"อ้าว...หวานล่ะ" มาร์คถามขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนเดินออกมาจากร้านแล้วมองเข้าไปในร้านเห็นเทนกำลังยืนอ่านหนังสืออยู่คนเดียว (เทนเป็นหนอนหนังสือถ้าได้หนังสือที่ชอบนางจะไม่มีโลกรอบด้านจนกว่านางจะนึกได้^_^)
"เดินออกจากร้านก่อนกูอีกนะ นึกว่าไปหามึงกับตาซะอีก" โรมตอบพลางหันเข้าไปมองในร้าน "นั่งในร้านหรือเปล่าเดี๋ยวกูไปดูเอง พึ่งไอ้เทนไม่ได้หรอกถ้าได้หนังสือไอ้บ้านี่ตัดขาดจากโลกภายนอก" ว่าพลางหมุนกลับเข้าร้านหนังสือไปอีกรอบ
"โทรหาน้องสิลูก" ตาน้อยว่าขึ้นเสียงนิ่งแล้วเหล่ตามองที่นั่งด้านข้างที่มีดอกไม้วางอยู่ท่วมหัวคนนั่งขำ ๆ
"เออ...ใช่" มาร์คว่าอย่างนึกได้แล้วล้วงมือถือกดหาเด็กสาวทันที
(ฮัลโล...) เสียงเล็ก ๆ ตอบมาจากปลายสายหลังจากมีเสียงรอสายดังแค่ 1 ครั้งเท่านั้น
"ตัวเล็กอยู่ไหน"
(อยู่ไกลมาก ๆ ค่ะ) น้ำหวานตอบเสียงเบาพร้อมกับโรมและเทนเดินหน้าตาตื่นออกมาจากร้านหนังสือ
"ไม่เจอว่ะมาร์ค น้องเข้าห้องน้ำเปล่าวะ" โรมถามขึ้นทันทีที่มาถึง
"หวานอยู่ในห้องน้ำเปล่าเนี่ย" มาร์คกรอกเสียงใส่มือถืออีกประโยค
(เปล่าค่ะ ไม่ได้อยู่) คำตอบคนตัวเล
"เล่นตารางแบบนี้ใครก็กินไอ้มาร์คมันยากครับตา มันเคยเป็นตัวแทนมหาลัยไปแข่งระดับเอเชียมาแล้วได้เหรียญมาด้วย เห็นมันแบบนั้นไอ้นี่มันโคตรอัจฉริยะ เกรดมัน 4.00 ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 เลยนะ พวกผมยังงงเลยว่ามันเอาเวลาที่ไหนมาอ่านหนังสือทั้งที่มันทั้งเรียนทั้งทำงาน " เทนว่ากับตายิ้ม ๆ"โอ เก่งมากเลยสินี่ ถ้าเจ้าหวานรู้นี่ติดแจเลยเชียว เจ้านี่ชอบคนเก่งอยากเก่งเหมือนเค้า" ตาน้อยว่าพลางคิดถึงหลานสาว น้ำหวานจะชื่นชมคนที่เก่งกว่าเสมอและเอาเป็นแบบอย่างมาตั้งแต่เด็ก อย่างเช่นการทำกับข้าวเพราะตาบอกว่ายายทำกับข้าวเก่ง น้ำหวานก็จะตามยายเข้าครัวตั้งแต่เด็กเพื่อจะทำกับข้าวให้เก่งเหมือนยาย โตมาหน่อยลุงปกรณ์ข้างบ้านเมื่อก่อนทำงานที่บริษัทใหญ่ สามารถพูด อ่านเขียน ภาษาอังกฤษได้คล่องน้ำหวานก็จะไปเล่นกับหลานสาวลุงปกรณ์เพื่อให้ลุงปกรณ์สอนภาษาอังกฤษให้ จนเธอมีสำเนียงค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับเด็กที่เรียนในห้องเรียนเดียวกัน"ไอ้มาร์คนี่ตัวท็อปของชั้นเลยครับตา ลุงมันเป็นคณบดีคณะ แกบอกว่าตอนเด็ก ๆ มันอยู่แต่กับกองหนังสือ มันทำข้อสอบเคมี ม.ปลาย ได้ถูกทุกข้อตั้งแต่ ม.1 ขนาดรุ่นพี่ข้างบ้านยังมาให
"เอ๊า... นั่งตาแป๋วอยู่ทำไมล่ะ ไปส่งพี่ ๆ เขาสิ" ตาน้อยสั่งหลานสาวที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ ซึ่งเธอก็ลุกขึ้นเดินตามไปส่งทั้ง 3 หนุ่มแล้วกลับมานั่งดูของในถุงพลางถอนหายใจหนัก ๆ"แต่ละอย่างมีแต่แพง ๆ ทั้งนั้น พวกพี่เขาทำงานได้วันละเท่าไหร่ถึงได้กล้าจ่ายอะไรแพง ๆ แบบนี้ วันนี้บุฟเฟต์ที่พี่เทนเลี้ยงคนละตั้ง 599 เลยนะคะ เรากินได้ตั้งหลายมื้อ หวานกินจนพุงจะแตกยังคิดว่าไม่คุ้มเลย เสียดายตังค์จัง" น้ำหวานว่าขึ้นหงอย ๆ แล้วมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง"แล้วนาฬิกานี่ก็แบบเดียวกับคิตตี้ใส่เลย เย็นนี้หวานจะถามดูว่ามันแพงมั้ย ถ้าแพงมากหวานคงเก็บใส่กล่องไว้ใส่ตอนพี่มาร์คมาดีกว่าหวานกลัวมันหาย" เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับลูบนาฬิกาเบา ๆ อย่างทะนุถนอม"แล้วมันจะไม่เป็นการเสียความตั้งใจพี่เขาหรือลูก พี่เขาซื้อให้เพื่อเอาไว้ดูเวลาไม่ได้ซื้อมาให้ใส่กล่อง แล้วถ้าพี่เขามาแล้วค่อยใส่แบบนั้นเขาเรียกว่าลิงหลอกเจ้า หน้าอย่างหลังอย่างมันไม่ดีของพวกนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราเห็นว่าสวยแล้วเก็บอย่างเดียวไม่ใช้ คนให้เขาก็เสียความรู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พี่เขาปร
"ปู่อยากให้มาร์คไปอยู่กับศิลาด้วย มาร์คสะดวกมั้ยลูก" คุณปู่เอ่ยถามเสียงเนิบพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่มยิ้ม ๆ"ผม..." มาร์คอึกอักอย่างคิดไม่ตกการที่จะให้ไปอยู่ต่างประเทศในฐานะเด็กฝึกงานนั้น ถึงจะมีโอกาสได้งานที่ดีกว่า แต่เรื่องค่าใช้จ่ายก็มากกว่าอีกเหมือนกันแล้วเงินเก็บที่เขามีไม่มั่นใจว่าจะพอใช้จ่ายได้ถึงเมื่อไหร่"ปู่จะให้เงินเดือนเราเท่าพนักงานที่นั่นแล้วจะส่งเราเรียนด้วย ปู่ไม่อยากให้ศิลาอยู่ที่นั่นคนเดียว" คุณปู่พูดขึ้นเสียงเนิบมองหน้าชายหนุ่มอย่างอาทร ในบรรดาเพื่อนของศิลา มาร์คเป็นคนที่ฐานะทางบ้านด้อยกว่าเพื่อนที่สุด ชายหนุ่มดิ้นรนส่งตัวเองเรียนและรับผิดชอบอีกหลายอย่างเพียงลำพัง ซึ่งสิ่งพวกนี้ท่านเดชาให้คนไปเช็คประวัติมาร์คมาบ้างเพราะท่านก็ต้องการมั่นใจว่าคนที่ท่านจะส่งไปอยู่กับหลานชายนั้นต้องพึ่งพาได้จริง ๆ"จริงหรือครับคุณปู่ ขอบคุณครับคุณปู่ ขอบคุณครับ ผมสัญญาผมจะทำให้ดีที่สุดครับ" มาร์คถามขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมกับยกมือไหว้คุณปู่หลาย ๆ รอบน้ำตาคลอหน่วยอย่างดีใจ"แต่มาร์คต้องช่วยปู่ดูแลศิลาให้ดีและเตือนสติมันทุกครั้งเกี่ยวกับผู้หญิง ศิลาถึง
"จะไปไหน มาเคลียร์กันก่อน" มาร์คลุกขึ้นคว้าเอวไว้ทันทีอย่างมันเขี้ยวทั้งอยากแกล้งร่วมด้วย"โอ๊ย... ตา ช่วยหนูด้วย ตาจะปล่อยพี่มาร์คทำแบบนี้กับหนูไม่ได้นะ โอ๊ะ! อย่าดึงเปียหนู" เด็กสาวโวยวายร้องให้ตาช่วยทันทีเมื่อมือใหญ่อีกข้างดึงหางเปียไว้"ทำอะไรไว้ล่ะ พี่เขาถึงได้มานั่งรอเคลียร์กันเองละกันตาไม่เกี่ยว ตาไปอาบน้ำรอกินข้าวดีกว่า" ตาน้อยว่าขำ ๆ แล้วค่อย ๆ ลุกเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี"เอ๊า... ตา ตาไม่รักหนูแล้วเหรอ พี่มาร์คมือหนักดึงหัวหนูจะหลุดแล้วนะ ตาไม่ดุพี่มาร์คล่ะคะ" คนตัวเล็กโวยวายพลางแกะมือใหญ่ออกจากหางเปียตัวเอง ไม่ได้สนใจอีกมือที่กอดตัวเองเอาไว้แน่นขณะที่รถของโรมวิ่งเข้ามาจอดในรั้วบ้านเพิ่มอีกคัน"ซวยแล้ว...พี่โรมกับพี่เทนก็มา โดนยำแน่เลย พี่มาร์คปล่อยหวาน พี่มาร์คอย่าแกล้งน้อง" เด็กสาวว่าพลางดิ้นหนีเต็มที่แต่ก็โดนมือใหญ่รวบเอวไว้ไม่ยอมปล่อย"น้ำหวาน..." เสียงเทนลากยาวมาก่อนตัว"อุ่ย ยาวมาเลย พี่เทน สวัสดีค่ะอุ่ย พี่โรมสวัสดีค่ะ มาครบเลยเน้อ... ว่างกันเหรอ" คนตัวเล็กอุทานเบา ๆ พลางยกมือไหว้ 2 ผู้มาใหม่พร้
บ้านมาร์คที่ต่างจังหวัดรถสปอร์ตคันหรูวิ่งเข้ามาจอดหน้าร้านกาแฟเปิดใหม่ของคุณนงนารถ หนุ่มหล่อผิวขาวใส สวมแว่นตากันแดดครอบเกือบครึ่งหน้า เปิดประตูลงมาจากฝั่งคนขับ รอยยิ้มละมุนบนใบหน้าเรียกสายตาพนักงานและลูกค้าในร้านให้มองตามอย่างเคลิบเคลิ้มในขณะที่ชายหนุ่มเดินยิ้มเข้ามาในร้าน"พี่มาร์ค แม่! พี่มาร์คมา" นิคบอกแม่เสียงดังอย่างตื่นเต้นพร้อมกับวางถาดแก้วน้ำแล้ววิ่งมากอดพี่ชายคนโตของบ้านเหมือนเด็ก"น้านารถ สวัสดีครับ ไงไอ้เสือ" มาร์คยกมือไหว้แม่เลี้ยงแล้วหันไปทักทายน้องเล็กของบ้านที่กอดตัวเองอยู่ยิ้ม ๆ"โว้... โคตรคูลว่ะ ลุคเด็กล้างรถนี่ฆ่าพี่ไม่ตายจริง ๆ" นิคเอ่ยแซวขำ ๆ กับความขัดกันของรถที่ขับมาราคาหลายล้าน นาฬิกาหลายแสน แว่นเป็นหมื่น กับเสื้อยืดเบอร์ 8 ขยี้ใบกางเกงบอลและรองเท้าแตะสายไขว้ราคาหลักสิบของพี่ชาย ในขณะที่รถเก๋งยุโรปอีกคนวิ่งเข้ามาจอดต่อท้ายรถของมาร์คฝุ่นตลบ"ไอ้มาร์ค ไหนมึงบอกจะมาพร้อมกูไง" เนสเดินเข้ามาในร้านโวยพี่ชายทันทีที่เจอหน้า"แม่..." เรียกพลางเดินเข้าไปกอดหอมแก้มแบบที่เขาเคยทำกับย่ามาตั้งแต่เด็กแล้วหันมามองหน้าพี่ชายต่
สัปดาห์สุดท้ายก่อนเดินทางมาร์คพาเนสไปสมัครงานที่ร้านพี่ชายของโรมตามที่พูด ซึ่งเนสก็ดีใจมากที่จะได้มีรายได้เพิ่มอีกทาง เขาแอบหวังเอาไว้ว่าถ้ามีเงินเก็บมากขึ้นเขาจะขอผ่อนบ้านต่อจากมาร์คเพื่อเป็นสมบัติชิ้นแรกจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และคิดว่าถ้ามาร์คทำงานร้านนี้เก็บเงินผ่อนบ้านได้เขาก็จะต้องทำได้เหมือนกัน"ไอ้มาร์ค คืนนี้คนเยอะมากเลยว่ะ" เนสว่าอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นโต๊ะคืนนี้เต็มทั้งโต๊ะนั่งและโต๊ะยืน"นี่ครึ่งเดียวเว้ย พรุ่งนี้อีกรอบ มีสเปเซียลด้วย" โรมว่าพร้อมกับยักคิ้วให้เนสยิ้ม ๆ"พรุ่งนี้กูบอกให้นิคพาน้านารถมา มึงหยุดวันนึงไม่ต้องทำงาน" มาร์คว่ายิ้ม ๆ มองหน้าน้องชาย พรุ่งนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาอยู่ไทยเพราะเที่ยงวันเสาร์เขาต้องเดินทางแล้ว ชายหนุ่มเลยขอให้แม่เลี้ยงและน้องชายมาดูเขาทำงานในวันสุดท้ายด้วย"มึงเป็นนักร้อง?" เนสว่าพลางมองหน้าพี่ชายต่างแม่อึ้ง ๆ"แล้วกูเคยบอกมึงเหรอครับว่ากูเป็นพนักงานเสิร์ฟ" มาร์คตอบน้องชายยิ้ม ๆ พลางยกแก้วน้ำอุ่นผสมมะนาวขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ยืนมองนักเที่ยวแน่นร้านอย่างพอใจก่อนจะตบบ่าเนสเบา ๆ แล้วก้าวขึ้นเวทีทักทายแฟนคลั
เช้าตรู่ที่บ้านของตาน้อยมาร์คกับเทนมาหาเด็กสาวแต่เช้าเพื่อเอาของฝากจากเชียงใหม่ของเทนและขนมที่ได้รับจากแฟนคลับเมื่อคืนมาให้และตั้งใจมากินข้าวกับตาและน้ำหวานแบบที่เคยทำเป็นประจำ"หวาน พี่มีอะไรจะให้" มาร์คว่าเสียงทุ้มพร้อมกับยื่นกระเป๋าสะพายไปตรงหน้า ขณะที่น้ำหวานกำลังนั่งใส่รองเท้าพละบนแคร่หน้าบ้าน เด็กสาวก็รับมาเปิดดูแบบงง ๆ"โห...พี่มาร์ค แพงไป เกิดหวานทำของพี่มาร์คพังไม่มีปัญญาซ่อมคืนหรอกค่ะ" น้ำหวานว่าขึ้นพลางผลักกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กและไอแพดคืนไปที่หน้าชายหนุ่มทันทีที่เห็นวันนี้มาร์คตั้งใจเอาโน้ตบุ๊กและไอแพดของตัวเองมาให้เด็กสาวไว้ใช้งานและขอตาไปส่งเธอที่โรงเรียนเป็นวันสุดท้ายก่อนจะเดินทางในวันรุ่งขึ้น"เอาไว้ใช้ ขึ้นมัธยมที่ต้องทำรายงานหาข้อมูลแล้วถ้าจะปริ้นก็เอาไปให้ไอ้โรมมันปริ้นให้จะได้ไม่เสียตังค์" มาร์คว่าพลางมองหน้าเด็กสาวนิ่ง ๆ"แพงไป๊... พี่มาร์คไม่เอาไปใช้ล่ะคะ" เด็กสาวว่าขึ้นพลางมองสบตาคนตัวโตนิ่ง ๆ พอกัน"นี่มันเครื่องเก่าพี่ ไปนู่นเขาก็ซื้อให้ใหม่เอามาให้หวานใช้น่ะถูกแล้ว" ชายหนุ่มหาข้ออ้างแล้วยิ
"หวาน เตรียมตัวนะเดี๋ยวพี่จะให้หน้าม้าชวนไอ้มาร์คหันหน้าไปคุยทางนั้นแล้วพี่จะส่งหวานขึ้นเวทีเอาดอกไม้ไปให้มัน" โรมเตี๊ยมเด็กสาวอยู่ที่มุมข้างเวทีและตอนนี้ในมือของน้ำหวานมีกุหลาบสีชมพูช่อใหญ่ที่สั่งจัดมาอย่างสวยงามอุ้มอยู่ด้วย"หวานตื่นเต้นจังเลยพี่โรมพี่มาร์คจะไม่โกรธใช่มั้ยคะ" น้ำหวานว่าขึ้นอย่างไม่มั่นใจพร้อมก้มมองช่อกุหลาบอ้อมแขนตัวเอง"ไม่โกรธ เชื่อพี่ มั่นใจหน่อยสิอิหนู เตรียมตัวท่อนสุดท้ายแล้ว" เทนว่าพลางรั้งแขนน้องเล็กให้ลุกขึ้นแล้วจัดผมและเสื้อผ้าให้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะพาเดินไปที่บันไดข้างเวทีแล้วส่งสัญญาณให้หน้าม้าเรียกมาร์คให้หันไปพูดคุยกับแฟนคลับด้านข้างเวทีอีกฝั่ง"ไป ไอ้ตัวเล็ก ไอ้มาร์คมันกำลังเผลอ"เทนว่ายิ้ม ๆ พลางยกกำปั้นขึ้นชนกับกำปั้นน้อย ๆ ของเด็กสาวซึ่งคนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างอย่างน่ารักแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นเวทีไปยืนยิ้มอยู่ด้านข้างของมาร์คพร้อมกับกุหลาบช่อใหญ่ในมือ ในขณะที่โรมขึ้นเวทีแล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเพื่อบอกให้คนด้านล่างเงียบรอลุ้นดูปฏิกิริยาของเพื่อนรักและก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากแฟนค
"ครั้งก่อน? ครั้งไหน" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ"ก็ครั้งหวานเมาไง หวานไม่เห็นเหนื่อยเลย ไม่เจ็บเลยด้วย" คนตัวเล็กเริ่มออกอาการงอแงอย่างน่ามันเขี้ยว*เออ...ถึงว่าถึงยอมกูง่าย ๆ เพราะคิดว่าครั้งก่อนไม่เจ็บนี่เอง เฮ้อ...ครับ ต้องหาคำอธิฐานบทไหนมาสวดให้น้องคิดแล้วถามมากกว่าเออออเองบ้างเนี่ย โรคนี้มันติดทางอากาศจากน้องขวัญหรือไงวะ ...* ชายหนุ่มคิดในใจพลางถอนหายใจเบา ๆ"หวานเมา หวานจะเหนื่อยได้ไง พี่ไม่ได้ทำอะไรหวานนี่ครับ" คนตัวโตว่ายิ้ม ๆ "ฮะ!" หญิงสาวอุทานตาโตพร้อมทั้งลุกขึ้นเอามือค้ำหน้าอกแกร่งมองหน้าชายหนุ่มอึ้ง ๆ"ซี้ด...ลุกเบา ๆ เดี๋ยวก็หักใช้งานไม่ได้พอดี" ชายหนุ่มว่าพลางสูดปากเบา ๆ เมื่อคนคิดจะลุกก็ลุกแล้วอาจจะลืมไปว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังประสานกันอยู่"พี่พูดแบบนี้ แล้ว ๆ คืนนั้นเลือดบนผ้าปูมันมาจากไหน พี่รู้มั้ยหวานเครียดมากเลยนะ แล้วพี่ไปโผล่ที่มหาลัยด้วยหวานทำหน้าไม่ถูกเลย หวานเครียดตั้งหลายวัน แล้วยังขู่หวานเรื่อย ๆ อีก ทำไมพี่แกล้งหวานแบบนี้ล่ะ พี่มาร์คใจร้าย อิยักษ์โหด..." คนตัวเล็กโวยวายทุบอกแกร่งรัว ๆ จนชายหนุ่มต้องรวบมือเธอไว้แล
ลิ้นอุ่น ๆ ลากเลื้อยฝากรอยจูบประทับเป็นทางยาวจากซอกคอหอมกรุ่นของหญิงลงหาร่องอกตีตราความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน แล้วเงยหน้าสบตาคนตัวเล็กหยาดเยิ้มจนหญิงสาวต้องอึ้งราวกับต้องมนต์สะกด ปากหนาก้มลงครอบครองจุกสวยสีระเรื่อดูดเม้มเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้ง มือหนาอีกข้างลูบไล้ทั่วแผ่นหลังจนร่างบางสยิวขนลุกซู่อย่างประหลาด "อือ.. พิ พี่มาร์ค อูย อย่าเม้ม" หญิงสาวพูดตะกุกตะกักขาดห้วงพลางสูดปากยาว เมื่อจุกสวยถูกปากสีเข้มเม้มดูดแรง ๆแล้วเลื่อนมาอีกข้างอย่างเสมอภาค "หวานดีจัง ถ้ามีลูก ลูกต้องชอบ 2 เต้านี้แน่ ๆ" ชายหนุ่มว่าพลางสบตาหวานเยิ้ม "บ้า... พี่พูดอะไร ใครจะมีลูก โอ๊ะ!" หญิงสาวถามอาย ๆ แล้วต้องอุทานตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นจับเธอพลิกนอนหงายตั้งแขนทั้ง 2 คร่อมร่างเธอเอาไว้ แล้วสบตายิ้มกรุ้มกริ่ม"ก็หนูไง พี่ท้องเองไม่ได้หรอก" เสียงทุ้มว่าพลางส่งสายตาหวานเยิ้มจนคนตัวเล็กหน้าแดงตัวแดงขึ้นต้องหลบตา"บ้า... ปล่อยหวานเลยพี่มาร์คจะเกินเส้นมากไปแล้วนะ สว่างแล้วด้วยอีกเดี๋ยวน้องขวัญก็มา" คนตัวเล็กหาข้ออ้างพลางเอามือทาบที่อกแกร่งแล้วดันออกห่างตัวเบา ๆ *รู้หรอกเว้ยว่าไม่ใ
มือหนาสอดเข้าในผ้าห่มแล้วยกชายเสื้อนอนแขนยาวตัวใหญ่ของหญิงสาวขึ้นค่อย ๆ ยกถอดออกทางหัว ดึงออกจากแขนโยนลงพื้นลุกขึ้นนั่งมองคนหลับที่ขยับเปลี่ยนท่านอนขำ ๆ "เรื่องซ้อมตายไว้ใจหวานเลยจริง ๆ" ชายหนุ่มพึมพำแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะสอดมือไปจับที่ขอบกางเกงนอนของหญิงสาวค่อย ๆ ดึงลงเบา ๆ แล้วใช้เท้าช่วยเลื่อนกางเกงนอนตัวใหญ่ออกไปจนพ้นตัวพร้อมกับชั้นในตัวจิ๋วของเธอหลุดติดไปด้วย แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมาหาผ้าขนหนูของหญิงสาวมาพันรอบเอวตัวเองถอดเกงกางวอร์มของตัวเองออกแล้วกลับไปนอนลงที่เดิม ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดจนแนบชิด"เฮ้อ... ใครแกล้งใครวะเนี่ย กูทำกูเองอีกแล้วนะไอ้มาร์ค เป็นคนอื่นกูใส่จนพรุนไปแล้วแต่ไอ้ตัวเล็กนี่กลับเริ่มไม่ได้ซะงั้น" ชายหนุ่มพึมพำมองคนที่รั้งเข้ามากอดอย่างใช้ความคิด ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงประกบจูบปากบางเบา ๆ แล้วเลื่อนตัวขึ้นมากดหัวเธอซุกอกแกร่งของตัวเอง จับมือบางมาวางพาดที่เอวของตัวเองลูบหลังคนในอ้อมกอดเบา ๆ "เฮ้อ... ทำไม่ได้ว่ะ แม่ง..." ชายหนุ่มถอนหายใจพลางก้มลงจูบที่เรือนผมสวยแล้วข่มตานอนอย่างยากลำบาก "กู๊ดไนท์ นะตัวเล็ก"……….//……&he
"โอ๊ย!! เคยเจอที่ไหนล่ะคะ บอสกับโปรเฟสเซอร์ไม่เคยควงใครค่ะ เคยแต่ควงกันเองไปไหนมาไหนกัน 2 คน เวลาประชุมที ถ้าโปรเฟสเซอร์ว่ายังไงบอสก็เออออ หรือบอสว่าอะไรโปรเฟสเซอร์ก็เออออกะหนุงกะหนิงยิ่งกว่าอะไรซะอีก แล้วผู้หญิงหนึ่งเดียวที่ใกล้บอสก็คุณโรซี่นั่นแหละจนคนในออฟฟิศคิดว่านางเป็นแฟนบอสเลยไม่มีใครกล้าฉะกับนาง คิดจะไล่ใครออกก็ไล่ บางคนนางไล่ออกโปรเฟสเซอร์ก็ให้คนไปตามกลับมาทำงานก็มีนางนี่วี้ด ๆๆ เป็นหมาโดนน้ำมันเลยจ้า" โอปอล์ได้เพื่อนคุยก็ร่ายยาวอย่างคันปากคันคอทันที"แล้วบอสไม่ว่าอะไรเธอเลยหรือคะ เธอทำแบบนั้น" หญิงสาวเท้าคางถามอย่างสงสัย"จะว่าอะไรล่ะเห็นมีคนเคยพูดว่านางเคยช่วยบอสตอนที่บอสมาจากไทยใหม่ ๆ เลยถือเป็นบุญคุณกันล่ะมั้ง ทีแรกนางก็ทำฝ่ายการตลาดนี่แหละแต่นางไม่เอาใคร บอสเลยสั่งให้ย้ายเก็บเข้ากรุไปเป็นเลขาเหมือนต่อขาให้นางน่ะ ยืดคอสูงไปใหญ่ คิดจะชี้ใช้ใครก็ชี้จะไม่กล้าก็แค่กับโปรเฟสเซอร์เท่านั้นแหละ""แล้ว พิ...เอ้อ โปรเฟสเซอร์เค้าใจดีมั้ยคะ""มาก... ค่ะหนู คุณมาร์คคือนักสันถวไมตรีผู้สยบทุกอย่างบนโลกเคเอสของเราจ่ะ ใจดี ใจเย็น อ่อนน้อม น่
"เอ่อ ..." "หืม? มีอะไร" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม เด็กที่กำลังนั่งอ้าปากหวออยู่ข้างหน้า"ไม่มีอะไรค่ะ หวานง่วง..." ว่าพลางปิดปากหาวหวอดขึ้นมาทันที"ง่วงก็ไปนอนก่อนไป" ชายหนุ่มสั่งในขณะที่ตายังอ่านเอกสารในมือ"แล้วพี่มาร์คไม่กลับห้องล่ะ หวานจะได้ปิดไฟ""พี่นอนนี่" คนตัวโตพูดเสียงนิ่งทำเอาเจ้าของห้องอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบ ๆ "ฮะ!""ก็บอกว่าไปนอนก่อนเลยหรือจะให้พี่พาไปนอน งั้น ปะ" ว่าแล้วปิดแฟ้มในมือทำท่าจะลุกขึ้น"เดี๊ยว... พี่มาร์คไม่กลับห้องล่ะ" คนตัวเล็กเบรกยาวถามประโยคเดิมอีกรอบ"ก็บอกว่า พี่นอนนี่" มาร์คตอบเสียงนิ่งเหมือนปกติแต่แอบกลั้นขำเด็กงงอย่างสุดฤทธิ์"ไม่ได้หวานไม่ให้พี่มาร์คนอน" หญิงสาวว่าขึ้นเตรียมจะลุกหนีเข้าห้อง แต่ไม่ไวเท่าคนตัวโตที่คว้าแขนเอาไว้แล้วดึงลงมานั่งที่ตักตัวเองแบบง่าย ๆ"จะไปไหน" "ไปนอนค่ะ หวานง่วง" น้ำหวานตอบหน้าบึ้ง *ห้องตัวเองก็มีมั้ยวะ จะมานอนเพื่อ*"งั้นไปนอนกันพี่ก็ง่วง" พูดจบลุกขึ้นช้อนร่างบางเดินเข้าห้องหญิงสาวทันที"พี่มาร์ค ปล่อยหวานก่อน" น้ำหวานโวยวายทุบอกแกร่งไม
"พี่มาร์คกลับไปทำงานเถอะค่ะเดี๋ยวหวานจะเก็บของแล้ว" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกับวางกระเป๋าสะพายตัวเองไว้ที่โต๊ะกลางก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อไปเก็บของแต่โดนมือใหญ่รวบกอดจากทางด้านหลังแล้วรั้งร่างบางเข้าไปแนบอก"จะไปไหน?""ก็กลับไทยไงคะ น้องขวัญไม่อยู่หวานจะอยู่ยังไง แล้วประธานศิลาคงไม่ให้หวานอยู่ต่อแน่ถ้าน้องขวัญไม่อยู่" เสียงเศร้าปนสะอื้นเบา ๆ ดังออกมาอย่างน่าสงสาร"ฟังพี่นะ (ว่าพลางจับคนตัวเล็กหันมาสบตา) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหวานต้องได้ฝึกงานอยู่ที่นี่จนจบ เรื่องที่เกิดขึ้นหวานกับน้องขวัญไม่ผิดพี่จะไม่ยอมให้การตัดสินใจของมันทำลายอนาคตของหวานได้ พี่สัญญานะ" ชายหนุ่มว่าเสียงทุ้มพลางเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบอก"แล้วพี่มาร์คจะค้านประธานศิลาได้หรือคะ ถ้าเขาไม่ให้หวานฝึกต่อ...""หวานเป็นเด็กทุนของคุณปู่นี่ไม่ใช่เด็กทุนของไอ้ศิมันซักหน่อย แล้วถ้าฝึกจบมันไม่ให้ทำงานต่อ พี่ฝากหวานเข้าทำงานในมหาลัยได้" ชายหนุ่มปลอบใจเสียงทุ้ม"แล้วหวานต้องทำไงต่อคะ หวาน..." "หวานก็ไปทำกับข้าวมากินกันไง นี่บ่ายแล้วนะ
P mark น้องขวัญโดนทำร้ายที่ห้องพี่มาร์คค่ะ(อ่านแล้ว)ร่างบางเดินกลับเข้ามานั่งในห้องพร้อมกับถอนหายในเสียงดังจนรุ่นพี่คนไทยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นมอง"น้องน้ำหวานโอเคมั้ยจ๊ะลูก" สิริถามเด็กสาวในสายตาเธอยิ้ม ๆ"เพื่อนหวานโดนผู้หญิงคนนั้นทำร้ายค่ะ แล้วบอสอยู่ตรงนั้นด้วย งือ...สงสัยต้องได้กลับไทยแน่ ๆ เลย" คนตัวเล็กตอบเสียงอ่อยก้มลงฟุบหน้ากับแขนตัวเอง ทำเอาคนถามและคนอยากรู้มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วมองหญิงสาวที่นั่งฟุบอยู่ด้วยความสงสัยก๊อก ! ก๊อก ! เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาทั้งห้องหันหน้ามองทางเข้า น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองด้วยใจระทึก"หวาน พี่มารับกลับห้อง กลับเลยจะได้พาคิตตี้ไปหาหมอ" เสียงมาร์คดังขึ้นหน้าประตูออกคำสั่งเสียงดังด้วยภาษาไทยที่บอกว่าอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก"เอ่อ... กลับได้หรือคะ" น้ำหวานถามอย่างไม่มั่นใจ"ได้ พี่อนุญาต เก็บของเลย" มาร์คสั่งเสียงห้วนจนน้ำหวานลนลานเก็บเอกสารบนโต๊ะแล้วคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นสะพายบ่าบอกลารุ่นพี่ในแผนกแล้วเดินออกมาหาชายหนุ่มที่ตอนนี้คิตตี้ยืนจับข้อมือของตัวเอ
"ห้องทำงานของน้องนำ.... อืม..." จอห์นสันพยายามนึกชื่อไทยของหญิงสาว"ฮันนี่ค่ะ คุณจอห์นสันเรียกเธอว่าฮันนี่ก็ได้" ของขวัญเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ ทำให้น้ำหวานหันไปมองหน้าเพื่อนงง ๆ"เอาน่า ชื่อไทยออกเสียงลำบาก ขนาดชื่อน้องขวัญ คิดถึงเสมอ ยังเป็นคิตตี้เลย ฮันนี่นี่แหละน่ารักความหมายเดียวกัน" ของขวัญว่าเบา ๆ ให้ได้ยินกัน 2 คน ทำให้หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ"หวานก็คิดว่าชื่อเล่นน้องขวัญมี้ตั้งให้ซะอีก""ไม่ใช่ ๆชื่อจริงนี่แหละ แต่ครูอ่านไม่ออก ครูเลยเรียกแต่คิตตี้ ก็เลยได้ชื่อคิตตี้น่ะ" ของขวัญว่าพลางหัวเราะที่มาชื่อฝรั่งของตัวเอง"เอ่อ..." จอห์นสันอึกอักมองหน้าหญิงสาว"ค่ะ คุณจอห์นสัน?" ของขวัญว่ายิ้ม ๆ"ผมจะส่งฮันนี่ก่อนนะครับ แล้วค่อยไปส่งคิตตี้ที่ห้องทำงานของโปรเฟสเซอร์" จอห์นสันบอกยิ้ม ๆ พอดีกับประตูลิฟต์เปิดแล้วก้าวเข้าไปก่อนที่2 สาวก้าวตามไปติด ๆ แล้วเขาก็ปิดประตูลิฟต์ทันที "ห้องทำงานของฮันนี่จะอยู่ที่แผนกการตลาดระหว่างประเทศนะครับ ชั้น 6 ที่นั่นจะมีพนักงานหลายเชื้อชาติและมีคนไทยด้วยครับส่วนห้องทำงานของโปร
Namwhan Partฮัลโล...ลอนดอน ตอนนี้เรามาอยู่ที่ลอนดอนได้หลายวันแล้วค่ะ ตอนแรกที่มาถึง พี่มาร์คพามาที่อพาร์ตเมนต์ของบริษัท แทบจะไม่อยากเข้าไปเหยียบเลยจ้า หรูมากแม่ แล้วห้องกว้างมากมีห้องนอนห้องครัวห้องนั่งเล่นแยกโซนเหมือนคอนโดพี่มาร์คเลยค่ะแต่แคบกว่านิดนึง เพราะที่นี่มีห้องนอนเดียวแล้วคุณปู่ก็ให้พ็อกเก็ตมันนี่มาคนละห้าแสนค่ะ (ฟังไม่ผิดนะคะ ห้าแสนบาทไทยเลยค่ะ)สั่งให้เราหาชุดทำงานใส่ หวานว่ามันมากเกินไปนะทีแรก แต่พอซื้อเสื้อผ้าที่ยัยน้องขวัญพาเข้าร้านเท่านั้นแหละ คุณพระ! ตัวเป็นหมื่น ซื้อไปน้ำตาตกในไปเสียดายตังค์ กระเป๋ารองเท้าที่น้องขวัญซื้อให้แทบจะขึ้นหิ้งได้เลยนะ ใบใหญ่กว่าซองมาม่านิดนึงเป็นแสนเลยแม่ แพงโพดแพงโพ นี่ยังไม่รวมกับข้าวที่นี่ แทบอยากจะกินวันละ 2 มื้อเลยอ่า แล้ววันก่อนพี่มาร์คพาไปเลี้ยงข้าวเย็น โอ้..จานเป็นพันน่ะแม่ ไม่กล้าสั่งเลยจ้า ณ จุดนี้สั่งข้าวไข่ดาวให้อิหวานก็กินแล้วค่ะ แพงเกิ๊น...แล้ววันนี้เราก็นอนเติมพลังกันสุดฤทธิ์ตั้งแต่บ่ายเพื่อไปฝึกงานวันแรกพรุ่งนี้ค่ะ แต่หวานต้องมาตื่นเพราะความที่คุณท่านผู้ช่วยท่านประธานสาขาดอกเตอร์มนัสพงษ์คิดอยากจะกินซุป