บ้านหลังใหญ่ด้านในสุดของโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่มีพื้นที่มากถึง 1 ใน 3 ของโครงการ รถตู้สีดำคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดภายรั้วหน้าบันไดทางขึ้นตัวบ้าน โดยมีชายเลยวัยกลางคนยืนรอพร้อมกับบรรดาแม่บ้านที่รออย่างใจจดใจจ่อ
"มากันแล้วค่ะ" ละมัยหลานสาวหัวหน้าแม่บ้านพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ทันทีที่รถวิ่งเข้าประตูใหญ่มา
"จะน่ารักเหมือนในรูปมั้ยนะ" ป้าไพรหัวหน้าแม่บ้านว่ายิ้ม ๆ เพราะคุณหญิงว่านโฆษณานักหนาว่าหนูของขวัญน่ารัก ช่างพูด แต่ภาษาไทยน้องไม่ค่อยชัดนัก ต้องช่วยกันสอนแล้วจะมาอยู่ด้วยที่นี่ช่วงก่อนเปิดเทอมพวกเธอเลยตื่นเต้นกันใหญ่
"น่ารักสิ ป้าเค้าหลงจะตายนี่ถึงขั้นบินไปรับเองเชียว" ท่านภูษิตว่ายิ้ม ๆ มองตามรถคันใหญ่ที่กำลังวิ่งเข้ามาภายในบ้าน
และทันทีที่รถจอดประตูทั้ง 2 ด้านเปิดออกพร้อมกันก็ปรากฎร่างเล็ก ๆ บาง ๆ นั่งยิ้มอยู่ข้างในรถคันหรู
"Hello baby." คนเป็นลุงทักขึ้นมาก่อนทำให้เด็กสาวยิ้มจนตาหยีแล้วเอ่ยตอบ "hi."
"น้องขวัญ ภาษาไทยค่ะลูก" คนเป็นป้ากระซิบข้างหูยิ้ม ๆ เพราะขณะที่นั่งมาในรถเธอพยายามสอนหลานให้ใช้ภาษาไทยที่บ้านเพราะคนในบ้านส่วนใหญ่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ มันจะเป็นอุปสรรคเวลาสื่อสารกันและให้เหตุผลว่าเป็นคนไทยภาษาไทยต้องชัดนะคะ
"อุ่ย! สวัสดีค่ะคุณลุง" เสียงใส ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้แล้วจับประตูรถเตรียมก้าวลง ท่านภูษิตรีบเดินเข้ามายื่นมือให้หลานตัวเล็กจับพยุงลงรถแล้วเอื้อมจับมือคุณหญิงว่านลงมาจากรถ
เด็กสาวร่างเพรียวบางในชุดเสื้อแขนยาวคอเต่าสีขาวกระโปรงยีนส์สีดำเสมอเข่า ตากลมโตรับกับขนตางอนยาวธรรมชาติของเธอ ปากนิด จมูกหน่อยบวกกับผิวขาวใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยที่แก้มจาง ๆ ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรส่งให้ทุกคนที่ยืนพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม จนเหล่าแม่บ้านและคนดูแลสวนตกใจรับไหว้กันแทบไม่ทัน "สวัสดีค่ะ น้องของขวัญนะคะ" เสียงหวาน ๆ เอ่ยแนะนำตัวพร้อมกับยิ้มให้อย่างน่ารักจนผู้ใหญ่ต่างเอ็นดู
"เข้าบ้านกันก่อนเถอะลูก คุณปู่รอน้องขวัญอยู่ในบ้านนะคะ" คุณลุงษิตของหลานสาวเอ่ยชวนพร้อมกับลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู
"คุณปู่..." เด็กน้อยว่าอย่างตื่นเต้นเธอดีใจที่จะเจอคุณปู่ของเธอมากที่สุด เพราะคุณปู่ใจดีกับเธอเสมอและเป็นคุณปู่นี่แหละที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธออยากมาเมืองไทยสักครั้ง คุณปู่เล่าเรื่องประเทศไทยให้เธอฟังทุกครั้งที่ไปหา แล้วดูเหมือนคุณปู่จะมีเวลาให้เธอมากกว่าแด๊ดกับมี้ที่อยู่กับเธอทุกวัน แต่ก็ทำงานแทบจะตลอดเวลาแล้วให้เธออยู่กับพี่เลี้ยงต่างชาติมาตั้งแต่จำความได้เลยทำให้ภาษาไทยของเธอกระท่อนกระแท่นเหมือนทุกวันนี้
"สวัสดีของขวัญของปู่" ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนโซฟายาวในห้องนั่งเล่นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างบาง ๆ คุ้นตาเดินเข้ามากับลูกชายและลูกสะใภ้ทำให้คนที่นั่งร่วมห้องอยู่ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน
"คุณปู่สวัสดีค่ะ" เด็กสาวยกมือไหว้อย่างน่ารักแล้ววิ่งเข้าหาอ้อมแขนอบอุ่นของชายสูงวัยพร้อมกับหอมแก้มอย่างแสนคิดถึง
"ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยนะลูก เดินทางเหนื่อยมั้ย" คุณปู่ถามอย่างอบอุ่นพร้อมกับยกมือลูบผมเปียของเด็กสาวเบา ๆ
"น้องขวัญไม่เหนื่อยค่ะ" เงยหน้าขึ้นตอบพร้อมกับส่งยิ้มน่ารักให้
"อ้าว! คุณศิลากลับบ้านได้ด้วยหรือลูก" คุณหญิงว่านอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นลูกชายนั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวข้างคุณปู่เพราะปกติลูกชายจะไม่ค่อยเข้าบ้านเวลานี้เท่าไหร่นัก
"ก็... (เหลือบตามองคุณปู่นิดนึง) คุณปู่บอกว่าแม่จะกลับให้มากินข้าวด้วยกันครับ" ชายหนุ่มตอบแม่แต่ตายังมองหลานสาวคุณป้าพลางขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
"อ๋อ... งั้นก็ดีเลย น้องขวัญลูกนี่พี่ศิลานะคะ หนูสวัสดีพี่เขาก่อนค่ะลูก" คุณป้าบอกหลานสาวยิ้ม ๆ
"สวัสดี ศิลา" เด็กสาวเอ่ยทักพร้อมกับยกมือไหว้แล้วมองหน้าตากลมแป๋วรอให้ชายหนุ่มทักตอบ... แต่ก็เงียบ >~<
"เค้าชื่อของขวัญ เค้าอายุ 13 ปี เกรด 7" เสียงเล็ก ๆ แนะนำตัวเองแล้วเงียบรอฟังเสียงตอบกลับ ...?
"คุณป้าคะ ศิลาพูดได้มั้ยคะ" หันมาถามป้างง ๆ
"พี่ศิลาพูดได้ลูก" คุณหญิงว่านตอบอย่างเอ็นดู
"อ่อ... โอเค" พยักหน้าเข้าใจแล้วหันกลับไปซบอกอุ่น ๆ ของคุณปู่แล้วกระชับรอบเอวแน่นขึ้น ขณะที่คุณปู่ยกมือลูบหัวให้อย่างอ่อนโยน
"ไพรเอ้ย... เตรียมตั้งโต๊ะเย็นเลย" ประมุขของบ้านตะโกนสั่งหัวหน้าแม่บ้านแล้วหันไปคุยเรื่องการเดินทางของป้าและหลานตลอดจนกำหนดเปิดเรียนของเจ้าตัวเล็กที่นั่งคุกเข่าหน้าโซฟากอดเอวคุณปู่อยู่
"คุณพ่อครับหลับแล้วนะนั่น" ท่านภูษิตบอกพ่อขำ ๆ ที่ตอนนี้คนไม่เหนื่อยหลับไปแล้วเรียบร้อย
"อ้าว... ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลย ยังไงล่ะทีนี้เจ้าตัวเล็กเอ๊ยแล้วบอกไม่เหนื่อย" คุณปู่ว่ายิ้ม ๆ อย่างเอ็นดู
"งั้นเดี๋ยวผมพาหลานไปนอนก่อนครับพ่อ" ท่านภูษิตว่าพลางขยับจะลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาว
"ผมอุ้มให้ก็ได้" คนนั่งเงียบคุกเข่าลงข้างโซฟาแล้วช้อนร่างเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนอย่างเบามือก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "ไปห้องไหน"
"ห้องติดกับห้องเราน่ะลูก" คุณแม่เป็นคนตอบ ชายหนุ่มหมุนตัวอุ้มร่างเล็กนั้นออกไปทันที ละมัยจึงวิ่งตามเพื่อไปเปิดประตูห้องให้ชายหนุ่มแทบไม่ทัน
"หึ! นึกว่าจะปล่อยให้พ่อมันอุ้ม" คุณปู่มองตามหลังหลานชายว่ายิ้ม ๆ
"แล้วทำไมพ่อลูกชายเข้าบ้านได้ล่ะคะ วันนี้ไม่พาแม่แมรี่ไปถลุงทรัพย์หรือไง" คุณหญิงว่านถามถึงลูกชายพร้อมกับแขวะไปถึงคู่ควงคนล่าสุดของลูกที่ขยันขอนั่นนี่เหลือเกิน ขอแม้แต่ให้พาเข้าบ้านซึ่งเป็นสิ่งเธอห้ามเด็ดขาดเพราะคนที่จะเข้าบ้านนี้ได้ต้องเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ของบ้านเท่านั้น
"ก็ให้มันไปสิ พ่อจะตัดบัตรเครดิตมันทุกใบ ยึดรถมันทุกคัน" ประมุขของบ้านว่าขึ้น
"คอยดูต่อไปแล้วกันมันจะเป็นยังไง แล้วเจอหน้ากันกี่นาทีถึงได้เสนอตัวอุ้มน้องไปนั่น" คุณปู่พูดขึ้นขำ ๆ พร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างพอใจกับการเจอกันอีกครั้งในรอบ 13 ปี ของคนทั้งคู่
"แล้วทางนั้นเป็นไงล่ะ" ท่านภูษิตเอ่ยถามภรรยาถึงน้องรักที่กำลังประสบปัญหาทางธุรกิจโดนพี่ชายต่างมารดาโกงหลายร้อยล้านจนคู่ค้าฟ้องล้มละลายและยังทำเอกสารปลอมขายทรัพย์สินไปหลายรายการแม้กระทั่งบ้านที่อาศัยอยู่ทุกวัน
"ว่านให้ทนายของเราช่วยจัดการอยู่ค่ะ แต่เรื่องที่คุณพ่อเสนอเนมไม่เอาค่ะคุณพ่อ เนมบอกว่าขอล้มแล้วตั้งต้นใหม่ดีกว่าไม่อยากเห็นแก่ตัวที่จะเอาลูกมาขายกินค่ะ เนมเขาเชื่อว่าถึงเขาจะไม่มีให้ลูกในอนาคต แต่น้องขวัญเธอจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของน้องขวัญ เนมเขาเก็บไว้ให้ทุกเดือนตั้งแต่เกิดเป็นชื่อของน้องขวัญเอง บัญชีนี้ไม่มีผลกระทบค่ะแล้วน่าจะพอใช้ไปจนกว่าจะจบปริญญาตรีแล้วกว่าน้องขวัญจะจบ เนมจะพยายามสร้างธุรกิจเล็ก ๆ ขึ้นมาใหม่ แต่ระหว่างนี้ต้องฝากเราดูแลน้องขวัญไปก่อนค่ะคุณพ่อ" ลูกสะใภ้เล่าให้ฟังหน้าเศร้าถึงการปฏิเสธข้อเสนอของน้องรักสามีที่คุณพ่อสามีเธอเสนอให้
"อืม... งั้นก็แล้วแต่วาสนาเถอะนะ เจ้าของขวัญของปู่ ปู่จะดูแลเจ้าเอง งั้นเอาอย่างนี้พ่อจะโอนหุ้นส่วนของพ่อแบ่งเป็น 2 ส่วนให้เจ้าศิลาครึ่งนึงน้องขวัญครึ่งนึง ส่วนสัญญาเดิมที่เคยสลักหลังกันไว้จะไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าศิลาหรือน้องขวัญจะมีครอบครัวไปเราจะทำตามสัญญานั้น ลูก ๆ จะว่ายังไง" คุณปู่ปรึกษาลูก ๆ เพราะท่านก็ห่วงเด็กสาวอยู่มากเหมือนกัน
"ก็แล้วแต่คุณพ่อเถอะครับผมไม่มีปัญหา เนมก็ถือว่าเป็นน้องรักของผมครอบครัวเราผูกพันกันมานาน ผมก็อยากช่วยมันเหมือนกันเดี๋ยวผมคิดว่าคงต้องไปหามันเร็ว ๆ นี้แหละ" ลูกชายตอบผู้เป็นพ่ออย่างจริงจัง
"หรือจะเอาอย่างนี้ดี พ่อจะคุยกับศิลาเอง" คุณปู่ปรึกษาอย่างตัดสินใจ
"ไม่ได้ค่ะคุณพ่อ เนมไม่ยอมค่ะ ว่านคุยแล้ว เนมไม่อยากให้เราบังคับศิลาค่ะทุกอย่างต้องอยู่ที่ใจไม่ใช่บังคับ เนมไม่อยากทำลายอนาคตศิลาเพื่อตัวเองค่ะแล้วอีกอย่างน้องขวัญก็เด็กมากถ้าผิดพลาดขึ้นมาลูกเราจะเจ็บกันทั้ง 2 ฝ่ายนะคะแล้วเราจะมองหน้ากันไม่ได้ค่ะคุณพ่อ"
"เฮ้อ..." คุณปู่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
~~~~~~~~~~
ชั้น 2 ของบ้านร่างเล็กถูกวางลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือ มือหนาเขี่ยไรผมออกจากหน้าผากมองขนตางอน ๆ ปากสีชมพูจิ้มลิ้มอย่างพิจารณา ผิวขาวอมชมพูที่บางจนเห็นเส้นเลือดชัดเจนในบางจุด มือบาง ๆ นิ้วเรียวเล็กกับนาฬิกาสีชมพูพาสเทลน่ารักดูเข้ากันกับข้อมือเล็ก ๆ นี่"13 ปี โตได้แค่นี้หรือวะ" ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ"เอ่อ... คุณศิลาคะ ละมัยขอถอดถุงเท้าให้คุณหนูของขวัญนิดนึงค่ะจะได้หลับสบายขึ้น" ละมัยหลานสาวหัวหน้าแม่บ้านเอ่ยขอทางเบา ๆ"ไม่เป็นไร เดี๋ยวทำเอง" ว่าพลางนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วค่อย ๆ จับข้อเท้าเล็ก ๆ ไว้แล้วถอดถุงเท้าออกอย่างเบามือวางให้แม่บ้าน"เอ่อ... เดี๋ยวละมัยเช็ดเท้าให้คุณหนูนิดนึงค่ะ""ไม่เป็นไร เดี๋ยวทำเอง" ยื่นมือมารับผ้าแล้วบรรจงเช็ดเท้าเล็ก ๆ นั่น จนแม่บ้านละมัยมองอึ้ง ๆ เธอทำงานที่นี่มาหลายปีไม่เคยเห็นคุณชายของบ้านอยู่ในโหมดนี้มาก่อน ปกติจะปากร้ายใจร้อนโผงผางเป็นที่สุด"เอ่อ... งั้นละมัยขออนุญาตไปเตรียมอาหารเย็นนะคะคุณศิลา" ละมัยว่าพร้อมกับเกาหัว"อืม..." พยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้ละสายตาจากข้อเท้าเล็ก ๆ ในมือ"วันพระหรือเปล่าวะ ผีสำลีเข้าสิงละมั้ง" ละมัยบ่นงึมงำเดินลงมาจากชั้น 2 ไม่มอง
ชั้น 2 ของบ้าน"หม่ามี้ น้องขวัญสบายดีค่ะ นอนหลับสบายมาก...อืม...อืม ใช่ ๆ ... ใจดี น้องขวัญคิดถึงแด๊ดกับมี้ค่ะ" เสียงหวาน ๆ ปนสะอื้นพูดกับหน้าจอแท็ปเล็ต มือบาง ๆ เช็ดน้ำตาป้อย ๆ อย่างน่าสงสารเด็กน้อยไกลบ้านที่ในชีวิตไม่เคยโดนใครตะคอกเสียงดังมาก่อน"อืม... น้องขวัญโอเค อืม.... ศิลาเหรอ?" ชายหนุ่มชะงักทันทีที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปแต่ได้ยินชื่อตัวเอง เลยจับลูกบิดแง้มฟังยืนอยู่หน้าห้องแทน"ศิลาตัวใหญ่ ๆ จมูกโด่ง ๆ คิ้วหนา ๆ แบบคุณปู่เลยค่ะ.... อืม.... ใจดีค่ะมี้ น้องขวัญอยู่ได้ค่ะ ค่ะมี้ กู้ดไนท์นะคะมี้" เสียงหวานปนเศร้ากล่าวลาผู้เป็นแม่จากทางไกลแล้วกดปิดหน้าจอ ซึ่งทุกคำพูดทุกประโยคคนที่อยู่ด้านนอกได้ยินทุกคำ จึงตัดสินใจเคาะประตูก่อนเข้าไปก๊อก! ก๊อก! "come in"............. //.........Sila talkตอนนี้ผมยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของยายตัวเปี๊ยกที่ตะกี้เผลอตะคอกไป ด้วยความที่ตัวเองเคยชินกับประโยคสั้น ๆ พูด ง่าย ๆ แล้วไม่คิดว่าจะมีคนไม่เข้าใจ โดยที่ลืมไปว่าเด็กน้อยนี่เพิ่งมาไทยแล้วภาษาบ้านเกิดก็ไม่ได้จะรู้เรื่องนัก แล้วตะกี้เท่าที่ยืนฟังยายตัวเปี๊ยกนี่เอาตัวรอดได้ดีเชียว พูดให้แม่สบายใจก็เป็
"เชี้ย! ไอ้ศิลา ไปเอาเด็กที่ไหนมาวะนั่น น่ารักว่ะมาร์ค" เทนอุทานเสียงดังกับเพื่อนนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้วยกันอย่างตื่นเต้น มองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อน"ไงครับ มาช้านะมึงแต่กูจองตั๋วแค่ครบคนนะ รอบนี้เต็มแล้วด้วยเหลือแต่ชั้นสวีทด้านหลังว่ะ" มาร์คว่าพลางมองหน้าใส ๆ ของเด็กสาวที่โดนลากมาขาสั้น ๆ ของเธอก้าวตามจนเมื่อยหน้ามุ่ย แก้มใส ๆ แดงขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู"อืม... ก็จองสวีทดิ กูนั่งเอง" บอกเพื่อนแล้วหันไปมองหน้ายุ่ง ๆ ของคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ทั้งมุ่ยทั้งแดงแล้วเอื้อมมือไปลูบผมเปียฟู ๆ ให้อย่างเบามือ กลายเป็นภาพแปลกตาของกลุ่มเพื่อนเพราะปกติศิลาไม่เคยดูแลหรือเทกแคร์ใครไม่เคยใส่ใจใคร แม้แต่คู่ควงคนล่าสุดถึงจะให้รถใช้ให้คอนโดอยู่แต่ก็ไม่อ่อนโยนหรือคิดถนอมน้ำใจอีกฝ่ายเหมือนที่กำลังทำกับเด็กน้อยคนนี้"ของขวัญ นี่พี่เทน พี่มาร์ค พี่โรม ทักทายพี่เขาหน่อย" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเจ้าของภาษากับเด็กน้อย ซึ่งเธอก็เงยหน้ายิ้มกว้างอย่างอัตโนมัติเหมือนเปลี่ยนช่องได้ทันที"สวัสดีค่ะ หนูชื่อของขวัญค่ะ" ภาษาที่ 1 ของเธอสำเนียงดีมากพร้อมกับยกมือไหว้อย่างน่ารักจนทำให้บรรดาชายหนุ่มย
ม้านั่งรอแท็กซี่ด้านข้างของห้าง เด็กสาวตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียและแปลกที่ แล้วกระพริบตาปริบ ๆ ปรับแสงสายตาพลางสะบัดหัวอย่างมึนงงมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย แล้วก้มลงมองเสื้อตัวใหญ่ที่ตัวเองห่มอยู่จำได้ว่าเสื้อตัวนี้ศิลาใส่มาแต่ตัวเองไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ได้ แล้วหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง"อ้าว...ตื่นแล้วหรือนังหนูไม่สบายหรือเรา" เสียงชายวัยเลยกลางคนใส่เสื้อแขนสั้นสีฟ้าสดใส ผมสีดอกเลาทั้งศีรษะเอ่ยทักจากทางด้านหลัง"สวัสดีค่ะ หนูมานอนที่นี่ได้ไงคะ" เด็กสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยถามด้วยภาษาไทยที่พยายามจะช้าและชัดมากที่สุด"ลุงเห็นพนักงานห้างเขาอุ้มมาน่ะ เห็นพี่สาวเราบอกว่าเราไม่สบายเลยให้ที่บ้านมารับที่นี่แล้วพี่เราไปไหนแล้วล่ะ หรือไปรอรถอีกที ปล่อยน้องได้ยังไงเนี่ย" คุณลุงใจดีชวนคุยแล้วเดินมานั่งลงข้าง ๆ"หนูไม่มีพี่สาวนะคะ หนูมากับพี่ชายชื่อศิลา หนูเพิ่งมาจากอเมริกาเมื่อวาน หนูไม่รู้จักใครค่ะ" เด็กสาวตอบไปอย่างไม่รู้สึกกลัวและพอจะเดาได้ว่าพี่สาวที่ลุงใจดีเอ่ยถึงคือผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแกล้งเธอแน่ ๆ"อ้าว ~ แล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะทีนี้ นี่ก็บ่ายมากแล้วด้วย โทรบอกที่บ้านมารับมั้ยหร
อาคารเคเอส กรุ๊ป สำนักงานใหญ่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและติดอันดับท็อป 3 ในภาคพื้นทวีป รถแท็กซี่คันกลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าอาคารในโซนจอดรถชั่วคราว ชายเลยวัยกลางคนผมสีดอกเลาและเด็กผู้หญิงผอมบางผิวขาวหน้าราวกับตุ๊กตาลงมาจากรถด้านหน้าคนละด้าน คุณลุงผู้ใจดีจับจูงข้อมือเล็ก ๆ ของเด็กสาวเดินเข้าไปภายในอาคารอย่างคุ้นเคยและตรงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้าที่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยนั่งอยู่"สวัสดีครับ ผมมาขอพบท่านเดชาครับ" ชายขับแท็กซี่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพกับพนักงานต้อนรับ"คุณปกรณ์! คุณปกรณ์ใช่มั้ยคะ หนูนิตาไงคะที่เคยฝึกงานน่ะค่ะ จำหนูได้มั้ยคะ" สาวสวยพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจที่เจอคนใจดีที่เคยช่วยเหลือเธอตอนที่เธอมาฝึกงานที่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคุณปกรณ์เป็นผู้ช่วยของท่านเดชาที่จะติดตามท่านไปแทบทุกที่แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ลาออกไปด้วยเหตุผลที่น่าสงสารเพราะหลานสาวกำพร้าของคุณปกรณ์ป่วยด้วยโรคมะเร็งในก้านสมองไม่มีทางเยียวยาได้ คุณปกรณ์เลยขอลาออกเพื่อใช้เวลากับหลานสาวให้ได้นานที่สุด"สวัสดีครับหนูนิตาสบายดีนะครับ ผมมาขอพบท่านเดชาครับ ท่านกลับแล้วหรือยัง" คุณล
บ้านหลังเล็กท่ามกลางสวนผลไม้ของลุงปกรณ์"ยังเหมือนเดิมเลยนะปกรณ์" ท่านเดชาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลงจากรถ เพราะของส่วนใหญ่ของเด็กสาวที่เพิ่งเดินทางมาถึงนั้นยังไม่ได้เอาออกมาจัดคุณหญิงว่านเลยเอาเสื้อผ้าของเด็กสาวใส่ตู้เสื้อผ้าไว้เพียงไม่กี่ชุดและของใช้บางอย่างถ่ายโอนมาใส่กระเป๋าของท่านอีกใบแล้วเดินถือออกมาจากบ้าน โดยที่ไม่ให้เด็กสาวเข้าไปภายในบ้านเพราะเกรงว่าบรรดาคนรับใช้และคนสวนจะเจอเธอ จึงให้ท่านเดชากับของขวัญเดินทางมาพร้อมกับคุณปกรณ์ก่อน เพื่อจัดเตรียมอะไรอีกหลายอย่างและซื้อของใช้ให้เด็กสาวเพิ่มเติม"ครับท่าน ที่นี่ยังเหมือนเดิมครับเมื่อก่อนยังมีน้องเพลงพอได้พูดได้คุย แต่ตอนนี้ผมก็อยู่ไปเรื่อย ๆ น่ะครับ ก็ไม่รู้จะขวนขวายเพื่อใครอีก" ลุงใจดีของของขวัญเอ่ยกับอดีตเจ้านายนัยน์ตาเศร้า ๆ"ไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้มีของขวัญของฉันแล้วต้องดูแลจนกว่าเจ้าศิลามันจะสำนึกได้ ถ้าเป็นแบบนี้อยู่ เคเอส กรุ๊ป คงได้สิ้นสุดที่มันแน่" ท่านเดชาว่าถึงหลานชายอย่างหนักใจ"ครับท่าน ผมจะดูแลคุณหนูให้ดีครับ จะว่าไปให้อยู่กับผมตลอดไปเลยก็ได้นะครับผมจะได้ไม่เหงา" คุณปกรณ์ว่ายิ้ม ๆ แล้วหันไปมองคนตัวเล็กบนโซฟาที่นั่งมองนั่นนี่
sila talkผม... แม่ง! บอกความรู้สึกไม่ได้เลยจริง ๆ แล้ววันนี้ผมก็ไม่เอะใจอะไรเลยที่พาของขวัญไปไม่รู้ว่าน้องไม่มีทั้งมือถือทั้งเงินติดตัว แต่เอาจริง ๆ ถ้าเธอพออ่านภาษาไทยได้เธอคงจะบอกชื่อหมู่บ้านแล้วบอกแท็กซี่มาส่งได้ แต่นี่ไม่ใช่ น้องอ่านภาษาไทยไม่ได้และคงไม่ได้ถามที่อยู่จากแม่ของผม แล้ววันนี้สาบานเลยผมไม่ได้นัดแมรี่มา ผมเป็นคนที่คบคนทีละคนก็จริง เปย์จริง แต่ถ้าจบแล้วคือจบ แล้วยิ่งทำตัวน่ารังเกียจผมยิ่งสะอิดสะเอียนเข้าไปใหญ่ แล้วที่ผมช็อกอีกอย่างคือ แมรี่เป็นหลานของคนที่มันโกงอาเนมไปจนอยู่ที่ประเทศไทยไม่ได้แล้วมันยังตามไปรังควานจนถึงเมกา เพราะความอยากได้กระดาษลงนามหุ้นสลักหลัง ที่ผมรู้ว่าเป็นของปู่อาจกับคุณปู่ที่มันยังอยู่ที่ไหนซักที่ แต่คุณปู่บอกว่าปู่อาจเป็นคนเก็บและมันคงเข้าใจว่าอยู่กับอาเนมแน่ ๆ ถึงได้ตามรังควานขนาดนั้น แต่ที่ผมเครียดตอนนี้คือ แม่ผมสั่งให้ไปฝึกงานที่ต่างประเทศภายในเดือนนี้นี่แหละ น้องก็ยังหาไม่เจอ คุณปู่ต้องโกรธผมจนไม่มองหน้าแน่ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้กลับมาเพราะคณะที่ผมเรียน เรียนจริง ๆ แค่ 3 ปี ฝึกงานเทอม 1 ของปี 4 ส่วนเทอมสุดท้ายเอาไว้เก็บตกส่วนที่ต้องแก้ไขซึ่งบาง
บ้านลุงปกรณ์"ลุงกรณ์คะ คุณปู่บอกว่าศิลาจะไปต่างประเทศแล้วค่ะ" เสียงใส ๆ ของเด็กเอ่ยกับคุณลุงใจดีที่เธออาศัยอยู่ด้วย"อืม... หนูอยากไปเจอเขามั้ย" ลุงปกรณ์ถามคนตัวเล็กยิ้ม ๆ"ไปไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวศิลาเห็นเอาไว้ศิลากลับมาค่อยไปรับนะคะ" เด็กสาวว่าเสียงใสเพราะเธอเข้าใจว่าไปฝึกงานต่างประเทศแค่เทอมเดียวแล้วกลับมาเรียนต่อจนจบ เธอเลยกะว่าตอนนั้นเธอจะไปเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มที่บ้านคุณป้าเอง"อืม... เอางั้นก็ได้แล้วนี่หนูเปิดเทอมเมื่อไหร่นะลูก""วันจันทร์หน้าค่ะ คุณป้าบอกว่าวันเสาร์จะพาไปดูหอแล้วเตรียมซื้อของเข้าไป งือ... หนูต้องคิดถึงลุงกรณ์กับดุ๊กดิ๊กแน่ ๆ เลยค่ะ" เสียงเล็กตอบพลางทำหน้าอ้อน ๆ อย่างเอ็นดู"นั่นสิ ลุงก็คงคิดถึงหนูเหมือนกันลูก เอาไงดีเราจะได้ไม่คิดถึงกัน" ลุงกรณ์ทำท่าปรึกษาหน้ายิ้ม ๆ เพราะคุยกับคุณปู่ของเด็กไว้ว่าอยากให้เด็กสาวอยู่บ้านที่นี่ด้วยเพราะไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ไปรับส่งได้และของขวัญเองก็เป็นเด็กกลัวฟ้าร้องคุณปู่เลยไม่อยากให้ไปอยู่หอพักให้ลำบากคนอื่น"งั้น เดี๋ยวน้องขวัญขอคุณปู่อยู่กับลุงกรณ์ที่นี่ได้มั้ยคะ ใกล้โรงเรียนแล้ว
หลังจากที่ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกันโดยความคิดของของขวัญนั้นอยากจัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัวหลังจากที่เรียนจบ ป.โท (เน้นประหยัด) และจะมีลูกหลังจากนั้น แต่...ทางด้านท่านประธานศิลานั้นค้านหัวชนฝา หน้าชนกำแพงอย่างหนัก เพราะเขาต้องการจัดการงานใหญ่พร้อมกับงานเปิดตัวท่านประธานสาขาใหญ่ที่กรุงเทพในต้นปีหน้า (ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แหละ) และมีลูกเลย ^o^"งั้นศิลาก็หาเมียใหม่ไปเลยค่ะ น้องขวัญไม่ได้รีบ" คนตัวเล็กกอดอกพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"แต่พี่รีบพี่แก่แล้วนะอย่าลืมสิ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้กันพอดี" คนเริ่มแก่ค้านทันที"31 เรียกว่าแก่แล้วคุณปู่เรียกว่าอะไรคะ" หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอม"เรียกว่ามีอายุครับ แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันก่อน พี่ไม่ให้เปี๊ยกฉีดยาอีกแล้วนะ มันอันตรายเกิดมดลูกฝ่อไปนี่สูญพันธุ์ได้เลยนะ" คนอยากแต่งงานหาข้ออ้างร้อยแปดให้ผู้ใหญ่สงสาร"งั้นศิลาก็ป้องกันสิคะ น้องขวัญไม่ชอบกินยาแล้วยังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ค่ะ""โอเค งั้นพี่ป้องกันเองแต่เราต้องแต่งงานกันก่อน ไม่รอจบโท" คนเอาแต่ใจยังยืนยันความต้องการของตัวเอง"งั้นก็เ
"ทนทานขนาดนั้นเลย?" เสียงอู้อี้ถามคล้ายประชดดังเบา ๆ ที่ซอกคอ"ไม่ได้เรียกว่าทนทาน เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ก่อนมาจากไทยพี่มีเมียแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วก้มลงสบตากับคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างมองชายหนุ่มตาโตทันที"ฮะ!" *ซวยแล้วยัยของขวัญนรกกินกบาล นายทวารเขียนชื่อลงกระดูกหมาแน่ แอบกินผัวชาวบ้านจริง ๆ หรือวะเนี่ย ..>~<*"ครับ พี่มีเมียแล้ว อันนั้นเรื่องจริง" จบคำกำปั้นน้อย ๆ ทุบรัวลงที่อกแกร่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลอาบแก้มเนียนของคนตัวเล็กทันที"คนบ้า... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมถึงนอกใจภรรยาตัวเอง ออกไปจากบ้านน้องขวัญนะ ออกไปเลย" เสียงโวยวายปนสะอื้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัก ชายหนุ่มกระชับแขนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มองหน้าคนขี้โวยวายอย่างใจเย็น *นั่นไง คิดเองเก่งจริง ๆ ยัยเปี๊ยกเอ๊ย! ...* ชายหนุ่มคิดในใจขำ ๆ"นี่ไงไม่ฟังให้จบ คิดเองเก่ง สรุปเก่งนะเราเนี่ย หื้ม ~" ว่าแล้วก้มลงจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมนแล้วส่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ"ไม่ฟัง! ออก.." "เมียพี่ชื่อคิดถึงเสมอ" ชายหนุ่มเอ่ยสวนประโยคขับไล่ของคนตัวเล็ก "ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอายุแค่ 13
ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงขั้นลนลานมองหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาทันที ก๊อกแก๊ก! เสียงไขกุญแจด้านนอกทำให้คนในห้องยิ่งกลัว *หลบไหนได้วะเนี่ย...* คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วหลับตาปี๋เหมือนกำลังหลับจริง ๆ แก่ก! กรึ่บ! เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงปิดประตูลงกลอนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พยายามลงเท้าให้เบาที่สุดเดินตรงมาที่เตียงเล็กของหญิงสาว ของขวัญหลับตาแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึกจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมที่ไรผมและปลายจมูก ฝ่ามือชื้นด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศในห้องค่อนข้างเย็นศิลาค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากหัวของคนที่กำลัง (ทำท่า) หลับ มือหนาลูบหัวทุยอย่างเบามือแล้วก้มจูบที่ไรผมชื้นเหงื่อเบา ๆ อย่างแสนคิดถึง"หึ! รู้นะว่าไม่หลับ" คนตัวโตก้มลงพูดชิดแก้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นขนตายาวงอนกระพริบถี่ ๆ เหมือนเด็กที่กำลังแกล้งหลับหนีความผิด"ลืมตามาคุยกันก่อน พี่รู้ว่าเปี๊ยกเป็นอะไร" ชายหนุ่มพยายามพูดอย่างใจเย็น "......""หนีทำไม ทำไมไม่ร
"เอ็ดเวิร์ด!" "ครับบอส" เอ็ดเวิร์ดเปิดประตูเข้ามาทันทีเหมือนรอเรียก"สั่งพักงาน 2 คนนี้ 2 เดือน โทษฐานที่เผยแพร่ข่าวเท็จในบริษัท ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปอีกให้ไล่ออกไปเลย" เอ่ยสั่งเลขาเสียงห้วนแล้วหันมามอง 2 สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา "แต่ถ้าพวกคุณจะลาออกผมก็ไม่ขัด ผมจะไม่เขียนรายงานพฤติกรรมพวกคุณในใบเวิร์คละกัน...ออกไปได้" เอ่ยจบพร้อมสั่งแล้วหันมามองแผนกการตลาดระหว่างประเทศที่ยืนก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังโซฟา"ผมจ้างพวกคุณมาทำอะไร"ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับกัดปากล่างแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ที่สุด"กูถามเอง มึงพักก่อน" มาร์คพูดด้วยภาษาไทยให้ได้ยินด้วยกันแค่ 2 คนพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วกดบ่าไว้เบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ตอนนี้กำมือแน่นน้ำตาเริ่มคลอหน่วย และอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนครั้งที่ชายหนุ่มพุ่งจะทำร้ายแมรี่เมื่อตอนที่ของขวัญหายไป ตอนนั้นรั้งกัน 3 คนแทบไม่ไหวเพราะศิลาเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มและออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วตอนนี้เขาแค่คนเดียวย่อมทานกำลังศิลาไม่ได้แน่นอน"อือ... มึงจัดการไปเลยไม่งั้นกูจะยุบแผนกนี้ซะ" ชายหน
ห้องทำงานของท่านประธาน เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษศิลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานตั้งแต่กลับมาจากทานข้าวกับแม่และเพื่อน ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ประโยคเดียวพร้อมทั้งสั่งยกเลิกประชุมแก้ไขงานภาคบ่ายและเลื่อนนัดลูกค้าทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด จนเพื่อนชายถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อทราบถึงคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพจิตใจเขาตอนนี้...~~~~~~~~มือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะกลางหยิบกล่องเหล็กใบเล็กเก่า ๆ ที่ผูกริบบิ้นเป็นโบสีชมพูออกมาเปิดพร้อมทั้งหยิบสร้อยเส้นเล็กที่เขาตั้งใจจะคืนให้เธอในวันนี้ขึ้นมาดูด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อซึมที่หางตา จนต้องเก็บสร้อยเข้ากล่องแล้วเก็บลงไว้ที่เดิมก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องด้านหลังตู้โชว์ปิดลงกลอนและขังตัวเองอยู่ในนั้นเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมานั่งมองนิ้วเรียวเขี่ยตรงรูปก้อนผ้าขนหนูสีชมพูเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนปนเศร้าแบบที่ไม่เคยมองใครมาก่อน"ศิ กูรู้แล้วนะน้องไปไหน" เสียงมาร์คร้องบอกอยู่หน้าประตูทำให้ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ากระพริบตา
ครืด....ครืด....เสียงมือถือของน้ำหวานดังขึ้นทำให้เธอจำเป็นต้องล้วงออกมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนอย่างปรึกษา ของขวัญเม้มปากส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งสิ้น น้ำหวานตัดสินใจโยนมือถือเครื่องเล็กของตัวเองไว้ที่โซฟาแล้วหันหลังให้เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกรอบครืด...ครืด...เสียงมือถือของของขวัญดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ ซึ่งทั้ง 2 มองหน้ากันของขวัญล้วงมือถือออกมาดูซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือมาร์คเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกดปิดเสียงแล้วโยนไว้ข้างมือถือของเพื่อนแล้วมองหน้าเพื่อนพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างตัดใจ "ปะ ไปกันเถอะ" ว่าจบก็จูงแขนกันลงลิฟต์ออกจากอพาร์ตเมนต์หาแท็กซี่ตรงไปสนามบินทันที"ทำไมไม่รับสายกันวะ" มาร์คพูดพึมพำมองหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด"เป็นอะไรลูก น้องไม่รับสายหรือ" คุณหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชาย"ครับแม่ สงสัยพากันกินข้าวแล้วปิดเสียงแน่ ๆ เลยครับ เดี๋ยวศิลามันมาถึงก็ค่อยไปรับน้องเลยละกันครับ" มาร์คว่าพร้อมกับกลับมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาเดิม"ก็ดี แม่จะได้พูดเองเลย ร
"แล้วถ้ามันไม่จริงล่ะคะ ถ้าคุณปะ...คุณหญิงท่านมาคนเดียว แต่จริง ๆ บอสเขาก็อยู่กับภรรยาเขาอยู่ทุกวัน มันก็เป็นข่าวเท็จนะคะแล้วถ้ามีคนเอาข่าวนี้ไปบอกภรรยาบอสว่าได้ยินมาจากแผนกเรามันจะซวยทั้งแผนกนี่น่ะสิ" น้ำหวานว่าขึ้นพลางเหลือบมองหน้าเพื่อนที่กำลังซีดเผือดอย่างห่วงใย"น้องหวานหมายถึงว่าบอสอยู่กับคุณโรซี่แแล้วน่ะหรือคะ" โอปอล์ว่าอย่างตื่นเต้น (ได้ข่าวใหม่ข่าวใหญ่อีกแล้วชั้น...>.<)"พี่ปอล์คิดว่าแฟนบอสคือคุณโรซี่หรือคะ?" น้ำหวานขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย"ก็บอสไม่เคยเดินกับใครเลยนอกจากคุณโรซี่นะคะ แฟนบอสจะเป็นใครได้ล่ะ แล้ววันนี้นะตอนที่พี่เอาเอกสารไปยื่นก่อนบอสออกไปข้างนอก บอสเซ็ตผมทรงใหม่ หล่อมาก..." โอปอล์ว่าขึ้นพร้อมกับลากเสียงยาวตอนท้ายแล้วทำตาลอยอย่างเพ้อฝัน ก่อนที่น้ำหวานจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสงสารเพื่อนที่นั่งเงียบตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามา แล้วพากันแยกย้ายกันทำงานเมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงเช้า 2 สาวนั่งทำงานที่ห้องแผนกการตลาดระหว่างประเทศกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความเงียบของของขวัญที่เพื่อนเธอก็แอบชำเลืองบ่อย ๆ ด้วยความห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาว ข่าวเร
ในขณะที่ของขวัญกำลังหลับอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองด้วยความเพลีย วันนี้เธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้าย ๆ กับไม่สบายหลังจากที่เธอไปฉีดยาคุมกำเนิดมาเมื่อวันก่อน จนตอนเลิกงานเธอจึงชวนน้ำหวานไปหาหมออีกรอบและคำตอบที่ได้คืออาจเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่ได้รับ อาจจะมีอาการแบบนี้ไปอีกซักระยะและอาจทำให้อารมณ์ช่วงนี้ไม่คงที่มากนักเนื่องจากฮอร์โมนกำลังปรับสภาพ และเมื่อกลับมาถึงห้องหญิงสาวเลยขอเพื่อนดื่มแค่นมกล่องเดียวแล้วกินยานอนเลย แต่ต้องสะดุ้งตื่นเอากลางดึกเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างมากอดรัดเธออย่างแรงจนรู้สึกอึดอัด"อื้อ ~ เมามาหรือเปล่าคะเนี่ยกลิ่นหึ่งเลย" เสียงอู้อี้ดังจากปากคนหลับพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะตัวเอง"ดื่มมานิดหน่อย คืนนี้พี่นอนนี่นะ" เสียงทุ้มเอ่ยข้างหูพร้อมกับยกมือขึ้นดึงผ้าออกจากหัวคนตัวเล็กห่มให้ถึงคอแล้วหอมแก้มคนหลับเบา ๆ อย่างคิดถึง"อือ…" เสียงครางตอบรับเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้คอคนหลับ อีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาแนบตัวเบา ๆ แล้วกดจมูกลงที่กลุ่มผมสลวยอย่างชื่นใจ"หัน
"เอ่อ... *จะบอกว่าไปหาหมอก็ไม่ได้อีกสิ บอกว่าไงดีวะ...* (ของขวัญคิดในใจพลางสบตาเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ) คือว่า..." "พากันไปร้านดอกไม้มาค่ะ ยัยน้องขวัญเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปให้ร้านอบแห้งให้แล้วบ่นจนหูหวานชาได้ยินเสียงวิ้ง ๆ จนเลิกงานเราเลยไปหาหมูกระทะมาเยียวยาค่ะแหะ!" น้ำหวานเอ่ยยืดยาวพร้อมกับยิ้มแหย ๆ ช่วยเพื่อนเต็มที่ พวกเธอคุยกันแล้วว่าเรื่องที่เธอไปแอบคุมกำเนิดมาจะให้ชายหนุ่มรู้ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่มีข้ออ้างในการหลบหลีกแต่คำพูดของน้ำหวานทำเอาเจ้าของช่อดอกไม้ถึงกับยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที พร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากคนตัวเล็กเบา ๆ อย่างเอ็นดูความน่ารักของเธอ"แล้วทำไมเอริน่าบอกว่าพวกเราไปคุยกับโฮสต์" มาร์คเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อน *เออ...กอดเข้าไป หอมเข้าไป มึงจะรวมร่างกับน้องกูในลิฟต์เลยมั้ยไอ้ท่านประธาน...* มาร์คคิดในใจอย่างหมั่นไส้เพื่อน"ก็..." ติ๊ง! ลิฟต์ถึงชั้นที่พวกเธอทำงานพอดี "มาร์คมึงปิดเลยขึ้นไปคุยให้รู้เรื่อง" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเพื่อนพร้อมกับกระชับเอวคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น"แต่หวานขอลงได้มั้ยคะ หวานต้องไปทำงานค่ะบอส" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเสียงเบา