บ้านลุงปกรณ์
"ลุงกรณ์คะ คุณปู่บอกว่าศิลาจะไปต่างประเทศแล้วค่ะ" เสียงใส ๆ ของเด็กเอ่ยกับคุณลุงใจดีที่เธออาศัยอยู่ด้วย
"อืม... หนูอยากไปเจอเขามั้ย" ลุงปกรณ์ถามคนตัวเล็กยิ้ม ๆ
"ไปไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวศิลาเห็นเอาไว้ศิลากลับมาค่อยไปรับนะคะ" เด็กสาวว่าเสียงใสเพราะเธอเข้าใจว่าไปฝึกงานต่างประเทศแค่เทอมเดียวแล้วกลับมาเรียนต่อจนจบ เธอเลยกะว่าตอนนั้นเธอจะไปเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มที่บ้านคุณป้าเอง
"อืม... เอางั้นก็ได้แล้วนี่หนูเปิดเทอมเมื่อไหร่นะลูก"
"วันจันทร์หน้าค่ะ คุณป้าบอกว่าวันเสาร์จะพาไปดูหอแล้วเตรียมซื้อของเข้าไป งือ... หนูต้องคิดถึงลุงกรณ์กับดุ๊กดิ๊กแน่ ๆ เลยค่ะ" เสียงเล็กตอบพลางทำหน้าอ้อน ๆ อย่างเอ็นดู
"นั่นสิ ลุงก็คงคิดถึงหนูเหมือนกันลูก เอาไงดีเราจะได้ไม่คิดถึงกัน" ลุงกรณ์ทำท่าปรึกษาหน้ายิ้ม ๆ เพราะคุยกับคุณปู่ของเด็กไว้ว่าอยากให้เด็กสาวอยู่บ้านที่นี่ด้วยเพราะไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ไปรับส่งได้และของขวัญเองก็เป็นเด็กกลัวฟ้าร้องคุณปู่เลยไม่อยากให้ไปอยู่หอพักให้ลำบากคนอื่น
"งั้น เดี๋ยวน้องขวัญขอคุณปู่อยู่กับลุงกรณ์ที่นี่ได้มั้ยคะ ใกล้โรงเรียนแล้วก็มีเพื่อนด้วยแล้วได้ไปเล่นกับน้ำหวานด้วย" เด็กสาวว่าอย่างยิ้มแย้มเธอก็อยากอยู่ที่นี่ เพราะมีเพื่อนมีหมาตัวเล็กที่ลุงกรณ์เก็บมาให้อยู่เป็นเพื่อน ได้ไปเล่นกับเด็กบ้านข้าง ๆ ที่บ้านเธอขายพวงมาลัยในตอนเย็นที่ชื่อน้ำหวานซึ่งเป็นเด็กรุ่นเดียวกันกับเธอ เธอก็สอนภาษาอังกฤษให้เพื่อนใหม่และเพื่อนใหม่ก็สอนภาษาไทยให้เธอ
"เอางั้นเหรอ อย่าพูดให้ลุงกรณ์ดีใจนะ" คุณลุงใจดีว่ายิ้ม ๆ
"จริง! น้องขวัญจะอยู่เป็นหลานลุงกรณ์ให้ลุงกรณ์เบื่อไปเลยดีมั้ยคะ" เด็กสาวว่าขำ ๆ
"ใครจะเบื่อหนูคิตตี้ของลุงกัน อยู่กับลุง ลุงจะได้มีเพื่อนแล้ววันไหนอยากไปนอนบ้านคุณปู่ลุงก็ไปส่งไงลูก ดีมั้ย"
"ดีค่ะ แต่ถ้าศิลาไปต่างประเทศแล้วน้องขวัญอยากไปเอาแท็ปเล็ตจังเลยค่ะ มือถือที่คุณป้าซื้อให้มันใช้ไม่ค่อยถนัดเลย จอมันเล็กมองหน้าหม่ามี้ไม่ชัดเลยค่ะ" เด็กสาวว่ายิ้ม ๆ เพราะที่ต่างประเทศเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มือถือ หม่ามี้เลยซื้อแท็ปเล็ตไว้ให้ทำการบ้านและหาข้อมูลต่าง ๆ แค่นั้น
"โอ... นี่จอใหญ่ที่สุดแล้วนะ (ว่าพร้อมกับหยิบมือถือเครื่องหรูราคาเกินครึ่งแสนของเด็กสาวที่คุณป้าเธอซื้อให้มาดู) หนูจะได้เอาไปโรงเรียนได้ไงลูก เลิกเรียนก็โทรให้ลุงไปรับไงแล้วเนี่ย...วัยรุ่นเขาใช้กัน" ลุงกรณ์ว่ายิ้ม ๆ ชีวิตที่อยู่ไปวัน ๆ ก่อนหน้านั้นกลับมามีความสุขอีกครั้ง หลังจากที่มีเด็กคนนี้เข้ามาในบ้าน เจ้าตัวเล็กช่างเจรจาถึงภาษาไทยจะไม่ค่อยคล่องแต่ก็พยายามคุย พยายามถาม ว่าง ๆ ก็ขอให้สอนอ่านเขียนภาษาไทยซึ่งเหมือนความสุขที่ขาดหายได้รับการเติมเต็มจากเด็กสาว
..........//..........
บ้านเศรษฐทรัพย์ไพศาล
"พรุ่งนี้จะเดินทางแล้วสิ" คุณปู่พูดขึ้นเนิบ ๆ กลางโต๊ะอาหารเย็นก่อนวันเดินทาง "ครับ"
"อืม... ถ้าไม่ไปไหนตามไปคุยกับปู่ที่ห้องทำงานซักเดี๋ยว" คุณปู่ว่าพลางลุกออกจากโต๊ะอาหารเย็นเดินเข้าห้องทำงาน ศิลาหันมามองหน้าพ่อกับแม่ ซึ่งท่านทั้ง 2 ต่างพยักหน้าให้ ชายหนุ่มเลยจำต้องลุกขึ้นเดินตามคุณปู่เข้าไปที่ห้องทำงานของท่านโดยมีพ่อกับแม่ตามเข้าไปสมทบ
"มานั่งนี่สิ" คุณปู่เอ่ยเรียกชายหนุ่มให้ไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานแล้วเลื่อนซองเอกสารสีน้ำตาลเก่า ๆ ไปตรงหน้าชายหนุ่ม "เปิดสิ"
ศิลาเปิดซองเอกสารออกอย่างระวังแล้วดึงกระดาษสีน้ำตาลที่ระบุวันที่ย้อนหลังไปกว่า 40 ปีออกมาอ่านอย่างละเอียดโดยที่มีคุณปู่นั่งมองหน้าหลานชายอยู่เงียบ ๆ
"อย่าบอกนะว่านี่เป็นสัญญาสลักหลังที่พี่ชายอาเนมหาอยู่" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถามอย่างตกใจ
"อืม..." คุณปู่พยักหน้าเนิบ ๆ มองหน้าหลานชาย
"มันมี 2 ฉบับหรือครับ"
"มีฉบับเดียวนี่แหละ..." ตอบหลานชายพร้อมกับเริ่มเล่าที่มาของสัญญาให้หลานฟัง
"ปู่กับปู่อาจเป็นเพื่อนร่วมสาบานกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัดด้วยกัน เราช่วยกันทำงานเก็บหอมรอมริบจนได้เงินมาก้อนเลยไปลงทุนซื้อที่แล้วทำนากัน ปีแรกได้ข้าวดีเศรษฐีเลยมาขอซื้อนาแล้วให้ปูอาจสอนทำนาเขาได้ข้าวงามเขาก็ให้ปู่กับปู่อาจหาทำเลที่นาให้ช่วงนั้นกำไรดีมากใครก็คิดว่าเราดูที่นาเป็นก็ให้ปู่กับปู่อาจหาที่นาให้แล้วปู่อาจก็สอนวิธีทำนาให้ได้ข้าวงามด้วย เราก็ทำมาเรื่อย ๆ แล้วพอฝรั่งเข้ามาทำบ้านจัดสรรค์ขาย ปู่อาจเห็นว่าเราพอมีเงินมีที่ในเมืองเราก็เลยแบ่งที่เป็นแปลง ๆ ทำบ้านขายเหมือนฝรั่งจ้างคนด้วยทำเองด้วย ปู่อาจเขาเป็นคนขยันมากทำงานทั้งกลางวันกลางคืนเชียว จนเรามีเงินเก็บร่วมกันสมัยนั้นสิบล้านนี่ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ เราเลยตั้งบริษัทร่วมกันด้วยเงินก้อนนั้น ก็ไม่รู้ว่าเงินใครเท่าไหร่เราเลยทำสัญญานี้ด้วยกันก่อนที่จะมีพ่อแกกับอาเนมซะอีก" คุณปู่เล่าให้หลานชายฟังเสียงเนิบมองหน้าชายหนุ่มอย่างพิจารณา
"แต่ในสัญญานี้ต้องให้ 2 ตระกูลเกี่ยวดองกันนี่ครับหุ้นใหญ่ถึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมายแต่พ่อกับอาเนมเป็นผู้ชายทำไมไม่แบ่งกันไปคนละครึ่งล่ะครับ" หลานชายถามอย่างไม่เข้าใจ
"เพราะความตั้งใจของปู่อาจไม่ใช่แบบนั้นไงล่ะ จริง ๆ บริษัทนี้ตั้งขึ้นเพราะความคิดของปู่อาจไม่ใช่ปู่ ปู่เป็นคนไม่ได้เรื่องหรอกนะ ดูที่ก็ไม่เป็น ทำนาก็ไม่เป็นปู่อาจต้องคอยสอนให้ปู่ทำตาม ปู่อาจเป็นคนที่ถนัดลงมือแต่พูดไม่เก่ง แต่ปู่จะเป็นคนที่ลงมือไม่ค่อยเป็นแต่จะสังเกตสิ่งที่ปู่อาจทำแล้วอธิบายเป็นคำพูดได้ แล้วที่ปู่อาจเสนอให้ทำสัญญานี้ขึ้นเพราะเขาเคยให้คำมั่นว่าเขาจะไม่ทิ้งปู่ถึงแม้ว่าวันนึงบริษัทไปได้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ทิ้งปู่ไปทำให้ปู่ต้องดูแลบริหารรอเจ้าของที่แท้จริงตายไม่ได้อยู่นี่ไง"
"อ้าว..." หลานชายร้องอ้าวขึ้นทันที
"ศิลาฟังปู่นะ (คุณปู่มองหน้าหลานชายอย่างตัดสินใจ) ตอนนี้อาเนมล้มละลายทรัพย์สินต่าง ๆ ของไกรสิทธิรักษ์ ที่ไทยถูกถ่ายโอนเปลี่ยนมือไปหมด รวมถึงที่ต่างประเทศไอ้โตมรมันก็ปลอมแปลงเอกสารขายหมดแม้กระทั่งบ้านที่อาเนมอยู่ทุกวันนี้ บริษัทของอาเนมมันก็จ้างล็อบบี้จนโดนฟ้องล้มละลาย แม่กับพ่อของเรากำลังส่งทนายไปช่วยอาทางนั้นก่อนที่จะโดนศาลสั่ง"
"แล้วมันทำแบบนั้นทำไมครับ ทรัพย์สินของปู่อาจก็เป็นพันล้านนี่ครับ?"
"ใช่ เคยมีเป็นพันล้านที่ตอนนี้ใกล้หมดแล้วจากความโง่ของโตมรกับแม่มัน แต่สัญญาฉบับนี้ตอนนี้มันมีค่าเกินกว่าหมื่นล้าน เพราะมันคือ เคเอส กรุ๊ป ทั้งหมด" ท่านภูษิตบอกลูกชายสีหน้าจริงจัง
"แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับในเมื่อสัญญามันไม่สมบูรณ์" หลานชายเอ่ยถามงงๆ
"มันจะสมบูรณ์ถ้าหากครอบครัวฝั่งใดฝั่งหนึ่งแต่งงานกับตระกูลอื่นหุ้นทั้งหมดจะถูกถ่ายโอนไปให้อีกตระกูลทันที สัญญานี้มันสิ้นสุดแค่ที่ปู่กับปู่อาจตาย แล้วถ้าโตมรมันถือสัญญานี้ไว้แกแต่งงานเมื่อไหร่ เคเอส กรุ๊ป จะตกเป็นของ ไกรสิทธิรักษ์ ทันทีแล้วแน่นอนว่าไอ้โตมรมันต้องทำทุกทางให้อาเนมหมดสิทธิ์ในหุ้นนี้เหมือนที่มันกับแม่เคยทำ แล้วปู่จะบอกให้แกหายโง่อีกอย่างว่าที่ยายหนูแมรี่นั่นมาคบกับแกก็เพื่อให้แกพลาดแต่งงานกับคนตระกูลอื่น มันเป็นแผนของไอ้โตมรกับแม่ของมัน " คุณปู่พูดอย่างจริงจัง
"แล้วถ้าผมไม่แต่งกับใครล่ะครับ"
"ปู่จะเชื่อแกได้ซักแค่ไหนกัน ปู่ไม่อยากให้สิ่งที่ปู่กับปู่อาจร่วมสร้างกันมาต้องตกเป็นของคนชั่วอย่างโตมรกับแม่ของมันหรอกนะ" คุณปู่พูดขึ้นเนิบ ๆ
"เพราะแบบนี้หรือเปล่าครับคุณพ่อกับอาเนมถึงได้สร้างบริษัทตัวเองขึ้นมาด้วย" ชายหนุ่มว่าอย่างกระจ่าง
"อืม... เพราะพ่อเรากับอาเนมรู้ถึงข้อตกลงในสัญญาและยอมรับสัญญานี้ถึงได้สร้างเนื้อสร้างตัวของตัวเอง ก็ไม่ได้มั่นใจกับรุ่นแกนักหรอกเพราะแกกับของขวัญห่างกันมากแล้วอีกอย่าง เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้"
"อาเนมล้มละลาย... สาเหตุนี้หรือเปล่าที่ของขวัญได้มาเรียนที่ไทย" ชายหนุ่มกล่าวถึงเด็กสาวอย่างรู้สึกผิด
"อืม...แต่แกไม่ต้องคิดว่าน้องขวัญจะมาเป็นภาระแม่แกหรอกนะอาเนมมีเงินก้อนสุดท้ายที่อยู่ในบัญชีเป็นชื่อน้องพอจะให้เรียนได้จนจบ ป.ตรี นั่นแหละ ถึงตอนนั้นเนมมันคงสร้างตัวขึ้นมาใหม่ได้แล้วล่ะ" คุณปู่ว่า
"แล้วของขวัญรู้ถึงสัญญานี้มั้ยครับ?"
"ไม่หรอก ของขวัญยังเด็กมากแต่อาจจะรู้เรื่องสภาพครอบครัวตอนนี้ว่าขัดสนขึ้น แค่นั้น"
"ถ้าสัญญานี้มันมีค่าถึงหมื่นล้านจริง แล้วบริษัทนี้ก็เป็นของปู่อาจครึ่งหนึ่งมันต้องช่วยอาเนมได้สิครับปู่เพราะสัญญาข้อสุดท้ายบอกว่าถ้าตระกูลใดตระกูลหนึ่งตกระกำลำบากอีกแล้วอีกฝั่งยอมให้คำมั่นว่าจะเกี่ยวดองด้วย จะสามารถใช้สัญญานี้ค้ำประกันได้ทั้งหมด" ชายหนุ่มเอ่ยถึงข้อสุดท้ายของสัญญา
"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับแกจะตัดสินใจแล้วศิลา"
"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับแกจะตัดสินใจแล้วศิลา" คุณปู่ว่าขึ้นเนิบ ๆ"ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ พลิกกระดาษกลับด้านแล้วจับปากกามาเซ็นต่อหน้าคุณปู่ พ่อและแม่อย่างไม่ลังเล"แกรู้ใช่มั้ยศิลาว่าลายเซ็นแกมันหมายถึงอะไร" คุณปู่ถามเพื่อความมั่นใจของหลานชาย"เข้าใจดีครับคุณปู่ ว่าทันทีที่ผมเซ็นไปผมจะกลายเป็นคนที่มีพันธะ แต่ในอนาคตข้างหน้าถ้าของขวัญกลับมาผมพร้อมจะเซ็นยกเลิกสัญญานี้ให้ถ้าเธอต้องการ เพราะยังไงซะผมก็ตั้งใจทำโทต่อที่อังกฤษคงไม่ได้กลับมาอีกนาน ถึงตอนนั้นถ้าเธอกลับมา.... (เสียงแผ่วลง) ผมเซ็นให้เธอได้ครับ แต่ในระหว่างนี้เอาเอกสารนี้ไปช่วยอาเนมเถอะ" ชายหนุ่มว่าอย่างตัดสินใจ เมื่อรู้ความจริงทุกอย่าง ยิ่งทำให้สงสารคนตัวเล็กที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองและด้วยความรู้สึกผิดที่มีในใจจึงทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเซ็นสัญญาผูกมัดตัวเองอย่างไม่ลังเลอีก"ลูกตัดสินใจแบบนั้นจริง ๆ หรือศิลา" คุณหญิงว่านถามความสมัครใจของลูกชายอีกรอบพร้อมกับมองสัญญาบนโต๊ะอย่างมีความหวัง"ครับ! ผมสมัครใจครับคุณแม่ ผมขอตัวนะครับ" ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่นพร้อมกับลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องทำงานข
