sila talk
ผม... แม่ง! บอกความรู้สึกไม่ได้เลยจริง ๆ แล้ววันนี้ผมก็ไม่เอะใจอะไรเลยที่พาของขวัญไปไม่รู้ว่าน้องไม่มีทั้งมือถือทั้งเงินติดตัว แต่เอาจริง ๆ ถ้าเธอพออ่านภาษาไทยได้เธอคงจะบอกชื่อหมู่บ้านแล้วบอกแท็กซี่มาส่งได้ แต่นี่ไม่ใช่ น้องอ่านภาษาไทยไม่ได้และคงไม่ได้ถามที่อยู่จากแม่ของผม แล้ววันนี้สาบานเลยผมไม่ได้นัดแมรี่มา ผมเป็นคนที่คบคนทีละคนก็จริง เปย์จริง แต่ถ้าจบแล้วคือจบ แล้วยิ่งทำตัวน่ารังเกียจผมยิ่งสะอิดสะเอียนเข้าไปใหญ่ แล้วที่ผมช็อกอีกอย่างคือ แมรี่เป็นหลานของคนที่มันโกงอาเนมไปจนอยู่ที่ประเทศไทยไม่ได้แล้วมันยังตามไปรังควานจนถึงเมกา เพราะความอยากได้กระดาษลงนามหุ้นสลักหลัง ที่ผมรู้ว่าเป็นของปู่อาจกับคุณปู่ที่มันยังอยู่ที่ไหนซักที่ แต่คุณปู่บอกว่าปู่อาจเป็นคนเก็บและมันคงเข้าใจว่าอยู่กับอาเนมแน่ ๆ ถึงได้ตามรังควานขนาดนั้น แต่ที่ผมเครียดตอนนี้คือ แม่ผมสั่งให้ไปฝึกงานที่ต่างประเทศภายในเดือนนี้นี่แหละ น้องก็ยังหาไม่เจอ คุณปู่ต้องโกรธผมจนไม่มองหน้าแน่ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้กลับมาเพราะคณะที่ผมเรียน เรียนจริง ๆ แค่ 3 ปี ฝึกงานเทอม 1 ของปี 4 ส่วนเทอมสุดท้ายเอาไว้เก็บตกส่วนที่ต้องแก้ไขซึ่งบางคนก็จบภายใน 4 ปี หรือมากกว่านั้น แต่สำหรับผม ผมไม่มีอะไรต้องแก้ครับ ฝึกงานจบก็คือรอทำเอกสารจบได้เลย แล้วถ้าแม่ผมดำเนินการแน่นอนว่าผมไม่ได้กลับไทยอีกยาวแน่ ๆ คงต้องรับปริญญาโน่นถึงจะได้กลับซึ่งก็คืออีกปีถัดไป จนถึงขนาดนั้นผมก็หวังว่าจะเจอน้องแล้วได้ขอโทษน้องครับ หวังว่าคงไม่เข้าใจผมผิดจนเกลียดผมเข้าใส้ไปก่อนแล้วล่ะ....
...........//..........
หลังจากวันนั้นที่เด็กน้อยจากแดนไกลหายไป ชายหนุ่มจะออกจากบ้านทุกเช้า ขับรถไปเรื่อย ๆ ที่คิดว่าเด็กน้อยจะไป ไปแม้กระทั่งบ้านของแมรี่ที่ตอนนี้ปิดเงียบ ครอบครัวของเธอถูกดำเนินคดีหลายคดีและหนักที่สุดก็คือค้าอาวุธและยาเสพติดซึ่งแน่นอนว่าเธอก็เป็น 1 ในผู้ต้องหาด้วย และจากของกลางต่าง ๆ ที่ตรวจค้นได้ถือเป็นคดีใหญ่แห่งปีที่สื่อให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
จากคนที่ออกไปสังสรรค์นอกบ้านนอนที่คอนโด กลายเป็นคนที่ตอนกลางวันขับรถไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย ปริ้นรูปของเด็กสาวใส่กระดาษหลายใบเดินถามคนทั่วไปในย่านคนพลุกพล่าน แต่คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าแบบสิ้นหวัง ทั้งนักสืบที่จ้างต่างก็คว้าน้ำเหลว แล้วเขาก็กลับเข้าบ้านมาอย่างอ่อนล้าในทุก ๆ เย็น
"มึงแน่ใจนะศิ ว่ามึงจะขาย" มาร์คมองเพื่อนอย่างชั่งใจ
"อือ... เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ อีกไม่กี่วันกูก็จะไปแล้วนี่" ชายหนุ่มว่าเสียงทุ้มพลางยกแก้วขึ้นจิบ
"แต่มึงรักรถคันนี้มากไม่ใช่หรือวะ ถึงไม่ใช้เก็บไว้ก็ได้นี่หว่า" โรมเอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้กำลังคุยกันเรื่องรถบิ๊กไบก์คันใหญ่ของชายหนุ่มที่ตัดสินใจจะขายให้เพื่อนก่อนที่จะเดินทางไปอังกฤษ
"ไม่เป็นไรกูไม่อยากเก็บไว้แล้วว่ะ... ถ้ามึงไม่เอากูจะให้ร้านปล่อยให้" ชายหนุ่มว่าอย่างตัดใจ ถึงเขาจะรักมอเตอร์ไซค์คันนี้มากแค่ไหน แต่ก็เพราะมอเตอร์ไซค์คันนี้ที่เขาใช้พาน้องไปวันนั้น มันทำให้น้องกลัวจนไม่กล้ามองทางแล้วจำทางกลับบ้านไม่ได้ เขารู้สึกเสียใจทุกครั้งที่เห็นรถคันนี้โทษตัวเองทุกวันที่เดินผ่านรถคันนี้ มันเป็นเหมือนบาปที่ติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลาตั้งแต่วันที่ของขวัญหายไป
"เอางี้... กูซื้อเอง มึงอยากได้คืนเมื่อไหร่ก็มาเอาคืนได้เลย กูเข้าใจมึงเพื่อน" โรมเอ่ยขึ้นพลางตบบ่าเพื่อนอย่างเข้าใจความรู้สึก
"งั้นไปเอาเดี๋ยวนี้เลยนะ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นกับเพื่อนแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินออกไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่ขับมาทันที
"มันรีบอะไรขนาดนั้นวะ?" เทนมองตามงง ๆ
"มันไม่ได้รีบหรอก กูว่ามันทำใจไม่ได้ว่ะ รถคันนั้นเป็นคันที่มันขับพาน้องมันมาจนน้องมันหายไง แล้ววันนั้นมึงไม่เห็นเหรอ มันอ่อนโยนกับน้องมันมากแค่ไหน แล้วในโรงหนังน้องมันยังนอนกอดเอวมันหลับอยู่เลย ปกติไอ้ศิมันเคยเทกแคร์ใครที่ไหน" มาร์คพูดกับเพื่อนตามที่เห็น
"เออ...จริงว่ะ แล้วกูสังเกตตามัน เศร้าอย่างกับคนอกหักเลยเวลาพูดถึงน้องมัน" โรมว่าอย่างเห็นด้วย
"แต่กูว่ารีบตามมันไปเหอะ สงสารมันว่ะ" มาร์คว่าพลางลุกขึ้น แล้วพากันเดินออกจากร้านไปที่รถเพื่อที่จะไปส่งโรมเอารถที่บ้านของศิลา
.........//..........
บ้านเศรษฐทรัพย์ไพศาล
"ศิลา นี่ลูกขายรถให้เพื่อนไปแล้วจริง ๆ เหรอ" คุณหญิงพูดอย่างไม่เชื่อหู ที่ละมัยบอกว่าลูกชายขายรถสุดที่รักให้เพื่อนไปแล้วเพิ่งมาเอาไปในวันนี้
"อือ..." พยักหน้าช้า ๆ
"แล้วคิดยังไง รักมากไม่ใช่หรือไง" คุณหญิงถามลองใจ รถคันนี้คุณหญิงและคุณปู่เคยคัดค้านไม่ให้ซื้อมาตั้งแต่ทีแรก เพราะชายหนุ่มเป็นคนใจร้อนและขับรถค่อนข้างเร็วเลยไม่อยากให้ใช้มอเตอร์ไซค์แต่ศิลาก็ยังยืนยันที่จะซื้อมาให้ได้
"อีกไม่กี่วันก็ไปแล้วไม่ใช่หรือไง เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้" ตอบผู้เป็นแม่แล้วลุกขึ้นเดินขึ้นชั้น 2 ไป
"คุณหญิงคะ คุณศิลาเอาแท็บเล็ตในห้องของหนูของขวัญไปค่ะ" ละมัยรายงานเสียงเบาคล้อยหลังชายหนุ่ม เธอขึ้นไปทำความสะอาดในห้องเด็กสาวแต่หาแท็บเล็ตที่เคยวางอยู่หัวเตียงไม่เจอแต่ไปเจอที่ห้องของชายหนุ่มแทน
"อือ... ฉันรู้แล้ว" คุณหญิงพยักหน้า
ชั้น 2 ของบ้าน
ชายหนุ่มนั่งมองหน้าจอแท็ปเล็ตที่มีเสียงแจ๋ว ๆ ในหูฟังยิ้ม ๆ มันเป็นวิดีโอที่เด็กน้อยอัดคลิปของตัวเองในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งชายหนุ่มนั่งดูและฟังทุกคลิปทุกคืนจนจำได้ขึ้นใจ โดยเฉพาะคลิปบอกลาบ้านที่ตอนท้ายมีหยดน้ำตาเล็ก ๆ เกาะอยู่ที่หางตาอย่างน่าสงสาร
"สวัสดีทุกคน คลิปนี้จะเป็นคลิปสุดท้ายแล้วนะที่น้องขวัญจะอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้น้องขวัญต้องไปเรียนที่เมืองไทยกับคุณป้าแล้วนะคะ" เสียงเล็ก ๆ เอ่ยมาเป็นภาษาอังกฤษแต่เรียกแทนตัวเองว่าน้องขวัญทุกคำ
"ใจหายเหมือนกันนะ น้องขวัญอยู่ที่นี่มาตั้งแต่จำความได้เลย มันเป็นบ้านหลังของแรกน้องขวัญ น้องขวัญรักมันมากนะทุกคน แล้วเมื่อคืนน้องขวัญสัญญากับบ้านหลังนี้เอาไว้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น น้องขวัญก็จะรักบ้านหลังนี้ น้องขวัญจะไม่ทิ้ง.... (เสียงขาดหาย) ความทรงจำดี ๆ ที่นี่" ว่าแล้วแหงนหน้ากระพริบตาถี่ ๆ กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แล้วกลับมายิ้มใส่กล้องอีกครั้งหนึ่ง
"เพื่อเป็นการยืนยันว่าน้องขวัญจะกลับมาอีก น้องขวัญจะฝากสร้อยเส้นนี้ไว้ที่ต้นไม้ตัวแทนน้องขวัญกันนะทุกคน" มือเล็ก ๆ ปลดสร้อยออกจากคอแล้วมาโชว์ที่กล้อง "สร้อยเส้นนี้น้องขวัญรักมากนะ เป็นของคุณปู่ แด๊ดใส่ให้น้องขวัญตั้งแต่เด็ก ๆ เลยค่ะ บอกว่าให้ใส่ไว้มันมีคุณค่าทางจิตใจเป็นตัวแทนของคุณปู่ แล้วบ้านหลังนี้กับต้นไม้ต้นนี้ก็มีคุณค่าทางจิตใจกับน้องขวัญเหมือนกัน (ว่าแล้วแพลนกล้องไปที่บ้านหลังเล็กน่ารักที่ตนเองอาศัยอยู่แล้วก็ต้นไม้ที่เธอบอกว่าคุณค่าทางจิตใจ) ต้นไม้ต้นนี้มีหัวใจ 2 ดวงเหมือนน้องขวัญทุกคนเชื่อมั้ย ดวงนึงอยู่ข้างในให้หายใจทำให้เราไม่ตาย ส่วนอีกดวงก็อยู่ตรงนี้ไง" แพลนกล้องไปที่ตาต้นไม้ที่เป็นคล้าย ๆ รูปหัวใจแล้วก็แพลนมาที่แขนเล็ก ๆ ของตัวเองที่มีปานรูปหัวใจอยู่ที่ข้อมือด้วย
"เห็นมั้ยน้องขวัญมีหัวใจ 2 ดวงนะ แล้วเพื่อเป็นการยืนยันน้องขวัญจะเอาสร้อยเส้นนี้ใส่กล่องความทรงจำแล้วฝังมันไว้ที่ใต้ต้นไม้นี่นะคะ แล้วเมื่อไหร่ที่น้องขวัญเรียนจบเป็นผู้ใหญ่น้องขวัญจะกลับมาอยู่กับมันที่บ้านหลังนี้อีกนะ" ว่าพร้อมกับตั้งกล้องแล้วเอาสร้อยใส่ลงไปในกล่องเหล็กขนาดเล็กแล้วผูกด้วยริบบิ้นผ้าสีชมพูอีกทีหนึ่ง "จะฝังไว้ตรงนี้นะคะทุกคน" หันมาคุยกับกล้องพร้อมกับหยิบเสียมเล็ก ๆ ขึ้นมาขุดดิน ระหว่างกลางของรากต้นไม้ลงไปพอประมาณแล้ววางกล่องเหล็กลงไปในหลุมกลบดินแล้วใช้มือตบดินลงจนแน่น จากนั้นเอาดอกกุหลาบสีขาวมาวางบนหลุมที่กลบ แล้วหันมาคุยกับกล้อง "โอเคเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ และนี่เป็นคลิปสุดท้ายในการบันทึกความทรงจำของน้องขวัญ น้องขวัญจะเก็บส่วนดี ๆ พวกนี้เอาไว้เพื่อเตือนตัวเองว่า มีสิ่งที่มีค่ามากที่สุดรออยู่ที่บ้านนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้องขวัญจะกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกน้องขวัญสัญญาค่ะ" เสียงหวาน ๆ เงียบลงพร้อมกับร่างเล็ก ๆ เดินเข้ามาปิดกล้องซึ่งกล้องบังเอิญแพลนเห็นใบหน้าที่มีน้ำตาเปื้อนอยู่ที่หางตาอย่างน่าสงสาร....
"พี่จะดูแลให้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้านหลังนั้นมันจะเป็นของน้องขวัญ พี่สัญญา" ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเบา ๆ มองหน้าจอแท็ปเล็ตที่ภาพหน้าจอเป็นรูปด้านข้างของเด็กสาวผมยาวถึงเอวกอดช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ แล้วก้มลงหลับตาหอมดอกกุหลาบ
ชายหนุ่มจัดการก็อปปี้ไฟล์ภาพและวิดีโอทั้งหมดในเครื่องมาใส่ที่โน้ตบุ๊กของตัวเองแล้วเลือกบางภาพใส่เข้าไปในมือถือตัวเองแล้วตั้งเป็นภาพหน้าจอก่อนลุกขึ้นเดินเอาแท็ปเล็ตไปวางไว้ที่เดิมในห้องนอนของเด็กสาว แล้วเดินไปหยิบเอาโบผูกผมสีขาวเส้นเล็กติดมือกลับห้องไปด้วย "ไปอังกฤษกับพี่นะ ตัวเปี๊ยก"
.......... //..........
บ้านลุงปกรณ์"ลุงกรณ์คะ คุณปู่บอกว่าศิลาจะไปต่างประเทศแล้วค่ะ" เสียงใส ๆ ของเด็กเอ่ยกับคุณลุงใจดีที่เธออาศัยอยู่ด้วย"อืม... หนูอยากไปเจอเขามั้ย" ลุงปกรณ์ถามคนตัวเล็กยิ้ม ๆ"ไปไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวศิลาเห็นเอาไว้ศิลากลับมาค่อยไปรับนะคะ" เด็กสาวว่าเสียงใสเพราะเธอเข้าใจว่าไปฝึกงานต่างประเทศแค่เทอมเดียวแล้วกลับมาเรียนต่อจนจบ เธอเลยกะว่าตอนนั้นเธอจะไปเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มที่บ้านคุณป้าเอง"อืม... เอางั้นก็ได้แล้วนี่หนูเปิดเทอมเมื่อไหร่นะลูก""วันจันทร์หน้าค่ะ คุณป้าบอกว่าวันเสาร์จะพาไปดูหอแล้วเตรียมซื้อของเข้าไป งือ... หนูต้องคิดถึงลุงกรณ์กับดุ๊กดิ๊กแน่ ๆ เลยค่ะ" เสียงเล็กตอบพลางทำหน้าอ้อน ๆ อย่างเอ็นดู"นั่นสิ ลุงก็คงคิดถึงหนูเหมือนกันลูก เอาไงดีเราจะได้ไม่คิดถึงกัน" ลุงกรณ์ทำท่าปรึกษาหน้ายิ้ม ๆ เพราะคุยกับคุณปู่ของเด็กไว้ว่าอยากให้เด็กสาวอยู่บ้านที่นี่ด้วยเพราะไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ไปรับส่งได้และของขวัญเองก็เป็นเด็กกลัวฟ้าร้องคุณปู่เลยไม่อยากให้ไปอยู่หอพักให้ลำบากคนอื่น"งั้น เดี๋ยวน้องขวัญขอคุณปู่อยู่กับลุงกรณ์ที่นี่ได้มั้ยคะ ใกล้โรงเรียนแล้ว
"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับแกจะตัดสินใจแล้วศิลา" คุณปู่ว่าขึ้นเนิบ ๆ"ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ พลิกกระดาษกลับด้านแล้วจับปากกามาเซ็นต่อหน้าคุณปู่ พ่อและแม่อย่างไม่ลังเล"แกรู้ใช่มั้ยศิลาว่าลายเซ็นแกมันหมายถึงอะไร" คุณปู่ถามเพื่อความมั่นใจของหลานชาย"เข้าใจดีครับคุณปู่ ว่าทันทีที่ผมเซ็นไปผมจะกลายเป็นคนที่มีพันธะ แต่ในอนาคตข้างหน้าถ้าของขวัญกลับมาผมพร้อมจะเซ็นยกเลิกสัญญานี้ให้ถ้าเธอต้องการ เพราะยังไงซะผมก็ตั้งใจทำโทต่อที่อังกฤษคงไม่ได้กลับมาอีกนาน ถึงตอนนั้นถ้าเธอกลับมา.... (เสียงแผ่วลง) ผมเซ็นให้เธอได้ครับ แต่ในระหว่างนี้เอาเอกสารนี้ไปช่วยอาเนมเถอะ" ชายหนุ่มว่าอย่างตัดสินใจ เมื่อรู้ความจริงทุกอย่าง ยิ่งทำให้สงสารคนตัวเล็กที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองและด้วยความรู้สึกผิดที่มีในใจจึงทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเซ็นสัญญาผูกมัดตัวเองอย่างไม่ลังเลอีก"ลูกตัดสินใจแบบนั้นจริง ๆ หรือศิลา" คุณหญิงว่านถามความสมัครใจของลูกชายอีกรอบพร้อมกับมองสัญญาบนโต๊ะอย่างมีความหวัง"ครับ! ผมสมัครใจครับคุณแม่ ผมขอตัวนะครับ" ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่นพร้อมกับลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องทำงานข
"ปู่อยากคุยกับพวกเราทุกคน ตามปู่มา" คุณปู่เดชาเอ่ยกับบรรดาเพื่อนของหลานชายที่มาส่งเพื่อนที่สนามบิน ทำให้ 3 หนุ่มโรม เทนและมาร์คมองหน้ากันแล้วเดินตามหลังผู้ใหญ่ออกไปและขับรถตามไปจนถึงบ้านหลังเล็ก ๆ กลางสวนผลไม้ที่พื้นที่ไม่ใหญ่นักใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชื่อดังที่ติดกับมหาวิทยาลัยที่พวกตนเรียนอยู่"คุณปู่ขา..." เสียงใส ๆ ดังออกมาจากในบ้านพร้อมกับการปรากฎตัวของคนตัวเล็กที่ 3 หนุ่มอ้าปากค้างมองหน้ากันเหลอหลา"คุณปู่นี่น้องของขวัญนี่ครับ อย่าบอกนะครับว่า..." เทนอุทานอย่างตกใจพร้อมกับเอ่ยถามคนเป็นปู่ที่ยืนกอดเด็กสาวอยู่ด้านหน้า พอดีกับรถของท่านภูษิตและคุณหญิงวิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน"ใช่ นี่ของขวัญที่ศิลามันกำลังหาไงล่ะ แต่พวกเธอต้องช่วยปู่แล้วล่ะ" คุณปู่หันมาตอบกลุ่มชายหนุ่มยิ้ม ๆ"ยังไงครับคุณปู่ อย่าบอกนะครับว่าที่พวกเราแล้วก็นักสืบของไอ้ศิหาไม่เจอเพราะน้องไม่ได้หายไปจริงแต่เป็นคุณปู่ซ่อนน้องจนไอ้ศิมันแทบจะเป็นหมาบ้าวิ่งพล่านทั่วประเทศขนาดนั้นครับ" โรมถามอย่างตกใจไม่แพ้กัน พวกเขาตามหาเด็กสาวคนนี้มานานก็ไร้วี่แววแต่กลับมาเจออยู่ห่างจากมหาลัยแค่ไม่กี่กิโลเมต
ฟากหนึ่งของโลกชายรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของเมืองหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อตามหา 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เขาอยากพบมากที่สุด จนได้รู้ว่าคนทั้งคู่ได้มาเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ นี่อยู่หลังจากที่เจ้าของใหม่ของบ้านฟ้องขับไล่ออกมา"อาเนมครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทันทีที่ประตูหน้าห้องเปิดออกพร้อมใบหน้าชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาค่อนข้างหนาสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ และมองเขาอย่างระแวดระวัง"คุณเป็นใคร" เนมหรือเนมทัตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก"ผม ศิลาครับอา ลูกพ่อภูษิตกับแม่วรรณารีครับ" ชายหนุ่มแนะนำตัว"ศิลา? (ว่าพร้อมกับมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า) เข้ามาก่อนสิลูก" พูดพร้อมกับเปิดประตูให้แล้วเดินนำไปที่โซฟาเล็ก ๆ มุมห้อง"อาครับผมอยากให้อารับนี่ไว้ครับ" ชายหนุ่มไม่เสียเวลาล้วงกระเป๋ากางเกงเอากุญแจดอกเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะให้น้องรักของพ่อทันที"นี่มันกุญแจบ้านหลังนั้นนี่" เนมทัตเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม"ครับอา ผมให้ทนายที่บริษัทของคุณปู่ทำเรื่องซื้อคืนมาแล้วครับ บ้านหลังนั้นเป็นของอาแต
ตลอดหลายปีที่ศิลาไม่ได้กลับมาเมืองไทย ชายหนุ่มมุ่งมั่นเรียนจนจบระดับปริญญาเอกด้วยวัยเพียง 27 และจริงจังกับการทำงานจนได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายบริหารและคุณปู่ทำให้ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานใหญ่ของสาขาอังกฤษ ภาพของเด็กสาวถูกส่งให้ชายหนุ่มในทุก ๆ เดือน เดือนละหลาย ๆ ครั้ง ตั้งแต่วัยมัธยมต้นจนเข้าสู่มหาวิทยาลัย จากฝีมือของคนที่เขาจ้างให้ติดตามหญิงสาวโดยเฉพาะ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือรูปถ่ายที่ผู้ติดตามส่งไปให้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นการจัดฉากของของขวัญที่เธอจับได้เมื่อหลายปีก่อนว่ามีคนแอบตามถ่ายรูปเธอเพื่อส่งให้ชายหนุ่มที่อังกฤษดู เธอจึงวางแผนแกล้งชายหนุ่มเมื่อตอนที่ตัวเองขึ้นมหาลัยด้วยความร่วมมือของคุณปู่คุณป้าและช่างภาพที่ตามถ่ายรูปและดูแลหญิงสาวที่ศิลาจ้างมาโดยเฉพาะ และทุกครั้งที่ต้องถ่ายรูปส่งไปให้ลูกชายคุณป้าดู เธอจะใส่แว่นตาหนาเตอะและแต่งหน้าเข้มกว่าสีผิวจริงเธอถึง 3 เฉดและเสื้อใส่ตัวโคร่งเสมอ"ทำไมต้องแต่งหน้าเข้มใส่แว่นหนาเตอะขนาดนั้นล่ะลูก" คุณป้าเอ่ยอย่างขำ ๆ"ก็แค่แกล้งศิลาเล่นค่ะคุณป้า อยากดูคนสวยต้องมาดูที่ไทย อยู่อังกฤษก็ดูป้าแว่นไปเลย ฮ่า ๆๆ" สาวสวยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
เคเอส กรุ๊ป สาขาประเทศอังกฤษร่างสูงโปร่งในชุดสูทแบรนด์ดังเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกับผู้ช่วยที่เป็นเพื่อนสนิทตามปกติ ทั้ง 2 มักทำตัวติดกันเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่เริ่มเข้ามาฝึกงานใหม่ ๆ ไปเรียนด้วยกันและทำงานด้วยกันเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันจนมีพนักงานภายในบริษัทแอบนินทาว่าทั้งคู่อาจมีซัมซิงกันเพราะต่างก็ไม่เคยเห็นใครคนใดคนหนึ่งควงคู่หญิงสาว มีเพียงข่าวลือบาง ๆ ว่าบอสใหญ่อย่างศิลามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกับข่าวนั้น"คุณปู่บอกว่าปีนี้จะส่งนักศึกษาทุนมาฝึกงานที่นี่ 2 คน" มาร์คเอ่ยขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้องท่านประธานและประตูปิดลง"ถ้ามามึงก็ดูแลไปสิ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีพร้อมกับเปิดแล็บท็อปของตัวเองขึ้น"ฝึกตำแหน่งเลขาผู้ช่วยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศ" มาร์คพูดขึ้นอีกประโยค"แล้วไง? มึงจะรายงานกูทำไม ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของมึงต้องดูแลไม่ใช่กู" เงยขึ้นสบตาคมลึกกับเพื่อนพร้อมกับเม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิดเพราะปกติคุณปู่เขาจะไม่ส่งเด็กฝึกงานมาฝึกที่สาขานี้แต่ทำไมปีนี้กลับส่งมา "ปกติสาขานี้ไม่รับเด็กฝึกงานคุณปู่คิดยังไงวะถ
4 ทุ่ม @ Ro me barสาวสวยเซ็กซี่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงเหนือเข่าขึ้นมาเกือบคืบด้านหลังเปลือยโชว์ผิวขาวเนียนจนถึงเอว ก้าวลงมาจากรถสปอร์ตคันสวยสีมะนาวพร้อมกับเพื่อนสาวที่มาในชุดเกาะอกรัดรูปสีดำที่ดูสวยไม่แพ้กัน"ว้าว ~ วันนี้น้องสาวทั้ง 2 ของเฮียเทนสวยมากครับ งานนี้เฮียต้องควง 2 แล้ว" เทนโยนก้นบุหรี่ลงพื้นพร้อมกับใช้ร้องเท้าขยี้ดับเอ่ยกับ 2 สาวสวยอย่างอารมณ์ดี"ต้องสวยสิคะ นี่ใคร (พูดพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วยิ้มหวาน) น้องสาวคนสวยของ 3 เฮียเลยนะคะ" ของขวัญพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี"เห็นไอ้มาร์คมันบอกจะมารับไปฝึกงานที่โน่นกัน พวกเฮียคงคิดถึงเด็กดื้อ ๆ แถวนี้แน่ ๆ" โรมเดินเข้ามาทักยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นยีผมน้ำหวานที่อยู่ยืนข้างกันอย่างมันเขี้ยว"โอ๊ย~~ พี่โรมน่ะ นี่หวานกะจะมาอ่อยหนุ่มไทยทิ้งทวนเลยนะ หัวยุ่งหมดเลยเนี่ย" น้ำหวานปัดมือชายหนุ่มพร้อมกับพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"อ่อยแล้วไม่กินวะ เจ้าหวานเห็นเมาแล้วเรี่ยราดตลอดแหละเอ็งน่ะ" โรมว่าขึ้นขำ ๆ"ชิ... ต้องพูดเลย เจอตอนเมาได้เศร้าตอนส่างน่ะสิ หวานไม่เอาหรอกอนาคตหวานยังอีกยาวไกล ถ้าไม่ตายวันพ
อพาร์ตเมนต์หรูกลางกรุงลอนดอน2 สาวก้าวลงมาจากรถลีมูซีนสนามบินพร้อมกับอีก 1 หนุ่ม และมีพนักงานของอพาร์ตเมนต์เดินเข็นรถใส่สัมภาระมารอรับอย่างรู้หน้าที่ น้ำหวานเงยหน้าขึ้นคอตั้งบ่าอ้าปากหวอ เมื่อมองเห็นความสวยงามของสถาปัตยกรรมตรงหน้าแล้วกระพริบตาปริบ ๆ หันมามองหน้าของเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างกันพลางเบะปาก ด้วยความคิดที่ว่าค่าเช่าต้องโหดมากเอาแน่ ๆ และเงินเดือนพวกเธอทั้ง 2 คนรวมกันคงจะไม่พอค่าเช่าแน่ถึงจะเช่าห้องเดียวก็เถอะ"พี่มาร์ค... หวานว่าเราไปหาที่ใหม่กันเถอะค่ะหรูเกิน" น้ำหวานป้องปากพูดข้างหูชายหนุ่มในขณะที่พนักงานกำลังขนของของพวกเธอขึ้นรถ [น้ำหวานเอ้ย ฝรั่งเขาฟังไทยไม่ออกไม่ต้องเบาก็ได้ลูก]"นั่นสิพี่มาร์ค น้องขวัญว่าเราไปหาอพาร์ตเมนต์อื่นเหอะ หรูขนาดนี้เงินเดือนเรา 2 คนไม่พอค่าเช่าหรอกค่ะ" ของขวัญเอ่ยสนับสนุนความคิดเพื่อน"อยู่ที่นี่แหละน่า นี่คืออพาร์ตเมนต์ในเครือของ เคเอส กรุ๊ป เราไม่ต้องเสียค่าเช่า" มาร์คพูดขึ้นยิ้ม ๆ อย่างเอ็นดู 2 สาว"โห...หรูมาก แล้วพี่มาร์คพักที่นี่มั้ยคะ" น้ำหวานหันไปถามชายหนุ่มตาแป๋ว"ครับ พี่ก็พักที่นี่แหละ" มาร
หลังจากที่ทั้ง 2 ตกลงที่จะแต่งงานกันโดยความคิดของของขวัญนั้นอยากจัดงานเล็ก ๆ ในครอบครัวหลังจากที่เรียนจบ ป.โท (เน้นประหยัด) และจะมีลูกหลังจากนั้น แต่...ทางด้านท่านประธานศิลานั้นค้านหัวชนฝา หน้าชนกำแพงอย่างหนัก เพราะเขาต้องการจัดการงานใหญ่พร้อมกับงานเปิดตัวท่านประธานสาขาใหญ่ที่กรุงเทพในต้นปีหน้า (ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แหละ) และมีลูกเลย ^o^"งั้นศิลาก็หาเมียใหม่ไปเลยค่ะ น้องขวัญไม่ได้รีบ" คนตัวเล็กกอดอกพูดขึ้นหน้าบึ้ง ๆ"แต่พี่รีบพี่แก่แล้วนะอย่าลืมสิ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้กันพอดี" คนเริ่มแก่ค้านทันที"31 เรียกว่าแก่แล้วคุณปู่เรียกว่าอะไรคะ" หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอม"เรียกว่ามีอายุครับ แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันก่อน พี่ไม่ให้เปี๊ยกฉีดยาอีกแล้วนะ มันอันตรายเกิดมดลูกฝ่อไปนี่สูญพันธุ์ได้เลยนะ" คนอยากแต่งงานหาข้ออ้างร้อยแปดให้ผู้ใหญ่สงสาร"งั้นศิลาก็ป้องกันสิคะ น้องขวัญไม่ชอบกินยาแล้วยังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ค่ะ""โอเค งั้นพี่ป้องกันเองแต่เราต้องแต่งงานกันก่อน ไม่รอจบโท" คนเอาแต่ใจยังยืนยันความต้องการของตัวเอง"งั้นก็เ
"ทนทานขนาดนั้นเลย?" เสียงอู้อี้ถามคล้ายประชดดังเบา ๆ ที่ซอกคอ"ไม่ได้เรียกว่าทนทาน เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ก่อนมาจากไทยพี่มีเมียแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วก้มลงสบตากับคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างมองชายหนุ่มตาโตทันที"ฮะ!" *ซวยแล้วยัยของขวัญนรกกินกบาล นายทวารเขียนชื่อลงกระดูกหมาแน่ แอบกินผัวชาวบ้านจริง ๆ หรือวะเนี่ย ..>~<*"ครับ พี่มีเมียแล้ว อันนั้นเรื่องจริง" จบคำกำปั้นน้อย ๆ ทุบรัวลงที่อกแกร่งพร้อมกับน้ำตาเม็ดโต ๆ ไหลอาบแก้มเนียนของคนตัวเล็กทันที"คนบ้า... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมถึงนอกใจภรรยาตัวเอง ออกไปจากบ้านน้องขวัญนะ ออกไปเลย" เสียงโวยวายปนสะอื้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัก ชายหนุ่มกระชับแขนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ มองหน้าคนขี้โวยวายอย่างใจเย็น *นั่นไง คิดเองเก่งจริง ๆ ยัยเปี๊ยกเอ๊ย! ...* ชายหนุ่มคิดในใจขำ ๆ"นี่ไงไม่ฟังให้จบ คิดเองเก่ง สรุปเก่งนะเราเนี่ย หื้ม ~" ว่าแล้วก้มลงจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมนแล้วส่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ"ไม่ฟัง! ออก.." "เมียพี่ชื่อคิดถึงเสมอ" ชายหนุ่มเอ่ยสวนประโยคขับไล่ของคนตัวเล็ก "ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอายุแค่ 13
ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในห้องถึงขั้นลนลานมองหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาทันที ก๊อกแก๊ก! เสียงไขกุญแจด้านนอกทำให้คนในห้องยิ่งกลัว *หลบไหนได้วะเนี่ย...* คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วหลับตาปี๋เหมือนกำลังหลับจริง ๆ แก่ก! กรึ่บ! เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงปิดประตูลงกลอนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่พยายามลงเท้าให้เบาที่สุดเดินตรงมาที่เตียงเล็กของหญิงสาว ของขวัญหลับตาแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึกจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมที่ไรผมและปลายจมูก ฝ่ามือชื้นด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศในห้องค่อนข้างเย็นศิลาค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากหัวของคนที่กำลัง (ทำท่า) หลับ มือหนาลูบหัวทุยอย่างเบามือแล้วก้มจูบที่ไรผมชื้นเหงื่อเบา ๆ อย่างแสนคิดถึง"หึ! รู้นะว่าไม่หลับ" คนตัวโตก้มลงพูดชิดแก้มอย่างรู้ทันเมื่อเห็นขนตายาวงอนกระพริบถี่ ๆ เหมือนเด็กที่กำลังแกล้งหลับหนีความผิด"ลืมตามาคุยกันก่อน พี่รู้ว่าเปี๊ยกเป็นอะไร" ชายหนุ่มพยายามพูดอย่างใจเย็น "......""หนีทำไม ทำไมไม่ร
"เอ็ดเวิร์ด!" "ครับบอส" เอ็ดเวิร์ดเปิดประตูเข้ามาทันทีเหมือนรอเรียก"สั่งพักงาน 2 คนนี้ 2 เดือน โทษฐานที่เผยแพร่ข่าวเท็จในบริษัท ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปอีกให้ไล่ออกไปเลย" เอ่ยสั่งเลขาเสียงห้วนแล้วหันมามอง 2 สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา "แต่ถ้าพวกคุณจะลาออกผมก็ไม่ขัด ผมจะไม่เขียนรายงานพฤติกรรมพวกคุณในใบเวิร์คละกัน...ออกไปได้" เอ่ยจบพร้อมสั่งแล้วหันมามองแผนกการตลาดระหว่างประเทศที่ยืนก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังโซฟา"ผมจ้างพวกคุณมาทำอะไร"ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเสียงห้วน พร้อมกับกัดปากล่างแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ที่สุด"กูถามเอง มึงพักก่อน" มาร์คพูดด้วยภาษาไทยให้ได้ยินด้วยกันแค่ 2 คนพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วกดบ่าไว้เบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนที่ตอนนี้กำมือแน่นน้ำตาเริ่มคลอหน่วย และอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนครั้งที่ชายหนุ่มพุ่งจะทำร้ายแมรี่เมื่อตอนที่ของขวัญหายไป ตอนนั้นรั้งกัน 3 คนแทบไม่ไหวเพราะศิลาเป็นคนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มและออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วตอนนี้เขาแค่คนเดียวย่อมทานกำลังศิลาไม่ได้แน่นอน"อือ... มึงจัดการไปเลยไม่งั้นกูจะยุบแผนกนี้ซะ" ชายหน
ห้องทำงานของท่านประธาน เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษศิลานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานตั้งแต่กลับมาจากทานข้าวกับแม่และเพื่อน ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ประโยคเดียวพร้อมทั้งสั่งยกเลิกประชุมแก้ไขงานภาคบ่ายและเลื่อนนัดลูกค้าทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด จนเพื่อนชายถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อทราบถึงคำสั่งดังกล่าว แต่ก็เข้าใจดีถึงสภาพจิตใจเขาตอนนี้...~~~~~~~~มือหนาเปิดลิ้นชักโต๊ะกลางหยิบกล่องเหล็กใบเล็กเก่า ๆ ที่ผูกริบบิ้นเป็นโบสีชมพูออกมาเปิดพร้อมทั้งหยิบสร้อยเส้นเล็กที่เขาตั้งใจจะคืนให้เธอในวันนี้ขึ้นมาดูด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อซึมที่หางตา จนต้องเก็บสร้อยเข้ากล่องแล้วเก็บลงไว้ที่เดิมก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องด้านหลังตู้โชว์ปิดลงกลอนและขังตัวเองอยู่ในนั้นเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมานั่งมองนิ้วเรียวเขี่ยตรงรูปก้อนผ้าขนหนูสีชมพูเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนปนเศร้าแบบที่ไม่เคยมองใครมาก่อน"ศิ กูรู้แล้วนะน้องไปไหน" เสียงมาร์คร้องบอกอยู่หน้าประตูทำให้ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ากระพริบตา
ครืด....ครืด....เสียงมือถือของน้ำหวานดังขึ้นทำให้เธอจำเป็นต้องล้วงออกมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนอย่างปรึกษา ของขวัญเม้มปากส่ายหน้าเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งสิ้น น้ำหวานตัดสินใจโยนมือถือเครื่องเล็กของตัวเองไว้ที่โซฟาแล้วหันหลังให้เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกรอบครืด...ครืด...เสียงมือถือของของขวัญดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ ซึ่งทั้ง 2 มองหน้ากันของขวัญล้วงมือถือออกมาดูซึ่งคนที่โทรเข้ามาคือมาร์คเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกดปิดเสียงแล้วโยนไว้ข้างมือถือของเพื่อนแล้วมองหน้าเพื่อนพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างตัดใจ "ปะ ไปกันเถอะ" ว่าจบก็จูงแขนกันลงลิฟต์ออกจากอพาร์ตเมนต์หาแท็กซี่ตรงไปสนามบินทันที"ทำไมไม่รับสายกันวะ" มาร์คพูดพึมพำมองหน้าจอมือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด"เป็นอะไรลูก น้องไม่รับสายหรือ" คุณหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนลูกชาย"ครับแม่ สงสัยพากันกินข้าวแล้วปิดเสียงแน่ ๆ เลยครับ เดี๋ยวศิลามันมาถึงก็ค่อยไปรับน้องเลยละกันครับ" มาร์คว่าพร้อมกับกลับมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาเดิม"ก็ดี แม่จะได้พูดเองเลย ร
"แล้วถ้ามันไม่จริงล่ะคะ ถ้าคุณปะ...คุณหญิงท่านมาคนเดียว แต่จริง ๆ บอสเขาก็อยู่กับภรรยาเขาอยู่ทุกวัน มันก็เป็นข่าวเท็จนะคะแล้วถ้ามีคนเอาข่าวนี้ไปบอกภรรยาบอสว่าได้ยินมาจากแผนกเรามันจะซวยทั้งแผนกนี่น่ะสิ" น้ำหวานว่าขึ้นพลางเหลือบมองหน้าเพื่อนที่กำลังซีดเผือดอย่างห่วงใย"น้องหวานหมายถึงว่าบอสอยู่กับคุณโรซี่แแล้วน่ะหรือคะ" โอปอล์ว่าอย่างตื่นเต้น (ได้ข่าวใหม่ข่าวใหญ่อีกแล้วชั้น...>.<)"พี่ปอล์คิดว่าแฟนบอสคือคุณโรซี่หรือคะ?" น้ำหวานขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย"ก็บอสไม่เคยเดินกับใครเลยนอกจากคุณโรซี่นะคะ แฟนบอสจะเป็นใครได้ล่ะ แล้ววันนี้นะตอนที่พี่เอาเอกสารไปยื่นก่อนบอสออกไปข้างนอก บอสเซ็ตผมทรงใหม่ หล่อมาก..." โอปอล์ว่าขึ้นพร้อมกับลากเสียงยาวตอนท้ายแล้วทำตาลอยอย่างเพ้อฝัน ก่อนที่น้ำหวานจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสงสารเพื่อนที่นั่งเงียบตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามา แล้วพากันแยกย้ายกันทำงานเมื่อถึงเวลาเข้างานช่วงเช้า 2 สาวนั่งทำงานที่ห้องแผนกการตลาดระหว่างประเทศกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือความเงียบของของขวัญที่เพื่อนเธอก็แอบชำเลืองบ่อย ๆ ด้วยความห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาว ข่าวเร
ในขณะที่ของขวัญกำลังหลับอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองด้วยความเพลีย วันนี้เธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้าย ๆ กับไม่สบายหลังจากที่เธอไปฉีดยาคุมกำเนิดมาเมื่อวันก่อน จนตอนเลิกงานเธอจึงชวนน้ำหวานไปหาหมออีกรอบและคำตอบที่ได้คืออาจเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่ได้รับ อาจจะมีอาการแบบนี้ไปอีกซักระยะและอาจทำให้อารมณ์ช่วงนี้ไม่คงที่มากนักเนื่องจากฮอร์โมนกำลังปรับสภาพ และเมื่อกลับมาถึงห้องหญิงสาวเลยขอเพื่อนดื่มแค่นมกล่องเดียวแล้วกินยานอนเลย แต่ต้องสะดุ้งตื่นเอากลางดึกเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างมากอดรัดเธออย่างแรงจนรู้สึกอึดอัด"อื้อ ~ เมามาหรือเปล่าคะเนี่ยกลิ่นหึ่งเลย" เสียงอู้อี้ดังจากปากคนหลับพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะตัวเอง"ดื่มมานิดหน่อย คืนนี้พี่นอนนี่นะ" เสียงทุ้มเอ่ยข้างหูพร้อมกับยกมือขึ้นดึงผ้าออกจากหัวคนตัวเล็กห่มให้ถึงคอแล้วหอมแก้มคนหลับเบา ๆ อย่างคิดถึง"อือ…" เสียงครางตอบรับเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สอดแขนข้างหนึ่งเข้าใต้คอคนหลับ อีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาแนบตัวเบา ๆ แล้วกดจมูกลงที่กลุ่มผมสลวยอย่างชื่นใจ"หัน
"เอ่อ... *จะบอกว่าไปหาหมอก็ไม่ได้อีกสิ บอกว่าไงดีวะ...* (ของขวัญคิดในใจพลางสบตาเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ) คือว่า..." "พากันไปร้านดอกไม้มาค่ะ ยัยน้องขวัญเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปให้ร้านอบแห้งให้แล้วบ่นจนหูหวานชาได้ยินเสียงวิ้ง ๆ จนเลิกงานเราเลยไปหาหมูกระทะมาเยียวยาค่ะแหะ!" น้ำหวานเอ่ยยืดยาวพร้อมกับยิ้มแหย ๆ ช่วยเพื่อนเต็มที่ พวกเธอคุยกันแล้วว่าเรื่องที่เธอไปแอบคุมกำเนิดมาจะให้ชายหนุ่มรู้ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่มีข้ออ้างในการหลบหลีกแต่คำพูดของน้ำหวานทำเอาเจ้าของช่อดอกไม้ถึงกับยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที พร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากคนตัวเล็กเบา ๆ อย่างเอ็นดูความน่ารักของเธอ"แล้วทำไมเอริน่าบอกว่าพวกเราไปคุยกับโฮสต์" มาร์คเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อน *เออ...กอดเข้าไป หอมเข้าไป มึงจะรวมร่างกับน้องกูในลิฟต์เลยมั้ยไอ้ท่านประธาน...* มาร์คคิดในใจอย่างหมั่นไส้เพื่อน"ก็..." ติ๊ง! ลิฟต์ถึงชั้นที่พวกเธอทำงานพอดี "มาร์คมึงปิดเลยขึ้นไปคุยให้รู้เรื่อง" เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเพื่อนพร้อมกับกระชับเอวคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น"แต่หวานขอลงได้มั้ยคะ หวานต้องไปทำงานค่ะบอส" น้ำหวานเอ่ยขึ้นเสียงเบา