมมือของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว“คิดจะลักหลับกันหรือไงเด็กดื้อ”คำพูดหยอกเหย้าของคนข้างกายทำให้หม่อนไหมหน้าง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่เธอจะพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของคนข้างกายที่จับมือเธอไม่ยอมปล่อย ถ้าหากเขาคิดว่าเธอกำลังจะลักหลับเขาตอนนี้เขาก็กำลังแต๊ะอั๋งเธออยู่ด้วยการไม่ยอมปล่อยมือเช่นกัน“แล้วนี่คิดจะแต๊ะอั๋งหนูหม่อนหรือไง”“หึ แล้วทำไมพี่ต้องทำแบบนั้นด้วยในเมื่อมากกว่าแต๊ะอั๋งเราสองคนก็ทำด้วยกันมาแล้ว”คำพูดชวนโมโหของรามสูรทำให้หม่อนไหมยกมืออีกข้างทุบลงบนแผงอกกว้างของคนข้างกายเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ซึ่งรามสูรก็ยอมให้หม่อนไหมทุบแต่โดยดีแถมใบหน้าของเขายังพราวระยับไปด้วยรอยยิ้มทั้ง ๆที่กำลังถูกเธอประทุษร้ายอยู่
“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของหนูหม่อนนี่คะ”หม่อนไหมเอ่ยท้วงรามสูรที่กำลังตั้งใจขับรถด้วยความแปลกใจพร้อมกับหันมามองคนข้างกายที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอเมื่อสองข้างทางที่รถกำลังวิ่งผ่านมาไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอ“นี่ก็เที่ยงแล้วหนูไม่หิวข้าวเหรอคะ”เสียงทุ้มของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลแต่หม่อนไหมกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่เขามักจะบอกเธออีกอย่างและทำอีกอย่างเสมอนี่เธอจะกลับไม่ถึงบ้านจริงๆใช่ไหม“ไม่หิวค่ะ หนูหม่อนอยากกลับบ้าน”“อ้อ ไม่หิวเพราะว่ากินพี่จนอิ่มแล้วใช่ไหมคะ”รามสูรจงใจลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนหม่อนไหมที่พวงแก้มแดงวาบทันตาเห็นเมื่อนึกถึงเซ็กซ์ที่เร่าร้อนระหว่างเธอและเขาที่กว่าจะจบลงก็เกือบรุ่งสางของเช้าวันนี้แต่เธอจำได้ว่าก่อนที่เธอจะหลับไปเขาดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้อย่างแนบแน่นทำให้เธอนอนหลับฝันดีจนแทบไม่อยากตื่น“พี่เป็นคนนะคะไม่ใช่อาหารหนูหม่อนจะอิ่มได้ไง อีกอย่างหนูหม่อนไม่ชอบกินคนค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าตอนนี้หนูหม่อนกำลังหิวเหมือนกันใช่ไหมคะ”“ไม่ได้หิว...สักหน่อย”จ๊อก จ๊อก จ๊อกประโยคสุดท้ายของหม่อนไหมนั้นแผ่วเบาราวกับสายลมเมื่อจู่ ๆท้องเจ้ากรรมดันไม่รักดีร้องขึ้นมาเ
มหาวิทยาลัย Mสายลมแผ่วพลิ้วพัดเส้นผมเล็กละเอียดดุจใยไหมของเด็กสาวให้พลิ้วไหวทำให้นักศึกษาหนุ่มๆที่กำลังนั่งสนทนาหยอกล้อกันอยู่ต่างเหลียวหลังมามองสาวงามแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เจ้าของฉายา สวยห้าวตีนที่หนุ่มๆพร้อมใจกันตั้งให้เพราะใบหน้ารูปไข่ที่สวยหวานราวกับภาพวาดนั้นกลับซ่อนความห้าวเอาไว้อย่างมิดชิด “สวยมาแต่ไกลเชียวนะเพื่อนรัก”เตยหอมเอ่ยแซวหม่อนไหมด้วยสายตาพราวระยับเมื่อเธอเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนในขณะที่คนถูกแซวยักไหล่น้อยๆอย่างไม่แยแสเพราะหม่อนไหมเคยชินเสียแล้วกับสายตาของใครหลายๆคนที่คอยจ้องมองเธอทุกครั้งที่เดินผ่าน“ก็สวยทุกวันอยู่แล้วไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”คำพูดชวนหมั่นไส้ของเพื่อนสนิททำให้เตยหอมได้แต่มองบนก่อนที่เธอจะขยับเข้ามาใกล้ๆหม่อนไหมที่กำลังเปิดขวดนมและเตรียมยกขึ้นดื่ม“ว่าแต่เมื่อวานแอบไปกินข้าวกับใครมานี่เห็นนะ”พรวดดดดดนมที่เพิ่งดื่มเข้าไปพุ่งตกลงบนโต๊ะม้านั่งทันทีด้วยความตกใจก่อนที่หม่อนไหมจะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาเพื่อนสนิทอีกสี่คนที่อาจจะกำลังเดินมาที่ม้านั่งประจำของพวกเธอ แต่เมื่อไม่พบใครหม่อนไหมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับหันมามองเตยหอมที่ฉีกยิ้มหวานให้
“ใจสั่งให้มาเพราะคิดถึงใครบางคน”คำตอบของรามสูรทำให้ลมหายใจของหม่อนไหมสะดุดไปเฮือกหนึ่งสีหน้าตกตะลึงก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนเป็นดีใจแวบหนึ่งก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาของคนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่หยุด“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไปหาคนที่กำลังคิดถึงไม่ใช่มายืนขวางทางหนูหม่อนแบบนี้”“แล้วทำไมพี่จะต้องไปหาคนอื่นด้วยในเมื่อคนที่พี่กำลังคิดถึงยืนอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว”แพขนตาดกหนาของเด็กสาวพลันกระพือเบาๆดุจปีกผีเสื้อด้วยความเขินอายเมื่อคนที่เขากำลังคิดถึงนั้นคือเธอก่อนที่หม่อนไหมจะก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกร้อนที่แก้มจบแทบไหม้พร้อมกับเม้มริมฝีปากจนแทบห้อเลือดเมื่อไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรในยามที่เขาโปรยคำหวานใส่เธอแบบนี้“ไหนคะคนไหนหนูหม่อนมองไม่เห็นใครเลย”หม่อนไหมแกล้งเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองซ้ายมองขวาหาคนที่รามสูรกำลังคิดถึงเพื่อกลบเกลื่อนความเขินที่ทำให้เธอแทบอยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ติดตรงที่เขาไม่ยอมหลีกทางให้เธอหนีไปไหนได้น่ะสิ“หึ แต่พี่มองเห็นหนูหม่อนเต็มสองตาเลย”คำพูดที่มีผลกระทบต่อจังหวะและอัตราการเต้นของหัวใจเธอทำให้หม่อนไหมหยุดท่าทีเสแสร้งนั้นทันทีก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อ
คฤหาสน์วายุ“ว่ายังไงจ๊ะลูกรักทำไมวันนี้โทรมาหาแม่แก้มแต่เช้าเลย”น้ำเสียงหวานใสของคนปลายสายทำให้รามสูรยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความคิดถึงมารดาที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบสองเดือนหลังจากที่เขาโกหกว่าช่วงนี้กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานวิจัยส่งอาจารย์ก่อนที่จะเรียนจบทำให้แก้มใสลดการโทรหาลูกชายลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานวิจัยของลูกชาย“ไม่ได้ยินเสียงแม่แก้มหลายวันแล้วคิดถึงจังเลยครับ”คำตอบของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำให้ใบหน้าที่ยังคงความอ่อนเยาว์ของแก้มใสค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็คิดถึงลูกชายไม่ต่างกัน“แม่แก้มก็คิดถึงพี่รามมากๆครับเมื่อไหร่คนเก่งของแม่แก้มจะกลับเมืองไทยสักทีน้า”คำถามของมารดาทำให้รามสูรเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรไม่รู้ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาจะโกหกมารดาหลายครั้งแต่มารดาก็มักจะรู้ทันเขาเสมอ ยกเว้นครั้งนี้ที่มารดาไม่ระแคะระคายหรือสงสัยเขาเลยสักนิดหรือมารดากำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่นะชื่อเสียงเรื่องการละครของมารดาคุณตาเคยบอกว่าถ้าแม่แก้มใสเลือกเดินสายนักแสดงคงดังเป็นพลุแตก“เดี๋ยวพี่รามก็กลับแล้วครับอีกแค่สองเดือนเอง”