"ปู่อยากคุยกับพวกเราทุกคน ตามปู่มา" คุณปู่เดชาเอ่ยกับบรรดาเพื่อนของหลานชายที่มาส่งเพื่อนที่สนามบิน ทำให้ 3 หนุ่มโรม เทนและมาร์คมองหน้ากันแล้วเดินตามหลังผู้ใหญ่ออกไปและขับรถตามไปจนถึงบ้านหลังเล็ก ๆ กลางสวนผลไม้ที่พื้นที่ไม่ใหญ่นักใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชื่อดังที่ติดกับมหาวิทยาลัยที่พวกตนเรียนอยู่"คุณปู่ขา..." เสียงใส ๆ ดังออกมาจากในบ้านพร้อมกับการปรากฎตัวของคนตัวเล็กที่ 3 หนุ่มอ้าปากค้างมองหน้ากันเหลอหลา"คุณปู่นี่น้องของขวัญนี่ครับ อย่าบอกนะครับว่า..." เทนอุทานอย่างตกใจพร้อมกับเอ่ยถามคนเป็นปู่ที่ยืนกอดเด็กสาวอยู่ด้านหน้า พอดีกับรถของท่านภูษิตและคุณหญิงวิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน"ใช่ นี่ของขวัญที่ศิลามันกำลังหาไงล่ะ แต่พวกเธอต้องช่วยปู่แล้วล่ะ" คุณปู่หันมาตอบกลุ่มชายหนุ่มยิ้ม ๆ"ยังไงครับคุณปู่ อย่าบอกนะครับว่าที่พวกเราแล้วก็นักสืบของไอ้ศิหาไม่เจอเพราะน้องไม่ได้หายไปจริงแต่เป็นคุณปู่ซ่อนน้องจนไอ้ศิมันแทบจะเป็นหมาบ้าวิ่งพล่านทั่วประเทศขนาดนั้นครับ" โรมถามอย่างตกใจไม่แพ้กัน พวกเขาตามหาเด็กสาวคนนี้มานานก็ไร้วี่แววแต่กลับมาเจออยู่ห่างจากมหาลัยแค่ไม่กี่กิโลเมต
ฟากหนึ่งของโลกชายรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของเมืองหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อตามหา 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เขาอยากพบมากที่สุด จนได้รู้ว่าคนทั้งคู่ได้มาเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ นี่อยู่หลังจากที่เจ้าของใหม่ของบ้านฟ้องขับไล่ออกมา"อาเนมครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทันทีที่ประตูหน้าห้องเปิดออกพร้อมใบหน้าชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาค่อนข้างหนาสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ และมองเขาอย่างระแวดระวัง"คุณเป็นใคร" เนมหรือเนมทัตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก"ผม ศิลาครับอา ลูกพ่อภูษิตกับแม่วรรณารีครับ" ชายหนุ่มแนะนำตัว"ศิลา? (ว่าพร้อมกับมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า) เข้ามาก่อนสิลูก" พูดพร้อมกับเปิดประตูให้แล้วเดินนำไปที่โซฟาเล็ก ๆ มุมห้อง"อาครับผมอยากให้อารับนี่ไว้ครับ" ชายหนุ่มไม่เสียเวลาล้วงกระเป๋ากางเกงเอากุญแจดอกเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะให้น้องรักของพ่อทันที"นี่มันกุญแจบ้านหลังนั้นนี่" เนมทัตเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม"ครับอา ผมให้ทนายที่บริษัทของคุณปู่ทำเรื่องซื้อคืนมาแล้วครับ บ้านหลังนั้นเป็นของอาแต
ตลอดหลายปีที่ศิลาไม่ได้กลับมาเมืองไทย ชายหนุ่มมุ่งมั่นเรียนจนจบระดับปริญญาเอกด้วยวัยเพียง 27 และจริงจังกับการทำงานจนได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายบริหารและคุณปู่ทำให้ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานใหญ่ของสาขาอังกฤษ ภาพของเด็กสาวถูกส่งให้ชายหนุ่มในทุก ๆ เดือน เดือนละหลาย ๆ ครั้ง ตั้งแต่วัยมัธยมต้นจนเข้าสู่มหาวิทยาลัย จากฝีมือของคนที่เขาจ้างให้ติดตามหญิงสาวโดยเฉพาะ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือรูปถ่ายที่ผู้ติดตามส่งไปให้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นการจัดฉากของของขวัญที่เธอจับได้เมื่อหลายปีก่อนว่ามีคนแอบตามถ่ายรูปเธอเพื่อส่งให้ชายหนุ่มที่อังกฤษดู เธอจึงวางแผนแกล้งชายหนุ่มเมื่อตอนที่ตัวเองขึ้นมหาลัยด้วยความร่วมมือของคุณปู่คุณป้าและช่างภาพที่ตามถ่ายรูปและดูแลหญิงสาวที่ศิลาจ้างมาโดยเฉพาะ และทุกครั้งที่ต้องถ่ายรูปส่งไปให้ลูกชายคุณป้าดู เธอจะใส่แว่นตาหนาเตอะและแต่งหน้าเข้มกว่าสีผิวจริงเธอถึง 3 เฉดและเสื้อใส่ตัวโคร่งเสมอ"ทำไมต้องแต่งหน้าเข้มใส่แว่นหนาเตอะขนาดนั้นล่ะลูก" คุณป้าเอ่ยอย่างขำ ๆ"ก็แค่แกล้งศิลาเล่นค่ะคุณป้า อยากดูคนสวยต้องมาดูที่ไทย อยู่อังกฤษก็ดูป้าแว่นไปเลย ฮ่า ๆๆ" สาวสวยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
เคเอส กรุ๊ป สาขาประเทศอังกฤษร่างสูงโปร่งในชุดสูทแบรนด์ดังเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกับผู้ช่วยที่เป็นเพื่อนสนิทตามปกติ ทั้ง 2 มักทำตัวติดกันเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่เริ่มเข้ามาฝึกงานใหม่ ๆ ไปเรียนด้วยกันและทำงานด้วยกันเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันจนมีพนักงานภายในบริษัทแอบนินทาว่าทั้งคู่อาจมีซัมซิงกันเพราะต่างก็ไม่เคยเห็นใครคนใดคนหนึ่งควงคู่หญิงสาว มีเพียงข่าวลือบาง ๆ ว่าบอสใหญ่อย่างศิลามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกับข่าวนั้น"คุณปู่บอกว่าปีนี้จะส่งนักศึกษาทุนมาฝึกงานที่นี่ 2 คน" มาร์คเอ่ยขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้องท่านประธานและประตูปิดลง"ถ้ามามึงก็ดูแลไปสิ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีพร้อมกับเปิดแล็บท็อปของตัวเองขึ้น"ฝึกตำแหน่งเลขาผู้ช่วยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศ" มาร์คพูดขึ้นอีกประโยค"แล้วไง? มึงจะรายงานกูทำไม ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของมึงต้องดูแลไม่ใช่กู" เงยขึ้นสบตาคมลึกกับเพื่อนพร้อมกับเม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิดเพราะปกติคุณปู่เขาจะไม่ส่งเด็กฝึกงานมาฝึกที่สาขานี้แต่ทำไมปีนี้กลับส่งมา "ปกติสาขานี้ไม่รับเด็กฝึกงานคุณปู่คิดยังไงวะถ
4 ทุ่ม @ Ro me barสาวสวยเซ็กซี่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงเหนือเข่าขึ้นมาเกือบคืบด้านหลังเปลือยโชว์ผิวขาวเนียนจนถึงเอว ก้าวลงมาจากรถสปอร์ตคันสวยสีมะนาวพร้อมกับเพื่อนสาวที่มาในชุดเกาะอกรัดรูปสีดำที่ดูสวยไม่แพ้กัน"ว้าว ~ วันนี้น้องสาวทั้ง 2 ของเฮียเทนสวยมากครับ งานนี้เฮียต้องควง 2 แล้ว" เทนโยนก้นบุหรี่ลงพื้นพร้อมกับใช้ร้องเท้าขยี้ดับเอ่ยกับ 2 สาวสวยอย่างอารมณ์ดี"ต้องสวยสิคะ นี่ใคร (พูดพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วยิ้มหวาน) น้องสาวคนสวยของ 3 เฮียเลยนะคะ" ของขวัญพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี"เห็นไอ้มาร์คมันบอกจะมารับไปฝึกงานที่โน่นกัน พวกเฮียคงคิดถึงเด็กดื้อ ๆ แถวนี้แน่ ๆ" โรมเดินเข้ามาทักยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นยีผมน้ำหวานที่อยู่ยืนข้างกันอย่างมันเขี้ยว"โอ๊ย~~ พี่โรมน่ะ นี่หวานกะจะมาอ่อยหนุ่มไทยทิ้งทวนเลยนะ หัวยุ่งหมดเลยเนี่ย" น้ำหวานปัดมือชายหนุ่มพร้อมกับพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"อ่อยแล้วไม่กินวะ เจ้าหวานเห็นเมาแล้วเรี่ยราดตลอดแหละเอ็งน่ะ" โรมว่าขึ้นขำ ๆ"ชิ... ต้องพูดเลย เจอตอนเมาได้เศร้าตอนส่างน่ะสิ หวานไม่เอาหรอกอนาคตหวานยังอีกยาวไกล ถ้าไม่ตายวันพ
อพาร์ตเมนต์หรูกลางกรุงลอนดอน2 สาวก้าวลงมาจากรถลีมูซีนสนามบินพร้อมกับอีก 1 หนุ่ม และมีพนักงานของอพาร์ตเมนต์เดินเข็นรถใส่สัมภาระมารอรับอย่างรู้หน้าที่ น้ำหวานเงยหน้าขึ้นคอตั้งบ่าอ้าปากหวอ เมื่อมองเห็นความสวยงามของสถาปัตยกรรมตรงหน้าแล้วกระพริบตาปริบ ๆ หันมามองหน้าของเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างกันพลางเบะปาก ด้วยความคิดที่ว่าค่าเช่าต้องโหดมากเอาแน่ ๆ และเงินเดือนพวกเธอทั้ง 2 คนรวมกันคงจะไม่พอค่าเช่าแน่ถึงจะเช่าห้องเดียวก็เถอะ"พี่มาร์ค... หวานว่าเราไปหาที่ใหม่กันเถอะค่ะหรูเกิน" น้ำหวานป้องปากพูดข้างหูชายหนุ่มในขณะที่พนักงานกำลังขนของของพวกเธอขึ้นรถ [น้ำหวานเอ้ย ฝรั่งเขาฟังไทยไม่ออกไม่ต้องเบาก็ได้ลูก]"นั่นสิพี่มาร์ค น้องขวัญว่าเราไปหาอพาร์ตเมนต์อื่นเหอะ หรูขนาดนี้เงินเดือนเรา 2 คนไม่พอค่าเช่าหรอกค่ะ" ของขวัญเอ่ยสนับสนุนความคิดเพื่อน"อยู่ที่นี่แหละน่า นี่คืออพาร์ตเมนต์ในเครือของ เคเอส กรุ๊ป เราไม่ต้องเสียค่าเช่า" มาร์คพูดขึ้นยิ้ม ๆ อย่างเอ็นดู 2 สาว"โห...หรูมาก แล้วพี่มาร์คพักที่นี่มั้ยคะ" น้ำหวานหันไปถามชายหนุ่มตาแป๋ว"ครับ พี่ก็พักที่นี่แหละ" มาร
"ผมตั้งใจมาหาอาครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นไม่อ้อมค้อมพร้อมกับวางมือถือที่มีรูปหญิงสาว 2 คนปรากฎอยู่ในเฟรมเดียวกันให้ผู้เป็นอาดู"ตลอดหลายปีมานี้ผมได้รับรูปของของขวัญเป็นผู้หญิงแว่นหนาคนนี้ (ชี้ไปที่รูปด้านซ้าย) แต่เพื่อนของผมส่งมาล่าสุดเป็นผู้หญิงคนนี้ครับ ผมเลยสับสนครับอาว่าคนไหนคือของขวัญกันแน่" ชายหนุ่มพูดขึ้นสีหน้านิ่งเรียบ"ศิลาจะถามอาเพื่ออะไรล่ะลูก ในเมื่อศิลาก็ไม่ได้อยากเจอน้องไม่ใช่หรือไง" เนมทัตถามขึ้นเสียงนิ่งพลางมองหน้าชายหนุ่มอย่างสังเกต"ผม.... แค่สับสนครับว่าที่ผ่านมาคนที่ส่งรูปให้ผมดูนี่เขาตามดูคนผิดหรือเปล่าครับอา" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับก้มหลบสายตาผู้เกิดก่อน"ถ้าคิดน้องไม่สวย ศิลาจะอยู่ที่อังกฤษมีครอบครัวไปเลยอาก็ไม่ว่านะลูก อาจะให้น้องขวัญเซ็นยินยอมให้เอง ศิลาก็ 30 แล้วอาเข้าใจ" เนมทัตเอ่ยขึ้นซึ่งมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า 2 รูปนี้คือคนเดียวกันแต่แอบแปลกใจว่าทำไมศิลาถึงดูไม่ออก"ผมไม่ได้มองแบบนั้นหรอกครับอาแต่ที่ผมเข้าใจตอนนี้คือคุณปู่กำลังเล่นตลกผมอยู่หรือเปล่า ผมมองว่าผู้หญิง 2 คนนี้คล้ายกันมากเหมือนฝาแฝดกันไม่มีผิดเพียงแต่คนละสีผิวเท่าน
หลังจากที่ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกันโดยความคิดของของขวัญนั้นอยากจัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัวหลังจากที่เรียนจบ ป.โท (เน้นประหยัด) และจะมีลูกหลังจากนั้น แต่...ทางด้านท่านประธานศิลานั้นค้านหัวชนฝา หน้าชนกำแพงอย่างหนัก เพราะเขาต้องการจัดการงานใหญ่พร้อมกับงานเปิดตัวท่านประธานสาขาใหญ่ที่กรุงเทพในต้นปีหน้า (ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แหละ) และมีลูกเลย ^o^"งั้นศิลาก็หาเมียใหม่ไปเลยค่ะ น้องขวัญไม่ได้รีบ" คนตัวเล็กกอดอกพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"แต่พี่รีบพี่แก่แล้วนะอย่าลืมสิ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้กันพอดี" คนเริ่มแก่ค้านทันที"31 เรียกว่าแก่แล้วคุณปู่เรียกว่าอะไรคะ" หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอม"เรียกว่ามีอายุครับ แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันก่อน พี่ไม่ให้เปี๊ยกฉีดยาอีกแล้วนะ มันอันตรายเกิดมดลูกฝ่อไปนี่สูญพันธุ์ได้เลยนะ" คนอยากแต่งงานหาข้ออ้างร้อยแปดให้ผู้ใหญ่สงสาร"งั้นศิลาก็ป้องกันสิคะ น้องขวัญไม่ชอบกินยาแล้วยังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ค่ะ""โอเค งั้นพี่ป้องกันเองแต่เราต้องแต่งงานกันก่อน ไม่รอจบโท" คนเอาแต่ใจยังยืนยันความต้องการของตัวเอง"งั้นก็เ
"ทนทานขนาดนั้นเลย?" เสียงอู้อี้ถามคล้ายประชดดังเบา ๆ ที่ซอกคอ"ไม่ได้เรียกว่าทนทาน เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ก่อนมาจากไทยพี่มีเมียแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วก้มลงสบตากับคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างมองชายหนุ่มตาโตทันที"ฮะ!" *ซวยแล้วยัยของขวัญนรกกินกบาล นายทวารเขียนชื่อลงกระดูกหมาแน่ แอบกินผัวชาวบ้านจริง ๆ หรือวะเนี่ย ..>~<*"ครับ พี่มีเมียแล้ว อันนั้นเรื่องจริง" จบคำกำปั้นน้อย ๆ ทุบรัวลงที่อกแกร่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลอาบแก้มเนียนของคนตัวเล็กทันที"คนบ้า... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมถึงนอกใจภรรยาตัวเอง ออกไปจากบ้านน้องขวัญนะ ออกไปเลย" เสียงโวยวายปนสะอื้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัก ชายหนุ่มกระชับแขนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มองหน้าคนขี้โวยวายอย่างใจเย็น *นั่นไง คิดเองเก่งจริง ๆ ยัยเปี๊ยกเอ๊ย! ...* ชายหนุ่มคิดในใจขำ ๆ"นี่ไงไม่ฟังให้จบ คิดเองเก่ง สรุปเก่งนะเราเนี่ย หื้ม ~" ว่าแล้วก้มลงจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมนแล้วส่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ"ไม่ฟัง! ออก.." "เมียพี่ชื่อคิดถึงเสมอ" ชายหนุ่มเอ่ยสวนประโยคขับไล่ของคนตัวเล็ก "ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอายุแค่ 13
ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงขั้นลนลานมองหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาทันที ก๊อกแก๊ก! เสียงไขกุญแจด้านนอกทำให้คนในห้องยิ่งกลัว *หลบไหนได้วะเนี่ย...* คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วหลับตาปี๋เหมือนกำลังหลับจริง ๆ แก่ก! กรึ่บ! เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงปิดประตูลงกลอนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พยายามลงเท้าให้เบาที่สุดเดินตรงมาที่เตียงเล็กของหญิงสาว ของขวัญหลับตาแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึกจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมที่ไรผมและปลายจมูก ฝ่ามือชื้นด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศในห้องค่อนข้างเย็นศิลาค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากหัวของคนที่กำลัง (ทำท่า) หลับ มือหนาลูบหัวทุยอย่างเบามือแล้วก้มจูบที่ไรผมชื้นเหงื่อเบา ๆ อย่างแสนคิดถึง"หึ! รู้นะว่าไม่หลับ" คนตัวโตก้มลงพูดชิดแก้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นขนตายาวงอนกระพริบถี่ ๆ เหมือนเด็กที่กำลังแกล้งหลับหนีความผิด"ลืมตามาคุยกันก่อน พี่รู้ว่าเปี๊ยกเป็นอะไร" ชายหนุ่มพยายามพูดอย่างใจเย็น "......""หนีทำไม ทำไมไม่ร
"เอ็ดเวิร์ด!" "ครับบอส" เอ็ดเวิร์ดเปิดประตูเข้ามาทันทีเหมือนรอเรียก"สั่งพักงาน 2 คนนี้ 2 เดือน โทษฐานที่เผยแพร่ข่าวเท็จในบริษัท ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปอีกให้ไล่ออกไปเลย" เอ่ยสั่งเลขาเสียงห้วนแล้วหันมามอง 2 สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา "แต่ถ้าพวกคุณจะลาออกผมก็ไม่ขัด ผมจะไม่เขียนรายงานพฤติกรรมพวกคุณในใบเวิร์คละกัน...ออกไปได้" เอ่ยจบพร้อมสั่งแล้วหันมามองแผนกการตลาดระหว่างประเทศที่ยืนก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังโซฟา"ผมจ้างพวกคุณมาทำอะไร"ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับกัดปากล่างแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ที่สุด"กูถามเอง มึงพักก่อน" มาร์คพูดด้วยภาษาไทยให้ได้ยินด้วยกันแค่ 2 คนพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วกดบ่าไว้เบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ตอนนี้กำมือแน่นน้ำตาเริ่มคลอหน่วย และอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนครั้งที่ชายหนุ่มพุ่งจะทำร้ายแมรี่เมื่อตอนที่ของขวัญหายไป ตอนนั้นรั้งกัน 3 คนแทบไม่ไหวเพราะศิลาเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มและออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วตอนนี้เขาแค่คนเดียวย่อมทานกำลังศิลาไม่ได้แน่นอน"อือ... มึงจัดการไปเลยไม่งั้นกูจะยุบแผนกนี้ซะ" ชายหน
ห้องทำงานของท่านประธาน เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษศิลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานตั้งแต่กลับมาจากทานข้าวกับแม่และเพื่อน ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ประโยคเดียวพร้อมทั้งสั่งยกเลิกประชุมแก้ไขงานภาคบ่ายและเลื่อนนัดลูกค้าทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด จนเพื่อนชายถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อทราบถึงคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพจิตใจเขาตอนนี้...~~~~~~~~มือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะกลางหยิบกล่องเหล็กใบเล็กเก่า ๆ ที่ผูกริบบิ้นเป็นโบสีชมพูออกมาเปิดพร้อมทั้งหยิบสร้อยเส้นเล็กที่เขาตั้งใจจะคืนให้เธอในวันนี้ขึ้นมาดูด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อซึมที่หางตา จนต้องเก็บสร้อยเข้ากล่องแล้วเก็บลงไว้ที่เดิมก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องด้านหลังตู้โชว์ปิดลงกลอนและขังตัวเองอยู่ในนั้นเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมานั่งมองนิ้วเรียวเขี่ยตรงรูปก้อนผ้าขนหนูสีชมพูเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนปนเศร้าแบบที่ไม่เคยมองใครมาก่อน"ศิ กูรู้แล้วนะน้องไปไหน" เสียงมาร์คร้องบอกอยู่หน้าประตูทำให้ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ากระพริบตา
ครืด....ครืด....เสียงมือถือของน้ำหวานดังขึ้นทำให้เธอจำเป็นต้องล้วงออกมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนอย่างปรึกษา ของขวัญเม้มปากส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งสิ้น น้ำหวานตัดสินใจโยนมือถือเครื่องเล็กของตัวเองไว้ที่โซฟาแล้วหันหลังให้เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกรอบครืด...ครืด...เสียงมือถือของของขวัญดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ ซึ่งทั้ง 2 มองหน้ากันของขวัญล้วงมือถือออกมาดูซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือมาร์คเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกดปิดเสียงแล้วโยนไว้ข้างมือถือของเพื่อนแล้วมองหน้าเพื่อนพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างตัดใจ "ปะ ไปกันเถอะ" ว่าจบก็จูงแขนกันลงลิฟต์ออกจากอพาร์ตเมนต์หาแท็กซี่ตรงไปสนามบินทันที"ทำไมไม่รับสายกันวะ" มาร์คพูดพึมพำมองหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด"เป็นอะไรลูก น้องไม่รับสายหรือ" คุณหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชาย"ครับแม่ สงสัยพากันกินข้าวแล้วปิดเสียงแน่ ๆ เลยครับ เดี๋ยวศิลามันมาถึงก็ค่อยไปรับน้องเลยละกันครับ" มาร์คว่าพร้อมกับกลับมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาเดิม"ก็ดี แม่จะได้พูดเองเลย ร
"แล้วถ้ามันไม่จริงล่ะคะ ถ้าคุณปะ...คุณหญิงท่านมาคนเดียว แต่จริง ๆ บอสเขาก็อยู่กับภรรยาเขาอยู่ทุกวัน มันก็เป็นข่าวเท็จนะคะแล้วถ้ามีคนเอาข่าวนี้ไปบอกภรรยาบอสว่าได้ยินมาจากแผนกเรามันจะซวยทั้งแผนกนี่น่ะสิ" น้ำหวานว่าขึ้นพลางเหลือบมองหน้าเพื่อนที่กำลังซีดเผือดอย่างห่วงใย"น้องหวานหมายถึงว่าบอสอยู่กับคุณโรซี่แแล้วน่ะหรือคะ" โอปอล์ว่าอย่างตื่นเต้น (ได้ข่าวใหม่ข่าวใหญ่อีกแล้วชั้น...>.<)"พี่ปอล์คิดว่าแฟนบอสคือคุณโรซี่หรือคะ?" น้ำหวานขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย"ก็บอสไม่เคยเดินกับใครเลยนอกจากคุณโรซี่นะคะ แฟนบอสจะเป็นใครได้ล่ะ แล้ววันนี้นะตอนที่พี่เอาเอกสารไปยื่นก่อนบอสออกไปข้างนอก บอสเซ็ตผมทรงใหม่ หล่อมาก..." โอปอล์ว่าขึ้นพร้อมกับลากเสียงยาวตอนท้ายแล้วทำตาลอยอย่างเพ้อฝัน ก่อนที่น้ำหวานจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสงสารเพื่อนที่นั่งเงียบตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามา แล้วพากันแยกย้ายกันทำงานเมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงเช้า 2 สาวนั่งทำงานที่ห้องแผนกการตลาดระหว่างประเทศกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความเงียบของของขวัญที่เพื่อนเธอก็แอบชำเลืองบ่อย ๆ ด้วยความห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาว ข่าวเร
ในขณะที่ของขวัญกำลังหลับอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองด้วยความเพลีย วันนี้เธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้าย ๆ กับไม่สบายหลังจากที่เธอไปฉีดยาคุมกำเนิดมาเมื่อวันก่อน จนตอนเลิกงานเธอจึงชวนน้ำหวานไปหาหมออีกรอบและคำตอบที่ได้คืออาจเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่ได้รับ อาจจะมีอาการแบบนี้ไปอีกซักระยะและอาจทำให้อารมณ์ช่วงนี้ไม่คงที่มากนักเนื่องจากฮอร์โมนกำลังปรับสภาพ และเมื่อกลับมาถึงห้องหญิงสาวเลยขอเพื่อนดื่มแค่นมกล่องเดียวแล้วกินยานอนเลย แต่ต้องสะดุ้งตื่นเอากลางดึกเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างมากอดรัดเธออย่างแรงจนรู้สึกอึดอัด"อื้อ ~ เมามาหรือเปล่าคะเนี่ยกลิ่นหึ่งเลย" เสียงอู้อี้ดังจากปากคนหลับพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะตัวเอง"ดื่มมานิดหน่อย คืนนี้พี่นอนนี่นะ" เสียงทุ้มเอ่ยข้างหูพร้อมกับยกมือขึ้นดึงผ้าออกจากหัวคนตัวเล็กห่มให้ถึงคอแล้วหอมแก้มคนหลับเบา ๆ อย่างคิดถึง"อือ…" เสียงครางตอบรับเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้คอคนหลับ อีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาแนบตัวเบา ๆ แล้วกดจมูกลงที่กลุ่มผมสลวยอย่างชื่นใจ"หัน
"เอ่อ... *จะบอกว่าไปหาหมอก็ไม่ได้อีกสิ บอกว่าไงดีวะ...* (ของขวัญคิดในใจพลางสบตาเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ) คือว่า..." "พากันไปร้านดอกไม้มาค่ะ ยัยน้องขวัญเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปให้ร้านอบแห้งให้แล้วบ่นจนหูหวานชาได้ยินเสียงวิ้ง ๆ จนเลิกงานเราเลยไปหาหมูกระทะมาเยียวยาค่ะแหะ!" น้ำหวานเอ่ยยืดยาวพร้อมกับยิ้มแหย ๆ ช่วยเพื่อนเต็มที่ พวกเธอคุยกันแล้วว่าเรื่องที่เธอไปแอบคุมกำเนิดมาจะให้ชายหนุ่มรู้ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่มีข้ออ้างในการหลบหลีกแต่คำพูดของน้ำหวานทำเอาเจ้าของช่อดอกไม้ถึงกับยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที พร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากคนตัวเล็กเบา ๆ อย่างเอ็นดูความน่ารักของเธอ"แล้วทำไมเอริน่าบอกว่าพวกเราไปคุยกับโฮสต์" มาร์คเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อน *เออ...กอดเข้าไป หอมเข้าไป มึงจะรวมร่างกับน้องกูในลิฟต์เลยมั้ยไอ้ท่านประธาน...* มาร์คคิดในใจอย่างหมั่นไส้เพื่อน"ก็..." ติ๊ง! ลิฟต์ถึงชั้นที่พวกเธอทำงานพอดี "มาร์คมึงปิดเลยขึ้นไปคุยให้รู้เรื่อง" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเพื่อนพร้อมกับกระชับเอวคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น"แต่หวานขอลงได้มั้ยคะ หวานต้องไปทำงานค่ะบอส" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเสียงเบา