ม้านั่งรอแท็กซี่ด้านข้างของห้าง เด็กสาวตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียและแปลกที่ แล้วกระพริบตาปริบ ๆ ปรับแสงสายตาพลางสะบัดหัวอย่างมึนงงมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย แล้วก้มลงมองเสื้อตัวใหญ่ที่ตัวเองห่มอยู่จำได้ว่าเสื้อตัวนี้ศิลาใส่มาแต่ตัวเองไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ได้ แล้วหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง
"อ้าว...ตื่นแล้วหรือนังหนูไม่สบายหรือเรา" เสียงชายวัยเลยกลางคนใส่เสื้อแขนสั้นสีฟ้าสดใส ผมสีดอกเลาทั้งศีรษะเอ่ยทักจากทางด้านหลัง
"สวัสดีค่ะ หนูมานอนที่นี่ได้ไงคะ" เด็กสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยถามด้วยภาษาไทยที่พยายามจะช้าและชัดมากที่สุด
"ลุงเห็นพนักงานห้างเขาอุ้มมาน่ะ เห็นพี่สาวเราบอกว่าเราไม่สบายเลยให้ที่บ้านมารับที่นี่แล้วพี่เราไปไหนแล้วล่ะ หรือไปรอรถอีกที ปล่อยน้องได้ยังไงเนี่ย" คุณลุงใจดีชวนคุยแล้วเดินมานั่งลงข้าง ๆ
"หนูไม่มีพี่สาวนะคะ หนูมากับพี่ชายชื่อศิลา หนูเพิ่งมาจากอเมริกาเมื่อวาน หนูไม่รู้จักใครค่ะ" เด็กสาวตอบไปอย่างไม่รู้สึกกลัวและพอจะเดาได้ว่าพี่สาวที่ลุงใจดีเอ่ยถึงคือผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแกล้งเธอแน่ ๆ
"อ้าว ~ แล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะทีนี้ นี่ก็บ่ายมากแล้วด้วย โทรบอกที่บ้านมารับมั้ยหรือจะให้ลุงไปส่งดี" ลุงแท็กซี่เอ่ยถามอย่างสงสารเด็กน้อยอายุอานามก็น่าจะไม่เกินหลานสาวของแกที่เพิ่งเสียไปจากมะเร็งสมองเมื่อไม่นานมานี้นัก เมื่อเห็นเด็กสาวจึงคิดถึงหลานสาวที่เลี้ยงมาอย่างสุดหัวใจ
"เอ่อ... หนูอยากไปที่ลานจอดบิ๊กไบก์ 2A ต้องไปทางไหนคะ พี่หนูจอดรถที่นั่นค่ะ" เด็กสาวพูดขึ้นอย่างนึกได้และคิดว่าจะไปยืนรอที่รถเลย
"โอ... ทางนั้นเปลี่ยวพอดูถ้าเดินอ้อม เอางี้ลุงเดินไปส่งละกันลูก" ลุงขับแท็กซี่พูดขึ้นอย่างใจดี
"ขอบคุณค่ะ" เด็กสาวยกมือไหว้แล้วลุกขึ้นเดินตามลุงใจดีไปอย่างว่าง่ายจนถึงลานจอดรถที่ว่าแต่ปรากฎว่าไม่พบรถของพี่ชายเธอตามที่บอกทำให้เด็กสาวหน้าเสียขึ้นมาทันที
"เขากลับแล้วมั้งคะ" เสียงเศร้า ๆ เอ่ยพลางก้มหน้าอย่างผิดหวัง
"เอาไงดีทีนี้ โทรไปบอกที่บ้านมารับมั้ย"
"หนูไม่มีโทรศัพท์ค่ะ"
"งั้นลุงให้ยืม" คุณลุงใจดีว่าพลางล้วงเอามือถือเครื่องกลางเก่ากลางใหม่ยื่นให้
"หนูไม่มีเบอร์โทรค่ะ" เด็กสาวว่าครั้นจะโทรหาแม่ที่ต่างประเทศก็ต้องใช้ไลน์และมันก็อยู่ที่แท็ปเล็ตในห้องนอนของที่บ้านคุณลุง
"อ้าว?? งั้นเอางี้ลุงไปส่งที่บ้านละกันลูก เฮ้อ~เด็กสมัยนี้นี่นะ แกล้งกันไม่ดูเอาซะเลยแล้วจำทางกลับบ้านได้ใช่มั้ย"
"ไม่ค่ะ ตอนมาหนูหลับตากลัวตก หนูเลยไม่รู้ว่ามาจากทางไหน" เด็กสาวตอบไปด้วยท่าทีที่สงบ
"แล้วทำไงถึงจะกลับบ้านได้ล่ะเรา" ลุงใจดีหันมาถามอย่างหนักใจปนสงสาร
"ถ้าไปที่สนามบินแล้วออกประตู 2 หนูจำได้ค่ะหนูนับซอยมา แต่หนูไม่มีเงินไทยเลยนะคะ" เด็กสาวว่าแล้วทำหน้าม่อยอย่างนึกได้ เพราะเมื่อวานตอนลงจากเครื่องเธอไม่ได้แลกเงินไทยมาเลยแล้วคุณป้าบอกว่าวันนี้จะพาไปเปิดบัญชีเธอเลยกะว่าจะแลกเอาวันนี้พร้อมกับเก็บใส่บัญชีเอาไว้ใช้ยามจำเป็นด้วย
"โห...ไกลเลยนะนั่นสนามบินเลยนะ แล้วถ้าพาไปจะจำได้จริงนะ ไม่ใช่พาลุงหลงไปใหญ่อีกล่ะ" ลุงใจดีว่าอย่างตกใจเพราะจากตรงนี้ไปสนามบินในช่วงการจราจรชั่วโมงเร่งด่วนนี้ก็ค่อนข้างนานแล้วถ้าเด็กคนนี้จำทางไม่ได้อีกยิ่งจะทำให้เสียเวลาเข้าไปใหญ่ "แล้วชื่อหมู่บ้านล่ะ จำได้มั้ยลูก"
"มันเป็นภาษาไทยค่ะ หนูอ่านไม่ออกหรอก" เด็กน้อยส่ายหน้าตอบ
"แบบนี้ได้มั้ยคะ คุณลุงเซิร์ช ชื่อของคุณปู่หนูที่กูเกิล มันจะมีเบอร์โทรด้วยมั้ยคะ เหมือนเยลโลเพจเจสน่ะค่ะ" เด็กสาวว่าอย่างนึกได้และมีความหวัง
"เออ ... แบบนั้นน่าจะง่าย แล้วคุณปู่ชื่ออะไรล่ะ หนูทำเองเลยลูก" ลุงใจดีว่าอย่างตื่นเต้นพร้อมทั้งยื่นมือถือให้เด็กสาว
"หนูพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้ค่ะ คุณลุงพิมพ์ให้หน่อยนะคะ ชื่อนายเดชา เศรษฐทรัพย์ไพศาล ค่ะ" เด็กสาวว่าเสียงใส เอ่ยชื่อคุณปู่ให้ลุงใจดีฟังอย่างคล่อง จนคนฟังขมวดคิ้วมองหน้าเด็กสาว
"แน่ใจหรือลูก" ลุงใจดีถามเพื่อความมั่นใจ
"แน่ใจที่สุดค่ะ คุณปู่หนูเอง" เด็กสาวยืนยันเสียงหนักแน่น
"งั้นไม่ต้องล่ะ ลุงรู้ว่าจะไปส่งที่ไหนแล้วลูก ปะขึ้นรถลุงไปส่ง" ลุงใจดีว่าพลางจูงคนตัวเล็กไปขึ้นรถแท็กซี่กลางเก่ากลางใหม่แล้วขับออกไปทันที ทำไมเขาจะไม่รู้จักท่านเดชาในเมื่อท่านเป็นเจ้านายเก่าที่เขาทำงานด้วยมานาน และขอลาออกมาดูแลหลานที่ป่วยจนตอนนี้หลานเสียแล้วเลยมาเช่าแท็กซี่ขับประทังชีวิตไปวัน ๆ เพราะไร้ญาติให้พึ่งพิงและไม่รู้จะต้องดิ้นรนไปเพื่อใคร
.......... //..........
บ้านเศรษฐทรัพย์ไพศาล
รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดในโรงจอดรถ ชายหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อกแล้วเดินเข้าบ้านมุ่งตรงขึ้นชั้น 2 ห้องของเด็กสาวทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นแต่ความว่างเปล่าสภาพคงเดิมเหมือนเมื่อเช้าก่อนออกไป ชายหนุ่มปิดประตูแล้ววิ่งลงมาชั้นล่างอย่างเร็วพลางตะโกนเรียกแม่บ้านเสียงดังจนคนโดนเรียกลนลานกันไปทั้งบ้าน "ละมัย! ป้าไพร!"
"ขา.... คุณศิลาต้องการอะไรคะ" ละมัยรีบถลามาพร้อมเสียง
"ยัยตัวเปี๊ยก... ของขวัญ กลับมาแล้วยัง" เสียงห้วนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
"อ้าว... ไม่นี่คะ ยังไม่เห็นเลยค่ะ" ละมัยตอบหน้าเหลอหลา *ก็ลากน้องไปด้วยกันแล้วมาถามฉันทำไมก่อน...* ละมัยคิดในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา
เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มจึงล้วงมือถือออกมากดโทรหาแม่ตัวเองทันที
ตรืด..... ตรืด....
(ว่าไงลูก) เสียงคุณหญิงว่านมาตามสาย
"แม่ครับ เบอร์โทรยายเปี๊ยกเอ้อ... ของขวัญเบอร์อะไรครับ" ชายหนุ่มถามอย่างร้อนรน
(น้องไม่มีมือถือนะลูกแม่ว่าจะพาไปซื้อวันนี้ศิลาก็พาน้องออกไปข้างนอกซะก่อน มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ)
"แมรี่ เอ้อ เพื่อนผมบอกว่าของขวัญกลับบ้านมาก่อนครับแต่ตอนนี้ผมอยู่บ้านยังไม่เห็นเลย" ชายหนุ่มว่าออกไปไม่เต็มเสียงนัก
(อะไรนะ! นี่ลูกพาน้องไปเจอยายแมรี่นั่นเหรอ ป่านนี้ไม่ฆ่าน้องตายไปแล้วรึไงแล้วน้องจะกลับมาก่อนได้ยังไงน้องไม่มีเงินไทยติดตัวซักบาทเลยนะ) คุณหญิงว่าเสียงดังอย่างตกใจเมื่อลูกชายบอก ซึ่งชายหนุ่มเมื่อได้ฟังก็ตกใจไม่แพ้กัน (ศิลานะ ศิลา ออกไปตามน้องเลยนะ ไปหาที่โรงหนังถามคนแถวนั้นให้หมดแล้วดูกล้องวงจรปิดเอาหลักฐานมาให้หมดนะศิลา แล้วลูกจำไว้ถ้าของขวัญเป็นอะไรไปคนที่เสียใจที่สุดจะเป็นลูกเองนะ ศิลา) คุณหญิงเอ่ยกับลูกชายยืดยาวพร้อมกับน้ำตาไหลพรากทันทีอย่างห่วงหลาน
อาคารเคเอส กรุ๊ป สำนักงานใหญ่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและติดอันดับท็อป 3 ในภาคพื้นทวีป รถแท็กซี่คันกลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าอาคารในโซนจอดรถชั่วคราว ชายเลยวัยกลางคนผมสีดอกเลาและเด็กผู้หญิงผอมบางผิวขาวหน้าราวกับตุ๊กตาลงมาจากรถด้านหน้าคนละด้าน คุณลุงผู้ใจดีจับจูงข้อมือเล็ก ๆ ของเด็กสาวเดินเข้าไปภายในอาคารอย่างคุ้นเคยและตรงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้าที่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยนั่งอยู่"สวัสดีครับ ผมมาขอพบท่านเดชาครับ" ชายขับแท็กซี่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพกับพนักงานต้อนรับ"คุณปกรณ์! คุณปกรณ์ใช่มั้ยคะ หนูนิตาไงคะที่เคยฝึกงานน่ะค่ะ จำหนูได้มั้ยคะ" สาวสวยพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจที่เจอคนใจดีที่เคยช่วยเหลือเธอตอนที่เธอมาฝึกงานที่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคุณปกรณ์เป็นผู้ช่วยของท่านเดชาที่จะติดตามท่านไปแทบทุกที่แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ลาออกไปด้วยเหตุผลที่น่าสงสารเพราะหลานสาวกำพร้าของคุณปกรณ์ป่วยด้วยโรคมะเร็งในก้านสมองไม่มีทางเยียวยาได้ คุณปกรณ์เลยขอลาออกเพื่อใช้เวลากับหลานสาวให้ได้นานที่สุด"สวัสดีครับหนูนิตาสบายดีนะครับ ผมมาขอพบท่านเดชาครับ ท่านกลับแล้วหรือยัง" คุณล
บ้านหลังเล็กท่ามกลางสวนผลไม้ของลุงปกรณ์"ยังเหมือนเดิมเลยนะปกรณ์" ท่านเดชาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลงจากรถ เพราะของส่วนใหญ่ของเด็กสาวที่เพิ่งเดินทางมาถึงนั้นยังไม่ได้เอาออกมาจัดคุณหญิงว่านเลยเอาเสื้อผ้าของเด็กสาวใส่ตู้เสื้อผ้าไว้เพียงไม่กี่ชุดและของใช้บางอย่างถ่ายโอนมาใส่กระเป๋าของท่านอีกใบแล้วเดินถือออกมาจากบ้าน โดยที่ไม่ให้เด็กสาวเข้าไปภายในบ้านเพราะเกรงว่าบรรดาคนรับใช้และคนสวนจะเจอเธอ จึงให้ท่านเดชากับของขวัญเดินทางมาพร้อมกับคุณปกรณ์ก่อน เพื่อจัดเตรียมอะไรอีกหลายอย่างและซื้อของใช้ให้เด็กสาวเพิ่มเติม"ครับท่าน ที่นี่ยังเหมือนเดิมครับเมื่อก่อนยังมีน้องเพลงพอได้พูดได้คุย แต่ตอนนี้ผมก็อยู่ไปเรื่อย ๆ น่ะครับ ก็ไม่รู้จะขวนขวายเพื่อใครอีก" ลุงใจดีของของขวัญเอ่ยกับอดีตเจ้านายนัยน์ตาเศร้า ๆ"ไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้มีของขวัญของฉันแล้วต้องดูแลจนกว่าเจ้าศิลามันจะสำนึกได้ ถ้าเป็นแบบนี้อยู่ เคเอส กรุ๊ป คงได้สิ้นสุดที่มันแน่" ท่านเดชาว่าถึงหลานชายอย่างหนักใจ"ครับท่าน ผมจะดูแลคุณหนูให้ดีครับ จะว่าไปให้อยู่กับผมตลอดไปเลยก็ได้นะครับผมจะได้ไม่เหงา" คุณปกรณ์ว่ายิ้ม ๆ แล้วหันไปมองคนตัวเล็กบนโซฟาที่นั่งมองนั่นนี่
sila talkผม... แม่ง! บอกความรู้สึกไม่ได้เลยจริง ๆ แล้ววันนี้ผมก็ไม่เอะใจอะไรเลยที่พาของขวัญไปไม่รู้ว่าน้องไม่มีทั้งมือถือทั้งเงินติดตัว แต่เอาจริง ๆ ถ้าเธอพออ่านภาษาไทยได้เธอคงจะบอกชื่อหมู่บ้านแล้วบอกแท็กซี่มาส่งได้ แต่นี่ไม่ใช่ น้องอ่านภาษาไทยไม่ได้และคงไม่ได้ถามที่อยู่จากแม่ของผม แล้ววันนี้สาบานเลยผมไม่ได้นัดแมรี่มา ผมเป็นคนที่คบคนทีละคนก็จริง เปย์จริง แต่ถ้าจบแล้วคือจบ แล้วยิ่งทำตัวน่ารังเกียจผมยิ่งสะอิดสะเอียนเข้าไปใหญ่ แล้วที่ผมช็อกอีกอย่างคือ แมรี่เป็นหลานของคนที่มันโกงอาเนมไปจนอยู่ที่ประเทศไทยไม่ได้แล้วมันยังตามไปรังควานจนถึงเมกา เพราะความอยากได้กระดาษลงนามหุ้นสลักหลัง ที่ผมรู้ว่าเป็นของปู่อาจกับคุณปู่ที่มันยังอยู่ที่ไหนซักที่ แต่คุณปู่บอกว่าปู่อาจเป็นคนเก็บและมันคงเข้าใจว่าอยู่กับอาเนมแน่ ๆ ถึงได้ตามรังควานขนาดนั้น แต่ที่ผมเครียดตอนนี้คือ แม่ผมสั่งให้ไปฝึกงานที่ต่างประเทศภายในเดือนนี้นี่แหละ น้องก็ยังหาไม่เจอ คุณปู่ต้องโกรธผมจนไม่มองหน้าแน่ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้กลับมาเพราะคณะที่ผมเรียน เรียนจริง ๆ แค่ 3 ปี ฝึกงานเทอม 1 ของปี 4 ส่วนเทอมสุดท้ายเอาไว้เก็บตกส่วนที่ต้องแก้ไขซึ่งบาง
บ้านลุงปกรณ์"ลุงกรณ์คะ คุณปู่บอกว่าศิลาจะไปต่างประเทศแล้วค่ะ" เสียงใส ๆ ของเด็กเอ่ยกับคุณลุงใจดีที่เธออาศัยอยู่ด้วย"อืม... หนูอยากไปเจอเขามั้ย" ลุงปกรณ์ถามคนตัวเล็กยิ้ม ๆ"ไปไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวศิลาเห็นเอาไว้ศิลากลับมาค่อยไปรับนะคะ" เด็กสาวว่าเสียงใสเพราะเธอเข้าใจว่าไปฝึกงานต่างประเทศแค่เทอมเดียวแล้วกลับมาเรียนต่อจนจบ เธอเลยกะว่าตอนนั้นเธอจะไปเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มที่บ้านคุณป้าเอง"อืม... เอางั้นก็ได้แล้วนี่หนูเปิดเทอมเมื่อไหร่นะลูก""วันจันทร์หน้าค่ะ คุณป้าบอกว่าวันเสาร์จะพาไปดูหอแล้วเตรียมซื้อของเข้าไป งือ... หนูต้องคิดถึงลุงกรณ์กับดุ๊กดิ๊กแน่ ๆ เลยค่ะ" เสียงเล็กตอบพลางทำหน้าอ้อน ๆ อย่างเอ็นดู"นั่นสิ ลุงก็คงคิดถึงหนูเหมือนกันลูก เอาไงดีเราจะได้ไม่คิดถึงกัน" ลุงกรณ์ทำท่าปรึกษาหน้ายิ้ม ๆ เพราะคุยกับคุณปู่ของเด็กไว้ว่าอยากให้เด็กสาวอยู่บ้านที่นี่ด้วยเพราะไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ไปรับส่งได้และของขวัญเองก็เป็นเด็กกลัวฟ้าร้องคุณปู่เลยไม่อยากให้ไปอยู่หอพักให้ลำบากคนอื่น"งั้น เดี๋ยวน้องขวัญขอคุณปู่อยู่กับลุงกรณ์ที่นี่ได้มั้ยคะ ใกล้โรงเรียนแล้ว
"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับแกจะตัดสินใจแล้วศิลา" คุณปู่ว่าขึ้นเนิบ ๆ"ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ พลิกกระดาษกลับด้านแล้วจับปากกามาเซ็นต่อหน้าคุณปู่ พ่อและแม่อย่างไม่ลังเล"แกรู้ใช่มั้ยศิลาว่าลายเซ็นแกมันหมายถึงอะไร" คุณปู่ถามเพื่อความมั่นใจของหลานชาย"เข้าใจดีครับคุณปู่ ว่าทันทีที่ผมเซ็นไปผมจะกลายเป็นคนที่มีพันธะ แต่ในอนาคตข้างหน้าถ้าของขวัญกลับมาผมพร้อมจะเซ็นยกเลิกสัญญานี้ให้ถ้าเธอต้องการ เพราะยังไงซะผมก็ตั้งใจทำโทต่อที่อังกฤษคงไม่ได้กลับมาอีกนาน ถึงตอนนั้นถ้าเธอกลับมา.... (เสียงแผ่วลง) ผมเซ็นให้เธอได้ครับ แต่ในระหว่างนี้เอาเอกสารนี้ไปช่วยอาเนมเถอะ" ชายหนุ่มว่าอย่างตัดสินใจ เมื่อรู้ความจริงทุกอย่าง ยิ่งทำให้สงสารคนตัวเล็กที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองและด้วยความรู้สึกผิดที่มีในใจจึงทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเซ็นสัญญาผูกมัดตัวเองอย่างไม่ลังเลอีก"ลูกตัดสินใจแบบนั้นจริง ๆ หรือศิลา" คุณหญิงว่านถามความสมัครใจของลูกชายอีกรอบพร้อมกับมองสัญญาบนโต๊ะอย่างมีความหวัง"ครับ! ผมสมัครใจครับคุณแม่ ผมขอตัวนะครับ" ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่นพร้อมกับลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องทำงานข
"ปู่อยากคุยกับพวกเราทุกคน ตามปู่มา" คุณปู่เดชาเอ่ยกับบรรดาเพื่อนของหลานชายที่มาส่งเพื่อนที่สนามบิน ทำให้ 3 หนุ่มโรม เทนและมาร์คมองหน้ากันแล้วเดินตามหลังผู้ใหญ่ออกไปและขับรถตามไปจนถึงบ้านหลังเล็ก ๆ กลางสวนผลไม้ที่พื้นที่ไม่ใหญ่นักใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชื่อดังที่ติดกับมหาวิทยาลัยที่พวกตนเรียนอยู่"คุณปู่ขา..." เสียงใส ๆ ดังออกมาจากในบ้านพร้อมกับการปรากฎตัวของคนตัวเล็กที่ 3 หนุ่มอ้าปากค้างมองหน้ากันเหลอหลา"คุณปู่นี่น้องของขวัญนี่ครับ อย่าบอกนะครับว่า..." เทนอุทานอย่างตกใจพร้อมกับเอ่ยถามคนเป็นปู่ที่ยืนกอดเด็กสาวอยู่ด้านหน้า พอดีกับรถของท่านภูษิตและคุณหญิงวิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน"ใช่ นี่ของขวัญที่ศิลามันกำลังหาไงล่ะ แต่พวกเธอต้องช่วยปู่แล้วล่ะ" คุณปู่หันมาตอบกลุ่มชายหนุ่มยิ้ม ๆ"ยังไงครับคุณปู่ อย่าบอกนะครับว่าที่พวกเราแล้วก็นักสืบของไอ้ศิหาไม่เจอเพราะน้องไม่ได้หายไปจริงแต่เป็นคุณปู่ซ่อนน้องจนไอ้ศิมันแทบจะเป็นหมาบ้าวิ่งพล่านทั่วประเทศขนาดนั้นครับ" โรมถามอย่างตกใจไม่แพ้กัน พวกเขาตามหาเด็กสาวคนนี้มานานก็ไร้วี่แววแต่กลับมาเจออยู่ห่างจากมหาลัยแค่ไม่กี่กิโลเมต
ฟากหนึ่งของโลกชายรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของเมืองหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อตามหา 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เขาอยากพบมากที่สุด จนได้รู้ว่าคนทั้งคู่ได้มาเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ นี่อยู่หลังจากที่เจ้าของใหม่ของบ้านฟ้องขับไล่ออกมา"อาเนมครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทันทีที่ประตูหน้าห้องเปิดออกพร้อมใบหน้าชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาค่อนข้างหนาสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ และมองเขาอย่างระแวดระวัง"คุณเป็นใคร" เนมหรือเนมทัตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก"ผม ศิลาครับอา ลูกพ่อภูษิตกับแม่วรรณารีครับ" ชายหนุ่มแนะนำตัว"ศิลา? (ว่าพร้อมกับมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า) เข้ามาก่อนสิลูก" พูดพร้อมกับเปิดประตูให้แล้วเดินนำไปที่โซฟาเล็ก ๆ มุมห้อง"อาครับผมอยากให้อารับนี่ไว้ครับ" ชายหนุ่มไม่เสียเวลาล้วงกระเป๋ากางเกงเอากุญแจดอกเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะให้น้องรักของพ่อทันที"นี่มันกุญแจบ้านหลังนั้นนี่" เนมทัตเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม"ครับอา ผมให้ทนายที่บริษัทของคุณปู่ทำเรื่องซื้อคืนมาแล้วครับ บ้านหลังนั้นเป็นของอาแต
ตลอดหลายปีที่ศิลาไม่ได้กลับมาเมืองไทย ชายหนุ่มมุ่งมั่นเรียนจนจบระดับปริญญาเอกด้วยวัยเพียง 27 และจริงจังกับการทำงานจนได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายบริหารและคุณปู่ทำให้ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานใหญ่ของสาขาอังกฤษ ภาพของเด็กสาวถูกส่งให้ชายหนุ่มในทุก ๆ เดือน เดือนละหลาย ๆ ครั้ง ตั้งแต่วัยมัธยมต้นจนเข้าสู่มหาวิทยาลัย จากฝีมือของคนที่เขาจ้างให้ติดตามหญิงสาวโดยเฉพาะ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือรูปถ่ายที่ผู้ติดตามส่งไปให้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นการจัดฉากของของขวัญที่เธอจับได้เมื่อหลายปีก่อนว่ามีคนแอบตามถ่ายรูปเธอเพื่อส่งให้ชายหนุ่มที่อังกฤษดู เธอจึงวางแผนแกล้งชายหนุ่มเมื่อตอนที่ตัวเองขึ้นมหาลัยด้วยความร่วมมือของคุณปู่คุณป้าและช่างภาพที่ตามถ่ายรูปและดูแลหญิงสาวที่ศิลาจ้างมาโดยเฉพาะ และทุกครั้งที่ต้องถ่ายรูปส่งไปให้ลูกชายคุณป้าดู เธอจะใส่แว่นตาหนาเตอะและแต่งหน้าเข้มกว่าสีผิวจริงเธอถึง 3 เฉดและเสื้อใส่ตัวโคร่งเสมอ"ทำไมต้องแต่งหน้าเข้มใส่แว่นหนาเตอะขนาดนั้นล่ะลูก" คุณป้าเอ่ยอย่างขำ ๆ"ก็แค่แกล้งศิลาเล่นค่ะคุณป้า อยากดูคนสวยต้องมาดูที่ไทย อยู่อังกฤษก็ดูป้าแว่นไปเลย ฮ่า ๆๆ" สาวสวยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
หลังจากที่ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกันโดยความคิดของของขวัญนั้นอยากจัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัวหลังจากที่เรียนจบ ป.โท (เน้นประหยัด) และจะมีลูกหลังจากนั้น แต่...ทางด้านท่านประธานศิลานั้นค้านหัวชนฝา หน้าชนกำแพงอย่างหนัก เพราะเขาต้องการจัดการงานใหญ่พร้อมกับงานเปิดตัวท่านประธานสาขาใหญ่ที่กรุงเทพในต้นปีหน้า (ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แหละ) และมีลูกเลย ^o^"งั้นศิลาก็หาเมียใหม่ไปเลยค่ะ น้องขวัญไม่ได้รีบ" คนตัวเล็กกอดอกพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"แต่พี่รีบพี่แก่แล้วนะอย่าลืมสิ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้กันพอดี" คนเริ่มแก่ค้านทันที"31 เรียกว่าแก่แล้วคุณปู่เรียกว่าอะไรคะ" หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอม"เรียกว่ามีอายุครับ แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันก่อน พี่ไม่ให้เปี๊ยกฉีดยาอีกแล้วนะ มันอันตรายเกิดมดลูกฝ่อไปนี่สูญพันธุ์ได้เลยนะ" คนอยากแต่งงานหาข้ออ้างร้อยแปดให้ผู้ใหญ่สงสาร"งั้นศิลาก็ป้องกันสิคะ น้องขวัญไม่ชอบกินยาแล้วยังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ค่ะ""โอเค งั้นพี่ป้องกันเองแต่เราต้องแต่งงานกันก่อน ไม่รอจบโท" คนเอาแต่ใจยังยืนยันความต้องการของตัวเอง"งั้นก็เ
"ทนทานขนาดนั้นเลย?" เสียงอู้อี้ถามคล้ายประชดดังเบา ๆ ที่ซอกคอ"ไม่ได้เรียกว่าทนทาน เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ก่อนมาจากไทยพี่มีเมียแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วก้มลงสบตากับคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างมองชายหนุ่มตาโตทันที"ฮะ!" *ซวยแล้วยัยของขวัญนรกกินกบาล นายทวารเขียนชื่อลงกระดูกหมาแน่ แอบกินผัวชาวบ้านจริง ๆ หรือวะเนี่ย ..>~<*"ครับ พี่มีเมียแล้ว อันนั้นเรื่องจริง" จบคำกำปั้นน้อย ๆ ทุบรัวลงที่อกแกร่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลอาบแก้มเนียนของคนตัวเล็กทันที"คนบ้า... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมถึงนอกใจภรรยาตัวเอง ออกไปจากบ้านน้องขวัญนะ ออกไปเลย" เสียงโวยวายปนสะอื้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัก ชายหนุ่มกระชับแขนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มองหน้าคนขี้โวยวายอย่างใจเย็น *นั่นไง คิดเองเก่งจริง ๆ ยัยเปี๊ยกเอ๊ย! ...* ชายหนุ่มคิดในใจขำ ๆ"นี่ไงไม่ฟังให้จบ คิดเองเก่ง สรุปเก่งนะเราเนี่ย หื้ม ~" ว่าแล้วก้มลงจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมนแล้วส่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ"ไม่ฟัง! ออก.." "เมียพี่ชื่อคิดถึงเสมอ" ชายหนุ่มเอ่ยสวนประโยคขับไล่ของคนตัวเล็ก "ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอายุแค่ 13
ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงขั้นลนลานมองหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาทันที ก๊อกแก๊ก! เสียงไขกุญแจด้านนอกทำให้คนในห้องยิ่งกลัว *หลบไหนได้วะเนี่ย...* คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วหลับตาปี๋เหมือนกำลังหลับจริง ๆ แก่ก! กรึ่บ! เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงปิดประตูลงกลอนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พยายามลงเท้าให้เบาที่สุดเดินตรงมาที่เตียงเล็กของหญิงสาว ของขวัญหลับตาแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึกจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมที่ไรผมและปลายจมูก ฝ่ามือชื้นด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศในห้องค่อนข้างเย็นศิลาค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากหัวของคนที่กำลัง (ทำท่า) หลับ มือหนาลูบหัวทุยอย่างเบามือแล้วก้มจูบที่ไรผมชื้นเหงื่อเบา ๆ อย่างแสนคิดถึง"หึ! รู้นะว่าไม่หลับ" คนตัวโตก้มลงพูดชิดแก้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นขนตายาวงอนกระพริบถี่ ๆ เหมือนเด็กที่กำลังแกล้งหลับหนีความผิด"ลืมตามาคุยกันก่อน พี่รู้ว่าเปี๊ยกเป็นอะไร" ชายหนุ่มพยายามพูดอย่างใจเย็น "......""หนีทำไม ทำไมไม่ร
"เอ็ดเวิร์ด!" "ครับบอส" เอ็ดเวิร์ดเปิดประตูเข้ามาทันทีเหมือนรอเรียก"สั่งพักงาน 2 คนนี้ 2 เดือน โทษฐานที่เผยแพร่ข่าวเท็จในบริษัท ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปอีกให้ไล่ออกไปเลย" เอ่ยสั่งเลขาเสียงห้วนแล้วหันมามอง 2 สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา "แต่ถ้าพวกคุณจะลาออกผมก็ไม่ขัด ผมจะไม่เขียนรายงานพฤติกรรมพวกคุณในใบเวิร์คละกัน...ออกไปได้" เอ่ยจบพร้อมสั่งแล้วหันมามองแผนกการตลาดระหว่างประเทศที่ยืนก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังโซฟา"ผมจ้างพวกคุณมาทำอะไร"ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับกัดปากล่างแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ที่สุด"กูถามเอง มึงพักก่อน" มาร์คพูดด้วยภาษาไทยให้ได้ยินด้วยกันแค่ 2 คนพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วกดบ่าไว้เบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ตอนนี้กำมือแน่นน้ำตาเริ่มคลอหน่วย และอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนครั้งที่ชายหนุ่มพุ่งจะทำร้ายแมรี่เมื่อตอนที่ของขวัญหายไป ตอนนั้นรั้งกัน 3 คนแทบไม่ไหวเพราะศิลาเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มและออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วตอนนี้เขาแค่คนเดียวย่อมทานกำลังศิลาไม่ได้แน่นอน"อือ... มึงจัดการไปเลยไม่งั้นกูจะยุบแผนกนี้ซะ" ชายหน
ห้องทำงานของท่านประธาน เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษศิลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานตั้งแต่กลับมาจากทานข้าวกับแม่และเพื่อน ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ประโยคเดียวพร้อมทั้งสั่งยกเลิกประชุมแก้ไขงานภาคบ่ายและเลื่อนนัดลูกค้าทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด จนเพื่อนชายถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อทราบถึงคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพจิตใจเขาตอนนี้...~~~~~~~~มือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะกลางหยิบกล่องเหล็กใบเล็กเก่า ๆ ที่ผูกริบบิ้นเป็นโบสีชมพูออกมาเปิดพร้อมทั้งหยิบสร้อยเส้นเล็กที่เขาตั้งใจจะคืนให้เธอในวันนี้ขึ้นมาดูด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อซึมที่หางตา จนต้องเก็บสร้อยเข้ากล่องแล้วเก็บลงไว้ที่เดิมก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องด้านหลังตู้โชว์ปิดลงกลอนและขังตัวเองอยู่ในนั้นเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมานั่งมองนิ้วเรียวเขี่ยตรงรูปก้อนผ้าขนหนูสีชมพูเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนปนเศร้าแบบที่ไม่เคยมองใครมาก่อน"ศิ กูรู้แล้วนะน้องไปไหน" เสียงมาร์คร้องบอกอยู่หน้าประตูทำให้ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ากระพริบตา
ครืด....ครืด....เสียงมือถือของน้ำหวานดังขึ้นทำให้เธอจำเป็นต้องล้วงออกมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนอย่างปรึกษา ของขวัญเม้มปากส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งสิ้น น้ำหวานตัดสินใจโยนมือถือเครื่องเล็กของตัวเองไว้ที่โซฟาแล้วหันหลังให้เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกรอบครืด...ครืด...เสียงมือถือของของขวัญดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ ซึ่งทั้ง 2 มองหน้ากันของขวัญล้วงมือถือออกมาดูซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือมาร์คเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกดปิดเสียงแล้วโยนไว้ข้างมือถือของเพื่อนแล้วมองหน้าเพื่อนพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างตัดใจ "ปะ ไปกันเถอะ" ว่าจบก็จูงแขนกันลงลิฟต์ออกจากอพาร์ตเมนต์หาแท็กซี่ตรงไปสนามบินทันที"ทำไมไม่รับสายกันวะ" มาร์คพูดพึมพำมองหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด"เป็นอะไรลูก น้องไม่รับสายหรือ" คุณหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชาย"ครับแม่ สงสัยพากันกินข้าวแล้วปิดเสียงแน่ ๆ เลยครับ เดี๋ยวศิลามันมาถึงก็ค่อยไปรับน้องเลยละกันครับ" มาร์คว่าพร้อมกับกลับมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาเดิม"ก็ดี แม่จะได้พูดเองเลย ร
"แล้วถ้ามันไม่จริงล่ะคะ ถ้าคุณปะ...คุณหญิงท่านมาคนเดียว แต่จริง ๆ บอสเขาก็อยู่กับภรรยาเขาอยู่ทุกวัน มันก็เป็นข่าวเท็จนะคะแล้วถ้ามีคนเอาข่าวนี้ไปบอกภรรยาบอสว่าได้ยินมาจากแผนกเรามันจะซวยทั้งแผนกนี่น่ะสิ" น้ำหวานว่าขึ้นพลางเหลือบมองหน้าเพื่อนที่กำลังซีดเผือดอย่างห่วงใย"น้องหวานหมายถึงว่าบอสอยู่กับคุณโรซี่แแล้วน่ะหรือคะ" โอปอล์ว่าอย่างตื่นเต้น (ได้ข่าวใหม่ข่าวใหญ่อีกแล้วชั้น...>.<)"พี่ปอล์คิดว่าแฟนบอสคือคุณโรซี่หรือคะ?" น้ำหวานขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย"ก็บอสไม่เคยเดินกับใครเลยนอกจากคุณโรซี่นะคะ แฟนบอสจะเป็นใครได้ล่ะ แล้ววันนี้นะตอนที่พี่เอาเอกสารไปยื่นก่อนบอสออกไปข้างนอก บอสเซ็ตผมทรงใหม่ หล่อมาก..." โอปอล์ว่าขึ้นพร้อมกับลากเสียงยาวตอนท้ายแล้วทำตาลอยอย่างเพ้อฝัน ก่อนที่น้ำหวานจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสงสารเพื่อนที่นั่งเงียบตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามา แล้วพากันแยกย้ายกันทำงานเมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงเช้า 2 สาวนั่งทำงานที่ห้องแผนกการตลาดระหว่างประเทศกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความเงียบของของขวัญที่เพื่อนเธอก็แอบชำเลืองบ่อย ๆ ด้วยความห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาว ข่าวเร
ในขณะที่ของขวัญกำลังหลับอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองด้วยความเพลีย วันนี้เธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้าย ๆ กับไม่สบายหลังจากที่เธอไปฉีดยาคุมกำเนิดมาเมื่อวันก่อน จนตอนเลิกงานเธอจึงชวนน้ำหวานไปหาหมออีกรอบและคำตอบที่ได้คืออาจเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่ได้รับ อาจจะมีอาการแบบนี้ไปอีกซักระยะและอาจทำให้อารมณ์ช่วงนี้ไม่คงที่มากนักเนื่องจากฮอร์โมนกำลังปรับสภาพ และเมื่อกลับมาถึงห้องหญิงสาวเลยขอเพื่อนดื่มแค่นมกล่องเดียวแล้วกินยานอนเลย แต่ต้องสะดุ้งตื่นเอากลางดึกเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างมากอดรัดเธออย่างแรงจนรู้สึกอึดอัด"อื้อ ~ เมามาหรือเปล่าคะเนี่ยกลิ่นหึ่งเลย" เสียงอู้อี้ดังจากปากคนหลับพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะตัวเอง"ดื่มมานิดหน่อย คืนนี้พี่นอนนี่นะ" เสียงทุ้มเอ่ยข้างหูพร้อมกับยกมือขึ้นดึงผ้าออกจากหัวคนตัวเล็กห่มให้ถึงคอแล้วหอมแก้มคนหลับเบา ๆ อย่างคิดถึง"อือ…" เสียงครางตอบรับเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้คอคนหลับ อีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาแนบตัวเบา ๆ แล้วกดจมูกลงที่กลุ่มผมสลวยอย่างชื่นใจ"หัน
"เอ่อ... *จะบอกว่าไปหาหมอก็ไม่ได้อีกสิ บอกว่าไงดีวะ...* (ของขวัญคิดในใจพลางสบตาเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ) คือว่า..." "พากันไปร้านดอกไม้มาค่ะ ยัยน้องขวัญเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปให้ร้านอบแห้งให้แล้วบ่นจนหูหวานชาได้ยินเสียงวิ้ง ๆ จนเลิกงานเราเลยไปหาหมูกระทะมาเยียวยาค่ะแหะ!" น้ำหวานเอ่ยยืดยาวพร้อมกับยิ้มแหย ๆ ช่วยเพื่อนเต็มที่ พวกเธอคุยกันแล้วว่าเรื่องที่เธอไปแอบคุมกำเนิดมาจะให้ชายหนุ่มรู้ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่มีข้ออ้างในการหลบหลีกแต่คำพูดของน้ำหวานทำเอาเจ้าของช่อดอกไม้ถึงกับยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที พร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากคนตัวเล็กเบา ๆ อย่างเอ็นดูความน่ารักของเธอ"แล้วทำไมเอริน่าบอกว่าพวกเราไปคุยกับโฮสต์" มาร์คเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อน *เออ...กอดเข้าไป หอมเข้าไป มึงจะรวมร่างกับน้องกูในลิฟต์เลยมั้ยไอ้ท่านประธาน...* มาร์คคิดในใจอย่างหมั่นไส้เพื่อน"ก็..." ติ๊ง! ลิฟต์ถึงชั้นที่พวกเธอทำงานพอดี "มาร์คมึงปิดเลยขึ้นไปคุยให้รู้เรื่อง" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเพื่อนพร้อมกับกระชับเอวคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น"แต่หวานขอลงได้มั้ยคะ หวานต้องไปทำงานค่ะบอส" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเสียงเบา